วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รู้ตัวหมอผีปลุกเสกกุมารทอง เร่งพิสูจน์ศพเด็กว่าเป็นไทย-เขมร





ตร.ดส.เกาะติดคดีลักลอบขายกุมารทอง ชี้รู้ตัวหมอผีแล้วกำลังไล่ล่า ขณะที่การสืบหาแหล่งที่มายังไม่ทราบว่าต้นสายมาจากที่ใดแน่ ระบุส่วนศพเด็กกำลังตรวจดูว่าเป็นชาวไทยหรือเขมร ด้าน "เม้ง ขุนแผน"เกจิดังเผย กุมารทองที่ทำจากซากเด็กทำแท้งถือเป็นของต่ำทำให้วิญญาณอาฆาต
วันนี้ (20 พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส. และ พ.ต.ท.คฑายุทธ โรจน์วงศ์สุริยะ สว.กก.ดส. พร้อมพวก ทำการจับกุมนายโจว ฮอง ฮุน อายุำ28 ปี ชาวไต้หวัน พร้อมของกลางศพเด็กทารก ลักษณะปลุกเสกทำเป็นกุมารทอง ปิดทองทั่วตัวจำนวน 6 ศพ บรรจุในกล่องกระดาษ โดยสามารถจับกุมได้ที่ โรงแรมแห่งหนึ่งย่านเยาวรราช แล้วภายหลังได้รับการประกันตัว แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด

พ.ต.ท.คฑายุทธ โรจน์วงศ์สุริยะ สว.กก.ดส. เปิดเผยว่า ทางผู้ต้องหาได้สารภาพว่า ได้ซื้อกุมารทองมาจากนายเฉิน ชาวไต้หวัน ซึ่งจ่ายเงินที่ประเทศไต้หวัน ก่อนที่ตนจะเดินทางมารับของที่ กรุงเทพ และเมื่อเจ้าหน้าที่เชิญตัวนายเฉิน เหวิน อี้ อายุ32 ปี ที่ผู้ต้องหากกล่าวอ้างมาตรวจสอบ พร้อมกับนำตัวไปค้นห้องที่เกสเฮ้าท์ แห่งหนึ่งย่านถนนข้าวสาร ก็ไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด จึงต้องปล่อยตัวไปก่อน


ส่วนของกลางทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าตามตัวกุมารทองนั้นมีการลงอักขระเป็นภาษาเขมร ทั่วลำตัว ซึ่งคาดว่าน่าจะทำมาจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนนำมาจำหน่ายในกรุงเทพให้กับบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ ที่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ แต่เมื่อสอบผู้ต้องหารายนี้พบว่าผู้ต้องหาไม่ทราบว่า นายเฉิน  ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอ้างว่ามีการซื้อกุมารทองกันนั้นนำซากศพทารกมาจากที่ใด แต่ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากตรวจสอบย้อนหลังไปยังพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ทำการจับกุมและพื้นที่ทั่วไปใน กทม.ไม่พบว่ามีการแจ้งลักศพทารกแต่อย่างใด


ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังรอผลตรวจจากนิติเวชรพ.ตร ว่าศพเด็กทั้งหมอว่าเป็นเด็กไทยหรือว่าเด็กที่มาจากเขมรและสาเหตุการเสียชีวิต  เพื่อที่จะสืบสวนสอบสวนในทางคดีต่อไป อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าศพเด็กทั้งหมดเป็นเด็กไทย  ส่วนหมอผีหรือว่าคนที่ทำพิธีกรรมปลุกเสกกุมารทอง คาดว่าน่าจะเป็นคนไทยแต่อาจจะหมอที่ร่ำเรียนวิชาไสย์เวชมาจากประเทศเขมร อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่รู้ตัวหมอผีที่ทำพิธีกรรมดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมและนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ที่สำนักเม้ง ขุนแผน ซอยรามคำแหง 190 นายพิชิต แสงวิทโยทัย หรืออาจารย์เม้ง ขุนแผนใ ห้สัมภาษณ์กรณีกุมารทองว่า จากกระแสข่าวจับกุมชาวไต้หวันที่นำซากศพเด็กจากการทำแท้งมาทำกุมารทองที่เกิดขึ้นนั้น ตนไม่สนับสนุนเพราะถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เนื่องจากว่าแท้จริงแล้วกุมารทองไม่จำเป็นต้องทำจากศพเด็กเท่านั้น ยังสามารถใช้ดิน 7 ป่าช้าหรือกระดูกของคนที่ถูกเผาในเมรุก็ได้


นายพิชิตกล่าวอีกว่า เรื่องกุมารทองเป็นเรื่องความเชื่อ และถูกปลูกฝังกันมา มีบางคนไปใช้หลักวิชาที่ผิดเอาซากศพที่เกิดจากการทำแท้งซึ่งเป็นของที่มีเสนียดจัญไรเป็นของต่ำมาทำเป็นกุมารทองหลอกขายชาวต่างชาติ ทำให้กุมารทองกลายเป็นเรื่องการค้าการพาณิชย์ ทั้งที่จริงแล้วการเอาซากศพที่เกิดจากการทำแท้งมาทำเป็นกุมารทอง ทำให้วิญญาณที่เกิดจากการทำแท้งไม่ได้รับการปลดปล่อย ทำให้วิญญาณอาฆาตและทำให้ชีวิตคนที่นำไปบูชาตกต่ำและจะเป็นกรรมต่อเนื่องกันระหว่างเจ้าของ คนปลุกเสกและดวงวิญญาณเอง


“แท้จริงแล้วการทำกุมารทอง คือความตั้งใจที่จะให้วิญญาณได้รับการปลดปล่อยจากกรรมและความแค้น เมื่อวิญญาณได้รับการปลดปล่อยก็จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน จึงต้องทำหุ่นแล้วเอาวิญญาณมาสถิตไว้เพื่อจะได้มีที่อยู่ เจ้าของที่บูชาก็จะต้องหมั่นทำบุญ จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้ชีวิตดีขึ้น” นายพิชิตกล่าว


เจ้าสำนัก เม้ง ขุนแผน เปิดเผยอีกว่า แท้จริงแล้วแนวคิดการบูชากุมารทองคือการทำบุญให้กับวิญญาณที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรและยังต้องชดใช้กรรมเพราะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องไปเกิด หากเจ้าของบูชาและทำบุญให้กุมารทองตลอด ก็จะเกิดบุญที่ช่วยหนุนนำให้เจ้าของได้รับโชคลาภและความเจริญก้าวหน้าในชีวิต  ซึ่งคุณของกุมารทองมีเอนกประสงค์มากมาย อย่างไรก็ตามคนที่นำไปบูชาไม่มีทางทราบว่ากุมารทองที่เลี้ยงไว้มีที่มาจากอะไร ดังนั้นจึงควรหมั่นทำบุญให้กุมารทองเพื่อทำให้ดวงวิญญาณได้บุญกุศลเหมือนเป็นการใส่บาตร

เจ้าพ่อเฟซบุ๊คเปลี่ยนสถานะแต่งงานแล้ว!!






"มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟซบุ๊คสื่อสังคมออนไลน์จูงมือเพื่อนสาวชาวจีนวัย 27 ลั่นระฆังวิวาห์
วันนี้ (20 พ.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)ของเฟซบุ๊คสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกในขณะนี้ ได้เปลี่ยนสถานะตัวเองจาก “โสด” มาเป็น “แต่งงาน”แล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยการจูงมือเพื่อนสาวที่คบหากันมานานกว่า 9 ปี “น.ส.พริซซิลล่า ชาน” เข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นที่เรียบร้อย


โฆษกของบริษัทเฟซบุ๊คเครือข่ายสังคมออนไลน์ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทจำกัด เพราะได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย โดยเริ่มการซื้อขายหุ้นของเฟศซบุ๊ค ภายใต้ตัวย่อสัญลักษณ์ fb เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้แถลงว่า นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ในวัย 28 ปี ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ โดยพิธีที่จัดอย่างเรียบง่ายไม่ใหญ่โตอะไร ตามที่เจ้าบ่าวได้ออกแบบรูปงานแต่งงานของเขาเองที่สนามหญ้าหลังบ้านของเขาในเมืองปาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย มีแขกมาร่วมงานกว่า 100 คน ส่วนใหญ่ไม่ทราบมาว่าก่อนว่าจะเป็นงานวิวาห์ เพราะคิดว่า เป็นงานฉลองการสำเร็จการศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมืองซานฟรานซิสโก ของเจ้าสาว น.ส.พริซซิล่า ชาน วัย 27 ปี ซึ่งเพิ่งจะสำเร็จการศึกษา เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 28 ปีของเจ้าบ่าว


โดยทั้งคู่พบกันที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และคบหาดูใจกันมานานกว่า 9 ปี ซึ่งตัวนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊คขึ้นมาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดครั้งแรกในปี 2547 ปัจจุบันมีสมาชิกในเครือข่ายนี้เกือบหนึ่งพันล้านคนแล้ว และตัวเขาก็ได้รับการเสนอชื่อเป็นบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ เมื่อปี 2553 ขณะมีอายุได้ 26 ปี แต่ตัวเขาโตมาที่เมืองดอบบ์ส เฟอร์รี รัฐนิวยอร์ก ส่วนเฟซบุ๊คนั้น เปิดขายหุ้นวันแรกได้ 503.6 หุ้น แต่ตัวเขาก็ยังถือหุ้นในบริษัทร้อยละ 56

คลังดีเดย์ใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ 1 ก.ค.นี้ทั้งหมด เหตุน้ำท่วมไม่มีผลกระทบต่อราคาที่





คลังดีเดย์ใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ 1 ก.ค.นี้ทั้งหมด เหตุน้ำท่วมไม่มีผลกระทบต่อราคาที่ เผยย่านสีลมราคาพุ่ง 31 เปอร์เซ็นต์ ตรว.ละ 8.5 แสนบาท
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะนำเสนอในที่ประชุมครม.เพื่อประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ที่จะใช้ในรอบปีบัญชี 55-58 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1ก.ค.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป หลังจากที่เลื่อนการบังคับใช้ออกไป 6 เดือนจากเดิมที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในช่วงปลายปี 54 ที่ผ่านมา


ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลการซื้อขายที่ดินทั่วประเทศในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ราคาไม่ได้ปรับลงเลย ทั้งที่เป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วม และนอกพื้นที่น้ำท่วม แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ชัดเจนว่า ความสามารถในการซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ยังดี มีการซื้อขายที่ดินเพื่อการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ แสดงถึงทิศทางการฟื้นตัวชัดเจน ภาครัฐจึงไม่จำเป็นต้องขยายเวลาผ่อนผันออกไป เพราะมีผลต่อค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอน


“เราประเมินภาพโดยรวมแล้วเห็นว่า เป็นเวลาที่เหมาะที่จะประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ ซึ่งจะสะท้อนความเป็นจริงและจะเป็นผลบวกต่อคนที่มีดินและต้องการสินเชื่อด้วยการใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้”


สำหรับราคาประเมินที่ดินใหม่ที่จะประกาศในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ทั่วประเทศปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% และพื้นที่ในเขตอุทกภัย เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% ซึ่งยังสูงกว่าราคาประเมิน จึงยังไม่มีผลกระทบอะไร โดยราคาที่ประกาศใหม่พื้นที่ราคาประเมินสูงสุดยังคงเป็นที่ดินบริเวณสีลม ส่วนราคาประเมินต่ำสุดยังอยู่ที่บริเวณเขตบางขุนเทียน และหากประกาศไปแล้วเห็นว่า ราคาไม่สะท้อนความเป็นจริงก็สามารถเสนอเรื่องมายังกรมธนารักษ์ เพื่อพิจารณาเป็นราย ๆ ไป


ส่วนบริเวณพื้นที่ที่มีราคาประเมินที่ดินสูงสุดของประเทศ 5 อันดับคือ ย่านสีลม ช่วงแยกศาลาแดง ถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ ตารางวาละ 850,000 บาท เพิ่มขึ้น 31% จากรอบบัญชี ปี 51-54 ราคาตารางวาละ 650,000 บาท ถนนราชดำริ แยกราชประสงค์ถึงคลองแสนแสบ เพิ่มขึ้นตารางวาละ 350,000บาท, ถนนพระรามที่ 1 แยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์ เพิ่มขึ้นตารางวาละ 800,000, 350,000 บาท, ถนนเพลินจิต ตลอดสาย เพิ่มขึ้นตารางวาละ 430,000 บาท ถนนราชดำริ แยกศาลาแดงถึงแยกราชประสงค์ และถนนเยาวราช ตลอดสาย ตารางวาละ 700,000 บาท เพิ่มขึ้นตารางวาละ 350,000 บาท และ 550,000 บาท ถนนวิทยุ ตารางวาละ 500,000-700,000 บาท เพิ่มขึ้น 42.86-100% หรือตารางวาละ 350,000 บาท ถนนสาทร ตารางวาละ 450,000-600,000 บาท เพิ่มขึ้น 12.5-42.8% หรือตารางวาละ 330,000-400,000 บาท


“พื้นที่ที่มีราคาประเมินสูงสุดในส่วนภูมิภาค โดยภาคกลาง ตารางวาละ 150,000 บาท คือ จังหวัดนนทบุรี-อำเภอเมือง ย่านถนนงามวงศ์วาน จังหวัดสมุทรปราการ-อำเภอเมือง ถนนศรีสมุทร ถนนประโคนชัย ถนนด่านเก่า ถนนกายสิทธิ์  หรือ ตลาดปากน้ำ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่มีราคาประเมินต่ำสุด โดยกรุงเทพฯตารางวาละ 500 บาท เขต บางขุนเทียน ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณชาย ทะเลไม่มีทางเข้าออก และภาคกลางตารางวาละ 10 บาท จังหวัดอุทัยธานี-อำเภอบ้านไร่”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมแด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ และสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2555 เวลา 17.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น 16 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็ญพระที่นั่ง การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ศ.คลินิก นพ.ดิเรก จุลชาต เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อมคณะแพทย์พยาบาลตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในฉลองพระองค์สูทสีน้ำเงินสดทับเชิ้ตสีฟ้าลายจุด พระสนับเพลาสีดำ ฉลองพระบาทสีดำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฉลองพระองค์ลายดอกไม้หลากสี พระสนับเพลาสีเหลืองสด ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช


ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังทางประตูศรีรัตน์  ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วทรงนำทอดพระเนตรและถวายการบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังไทยเรื่องรามเกียรติ์ จำนวน 178 ห้อง โดยรอบพระระเบียง ปกติภาพจิตรกรรมฝาผนังของไทยส่วนมากมักเป็นพุทธประวัติหรือทศชาติชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาติปางก่อนของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะเสวยชาติเป็นกษัตริย์และเสด็จออกผนวชจนตรัสรู้ ซึ่งการเขียนเรื่องราวดังกล่าวมักจะเขียนเป็นพุทธบูชา หรือให้ชาวพุทธทราบความเป็นมาของพระศาสดา


สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบได้เขียนเรียงร้อยต่อกันตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ  จำนวน 178 ห้องและแต่ละห้อง จะมีโคลงสี่สุภาพจารึกบนแผ่นศิลาตามเสาอธิบายภาพประกอบ มีโคลง 4,984 บท นับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีโคลงเล่าเรื่องเป็นคำกลอน และโครงที่เสาแต่ละต้น รวมทั้งมีภาพซึ่งเป็นเกร็ดแทรกของเรื่อง เช่น นารายณ์อวตาร / นารายณ์อิศวร กำเนิดพาลี และยังมีภาพยักษ์ เช่น กุมภกรรณ ทศคีริธัน ทศคิรีธร ตามประตูทางเข้าทั้ง 7 ประตูด้วย


จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมกับทอดพระเนตรความงดงามภายในพระอุโบสถ ซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้นกลางห้อง นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรดกในบุษบกทองคำ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปางสมาธิ แกะสลักด้วยหยกมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 48.3 เซนติเมตร สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร 66 เซนติเมตร และพระพุทธรูปที่สำคัญอีกจำนวนมาก


สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติในวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้ เป็นเรื่องราวรามเกียรติ มีเค้าโครงเรื่องราวเดิมจากรามายณะอันเป็นวรรณคดีเก่าแก่ของอินเดีย เขียนครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุระสิงหนาถที่ทั้งสองพระองค์ทรงทำศึกต่อสู้กับพม่า เมื่อเริ่มสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานีใหม่ และสงครามครั้งใหญ่ๆ ที่ทรงเอาชนะได้ด้วยพระปรีชาสามารถ และความกล้าหาญ เช่น สงครามเก้าทัพที่ทุ่งลาดหญ้า ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ เนื่องจากภาพจิตรกรรมฝาผนังบางส่วนเริ่มชำรุด และซ่อมใหญ่อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นการรักษางานจิตรกรรมฝาผนังไม่ให้สูญหาย กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2514 ตามหลักวิชาการสมัยใหม่เพื่อให้ภาพจิตรกรรมดังกล่าวคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศไปอีกยาวนานและงดงามเป็นเอกลักษณ์ของภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเก่าของไทยไว้ดังเดิม


ในปี 2523 ก่อนจะมีการสมโภชพระนครครบ 200 ปี  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่กองอำนวยการในโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์ เพื่อให้มีความสวยงาม แข็งแรง และอนุรักษ์แบบแผนประเพณีไทยไว้ให้เป็นมรดกของชาติ ซึ่งทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงรับพระราชกิจอันยิ่งใหญ่นี้


ในขณะเสด็จฯพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์ที่สดใส แย้มพระโอษฐ์ให้แก่พสกนิกร ประชาชนต่างกู่ร้อง ทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนที่ต่างพร้อมใจกันเพื่อมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จฯ อย่างเนืองแน่น


บรรยากาศบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช และเส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน มีประชาชนจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจกันคอยต้อนรับเสด็จฯ กันอย่างเนืองแน่น ประชาชนต่างกู่ร้องทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วโรงพยาบาล พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์และมีพระพักตร์สดใส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารัตน์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส วันที่ 28 เม.ย. 2555 เป็นการส่วนพระองค์

เมื่อเสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญเครื่องนมัสการเข้าถวาย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เมื่อถึงบทเสกทำน้ำพระพุทธมนต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนที่ฝาครอบพระกริ่ง แล้วพระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ผู้เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงคมไปยังหน้าเครื่องนมัสการแล้วเสด็จขึ้นชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”เสด็จพระราชพิธีฉัตรมงคล





เมื่อเวลา 10.20 น.วันนี้ (5 พ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ขาวจักรี ทรงมีพระพักตร์ที่สดใส ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรที่มารอรับเสด็จฯ พสกนิกรต่างพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังไปทั่วบริเวณ จากนั้นเสด็จฯ ขึ้นรถยนต์พระที่นั่งออกจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง หลังจากเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชได้มีฝนโปรยปรายลงมาอย่างเย็นชื่นฉ่ำทั่วพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช โดยพสกนิกรต่างกล่าวว่า “เป็นพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้อากาศในวันนี้ไม่ร้อนอบอ้าวเลย” อีกไม่นานก็มีแดดออกสว่างสดใส

ต่อมาเวลา 10.30 น. รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จฯ เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับหน้าพระราชอาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถนั่งเสด็จฯ ผ่านพระบรมวงศ์ไปหลังพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฎิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงคมประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานเปิดพระวิสูตร สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 20 รูป ถวายพรพระ

