วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่1ก.ค.นี้





ย่านสีลมมีราคาแพงที่สุดตารางวาละ 850,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดแพงสุดอยู่หาดใหญ่ตารางวาละ 400,000 บาท ต่ำสุดตารางวาละ 10 บาท ในอ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่ากรมธนารักษ์ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศ โดยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด ดำเนินการประกาศบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน และบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง รอบบัญชีปี พ.ศ.             2555-2558       ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.55 เป็นต้นไป

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ได้เลื่อนบังคับใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ 6 เดือน จากเดิมที่จะต้องเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 ที่ผ่านมา เพราะปลายปีที่แล้วเกิดปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพฯ จึงเกรงว่า ราคาที่ดินที่ถูกน้ำท่วมอาจจะปรับเปลี่ยนไป คณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์จึงได้มีมติให้ขยายเวลาการใช้บัญชีดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน เพื่อประเมินราคาใหม่ โดยราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ประกาศใช้นี้ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 21.34%  ที่ดินในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.13% ส่วนที่ดินต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21.40%

ทั้งนี้ ราคาประเมินที่ดินสูงสุดของประเทศ ยังเป็นถนนสีลมตารางวาละ 850,000 บาท เพิ่มขึ้นจาก 650,000 บาท รองลงมาเป็นถนนราชดำริ ตารางวาละ 800,000 บาท เพิ่มจาก 350,000-430,000 ขณะที่ต่างจังหวัดราคาที่ดินแพงที่สุด อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตารางวาละ 400,000 บาท ส่วนราคาที่ดินต่ำสุดตารางวาละ 10 บาท อยู่ที่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และจ.เชียงใหม่ ในอ.ดอยหล่อ และอ.แม่แจ่ม

ตร.ทางหลวงจับเด็กแว้นได้เพียบ





ตร.ทางหลวงสนธิร่วมกับเจ้าหน้าที่หมวดการทาง จับเด็กแว้นที่ยึดถนนกาญจนาภิเษกเป็นสนามประลองความเร็วได้เพียบ
เมื่อเวลา 05.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.) ร.ต.ต.ประหยัด ท่อคนดี รอง สวป.สทล.2 กก.8 บก.ทล. นำกำลังตำรวจทางหลวงสนธิร่วมกับเจ้าหน้าที่หมวดการทางภาษีเจริญ รวม 20 นาย วางแผนสกัดจับกุมกลุ่มรถ จยย.แต่งซิ่ง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 17+400 หน้าหมู่บ้านสินทรัพย์นครการ์เด้น ถนนกาญจนาภิเษก (มุ่งหน้าพระราม 2) แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค หลังรับแจ้งจากประชาชนว่ายังมีแก๊งเด็กแว้นออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนบริเวณดังกล่าวจำนวนมาก

จากผลการปฏิบัติตามแผนด้วยการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดปิดหัว และท้ายถนน สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งผู้ขับขี่ และซ้อนท้ายได้ทั้งสิ้น 31 คน เป็นชาย 30 คน และหญิง 1 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีมากถึง 15 คน ตรวจยึดรถ จยย.แต่งซิ่งได้อีก 23 คัน จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมรถ จยย.ของกลางทั้งหมดไปสอบสวน ณ ที่ทำการ สทล.2 กก.8 บก.ทล.

ร.ต.ต.ประหยัด เปิดเผยว่า วันนี้ซึ่งเป็นคืนวันเสาร์ต่อเนื่องเช้าวันอาทิตย์จะมีการรวมตัวของกลุ่มแก๊งซิ่งกวนเมืองค่อนข้างมาก เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการวางแผนกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมครั้งนี้จะถูกถ่ายภาพทำประวัติ และเปรียบเทียบปรับสถานหนักในอัตราโทษสูงสุดของข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจร ที่ได้กระทำผิด อาทิเช่น ดัดแปลงสภาพรถ และอุปกรณ์ส่วนควบ ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนก็จะเรียกผู้ปกครองมาตักเตือนด้วย หากมีการระดมจับรถแข่งอีกครั้งแล้วยังพบการกระทำผิดอีกก็จะดำเนินการส่งฟ้องศาล ซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป.

