วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เจ๋ง!ลูกยางไทยอัดคิวบาใกล้ลิ่วอลป.





ลูกยางสาวไทย เขยิบเท้าเข้าใกล้มหกรรมโอลิมปิกเกมส์ 2012 หลังรวมพลังไล่อัด คิวบา กระเจิง 3-1 เซต รอลุ้นคู่ระหว่าง ญี่ปุุ่นกับเซอร์เบีย ที่จะแข่งในช่วงเย็นเท่านั้น
ช่่วงสาย วันนี้ (27 พ.ค.) การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง รอบคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ 2012 ทวีปเอเซียและทั่วโลก ที่เมโทรโพลีแทน ยิมเนเซียม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นการแข่งขันนัดที่ 7 นัดสุดท้าย ทีมนักตบลูกยางสาวไทย ที่มี 9 แต้มจากผลงานชนะ 3 แพ้ 3 ลงสนามพบกับ คิวบา ที่มี 7 แต้ม โดยผู้เล่นของไทยที่ลงสนาม 6 คนแรกประกอบไปด้วย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, อำพร หญ้าผา, นุศรา ต้อมคำ โดยมี วรรณา บัวแก้ว สลับกับ ปิยะนุช แป้นน้อย ทำหน้าที่เป็นตัวรับอิสระ

ผลปรากฎว่าทีมตบสาวไทยเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะไป 3-1 เซต 25-23, 25-23, 18-25, 25-21 เก็บเพิ่มเป็น 12 แต้ม จ่อคว้าตั๋วไปโอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012 โดยต้องไปรอผลลุ้นคู่ระหว่าง ญี่ปุุ่น กับ เซอร์เบีย ที่จะแข่งในเวลา 17.00 น. ตามเวลาไทย.

บิ๊กลูกยางโลกเซ็งยุ่นเล่นสมยอม





ประธานสหพันธ์ลูกยางโลกเห็นใจนักตบสาวไทยพลาดตั๋ว“ลอนดอนเกมส์” เซ็งยุ่นเล่นสมยอมแพ้เซอร์เบียร์ 2-3 นัดสั่งลา
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. หลังจากที่ทีมลูกยางสาวชาติไทยต้องพลาดหวังคว้าตั๋วไปลุยโอลิมปิกเกมส์ ที่ลอนดอน อังกฤษ ซึ่งตัวแปรที่ทำให้ไทยชวดไปก็เพราะญี่ปุ่นแพ้เซอร์เบียร์ 2-3 นัดสั่งลาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าทีมลูกยางสาวไทยจะโค่นคิวบา 3-1 เซตก็ตาม ทั้งนี้ นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เผยว่า ตอนที่เราชนะคิวบาได้ ก็ดีใจและชื่นชมผลงานของนักกีฬารวมถึงทีมงานทั้งหมด แต่ตอนนั้นตนได้สอบถามไปยัง “อาจารย์ติ๋ม” ร.ท.ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ คณะกรรมการบริหารฯ ว่า ถ้ารูปเกมแบบนี้ทางญี่ปุ่นกับเซอร์เบียร์ อาจจะเล่นซูเอี๋ยกันก็ได้ แต่ “อาจารย์ติ๋ม” บอกว่าไม่มีทางเพราะสปิริตของญี่ปุ่นสูงมาก ประกอบกับมีความสัมพันธ์อันดีกับไทย

เมื่อได้นั่งชมเกมการเล่นเห็นญี่ปุ่นได้ 2 เซต ก็ทำใจแล้วว่าเกมปาหี่จะเกิดขึ้นแน่ และก็เป็นจริงดังที่ตนได้คิดไว้ตั้งแต่แรก ทันทีที่ฝันสลาย เหว่ย จิชง ประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้โทรมาแสดงความเสียใจกับ ร.ท.ชาญฤทธิ์ และแทบไม่น่าเชื่อสายตาว่า การเล่นจะออกมารูปแบบนี้ ซึ่งถือเป็นรอยด่างของวงการวอลเลย์บอลระดับนานาชาติทีเดียว ประเด็นนี้ทางสหพันธ์จะมีการหยิบยกเข้าสู่การประชุมอย่างแน่นอนเพื่อหาวิธีป้องกันเพื่อมิให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี นายกสมาคมลูกยางของไทยเปิดใจอีกว่า ทุกวันนี้บอกตามตรงว่าทางสมาคมฯ ต้องพบกับปัญหาหวานอม ขมกลืน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่มีขีดจำกัน “ผมมั่นใจว่าหากเรามีงบประมาณสำหรับนำมาสร้างสายเลือดใหม่ต่อเนื่อง ใช้ปีละ 5 ล้านบาท รวม 4 ปี ก็ 20 ล้านบาท เชื่อว่าเรายังมีโอกาสไปเล่นโอลิมปิก ผมไม่ย่อท้อพร้อมที่จะทำหน้าที่นายกสมาคมฯ และเร่งพัฒนาวงการวอลเลย์บอลของไทย สำหรับนักกีฬาและทีมงานชุดนี้ผมถือว่าทุกคนทำได้ดีที่สุดเหนือความคาดหมายด้วยซ้ำไป เพราะได้แสดงศักยภาพออกมาให้เห็นแล้วว่าเราสามารถชนะยอดทีมจากยุโรปอย่างเซอร์เบียร์ หรือแม้กระทั่งทีมดังอย่าง เปรูและคิวบา”