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงประเคนจตุปัจจัยแทนเครื่องไทยธรรมแด่สมเด็จพระราชาคณะ และทรงยืนประเคนจตุปัจจัยแทนเครื่องไทยธรรม แด่รองสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ ซึ่งจะเดินเข้าไปรับทั้งหมด 20 รูป จากนั้นประทับพระเก้าอี้ที่เดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งไปรับพระราชทานฉันที่หอนิเพทพิทยา เจ้าพนักงานปูลาดผ้าแดง เตรียมการเวียนเทียน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ที่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปถวายที่พระราชอาสน์ ทรงคม เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งประดิษฐานเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ บูชาเทพยดารักษานพปฎลมหาเศวตฉัตร สิริราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตร สิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และดุริยางค์ พราหมณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงพระสุหร่ายเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ ที่พระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร และพระราชลัญจกร พระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล ประทับพระเก้าอี้เดิม เจ้าพนักงานปิดพระวิสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถนั่ง ทรงคมไปยังหน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โดยประทับรถยนต์พระที่นั่ง ที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงพยาบาลศิริราช

จากนั้น เวลา 11.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินเข้าที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งตลอดเส้นทางพระราชดำเนินกลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระเกษมสำราญและและทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกร ตลอดเส้นทางอีกด้วย

ต่อมา เวลา 12.00 น. ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ได้ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด

ทั้งนี้ ในวันที่ 5 พ.ค.เป็นวันที่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดยประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน ได้ถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราชช่วงเช้า ได้มีประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู เข้ามาจับจองพื้นที่ตั้งแต่บริเวณที่เรือวังหลัง ติดกับประตูทางออกของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน  เช่นเดียวกับที่บริเวณด้านในโรงพยาบาลศิริราช โดยเฉพาะห้องโถงชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นอาคารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับ และที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ประชาชนจำนวนมากต่างมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.เป็นต้นมา

ขณะเดียวกันที่บริเวณศาลาศิริราช 100 ปี สถานที่เป็นที่ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนี้ทางสำนักพระราชวังได้ประกาศงดลงนามถวายพระพร แต่ก็ยังมีประชาชนทั่วทุกสารทิศ ต่างมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกและเป็นภาพแห่งความทรงจำตลอดไป ที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นจำนวนมาก

นางเหร็ก ทันตาหะ อายุ 88 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี กล่าวด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น ว่าในวันนี้ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จที่ใกล้ชิดที่สุดในชีวิต ดีใจและตื้นตันใจมาก ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดและไม่สามารถบรรยายได้อีกแล้ว เมื่อเห็นพระองค์ท่านทำให้มีกำลังใจกับตัวเองและคงต่ออายุชีวิตตัวเองได้อีกยาวนาน ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ขอให้พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.

“แอร์โรว์”เฟ้นหาหนุ่มหล่อ-ชิงเงิน5แสนบาท





พร้อมโอกาสก้าวสู่วงการบันเทิง ผ่านรูปแบบรายการเรียลลิตี้โชว์!

แอร์โรว์ (Arrow) ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษ เปิดโครงการแอร์โรว์ แฮนด์ซั่ม 2012 (Arrow Handsome 2012)  เฟ้นหาหนุ่มหล่อ มากความสามารถ พร้อมแนวคิดแห่งความเป็นเอกบุรุษ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นไทย คัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย 12 คน ร่วมปฏิบัติภารกิจสะท้อนตัวตน ผ่านความรู้ความสามารถที่ถนัด นำเสนอในรูปแบบรายการเรียลิตี้ทีวีออนไลน์ โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท พร้อมโอกาสก้าวสู่วงการบันเทิง

ชายหนุ่มที่สนใจสามารถสมัครได้ที่เคาน์เตอร์แอร์โรว์ หรือ ทาง www.arrowhandsome.com ตั้งแต่วันนี้ถึง 21 มิถุนายน 2555 และสามารถติดตามชมได้ทางรายการเรียลลิตี้ทีวีออนไลน์ www.arrowhandsome.com/tvonline หรือ ทีวีดาวเทียม S CHANNEL สำหรับรอบตัดสินจะจัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ณ โรงละคร M Theatre.

ไปรษณีย์ไทยช่วยเกษตรกร กระจายผลผลิตลิ้นจี่





ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ให้การต้อนรับ เธียรทิพย์ ไชยชิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เนื่องในโอกาสเข้าพบ ณ อาคารสำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อประชาสัมพันธ์ โครงการ "ไปรษณีย์ไทยช่วยเกษตรกร กระจายผลผลิตลิ้นจี่" โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ, คอลเซ็นเตอร์ 1545,             0-2982-8222       หรือ www.postemart.com

เดลินิวส์เจ๋งคว้ารางวัลเรื่องสั้น "อิศรา อมันตกุล"





ประกาศผลงาน”รางวัลอิศรา อมันตกุล” ปี 55 "เดลินิวส์" คว้ารองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง "โลกหมุนอยู่เต็ม(รถ)ตู้" โดย นายศราวุธ ดีหมื่นไวย์ เผยแรงบันดาลใจของปลายปากกา มาจาก ข้อผิดพลาดจากการขึ้นรถตู้ของประชาชน สะท้อนความเป็นจริงของชีวิต
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล ชั้น 3 อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่ง ได้มีการจัดงาน "วันอิศรา อมันตกุล ประเทศไทย" โดยภายในงานมีการจะเสวนาในหัวข้อ รู้จัก “อิศรา อมันตกุล” ในมุมนักเขียน โดยมี นายวิทยา ตัณฑสุทธิ์ สื่อมวลชนอาวุโส ,นางชมัยภร แสงกระจ่าง นักเขียน / นักวิจารณ์ และ อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย นางเทียมใจ ทองเมือง เจ้าของผลงานวิจัยเรื่อง “บทบาทผู้นำสื่อมวลชนในการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ศึกษาเฉพาะกรณีอิศรา อมันตกุล” และ ผู้จัดการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นวิทยากรในการเสวนา และมีนายณัฏฐพล กรรณสูต พิธีกร และ ผู้ประกาศข่าว ผู้ดำเนินรายการ ท่ามกลางประชาชนและสื่อมวลชนหลากหลายแขนงเข้าร่วมรับฟังการเสวนาดังกล่าว


นอกจากนี้ภายในงานยังมีการมอบรางวัล รางวัลวรรณกรรมเรื่องสั้นดีเด่น “รางวัลอิศรา อมันตกุล”  ประจำปี 2555  ซึ่งมีนายพงษ์ศักดิ์  พยัฆวิเชียร  ประธานมูลนิธิอิศรา อมันตกุล,นายบัญญัติ  คำนูณวัฒน์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และนายเจน  สงสมพันธุ์  นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัล


โดย นายพงษ์ศักดิ์  กล่าวว่า ทางคณะกรรมการตัดสินผลงานวรรณกรรมเรื่องสั้นดีเด่น “รางวัลอิศรา อมันตกุล” ประจำปี ๒๕๕๕ ในครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรวิชาชีพด้านสื่อมวลชน และ นักเขียน/นักวิจารณ์ ได้ทำหน้าที่คัดเลือกผลงานที่ผ่านการพิจารณา ปรากฏว่ามีผลงานที่ผ่านเข้ารอบ 10 เรื่องสุดท้าย ได้แก่

1 เรื่องของขวัญให้แม่ โดย นายอนันต์ จารุนันทภาคย์ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่องเจ็ด คลิกอ่าน

2. เรื่องคนหมาหาความจริง โดย นายณัฐกมล ไชยสุวรรณ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คลิกอ่าน

3. เรื่องคำพิพากษาในป่าใหญ่ โดย นายนพพล สันติฤดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด คลิกอ่าน

4. เรื่องดาวประดับบ่า โดย นายชนาธิป กฤษณสุวรรณ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คลิกอ่าน

5. เรื่องเดดไลน์ โดย นายบัณรส บัวคลี่ หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ คลิกอ่าน

6. เรื่องรังพิราบ โดยนายสัจภูมิ ละออ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คลิกอ่าน

7.เรื่องโลกหมุนอยู่เต็ม (รถ) ตู้ โดย นายศราวุธ ดีหมื่นไวย์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คลิกอ่าน

8. เรื่องทวิตภพ ทวิตพบ โดย นายนครินทร์ ศรีเลิศ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คลิกอ่าน

9. เรื่องที่นี่...ประเทศไทย โดย นางสาวสิริวรรณ พงษ์ไพโรจน์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คลิกอ่าน

10. เรื่องแท็บเล็ตของติ๋ม โดย นายนครินทร์ ศรีเลิศ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คลิกอ่าน


ประธานมูลนิธิอิศรา อมันตกุล กล่าวอีกว่า สำหรับผลงานที่ผ่านการพิจารณาและได้รับรางวัลในปีนี้ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ รางวัล 20,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ชื่อผลงาน เรื่อง "ทวิตภพ ทวิตพบ โดยนายนครินทร์ ศรีเลิศ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  ส่วนรางวัลรองชนะอันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ชื่อผลงาน. เรื่องเดดไลน์ โดย นายบัณรส บัวคลี่ หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ชื่อผลงานเรื่องโลกหมุนอยู่เต็ม (รถ) ตู้ โดย นายศราวุธ ดีหมื่นไวย์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  และ ชื่อผลงานเรื่องคำพิพากษาในป่าใหญ่ โดย นายนพพล สันติฤดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ทั้งนี้ นายศราวุธ  ดีหมื่นไวย์  ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เปิดเผยหลังได้รับรางวัลว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้ โดยส่วนตัวตนเป็นคนที่สนใจและสังเกตสิ่งรอบๆตัว โดยส่วนตัวตนได้ยึด อิศรา อมันตกุล แบบอย่างและเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้  ในส่วนของผลงานของตนเรื่อง โลกหมุนอยู่เต็ม (รถ) ตู้ ตนได้นำเสนอถึงการใช้ชีวิตของประชาชนที่โดยสารใช้รถตู้ว่ามันยังมีข้อบกพร่อง ซึ่งตนถ่ายทอดออกมาจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัส อย่างไรก็ตามตนหวังว่าผลงานดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการแก้ไขในด้านที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้ผู้อ่านสนใจที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียนต่อไป


ทางด้านนายณัฐกมล ไชยสุวรรณ ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เปิดเผยหลังจากที่ผลงานของตนได้ติด 1 ใน 10 ผลงานรอบสุดท้ายว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ผลงานของตนติด 1ใน10 เรื่องสั้นสุดท้าย โดยผลงานของตนเรื่อง คนหมาหาความจริง เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างคนกับสุนัข ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นประสบการณ์ตรงที่ตนได้สัมผัสมา เป็นเรื่องราวของสุนัขแสนรู้ที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาคนได้ ซึ่งบทสรุปของเรื่องนี้เป็นอย่างไรอยากให้ติดตามกัน