ซิ่งคัมรีชนแหลกปีนฟุตปาธพุ่งชนบ้านวินาศสันตะโร





พนง.บริษัทเอกชน ขับคัมรี่ปีนขึ้นฟุตปาธ สอยกระถางต้นไม้ ตู้ดทรศัพท์ ล้มระเนระนาด ก่อนทะลุเข้าไปในร้านขายก๋วยเต๊๋ยว เสียหายยับ เจ้าตัวอ้าง โดน จยย.ปาดหน้า ต้องหักพวงมาลัยกะทันหันจนเสียหลักพุ่งชน
วันที่ 1 ก.ค. ร.ต.ท.สุชิน พงษ์คำพันธ์ พงส.(สบ1) สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถพุ่งชนเข้าไปในบ้านเลขที่ 2814 ถนนพระราม4 แขวงและเขตคลองเตย ได้รับความเสียหาย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น 3 คูหา เปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งไม่มีชื่อ อยู่บริเวณทางโค้งเยื้องกับศูนย์จำหน่ายและซ่อมรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู สาขาพระราม 4 เพียงเล็กน้อย

บริเวณหน้าบ้านดังกล่าวพบรถยนต์ โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ศฉ 5037 กทม.พุ่งขึ้นมาบนฟุตปาธ เฉี่ยวกระถางต้นไม้หน้าบ้านและตู้โทรศัพท์ของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ก่อนพุ่งชนประตูเหล็กหน้าบ้าน จนทำให้เสาปูนหักพัง ส่วนสภาพรถด้านหน้าพังยับอัดติดอยู่กับเสาประตู กันชนหน้ารถหลุด โดยผู้ขับรถคือ นายสมหวัง ลีลาวราลักษณ์ อายุ 28 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 35/6 หมู่5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าของรถยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
             

จากการสอบสวน นายสมหวัง ให้การว่า ตนเพิ่งออกมาจาก รพ.เทพธารินทร์ ซึ่งใกล้กับจุดที่ชน เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน พอมาถึงที่เกิดเหตุเป็นถนนสามเลน มีทางโค้งเลี้ยวซ้าย ตนขับอยู่ที่เลนกลาง จากนั้น จู่ๆก็มี รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน ที่ขี่ตีคู่รถตนมาจากเลนขวา จากนั้นรถคันดังกล่าวก็หักรถเลี้ยวซ้ายปาดหน้ารถตนอย่างกะทันหัน ด้วยความตกใจ ตนจึงหักพวงมาลัยไปทางซ้ายทันที ทำให้รถเสียหลักพุ่งขึ้นพุ่งชนบ้านดังกล่าว แต่ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ


ทางด้าน นางเซาะจู จันทรสี่ทิศ อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ให้การว่า ที่บ้านเปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อและอาหารตามสั่งไม่มีชื่อ ก่อนเกิดเหตุตนและลูกๆ นอนอยู่ที่ชั้นบนได้ยินเสียงดังปั้งบริเวณหน้าบ้านจึงพากันลงมาดู ก็พบรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งเข้ามาชนประตูบ้านและเสาประตูจนแตก ซึ่งบริเวณนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำเนื่องจากเป็นทางโค้ง ตนจึงเอากระถางต้นไม้มาตั้งไว้ที่ฟุตปาธเพื่อป้องกันรถแหกโค้งเข้ามาชนคนในบ้าน ซึ่งหากไม่เอากระถางต้นไม้มาวางไว้รถคันนี้ก็น่าจะพุ่งเข้าไปในร้านชนข้าวของได้รับความเสียหายมากกว่านี้   เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย

โจรงัดแงะหมดท่าเจ้าของบ้านเห็น-เผ่นหนีเข้าครัวไม่รอด





เผยเมียเจ้าของบ้านตื่นมาเห็นเข้าพอดี ตัดสินใจตะโกนเรียกผัว คนร้ายตกใจวิ่งหนีเข้าครัวเจอทางตัน ผู้เสียหายกดประตูล็อกขังเรียกตร.รวบเข้าซังเต
วันนี้(1 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งจาก นายบุญเรือง  อาจละออ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/6 ม. 11 ต. บ้านอิฐ อ. เมือง จ. อ่างทอง ได้ควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ ให้มาพาตัวไปดำเนินคดี  รุดไปตรวจสอบพบ

ที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านชุมชนไลอ้อน อยู่ที่ ต.บ้านอิฐ  อ.เมือง จ.อ่างทอง พบ นายบุญเรือง เจ้าของบ้าน ยืนรอให้การกับตำรวจว่า ได้ขังคนร้ายที่เข้ามาขโมยของในบ้านเอาไว้ในห้องครัว อยากให้เข้าไปจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบในห้องครัว พบนายวีรยุทธ ใจใหญ่ อายุ 21 ปี นั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถายในตัวพบ ไขควงแฉก ครีมตัดสายไฟ  เงินสด 1,400 บาท