คิกเกอร์ตีข่าวผีจ่อซิวคากาวะ





แฟนผีแดงมีเฮ หลัง "คิกเกอร์" ตีข่าว แมนฯ ยูไนเต็ด จ่อซิว "คากาวะ" เข้ารังสมใจแล้วด้วยค่าตัวราว 15 ล้านยูโร
     “คิกเกอร์” นิตยาสารฟุตบอลชื่อดังของเยอรมนี ตีข่าว ชินจิ คากาวะ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่น ของ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จ่อได้ย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ของ อังกฤษ เต็มที หลังทั้ง 2 สโมสรใกล้จะบรรลุข้อตกลงมูลค่า 15 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 600 ล้านบาทกันได้แล้ว

     ด้าน มิชาเอล ซอร์ก ผู้อำนวยการกีฬา ของ ดอร์ตมุนด์ เผยว่า ตอนนี้ยังคงเหลือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการทำข้อตกลงที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อสรุปกันได้ และคากาวะ ก็ยังคงมีสัญญากับ “เสือเหลือง” ไปจนกระทั่งเดือน มิ.ย.ปี ค.ศ. 2013

    คากาวะ ย้ายจาก เซเรโซ โอซากา มาอยู่กับ ดอร์ตมุนด์ เมื่อปี ค.ศ. 2010 ด้วยค่าตัวเพียง 350,000 ยูโร หรือ ประมาณ 14 ล้านบาทเท่านั้น โดย ดาวเตะวัย 23 ปี ซัดไป 21 ประตูจากการลงสนาม 49 นัดให้ ทีมดังแห่ง ซิกนัล อิดูนา ปาร์ก และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา มาครองได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน..

แฟนเพลงไทยแห่ชมคอนเสิร์ต "เลดี้ กาก้า"





แฟนเพลง เลดี้ กาก้า ทำราชมังคลาฯทะลัก จราจรอัมพาต สุดคึกแต่งตัวเลียนแบบเพียบ โวไม่ถอยแม้ฝนจะตก สาวน้อยโชคดีได้กุญแจมอนสเตอร์คีย์ ส่วน2หนุ่ม กางเต้นท์ ได้ถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก
วันนี้ (25 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของเลดี้ กาก้า” หรือ น.ส.สเตฟานี โจแอนน์ แอนเจลินา เจอร์มาน็อตตา ศิลปินนักร้องสาวชื่อดังระดับโลก ที่มีกำหนดเปิดแสดงคอนเสิร์ตสุดอลังการครั้งแรกในประเทศไทย ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถนนรามคำแหง   ตั้งแต่ช่วงสาย ที่ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจีส ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน  ซึ่งเป็นโรงแรมที่นักร้องสาว เลดี้ กาก้า เข้าพัก ก่อนที่เธอจะทำการแสดงคอนเสิร์ต สำหรับ บรรยากาศด้านหน้าโรงแรม มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา โดยทางโรงแรมได้จัดทีมรักษาความปลอดภัยกว่า 10 คน เพื่อรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับนักร้องสาว รวมถึงทีมของของเธอ