ได้44สาวงามสู่รอบสุดท้าย“มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2555”





คัดเลือกแล้ว 44 สาวงาม สู่รอบสุดท้าย “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2555” คัดเลือกเพียงหนึ่งเดียว คว้ามงกุฏเพชร เป็นตัวแทนไทยไปประกวดนางงามจักรวาล
วันนี้( 19 พ.ค.) ที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าพารากอน กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นำโดย นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองประกวดฯ ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ประจำประเทศไทย จัดการประกวดคัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ 44 คน “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประจำปี 2555” จากจำนวน 283 คน ที่ได้เปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 11-13 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเข้าสู่รอบการตัดสินชิงมงกุฎเพชร เงินสด 1 ล้านบาท พร้อมรถยนต์โตโยต้าและรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ณ สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์ เธียเตอร์ พารากอนซีนีเพล็กซ์ โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 จะทำการถ่ายทอด เวลา 21.30 น. และผู้ได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2555 จะเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สในเดือนธันวาคมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การคัดเลือกที่มีมาตั้งแต่เช้าตรู่ เวลา 08.30 น. สาวงาม 283 คน ต่างพร้อมหน้าพร้อมตาพกพาความมั่นใจโพสต์ท่าโชว์บุคลิกภาพต่อคณะกรรมการ 7 ท่าน ได้แก่ นายกนิษฐ์ สารสิน, นายวรวิทย์ ชัยลิปปมนตรี, นายเคลลี่ ธนะพัฒน์, นายภูษิต ไล้ทอง, น.ส.กวินตรา โพธิจักร, น.ส.ชุติมา ดุรงค์เดช และนางวินัตตา ก้องธรนินทร์

จากนั้นได้คัดเลือกสาวงามเหลือ 100 คน และให้สาวงามแนะนำตัวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษต่อหน้าคณะกรรมการอีกครั้ง โดยบางคนได้แสดงความสามารถพิเศษ อาทิ รำไทย ร้องเพลง เล่นละครใบ้ และเต้นรำ จนกระทั่งเวลา 17.20 น. นายกนิษฐ์ สารสิน ทำหน้าที่เป็นพิธีกรประกาศผลการคัดเลือกผู้เข้ารอบ 44 คน โดยให้สาวงามจับหมายเลขประจำตัวเพื่อใช้ในการประกวดทีละคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาวงามที่ผ่านเข้าสู่รอบ 44 คน จะเดินทางไปเก็บตัวทำกิจกรรมกับกองประกวด เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์สร้างจิตสาธารณะการเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัน พร้อมกับทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้เกิดจิตสำนึก ที่ จ.พิษณุโลก ระหว่างวันที่ 24-30 พ.ค.2555

สำหรับสาวงามที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ อาทิ สาวงามหมายเลข 10 น้องแนน น.ส.สุพัตรา จูเจริญ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ลูกสาว พ.ต.ท.สมโภชน์ จูเจริญ รองผกก.ส.ภ.บางโทรัด จ.สมุทรสาคร เผยความรู้สึกว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ต่อจากนี้ต้องมีความมั่นใจและทำให้เต็มที่ ดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อน ดื่มน้ำเยอะ รวมทั้งทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยจะรำมวยไทยแสดงความสามารถพิเศษ ส่วนครอบครัวจ่างก็ให้กำลังใจและบอกว่าทำให้ดีที่สุด

 ด้านนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ว่าที่แพทย์หญิงจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ่วงดีกรีนางสาวเชียงใหม่ประจำปี 2555 น้องลิลลี่ น.ส.สิริน ไตรวุฒิพิพัฒน์กุล หมายเลข 3 เผยว่า เนื่องจากเพิ่งได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่มาหมาดๆ พร้อมทั้งต้องการมาหาประสบการณ์ ทำให้ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย รวมทั้งการเรียนรู้ที่จะได้อยู่ร่วมกับผู้อื่น และเมื่อโอกาสมาถึงก็อยากจะ คว้าเอาไว้ เพราะเป็นเวทีที่ทรงเกียรติ แม้หลังจากนี้การเก็บตัวทำกิจกรรมจะเป็นช่วงเดียวกับการเรียนหนังสือ แต่ก็จะไม่ทิ้งทั้งสองอย่างและจะทำให้ดีที่สุด

ส่วนสาวลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย ที่มีถิ่นฐานเป็นคนจังหวัดกระบี่ น้องริด้า น.ส.ณัฐพิมล นาฎยลักษณ์ หมายเลข 43 นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พกพาความสามารถที่พูดได้ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ และเยอรมัน เผยว่า ต้องมีการเตรียมตัวด้วยการไปดูการประกวดย้อนหลังว่ามีการเดิน โพสต์ท่ากันอย่างไร พร้อมทั้งพัฒนาบุคลิกภาพ โดยคาดหวังว ่าจะสามารถเข้าถึงรอบสุดท้ายให้ได้ เพราะเมื่อได้โอกาเข้ามาถึงรอบนี้แล้วก็ต้องมั่นใจและทำให้ดีที่สุด


กาญจน์ฯพร้อมจัดประชุมครม.สัญจรแล้ว





วันนี้ ( 19 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ใน 2 วันนี้ ( 19-20 พ.ค.)  ได้จัดเตรียมความพร้อม  ด้านสถานที่จัดการประชุมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาคารบริการวิชาการและบัณฑิตศึกษา ชั้น 1 เป็นส่วนรองรับเจ้าหน้าที่  จากสำนักโฆษกรัฐบาล และศูนย์ IOC ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นศูนย์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประชุม ส่วนชั้น 2 ซึ่งใช้ห้องอรพินเป็นที่ประชุม

ขณะที่ ภายในห้องทำงานของสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ TOT ได้มาติดตั้งและทดสอบระบบ  การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อมจัดตั้งคอมพิวเตอร์จำนวน 50 เครื่อง เปิดสัญญาณ wifi โดยมั่นใจว่า สามารถรองรับการทำงานของสื่อมวลชนได้ ส่วนบริเวณอาคารสำนักงานอธิการบดี ได้จัดเตรียมสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ. เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดัภูมิภาคขณะที่สภาอุสาหกรรมท่องเที่ยวจะจัดประชุมย่อยร่วมภาครัฐและภาคเอกชนก่อนที่จะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

ด้าน  นายทรงวุฒิ  ศิลแดนจันทร์  นายกสมาคมสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี  เปิดเผย  เกี่ยวกับหัวข้อที่จะนำเสนอขอความเห็นชอบ  ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในบ่ายวันนี้ว่า  ตนจะขอให้คณะรัฐมนตรี  พิจารณาถึงความสำคัญของการท่องเที่ยว  บริเวณ  อุทยานสงครามเก้าทัพ  ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี เนื่องจากบริเวณ  ดังกล่าว  เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของชาติไทย  ซึ่งมีการสู้รบเพื่อรักษาความเป็นไทย  ทำให้คนไทยทุกคน  มีผืนแผ่นดินไทยอยู่มาจนถึงทุกวันนี้  ซึ่งควรจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล  ให้รัฐบาลมองเห็นความสำคัญในสถานที่แห่งนี้  ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

  ทั้งนี้  จะได้ให้เยาวชนคนไทย  รวมถึงชาวต่างชาติ  ได้ศึกษาเรียนรู้  ถึงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้น  โดยเรื่องนี้  ได้รับความเห็นชอบจาก จังหวัดทหารบกกาญจนบุรีแล้ว  โดยจะมีการประชุมย่อยคณะกรรมการร่วมภาครัฐภาคเอกชน ในเวลา  11.30 น. ก่อนที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในบ่ายวันนี้.

ลับฝีปาก





เป็น ส.ส. หนุ่มไฟแรงคนหนึ่งที่น่าจับตามอง สำหรับ “ส.ส.ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 29 พรรคประชาธิปัตย์

หลังจากทำงานในพื้นที่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ “ส.ส. ขิง” เริ่มพูดในสภาบ้างแล้ว โดยการฝึกลับฝีปากเรื่องการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในช่วงที่ผ่านมา

หลังจากพูดไปได้ 2 ครั้ง ก็มีเสียงชมตามมาภายหลังจาก ส.ส. ในพรรคหลายคน รวมทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่า “พูดใช้ได้”

ส่งผลให้ ส.ส.ขิง มีแรงบันดาลใจ กระตือรือร้นที่จะลุกขึ้นพูดแสดงความเห็นในสภามากขึ้น ให้สมกับเป็นกระบอกเสียงของชาวบ้านเลือกตั้งเข้ามา

ใช่ว่าจะเอาดีเฉพาะการพูดในสภาจนทิ้งพื้นที่ เพราะ ส.ส. ขิง ไม่ประมาท ขยันลงไปพบปะกับพี่น้องประชาชนเขต 29 กทม. ไม่เคยขาด ทั้งงานแต่ง งานบวช งานศพ

เชื่อว่าอีกไม่นาน ปชป. จะมี ส.ส. ปากมีดโกนเพิ่มอีกคน!!???.

แมงโม้

ของแพง





ใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลยากจะทำใจรับได้ว่า “ข้าวของแพง” ในสมัยตน ยิ่งถ้าฝ่ายค้านเป็นคนพูด ยิ่งรับไม่ได้เลย เพราะดูจะเสียเหลี่ยมเสียเชิง คตินิยมแบบไทยยิ่งมีอยู่ด้วยว่าถ้ารัฐบาลหรือผู้ปกครองไม่อยู่ในธรรม ข้าวจะยากหมากจะแพง ดังนั้นจึงต้องเถียงเข้าไว้หรือไม่ก็เลี่ยงไปจุดประเด็นอื่นมาเบี่ยงเบน ถ้าจำเป็นต้องแบ่งรับก็ต้องเว้น
ทางหนีทีไล่ไว้แบ่งสู้บ้าง พอดีพอร้ายอาจโยนให้ฝ่ายค้านว่าเป็นต้นเหตุทำให้ของแพงไปโน่น!