สอบถาม นางนิภาพร หวลใจ อายุ 48 ปี ภรรยานายบุญเรือง เล่าว่า บ้านตน ดัดแปลงร้านเป็นร้านขายของ ก่อนเกิดเหตุได้ ตนเพิ่งจะตื่นนอนมา เนื่องจากต้องไปตลาดเพื่อไปซื้อของมาเตรียมขาย แต่ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นรองเท้าหน้าแปลกๆวางอยุ่หน้าบ้าน จึงพยายามลองแอบดู ก็พบเงาคนร้ายย่องเดินเข้ามาภายในบ้าน จึงตัดสินใจตะโกนเรียกนายบุญเรือง จนคนร้ายตกใจรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องครัวซึ่งเป็นห้องตัน ทำให้รีบปิดประตูและกดล็อกห้องทันที ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่มารับตัว

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

2 โจรอ้วนผอมสวมรอยตำรวจชิงทรัพย์พ่อค้า





2 โจรอ้วน-ผอมสวมรอยตำรวจ จี้ชิงทองหนัก 8 บาท เงินสด 1 หมื่นบาท พ่อค้าปลาย่าง ก่อนใช้ด้ามปืนกระหน่ำตีเหยื่อจนบาดเจ็บสาหัส ตำรวจเชื่อคนร้ายเป็นผีพนันบอลถังแตก ออกอาละวาดจี้ชิงทรัพย์หาเงินปลดหนี้
เมื่อเวลา 00.10 น.วันนี้ ( 28 มิ.ย.) ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี ร้อยเวร สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุ 2 คนร้ายแอบอ้างเป็นตำรวจ ใช้อาวุธปืนและมีดจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส  บริเวณลานจอดรถหลังตลาดนัดสหชัย หมู่5 ต.สัตหีบ จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.  เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายคือนายบุญนำ แก้วอินต๊ะ อายุ 54 ปี พ่อค้าขายปลาย่าง ถูกคนร้ายตีด้วยด้ามปืนที่ศีรษะเป็นแผล ฉกรรจ์ นั่งรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยท่าทีตื่นตระหนก  เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จึงทำการปฐมพยาบาล และนำตัวส่งรพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือต่อไป  ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีดปลายแหลมที่คนร้ายทำตกไว้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนเบื้องต้นผู้เสียหายให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุ ได้มาขายปลาย่างอยู่ในตลาดนัดเปิดท้าย จนตลาดเลิกจึงเก็บของรวบรวมไว้บริเวณร้าน และได้เดินมาเอารถยนต์กระบะ วีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน บว – 7612 ระยอง ของตนบริเวณจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นคนร้ายเป็นชาย 2  คนรูปร่างผอมสูง และอ้วนเตี้ย อายุประมาณ 40 ปี ไว้ผม รองทรง สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ นุ่งกางเกงขายาว  ลักษณะคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ  ซ้อนรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีเลือดหมู เป็นยานพาหนะ ก่อนที่หนึ่งในคนร้ายรูปร่างอ้วนจะตรงเข้ามา ล็อกแขน ส่วนคนผอมสูงทำหน้าที่ปลดทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 4 บาท สร้อยข้อมือหนัก 4 บาท และกระเป๋าเงินซึ่งมีเงินสด 10,000 บาท  ระหว่างนั้นตนพยายามขัดขืนปัดป้องจึงถูกคนร้ายใช้ด้าปืนตีที่ศีรษะหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีไป

พ.ต.อ.ชนพัฒน์ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ทำให้ปริมาณคดีอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคนร้ายมักจะต้องการเงินไปใช้หนี้พนันนบอลจึง ออกอาละวาดก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวันเพื่อนำเงินไปปลดหนี้พนันบอล เช่นรายนี้ คนร้ายน่าจะจ้อง และติดตามดูพฤติกรรมมานานจนรู้ความเคลื่อนไหว จึงได้ไปดักรอจนสบโอกาสลงมือก่อเหตุ ล่าสุด ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวในการติดตามจับกุมคนร้าย พร้อมตรวจเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดทุกแห่ง ที่คาดว่าคนร้ายจะผ่าน เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

แห่ฟัง "เพื่อไทย" แน่นวงเวียนใหญ่ "เหลิม" กร้าวเปิดสภาซักฟอก "ปชป."