ขณะที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน  มีสาวกแฟนเพลงของเลดี้ กาก้า เดินทางมารอที่ประตูทางเข้าชั้นแรก โดยส่วนใหญ่เดินทางมาถึงตอนช่วงเช้า บางส่วนแต่งตัวเลียนแบบเลดี้ กาก้า โดยต่างเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้ ยังมีแฟนคลับจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ ไทยแลนด์ เลิฟ เลดี้ กาก้า จำนวนหนึ่ง ปักหลักกางเต็นท์รอบริเวณทางเข้าคอนเสิร์ต เพราะต้องการเป็นคนแรกที่ได้เข้าประตูคอนเสิร์ต และจะได้กุญแจที่เรียกว่า “มอนสเตอร์ คีย์” เป็นของที่ระลึกจากเลดี้กาก้า โดยนักร้องดังจะเป็นผู้มอบให้เองกับมือ และมีการพูดคุย ถ่ายรูป แจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับผู้โชคดีอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามตลอดทั้งวันท้องฟ้าบริเวณรอบสนามค่อนข้างมีเมฆมาก แต่ทางแฟนเพลงยืนยันว่าจะไม่ถอย และบอกว่าหากฝนตกในงานก็จะมีการแจกเสื้อกันฝน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประตูชั้นแรกจะเปิดให้เข้างานตอน 15.00 น. ส่วนประตูของสนามจะเปิดให้เข้าในเวลา 19.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของานดูแลความสงบเรียบร้อยรอบสนาม ต่อมาในช่วงบ่าย แฟนคลับเลดี้ กาก้าเริ่มทยอยเดินทางมาสมทบจนแน่นขนัดแบบมืดฟ้ามัวดิน ส่วนใหญ่แต่งกายเต็มไปด้วยสีสันอย่างหลุดโลกเลียนแบบนักร้องดัง ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ส่วนการจราจรบนถนนรามคำแหงและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงพบว่ารถติดขัดอย่างมาก จนกระทั่งผู้จัดงานได้เปิดประตูชั้นแรกให้เข้างานในเวลา 15.00 น. สาวกเลดี้กาก้า ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง

กระทั่งถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย เมื่อทีมงานของเลดี้ กาก้า ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 5 คน ที่รอเข้าชมคอนเสิร์ตเลดี้กาก้านานที่สุด และมีโอกาสได้ถ่ายรูปกับนักร้องซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง คือ น.ส.มณีนุช สุธีสันต์ นายอิศเรศ กมลนาวิน น.ส.ปะการัง แซ่ภู่ นายพชรพงศ์ นิ่มวงศ์ษา และนายสุเมธ กลิ่นจันทร์ โดย น.ส.มณีนุช เป็นผู้โชคดีคนเดียวที่ได้รับมอนสเตอร์คีย์ จากเลดี้กาก้า เพราะเป็นผู้เดียวที่มากางเต็นท์รวมถึงเช่าโรงแรมในละแวกสนามราชมังคลาฯ เพื่อรอคอยชมคอนเสิร์ตติดต่อกันนานถึง 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจภายในงาน พบว่ามีการเปิดบูทจำหน่ายสินค้าจากผลิตภัณฑ์ชื่อดังหลายยี่ห้อ มีเสื้อผ้า และของที่ระลึกจำหน่าย และที่บูธของสิงห์ ได้พบกับ บัวขาว ป.ประมุข หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ นักชกมวยไทยชื่อดังที่เพิ่งลาสิกขาบท บอกว่าได้รับเชิญจากสิงห์ให้มาร่วมงาน และถึงแม้จะเป็นนักมวย  แต่ก็ต้องมีการปลดปล่อยกันบ้าง โดยส่วนตัวชอบอะไรบันเทิงอยู่แล้ว พอได้รับเชิญมาดูคอนเสิร์ตนักร้องระดับโลกอย่างเลดี้ กาก้า เลยตอบตกลงทันที นอกจากนี้ยังมีนักร้อง ดาราชื่อดังของไทยอาทิเช่น มดดำ คชาภา. มาริสา แอนนิต้า .ลาล่า ลูลู่ โปงลางสะออน . เมย์ เฟื่องอารมณ์ เต๋า สมชาย เข็มกลัดและภรรยา

ด้านพล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.4 กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมกำลังไว้ดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งหมด 902 นาย โดยมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบและชุดสืบสวนจากทุกสน.ในพื้นที่บก.น.4 และมีเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด(อีโอดี) เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน จราจรและสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ191 ทั้งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากการกีฬาแห่งประเทศไทยอีก 90 คน รวมทั้งทีมรักษาความปลอดภัยของงานอีก 200 คนอีกด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียว่า  ตำรวจอินโดนีเซียกำลังพิจารณาข้อเสนอจากคณะผู้จัดคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า เพื่อให้มีการแสดงคอนเสิร์ตวันที่ 3 มิ.ย.ในกรุงจาการ์ต้า ด้วยเงื่อนไขที่ว่า คอนเสิร์ตจะลดระดับความแรงจากการแสดงของเลดี้ กาก้า ที่ส่อไปในทางเพศ  หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจนครบาลกรุงจาการ์ต้าไม่อนุญาตให้จัดคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า ในวันดังกล่าว  ภายหลังกลุ่มเคร่งศาสนาขู่สร้างความวุ่นวาย หากเลดี้ กาก้า เดินทางเข้าอินโดนีเซีย  ซึ่งเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า  นักร้องชื่อดังยังไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงคอนเสิร์ตในประเทศ