ชาวบ้าน สื่อ และฝ่ายค้านก็ดูจะรู้จุดอ่อนนี้ของรัฐบาล จึงมักหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาชูเสมอ ดัชนีชี้วัดหรือเคพีไอเศรษฐกิจไทยจึงมีว่าไข่ทักษิณฟองละเท่าไร ไข่สุรยุทธ ไข่สมัคร ไข่สมชายเท่าไร ไข่อภิสิทธิ์กิโลละเท่าไร เพราะยุคนั้นชั่งกิโลขาย ไข่ยิ่งลักษณ์เท่าไร

ความจริงคือโดยทั่วไปราคาข้าวของมีแนวโน้มแนวเอียงและแนวตั้งว่าจะต้องแพงขึ้นเป็นปกติทุกวันอยู่แล้วจึงรับเสียเถิดครับว่าแพงแล้วจะเร่งแก้ไขให้จะได้ใจกว่าเพราะมันเกิดอุปาทานหมู่ไปแล้วและหลายร้านก็ขึ้นป้ายเพิ่มราคาจริง ๆ แม้ราคาน้ำมันจะลอยตัว แต่จะให้ข้าวแกงวันนี้จานละ 30 บาท พรุ่งนี้ลดตามราคาน้ำมันเหลือจานละ 28.50 บาทนั้น เมินเสียเถอะ แล้วนี่เห็น ๆ กันอยู่ว่าสารพัดปัจจัยทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ไหนจะราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดศัตรูพืช ยาเร่งดอก เร่งใบ เร่งผล ยังจะขึ้นค่าแรงอีก ปรับค่าตอบแทนภาครัฐอีก ผลผลิตเกษตรก็ลดลงตามฤดูกาล ผลสืบเนื่องจากมหาอุทกภัยก็ยังอยู่แล้วจะให้มะนาว ถั่วฝักยาว ผักคะน้า ปลาทู หมูเห็ดเป็ดไก่ราคาเท่าเดิมอยู่ได้กระไร

เมื่อวัตถุดิบแพงขึ้น วัตถุสุกก็ต้องแพงตามหลักต้นน้ำ ปลายน้ำ ส้มตำน้าแต๋ว ราดหน้าเฮียฉุย ก๋วยเตี๋ยวเจ๊กฮุย ข้าวราดแกงเจ๊อ๋อย ขนมจีนแม่ส้มลิ้ม ข้าวไข่เจียวเจ้าปากซอยจึงเอาไม่อยู่ แล้วพาลไปกระทบสบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ค่าโดยสารรถแท็กซี่ รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจไปโน่น

ของแพงนั้นมีแพงตามฤดูกาล เช่น หน้าร้อนมะนาวแพง หน้ากินเจผักจะแพง และแพงนอกฤดูกาล แต่ลงว่าแพงแล้วจะเพราะอะไรก็คือแพงทั้งนั้น ใครจะมาอธิบายเรื่องราคาตลาดโลก ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแพ้เลือกตั้ง กรีซกำลังจะล้มละลาย เงินเฟ้อเงินฝืด ดีมานด์ซัพพลายอะไรก็ไม่มีใครปรองดองยอมฟังหรอก ฝ่ายค้านไม่ว่ายุคไหนท่านก็ต้องยกเป็นประเด็นเป็นธรรมดาเพราะการเป็น “ปากเสียงแทนประชาชน” กับการแก้ปัญหา “ปากท้องของประชาชน” ย่อมคาบเกี่ยวกัน

บางครั้งการที่ข้าวของมีราคาแพงจนถึงขั้นขาดตลาดอาจเกิดจากวิชามาร หรือเหตุอันผิดธรรมชาติก็ได้ เช่น มีการกักตุนเก็งกำไรหรือแกล้งผลิตให้น้อย ดังที่เราเคยประสบปัญหาน้ำตาลทรายแพง น้ำมันปาล์มขาดตลาดมาแล้ว 60 กว่าปีก่อนสมัยนายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกฯ ไข่เป็ดไข่ไก่ราคาแพงมาก บางวันก็ขาดตลาดเอาดื้อ ๆ พอทหารให้นายกฯ ควง ลาออกแล้วเอาจอมพล ป. มาเป็นนายกฯ ไข่เป็ดไข่ไก่ก็ออกมาวางตลาดเต็มไปหมด ราคาไข่ถูกลงทุกวัน ปวงประชาพากันปลาบปลื้มกับบารมีรัฐบาลใหม่ จนนายควงออกมาให้สัมภาษณ์เรียกเสียงเฮฮาได้ทั้งเมืองว่า

“ปู้โธ่! ถ้าผมรู้แต่แรกว่าพอท่านจอมพลขึ้นเป็นนายกฯ แม้แต่เป็ดไก่ก็ยังชื่นชมโสมนัสกับท่านจนยอมออกไข่โดยดี ไม่อั้นไว้เหมือนสมัยผม ผมยอมลาออกให้ท่านมาเป็นนายกฯ นานแล้ว ไม่รอให้จี้ออกหรอก”

มาตรการเดินตลาดของนักการเมืองได้ผลเพียงทำให้รู้ราคาตลาดเท่านั้น ไม่ทำให้ของถูกลงได้ เผลอ ๆ ไม่ได้ข้อมูลจริงเสียอีก ยิ่งออกมาให้ข่าวว่าไม่เห็นแพงเลย บางอย่างถูกลงด้วยซ้ำ! จะยิ่งเสียรังวัด ไม่เหมือนนายกฯ สมัคร ที่ท่านเดินตลาดอยู่แล้วเป็นปกติ ใครจึงแหกตาท่านไม่ได้ ส่วนมาตรการธงฟ้า ถูกใจ ถูกทั้งแผ่นดินก็พอช่วยได้แต่ก็เป็นแค่แซมเปิ้ลเพราะจุดจำหน่ายยังน้อยและข้าวของก็ไม่หลากหลายพอ มาตรการคุมราคาสินค้าก็ไม่น่าจะได้ผล คงเหมือนอีกหลายอย่างที่ออกกฎหมายมาจุกช่องล้อมวงถี่ยิบ แต่เมื่อการบังคับใช้กฎหมายหย่อนยานหรือไม่ก็พ่อค้าแม่ขายไปลดโน่นตัดนี่ให้พอสมแก่ราคาข้าวไข่เจียวจานละ 20 บาท ดีไม่ดีเคยกินจานเดียวจะต้องล่อเสียสองจาน ทั้งทำเลที่ตั้งแต่ละร้านก็ยังผิดกัน เรื่องนี้จึงยาก!

แต่รัฐบาลก็ต้องทำครับ เพราะเป็นเรื่องของจิตวิทยาเพียงแต่ว่าเมื่อจะใช้หลักจิตวิทยาเข้าช่วยก็ต้องใช้มาตรการอื่นด้วย อย่างคุมราคาแอลพีจีหรือแก๊สหุงต้มอันนี้ดี ต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าของแพงครั้งนี้เป็นธรรมชาติหรือไม่ เมื่อไรสถานการณ์จะดีขึ้น ควรให้ผู้ซื้อมีทางเลือกสินค้าหลายระดับ ให้ผู้รู้โภชนาการออกมาแนะนำว่าหน้านี้เราจะใช้อะไรทดแทนของที่แพง อย่าให้นักการเมืองพูดเพราะจะกลายเป็นการเบี่ยงประเด็นเหมือนที่คุณสมัครโดนมาแล้วเรื่องแนะให้ใช้มะดันแทนมะนาว กินฟักต้มซี่โครงไก่แทนต้มยำ

ที่สำคัญคือของกำลังแพงแต่ถ้านักการเมืองยังเร่งเกมแก้รัฐธรรมนูญกันสุดเหวี่ยง เกมเร่งให้ปรับ ครม. เกมนักการเมืองบินไปหานายใหญ่แทนที่จะคิดแก้ปัญหาข้าวของแพงในขณะที่ข่าวทุจริตภัยแล้งออกมาผสมกับข่าวทุจริตน้ำท่วม ข่าวทุจริตการจำนำข้าว อย่างนี้มันสวนทางจิตวิทยาเอามาก ๆ เลยครับ.

เอาเปรียบ





เจอ.สภาพ ’อากาศร้อนจัด“ มานาน แต่พอเริ่มสัมผัสความเย็นจากฝนที่ตกถี่ในช่วงนี้ ก็ทำเอาผมเองต้องตกอยู่ใน “ภาวะวิตกจริต” ได้เหมือนกัน เพราะปีที่แล้วต้องกลายสภาพเป็น “ผู้ประสบภัย” หนีการไล่ล่าจากมวลน้ำก้อนใหญ่ มาถึงวันนี้ก็ยังมีร่อง
รอยความเสียหายปรากฏให้เห็น เพื่อเตือนความทรงจำให้รู้ว่า อย่าวางใจกับ “ภัยธรรมชาติ” หรือการทำงานของภาครัฐ

เพราะที่บอกว่า ’เอาอยู่“ แต่จริง ๆ แล้วคือ คนไทยเกินครึ่งประเทศ ต้องอยู่กับน้ำเป็นแรมเดือน และที่น่าเจ็บใจมากกว่านั้น มาถึงวันนี้ เรายังได้เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับ ’สิ่งของบริจาค“ ที่ผู้มีจิตศรัทธานำมามอบให้ชาวบ้านผู้ประสบภัย

เมื่อไม่นานมานี้ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำสื่อมวลชนไปตรวจสอบ “ของบริจาค” ซึ่งถูกเก็บไว้ที่อาคารรัฐสภา ทั้ง ๆ ที่ผ่านช่วงเกิดอุทกภัยมาได้นานพอสมควร   ตามข่าวที่ปรากฏออกมาว่า ชาวบ้านนำมามอบให้กับ “นายเจริญ จรรย์โกมล” รองประธานสภา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า งานนี้มี ’ใครอม“ หรือใครคิดหาประโยชน์บน ความเดือดร้อนของประชาชน