แห่ฟัง "เพื่อไทย" แน่นวงเวียนใหญ่ "เหลิม" กร้าวเปิดสภาซักฟอก "ปชป."
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ ( 28 มิ.ย.) ที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ(รมช.เกษตร) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุธรรม แสงประทุม นายอดิศร เพียงเกษ รองประธานโซน กทม.ฝั่งธนบุรี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ นายขวัญชัย สาราคำ (ไพรพนา) ประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีประชาชนส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อแดงเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยแน่นลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ

ทั้งนี้ ก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะขึ้นเวทีปราศรัย ได้มีการเปิดคลิปเสียงของนายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างพูดสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหยุดวงจรการปฏิวัติรัฐประหารในอนาคต

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานโซนกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ขอให้เลือกคนของพรรคเพื่อไทยและในฐานะที่ตนทำงานกับตำรวจขอให้ไปช่วยชี้แจงและศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทยจะต้องเอาชนะให้ได้ และ เปิดประชุมสภาจะเกิดปรากฏการณ์ใหม่ รัฐบาลจะอภิปรายฝ่ายค้านทั้งเรื่องที่ กทม.ต่อสัญญารถไฟฟ้าให้กับบีทีเอสทั้งที่เหลืออายุสัญญา 17 ปีเพิ่มอีก 13 ปีรวมเป็น 30 ปี และกรณีการโอนเงินเดือนละ 57ล้านบาทเข้าบัญชีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนักการเมืองรายหนึ่ง  รวม 520 ล้านบาท กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอกำลังสอบอีกไม่นานเกินรอจะรู้ว่าเงินนี้มีที่มาอย่างไร ได้มาอย่างถูกต้องหรือรีดไถใครมา

รมว.กลาโหมสั่งเช็กบิล มือดีส่งข้อมูลนาซาให้ฝ่ายค้าน




รมว.กลาโหม สั่งเช็กบิลมือดีปล่อยข้อมูลลับ สมช. กรณีค้าน นาซา ใช้อู่ตะเภา หลุดไปถึงมือฝ่ายค้าน พร้อมระบุไม่จำเป็นถกในสภาเพราะโครงการยกเลิกแล้ว

วันนี้ (29 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการต่อไป หลังจากที่ทางนาซาถอนตัวไม่ใช้สนามบินอู่ตะเภาในการตั้งฐานปฏิบัติการสำรวจเมฆแล้วว่า ก็คงต้องดูว่าปีหน้าเขาจะติดต่อมาอีกหรือไม่ ถ้าเขาสนใจก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ในปีหน้าถ้าเขาสนใจอยู่ แต่ปีนี้ผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน ถ้าจะขอมาอีกก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เขาต้องรู้ว่าสถานภาพประเทศไทยต้องขอล่วงหน้า เพื่อดำเนินตามกรรมวิธีของรัฐบาล เมื่อถามว่าขั้นตอนในสภายังจำเป็นหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเรื่องนี้ถอนออกไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอภิปราย หากขอมาอีกครั้งหนึ่งก็ต้องเอาเข้าสภา คงไม่มีการพิจารณาล่วงหน้า ถ้าเขาไม่ขอมันก็ไม่มีประโยชน์จะเป็นการพิจารณาเก้อ



ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมการทำรายละเอียดของทั้งของกองทัพและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงช้า รองนายกฯ กล่าวว่า ข้อมูล สมช.ที่เอามาพูดกันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ก่อนที่จะมีการประชุม ครม.สัญจรที่ชลบุรี ถือเป็นข้อมูลของหน่วยปฏิบัติ ไม่ใช่ข้อมูลของฝ่ายนโยบาย แต่เมื่อฟังข้อชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงเกษตรฯ แล้วก็ไม่เใช่ข้อมูลที่ต้องกังวล เรื่องที่บอกว่าข้อกังวล สมช.หรือกองทัพเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติหรือแก้ไข เป็นระดับเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ระดับนโยบาย แต่ฝ่ายค้านไปยกเอาความรู้สึกของฝ่ายปฏิบัติมาอ้างในเรื่องนโยบาย เมื่อฝ่ายปฏิบัติได้รับทราบเรื่องนโยบายในวันที่นายกฯเรียกประชุมที่โรงแรมรอยัลคลิฟ ที่พัทยาวันนั้นแล้วหน่วยปฏิบัติก็หมดปัญหา สามารถที่จะปรับในเรื่องของการปฏิบัติได้ ตนไม่รู้ว่าใครส่งข้อมูลภายใน สมช.ไปให้อีกฝ่าย จึงต้องตรวจสอบภายใน



ฃเมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนต่อไปหรือไม่การที่จะไปตกลงกับใครต้องรีบนำกลับมาพิจารณากันให้ชัดเจนก่อน พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอน ซึ่งครั้งนี้สหรัฐฯได้มาติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเร็วๆมานี้ กระทรวงก็รีบร้อนนำเข้าครม.แต่เวลามันไม่พอ ปีต่อไปหากยังมุ่งหมายก็ต้องให้เวลา ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ท้าขึ้นเวทีถกด้วยนั้น ตนไม่ทราบเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้ง 2 คน.