ดูเหมือนจะมีคำชี้แจงทำนองว่า ผู้มีจิตศรัทธานำสิ่งของมามอบให้ หลังจากน้ำลดไปแล้ว ฟังดูแล้วก็ไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลสักเท่าไหร่ อย่าลืมว่า ปัจจุบันนี้ สื่อรูปแบบต่าง ๆ ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด เป็นไปได้หรือที่จะมีคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองบ้าง...น่าเสียดายที่ “ขบวนการตรวจสอบ” ไม่เอาจริงเอาจัง เราเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

พูดถึงเรื่อง “ของบริจาค” ช่วง ’เกิดมหาอุทกภัย“ ยังมีตำนานเล่าขานกันไม่จบไม่สิ้น ไล่ตั้งแต่ นักการเมืองนำชื่อไปติดไว้  ใช้อำนาจพิเศษ เพื่อประโยชน์ของหัวคะแนน แม้กระทั่ง ’ตลกหลงยุค“ ที่เผลอได้อำนาจ ยังแสดง ’อาการกร่าง“ ใช้สื่อมวลชนช่วยยก เพื่อนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว แต่บังเอิญใช้ผิดคน พฤติกรรมเลยถูกเปิดโปง

มิหนำซ้ำยังมี “เอ็นจีโอ” ที่เล่นบทอิงแอบอำนาจรัฐ ดอดมา รีดเงิน ศปภ. ไป 3 ล้านบาท มาถึงวันนี้ยังไม่เคยออกมาชี้แจงแถลงไข ว่า นำเงินก้อนนั้น ไปใช้ทำอะไร แถมยังไม่กล้า ’สบหน้าสบตาผู้คน“ เพราะกลัวว่าจะเก็บงำอาการพิรุธไว้ได้ไม่มิด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า เงินหลวง “ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” ใครนำไปใช้ในทางไม่ถูก ชีวิตไม่มีทางอยู่เป็นสุขได้

ผมก็ได้แต่หวังว่า “นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คงไม่ทำให้คนไทยต้องเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย ซ้ำเป็นปีที่สองติดต่อกัน  เพราะ ’แพงทั้งแผ่นดิน“ ท่านก็ยังแก้ไม่ได้ หากเกิด ’ท่วมทั้งแผ่นดิน“ รอบใหม่ อยู่ไม่ได้แน่นอนครับ

อย่างมาตรการใน การขุดลอกคูคลอง ลอกท่อระบายน้ำ  สร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำรอบ ๆ นิคมอุตสาหกรรม ทำไปถึงไหนแล้วครับ และโจทย์ที่ท้าทาย หากปริมาณน้ำมากเท่ากับปีที่ผ่านมา จะมีวิธีการรับมืออย่างไร โดยเฉพาะการหา “แหล่งรับน้ำ” คิดได้ช่วยตอบให้ได้ยินด้วยครับ

ที่สำคัญคือ การจ่ายเงินเยียวยา นอกเหนือจาก จำนวน  5,000 บาท สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจนทำให้ เกิดปัญหากับโครงสร้างบ้าน หรือด้วยระยะเวลาที่ต้องอยู่กับน้ำเป็นเวลานาน คนพวกนี้เขาจะได้สิทธิต่าง ๆ หรือเปล่าครับ ช่วยเร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านด้วย

พูดไปถึงภาครัฐแล้ว มาว่ากันถึงเอกชน ด้วยเหตุที่ผมเป็น ผู้ประสบภัย เลยทำให้มีโอกาสได้สนทนาปราศรัยกับ เพื่อนร่วมชะตากรรม ที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ครับ...เจอภัยธรรมชาติว่าหนักแล้ว ยังต้องมาเจอ ความไม่รับผิดชอบ ของ เจ้าของโครงการที่พักอาศัย เพราะหลังจากผ่านพ้นช่วงอุทกภัย ถนน สนามหญ้า บ่อบำบัดน้ำเสีย สภาพภูมิทัศน์หรือพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับการซ่อมแซมหรือปรับปรุง

พยายามกดดันให้ลูกบ้านรับสภาพการเป็น “นิติบุคคล” โดยเร็ว เพื่อปัดความรับผิดชอบ และผลักภาระมาให้ผู้อยู่อาศัย เดี๋ยววันหลังผมจะนำรายละเอียดว่า ใครเป็นเจ้าของโครงการนี้มาบอกกล่าวให้รับรู้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ เหมือนผมและลูกบ้านที่กำลังตกอยู่ในสภาพ ’หน้าชื่น อกตรม“.

เขื่อนขันธ์

แสดงความคิดเห็น

เลขาฯศอ.บต.เดินหน้ายุทธศาสตร์!นโยบายพัฒนาอาชีพจว.ชายแดนใต้






นานมาแล้วที่คนไทยโดยเฉพาะใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ (พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) เดินทางไปทำงานประเทศมาเลเซียและส่งเงินมาให้ครอบครัวในประเทศไทย โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้รับรายงานมูลค่าเงินที่ส่งกลับมาประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อเดือน แต่ก็ยังติดอุปสรรคที่ยังไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร เกี่ยวกับเรื่องนี้ทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์ ได้มีโอกาสลงไปในพื้นที่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเกาะติดถึงปัญหาเรื่องดังกล่าว และมีโอกาสได้ซักถามพูดคุยกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ให้สัมภาษณ์ว่า จากข้อมูลปี พ.ศ. 2523 สำนักงานแรงงานในประเทศมาเลเซีย มีการประมาณการตัวเลขคนไทยที่ไปเปิด ร้านอาหารไทย ในประเทศมาเลเซีย จำนวน 6,000 ร้าน และมี แรงงานชาวไทย จากจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าไปทำงานในร้านดังกล่าวอยู่ประมาณ 1.5 แสนคน ส่งรายได้กลับประเทศไทยประมาณ 400 ล้านบาทต่อเดือน

แต่ปัญหาอุปสรรคที่ได้รับทราบเรื่องหนึ่ง คือ “ใบอนุญาตทำงาน” ที่มีราคาค่อนข้างสูงถึง 1 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งนับว่าสูงสำหรับชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีรายได้!!

ทั้งนี้ตามยุทธศาสตร์ในการพัฒนาชายแดนภาคใต้คือการส่งเสริมพัฒนาให้ประชาชนมีอาชีพ รายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชนในภาคใต้มีความใกล้ชิดกับมาเลเซีย สามารถพูดภาษามลายูได้ ประชาชนจำนวนมากนิยมไปทำงานในมาเลเซีย ส่วนนี้ ศอ.บต. โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เสนอ โครงการพัฒนาอาชีพของประชาชน ต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพอ.) โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนดังกล่าว ในเดือนพ.ย. 2554 ต่อมาจึงมีโครงการสินเชื่อตามหลักของศาสนาอิสลามประเภทต่าง ๆ รวม 12 โครงการ
   
โดยส่วนหนึ่งให้สินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนไปเปิดกิจการ ส่วนหนึ่งให้แรงงานไทยในมาเลเซียสามารถมี “ใบอนุญาตทำงาน” ได้ในโครงการสินเชื่อแรงงานไทยในมาเลเซีย ประกอบกับที่รัฐบาลไทยประสานกับประเทศมาเลเซียเพื่อลดค่าธรรมเนียมภาษีแรงงานต่างชาติในการขอใบอนุญาตทำงาน และส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงส่งเสริมการศึกษา โดยจะเปิดการศึกษานอกโรงเรียน( กศน.) ในประเทศมาเลเซียด้วย เหมือนกับที่เราสนับสนุนคนภาคอีสานไปทำงานประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยการสร้างมาตรฐานให้คนที่ไปทำงานต่างประเทศ

เลขาธิการ ศอ.บต. คาดหวังว่า โครงการนี้จะมีส่วนบรรเทาปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ ที่มีปัญหาซับซ้อน แต่ปัญหาหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและปัญหาความไม่เชื่อมั่น ความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน และอาจมีการสร้างความเข้าใจผิด ๆ โดยเฉพาะเรื่อง “ร้านอาหารไทย” ในมาเลเซียว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่พอลงไปดูข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม เนื่องจากร้านอาหารไทยในมาเลเซีย ปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นแหล่งที่สร้างงานให้กับประชาชนในภาคใต้ที่ไปทำงานต่างประเทศแล้วนำเงินกลับมาจุนเจือครอบครอบและสร้างความเจริญในพื้นที่ตัวเอง.

.........................................

4 กลยุทธ์ 12 โครงการ

ร.ท.สุกำพล อดุลยรัตน์ ผอ.ฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 จังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยที่มาของโครงการนี้ว่า มีแนวคิดว่าจะทำยังไงให้คนยากจนในพื้นที่ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและนำไปประกอบอาชีพส่งเสียเลี้ยงดูลูก ครอบครัวมีการศึกษาที่ดีเข้าไปสู่แรงงานที่ดี มีคุณภาพ จึงทำแผนมานาน 3 ปีจึงเป็นที่มาของ “4 กลยุทธ์ 12 โครงการ” นี้ ประกอบด้วย 1. กลยุทธ์แก้ปัญหาความยากจน คือโครงการสินเชื่อรากหญ้า, สินเชื่อหาบเร่ แผงลอย และอาชีพอิสระ, สินเชื่อเพื่อโครงการพัฒนาอาชีพของรัฐ, สินเชื่อแรงงานไทยในมาเลเซียและรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบ 2. กลยุทธ์ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน คือโครงการรัฐวิสาหกิจชุมชน, สินเชื่อเครื่องแต่งกายมุสลิมและ สินเชื่ออาหารฮาลาลรายย่อย 3. กลยุทธ์การบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต คือ สินเชื่อเพื่อชำระหนี้นอกระบบ และสินเชื่อเพื่อธุรกิจสหกรณ์ 4. กลยุทธ์พัฒนาคุณภาพการศึกษา คือ สินเชื่อพัฒนาสถานศึกษาและ สินเชื่อบุคลากรทางการศึกษา.

มณฑาทิพย์ แซ่ปู้

"ศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติ"มุกใหม่"บิ๊กจิ๋ว"





ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลังวันที่ 30 พ.ค. ที่จะถึงนี้ อดีตบ้านเลขที่ 111 ซึ่งล้วนทำกิจกรรมทางการเมืองมาตลอด 5 ปี กับพรรคการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุน จะไปสมัครเป็น “สมาชิกพรรค” เพื่อไทย

ตามข่าวเห็นว่ามีประมาณ 40-50 คน นำทีมโดย จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เอ่ยถึงบ้านเลขที่ 111 ต้องเอ่ยถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยเพราะมีข่าวว่า จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยกับเขาเหมือนกัน

ในแง่ของการเป็น “สมาชิกพรรค” พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติแต่อย่างใด ยังสามารถเป็นได้แต่ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 19 ระบุว่า ผู้สมัครต้องยื่นใบสมัครด้วยตัวเอง

ตรงนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ดอดไปทำพาสปอร์ตไทย ใช้เดินทางไปไหนต่อไหนได้ทั่วโลก เดินทางเข้าได้กระทั่งประเทศอังกฤษ

แต่การเป็น “สมาชิกพรรค” กับการลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น “ต่างกัน”

ใช่แต่ความเคลื่อนไหวของบ้านเลขที่ 111 พรรคเพื่อไทยเท่านั้น

“บิ๊กจิ๋ว” หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีกิจกรรมในโอกาสคล้ายวันเกิด 80 ปี ให้เป็นข่าวเหมือนกัน

เมื่อปีที่แล้ว “บิ๊กจิ๋ว” ก็เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยกับเขาเหมือนกัน แต่ยื่นใบลาออกภายหลังเหตุการณ์รำลึกคนเสื้อแดงวันที่ 10 เม.ย. 54 ที่มีคำ “มิบังควร” อย่างยิ่งปรากฏออกมา

ในวัย 80 ปี “บิ๊กจิ๋ว” ให้สัมภาษณ์ถึง การเข้ามาช่วยงานพรรคเพื่อไทยของบ้านเลขที่ 111 ไว้ว่า

“ผมว่าทุกคนอยู่ตรงไหนก็ได้ เพราะแต่ละท่านก็เป็นนักการเมืองอาวุโส มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ทางการเมือง คงไม่คิดอะไรมากกับตำแหน่ง เพียงแต่เราเข้าใจและจัดตำแหน่งมอบงานให้แต่ละท่านทำ เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็อาจจะมอบงานให้ท่านลงไปดูแลเรื่องความยากจนให้เสร็จภายใน 1 ปี นายจาตุรนต์ ฉายแสง ให้แก้ปัญหาภาคใต้ ร่วมกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา”

ส่วนรูปแบบนั้น “บิ๊กจิ๋ว” เสนอว่า ควรทำในลักษณะ “คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติ” มีการกำหนดคนกำหนดงาน งบประมาณ เป็นการรวบรวมศูนย์การทำงานไว้ที่เดียว แล้วมอบงานให้แต่ละคนทำ โดยทั้งหมด “ขึ้นตรง” กับนายกรัฐมนตรี คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“ศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติ” คืออะไร จะใช่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซ้อนการทำงานของรัฐมนตรีชุดปัจจุบันหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้แต่ว่า “ข้อเสนอ” นี้เป็น “มุกใหม่” ทางการเมืองของ พล.อ.ชวลิต

“บิ๊กจิ๋ว” ระบุด้วยว่า ตอนนี้บ้านเมืองเราต้องสางทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่มีหลายเรื่องที่ควรจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ อาจจะเพราะขาดคนจัดการ เราจะปล่อยให้อยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้

จับอารมณ์แล้วคล้าย รัฐบาลแห่งชาติ ยังไงยังงั้น

ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ยังมี “ครม.เงา” ได้ แล้วพรรคเพื่อไทยจะมี “ครม.พี่เลี้ยง” บ้างไม่ได้เชียวหรือ.

ถวายรางวัล"นักวิทยาศาสตร์ดินฯ"ให้"ในหลวง"





ที่ทรงให้ความสำคัญแก่การบริหารจัดการทรัพยากรดิน และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สนับสนุนการบริหารจัดการดินอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. เวลา 17.20  นาที  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศ.สตีเฟน นอร์ตคลิฟฟ์ กรรมการบริหารสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ และอดีตเลขาธิการสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล The Humanitarian Soil Scientist  หรือ “นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยชาติ” พระองค์แรกของโลก สดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ความสำคัญแก่การบริหารจัดการทรัพยากรดิน และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สนับสนุนการบริหารจัดการดินอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนและเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในประเทศและนานาประเทศ

ในการนี้ ศ.สตีเฟน กราบบังคมทูลสดุดีพระเกียรติคุณโดยสรุปว่า สมาชิกของสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงพระวิสัยทัศน์และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการบริหารจัดการดินอย่างยั่งยืน มาตั้งแต่การประชุมครั้งที่ 17 ของสภานักวิทยาศาสตร์ดินโลก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2545  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นทั้งผู้นำและยังทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เอง ในการแก้ไขปัญหาดิน ทั้งดินเสื่อมโทรม ขาดคุณภาพ เช่น การนำหญ้าแฝกมาปลูกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำและป้องกันการพังทลายของหน้าดิน แก้ปัญหาทั้งการขาดแคลนที่ดินทำกินสำหรับเกษตรกร การพัฒนาและอนุรักษ์ดิน รวมถึงการที่ทรงริเริ่มให้ก่อตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องดิน และฝึกอบรมราษฎรให้รู้จักการพัฒนาดิน

การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้นำการพัฒนาและการอนุรักษ์ดินอย่างยั่งยืนนี้ เป็นแบบอย่างที่ดียิ่งสำหรับประเทศอื่นๆ ที่จะนำไปปฎิบัติและยังเป็นแรงบันดาลใจให้บรรดาสมาชิกของสภาวิทยาศาสตร์ดิน และสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ร่วมมือกันสานต่อพระราชกรณียกิจ การบริหารจัดการดินอย่างยั่งยืน ตามที่ทรงริเริ่มดำเนินการขึ้นในประเทศไทยต่อไป


สำหรับรางวัลที่สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติหรือ International Union of Soil Sciences เรียกชื่อย่อว่า IUSS เชิญมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ประกอบด้วย เหรียญรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยชาติ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 เซนติเมตร หนา 0.5 ด้านหน้าของเหรียญ มีตราสัญลักษณ์และชื่อสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ด้านหลังของเหรียญจารึกพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้อความสดุดีพระเกียรติคุณ

นอกจากนี้ ยังมีประกาศนียบัตร และประกาศสดุดีพระเกียรติคุณด้วย  สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2467 เป็นสมาชิกสหภาพวิทยาศาสตร์หน่วยหนึ่งในสภาสหภาพวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ ได้รับการยอมรับว่าเป็นองค์กรที่ช่วยประสานงานสำหรับองค์กรระหว่างประเทศด้านวิทยาศาสตร์ มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการวิจัยและประยุกต์ใช้ในศาสตร์ด้านปฐพีวิทยาทุกแขนง ส่งเสริมให้มีการติดต่อประสานงานระหว่างนักวิทยาศาสตร์ในศาสตร์นี้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมแด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ และสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2555 เวลา 17.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น 16 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็ญพระที่นั่ง การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ศ.คลินิก นพ.ดิเรก จุลชาต เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อมคณะแพทย์พยาบาลตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในฉลองพระองค์สูทสีน้ำเงินสดทับเชิ้ตสีฟ้าลายจุด พระสนับเพลาสีดำ ฉลองพระบาทสีดำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฉลองพระองค์ลายดอกไม้หลากสี พระสนับเพลาสีเหลืองสด ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช


ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังทางประตูศรีรัตน์  ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วทรงนำทอดพระเนตรและถวายการบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังไทยเรื่องรามเกียรติ์ จำนวน 178 ห้อง โดยรอบพระระเบียง ปกติภาพจิตรกรรมฝาผนังของไทยส่วนมากมักเป็นพุทธประวัติหรือทศชาติชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาติปางก่อนของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะเสวยชาติเป็นกษัตริย์และเสด็จออกผนวชจนตรัสรู้ ซึ่งการเขียนเรื่องราวดังกล่าวมักจะเขียนเป็นพุทธบูชา หรือให้ชาวพุทธทราบความเป็นมาของพระศาสดา


สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบได้เขียนเรียงร้อยต่อกันตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ  จำนวน 178 ห้องและแต่ละห้อง จะมีโคลงสี่สุภาพจารึกบนแผ่นศิลาตามเสาอธิบายภาพประกอบ มีโคลง 4,984 บท นับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีโคลงเล่าเรื่องเป็นคำกลอน และโครงที่เสาแต่ละต้น รวมทั้งมีภาพซึ่งเป็นเกร็ดแทรกของเรื่อง เช่น นารายณ์อวตาร / นารายณ์อิศวร กำเนิดพาลี และยังมีภาพยักษ์ เช่น กุมภกรรณ ทศคีริธัน ทศคิรีธร ตามประตูทางเข้าทั้ง 7 ประตูด้วย


จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมกับทอดพระเนตรความงดงามภายในพระอุโบสถ ซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้นกลางห้อง นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรดกในบุษบกทองคำ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปางสมาธิ แกะสลักด้วยหยกมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 48.3 เซนติเมตร สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร 66 เซนติเมตร และพระพุทธรูปที่สำคัญอีกจำนวนมาก


สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติในวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้ เป็นเรื่องราวรามเกียรติ มีเค้าโครงเรื่องราวเดิมจากรามายณะอันเป็นวรรณคดีเก่าแก่ของอินเดีย เขียนครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุระสิงหนาถที่ทั้งสองพระองค์ทรงทำศึกต่อสู้กับพม่า เมื่อเริ่มสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานีใหม่ และสงครามครั้งใหญ่ๆ ที่ทรงเอาชนะได้ด้วยพระปรีชาสามารถ และความกล้าหาญ เช่น สงครามเก้าทัพที่ทุ่งลาดหญ้า ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ เนื่องจากภาพจิตรกรรมฝาผนังบางส่วนเริ่มชำรุด และซ่อมใหญ่อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นการรักษางานจิตรกรรมฝาผนังไม่ให้สูญหาย กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2514 ตามหลักวิชาการสมัยใหม่เพื่อให้ภาพจิตรกรรมดังกล่าวคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศไปอีกยาวนานและงดงามเป็นเอกลักษณ์ของภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเก่าของไทยไว้ดังเดิม


ในปี 2523 ก่อนจะมีการสมโภชพระนครครบ 200 ปี  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่กองอำนวยการในโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์ เพื่อให้มีความสวยงาม แข็งแรง และอนุรักษ์แบบแผนประเพณีไทยไว้ให้เป็นมรดกของชาติ ซึ่งทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงรับพระราชกิจอันยิ่งใหญ่นี้


ในขณะเสด็จฯพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์ที่สดใส แย้มพระโอษฐ์ให้แก่พสกนิกร ประชาชนต่างกู่ร้อง ทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนที่ต่างพร้อมใจกันเพื่อมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จฯ อย่างเนืองแน่น


บรรยากาศบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช และเส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน มีประชาชนจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจกันคอยต้อนรับเสด็จฯ กันอย่างเนืองแน่น ประชาชนต่างกู่ร้องทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วโรงพยาบาล พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์และมีพระพักตร์สดใส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารัตน์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส วันที่ 28 เม.ย. 2555 เป็นการส่วนพระองค์

เมื่อเสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญเครื่องนมัสการเข้าถวาย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เมื่อถึงบทเสกทำน้ำพระพุทธมนต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนที่ฝาครอบพระกริ่ง แล้วพระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ผู้เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงคมไปยังหน้าเครื่องนมัสการแล้วเสด็จขึ้นชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

Soul Easter


 รหัสดู minicasio


http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259592335M0 : เพลง OP Soul Eater
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259227386M0 : Soul Eater 01 เสียงประสานแห่งวิญญาณ โซลอีทเตอร์ จะได้เป็นเดธไซส์เหรอ +
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1258815711M0 : Soul Eater 01
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259246999M0 : Soul Eater 02 ฉันนล่ะสตาร์ ชายทบิ๊กทสุด ปรากฏกายทนแล้ว
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259249128M0 : Soul Eater 03 พ่อหนุ่มเพอร์เฟคท์ ภารกิจอันงดงามของเดธเดอะคิด
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259250693M0 : Soul Eater 04 วิชฮันท์ติ้งแผลงฤทธิ์ บทเรียนพิเศษสุดเร้าใจทสุสาน
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259303499M0 : Soul Eater 05 รูปลักษณ์แห่งวิญญาณ ผู้ใช้อาวุธสุดแกร่ง สไตน์ เผยโฉม
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259305052M0 : Soul Eater 06 นักเรียนใหม่ทลือกัน การมาโรงเรียนครั้งแรกของคิดทน่าจดจำ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259321711M0 : Soul Eater 07 เลือดดำทน่าพรั่นพรึง ในร่างโครน่ามีอาวุธงั้นรึ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1259332650M0 : Soul Eater 08 แม่มดเมดูซ่า ผู้มีวิญญาณชั่วร้ายอันยิ่งใหญ่
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261136221M0 : Soul Eater 09 ตำนานดาบศักดิ์สิทธิ์การผจญภัยครั้งใหญ่ของคิดและแบล็คสตาร์
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261137905M0 : Soul Eater 10 ดาบภูตมาซามุเนะทำลายการสิงวิญญาณซะใจทขับขานกลางสายฝน

http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261139569M0 : Soul Eater 11 บุปผาของสึบากิ สิ่งทรอคอยหลังความเศร้าผ่านพ้น
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261141530M0 : Soul Eater 12 ความกล้าทไม่พ่ายแพ้ความกลัว การตัดสินใจครั้งใหญ่ของมากะอัลบาน
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261144162M0 : Soul Eater 13 บุรุษเนตรมารโซลและมากะคลื่นวิญญาณทไม่เข้ากัน
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261145779M0 : Soul Eater 14 สุดยอดการสอบข้าเขียนตื่นเต้นเร้าใจเสียววืบ,ไม่จริ๊ง
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261147518M0 : Soul Eater 15 มังกรดำกลืนวิญญาณริสขี้กลัวและเพื่อนพ้องสุดหรรษา
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1261502751M0 : Soul Eater 16 ดวลเดือด เรือผีสิง นรกทอยู่ในหัวของฉัน
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263546948M0 : Soul Eater 17 ตำนานดาบศักดิ์สิทธิ์ 2 ซด , หัก , ซื้อหรือชื่นชม
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263547007M0 : Soul Eater 18 ฝันร้ายในคืนศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้เปิดฉากแล้ว
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263549570M0 : Soul Eater 19 ศึกดุเดือดใต้ดินเปิดฉาก ทำลายให้ได้ เวคเตอร์แอร์โร่ของ เมดูซ่า
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263549619M0 : Soul Eater 20 ศึกผสานวิญญาณเลือดสีดำศึกหนักของวิญญาณดวงน้อยทหาญสู้ดาบแห่งความกลัว

http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263555392M0 : Soul Eater 21 ไปให้ถึงสิวิญญาณของฉันสู่ภานใน ของใจทแห้งเหือดและเดียวดาย
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263555426M0 : Soul Eater 22 วิหารผนึก ละครหุ่นเชิดของบุรุษอมตะ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263562385M0 : Soul Eater 23 เดธ ออร์อไลฟ์ จากห้วงของภาพมายาและการคืนชีพ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1263562287M0 : Soul Eater 24 การต่อสู้ของทวยเทพหรือเดธซิตี้จะถึงคราวล่มสลาย
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1266580871M0 : Soul Eater 25 รวมพลเหล่าเดทไซส์ เรื่องพลิกโผของป๊ะป๋าหน้าเป็น
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1266583790M0 : Soul Eater 26 การเข้าเรียนทน่าดีใจและน่าอับอาย มหกรรมสนับสนุนชีวิตนักเรียนชิบุเซ็น เริ่มขึ้นแล้ว
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1266587051M0 : Soul Eater 27 จิตสังหาร 800 ปี การจุติของแม่มดนอกรีต
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1266587059M0 : Soul Eater 28 เทพดาบปรากฏกาย แล้วจะหวานหรือเค็มมันล่ะเนย
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1267101622M0 : Soul Eater 29 การคืนชีพของเมดูซ่า แมงมุมและงู ชะตากรรมทวกมาพบกัน
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1267098546M0 : Soul Eater 30 รถด่วนขบวนคลั่งสุดร้อนแรง อุปกรณ์มารทมหาจอมเวทย์ทิ้งเอาไว

http://video.mthai.com/player.php?id=18M1267101625M0 : Soul Eater 31 ความสุขทสูญสิ้น ใต้แสงจันทร์นั้นเป็นน้ำตาของใคร
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1267104267M0 : Soul Eater 32 ตำนานดาบศักดิ์สิทธิ์ 3 เรื่องเล่าของหัวใจแห่งชิบุเซ็น
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268393428M0 : Soul Eater 33 ผสานวิญญาณต่อเนื่อง บรรเลงสิ ท่วงทำนองของเหล่าวิญญาณ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268396792M0 : Soul Eater 34 ศึกแย่งชิง "BREW" ปะทะเดือด ชิบุเซ็น ปะทะ อราคโนโฟเบีย
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268396748M0 : Soul Eater 35 มอสคีโต้แห่งพายุ โลกแห่งอดีตกาลมีเวลาจำเพียง10นาที
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268406432M0 : Soul Eater 36 ปลดปล่อยออกมา การผสานวิญญาณทั้ง7 เสียงดนครีแห่งความพินาศและการเริ่มต้น
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268406472M0 : Soul Eater 37 ยอดนักสืบ แฟ้มคดีทหนึ่ง ความลับของชิบุเซ็นทถูกคิดเปิดโปง
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268402624M0 : Soul Eater 38 การล่อลวงสู่วิถีแห่งอาชูร่า ความพิโรธสุดทานทนของชายทบิ๊กทสุด
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268452223M0 : Soul Eater 39 โครน่าหลบหนี ฉันขอเถอะนะ รอยยิ้มของเธอน่ะ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1268541319M0 : Soul Eater 40 ไพ่ตายทถูกทิ้ง เมดูซ่ายอมจำนนแก่ชิบุเซ็น

http://video.mthai.com/player.php?id=18M1271307938M0 : Soul Eater 41 สายลมทเวียนวน ดอกเตอร์ทเต้นรำ สู่โลกใหม่
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1270788033M0 : Soul Eater 42 รุกคืบ สู่ประสาทบาบานาก้า แต่รู้สึกค้างคาใจยังไงพิกล
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1271416204M0 : Soul Eater 43 อุปกรณ์มารชิ้นสุดท้าย มิชชั่นอิมพอลซิเบิ้ลของคิดผู้ไร้อาวุธ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1271418670M0 : Soul Eater 44 การตัดสินใจของโครน่าผู้ใจเสาะ แด่เธอผู้อยู่เคียงข้างกันเสมอ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1271423003M0 : Soul Eater 45 คลื่นขจัดมาร โรมรัน เดม่อนฮันท์ติ้งแห่งความพิโรธ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1271428489M0 : Soul Eater 46 นักรบหรืออสูร ศึกตัดสิน มิฟุเนะปะทะแบล็คสตาร์
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1270984563M0 : Soul Eater 47 ท่าล้มโต๊ะแห่งปาฎิหาริย์บินไปเลย เดธซิตี้โรโบ้ของพวกเรา
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1274009205M0 : Soul Eater 48 ท่านยมทูตกับอาวุธพร้ามมือมีแต่เรื่องเหนือความคาดหมาย
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1274366523M0 : Soul Eater 49 อาซูร่าลืมตาตื่นโลกจะถึงจุดจบแล้วเหรอ
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1274368520M0 : Soul Eater 50 จะหัวหรือก้อยเหล่าบุรุษผู้้หนือกว่าพระเจ้า
http://video.mthai.com/player.php?id=18M1274599345M0 : Soul Eater 51 รหัสลับคือความกล้า

[จบภาค 1 ]

เคดิต ติ๊งต๋อง