ด้านนายทรอย คาร์เตอร์  ผู้จัดการของเลดี้ กาก้า เปิดเผยว่า  เลดี้ กาก้า จะไม่ลดระดับการแสดงในคอนเสิร์ตของเธอ  หลังจากมีการประท้วงเกิดขึ้นจากกลุ่มเคร่งศาสนาทั้งในฟิลิปปินส์และเกาหลีใต้   ซึ่งเลดี้ กาก้า  ยอมยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ตดีกว่าต้องมาเปลี่ยนแปลงหรือลดระดับคอนเสิร์ต เพื่อเอาใจกลุ่มศาสนาหรือกองเซ็นเซอร์   สำหรับคอนเสิร์ตของเลดี้ กาก้า ที่ใช้ชื่อว่า”เดอะบอร์น ดีส เวย์ บอล”ในกรุงจาการ์ต้า  ทางคณะผู้จัดได้ขายบัตรเข้าชมกว่า 50,000 ใบหมดเกลี้ยงแล้ว

คืบหน้าคดีนักร้องซี สาวหล่อ





รอผลตรวจอาการ ซี นักร้องสาวหล่อ ก่อนแจ้งข้อหาคนขับเพิ่ม ขณะตำรวจเผยเป็นคดีรถชนธรรมดาไม่ซับซ้อน แถมผู้ก่อเหตุไม่หลบหนีและให้การเป็นประโยชน์
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้(29พ.ค.)  พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์  จงอิทธิ พงส.(สบ2) สน.ปทุมวัน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี น.ส.มัฑณาวี คีแนน  หรือซี  อายุ 24 ปี  นักร้องสาวหล่อชื่อดัง ค่ายอาร์เอสโปรโมชั่น ถูกรถกระบะยี่ห้อเชฟวีโคโรร่าโด สีขาว หมายเลขทะเบียน ตว 9956 กรุงเทพมหานคร รถขนส่งอาหารร้านบาร์บีคิวพลาซ่าโดยมี นายสมพร จูตระกูล อายุ 32 ปี  เป็นผู้ขับขี่   ชนขณะเดินข้ามถนนบริเวณถนนฝั่งตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากเดินทางไปไหว้พระพรหม จนอากาสาหัส พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ   เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์   กล่าวว่า เบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างรอผลตรวจจากแพทย์นิติเวชตำรวจ โรงพยาบาลตำรวจ  เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี  ซึ่งต้องดูจากผลแพทย์ว่าผู้เสียหายมีอาการสาหัสหรือไม่  ทั้งนี้ถ้าหากอาการสาหัสก็จะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส อย่างไรก็ตามขณะนี้อาการของนักร้องสาวมีอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยคาดว่าต้องรอผลแพทย์ประมาณ 2-3 วัน ส่วนการสอบปากคำพยานคงไม่ต้องสอบใครเพิ่มเติม  เพราะสอบแค่ผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว เนื่องจากเป็นคดีรถชนธรรมดา  อีกทั้งผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้หลบหนีและยังให้การเป็นประโยชน์แก่รูปคดี  ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น นายสมพร ให้การว่า เป็นผู้ขับรถชนผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจชนและรู้สึกเสียใจ อีกทั้งหลังชนยังได้ให้การช่วยเหลือ และเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลรวมทั้งกล่าวขอโทษผู้บาดเจ็บด้วย.

ซีสาวหล่อดีขึ้นเตรียมผ่าตัดไหปลาร้าพรุ่งนี้






แพทย์รพ.ตำรวจ เผย อาการนักร้องซี สาวหล่อ ดีขึ้น เตรียมเข้าห้องผ่าตัดกระดูกไหปลาร้า พรุ่งนี้
เมื่อเวลา 12.00น. วันนี้(29พ.ค.) ที่ รพ.ตำรวจ   พ.ต.ท.ศิริกุล  เจียรนัยขจร  รองโฆษก รพ.ตำรวจ เปิดเผยถึงอาการล่าสุดของ น.ส.มัฑณาวี คีแนน หรือ ซี สาวหล่อ ลูกครึ่งอังกฤษ-อินโดนีเซีย นักร้องค่ายอาร์เอส ที่ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถกระบะพุ่งชน ขณะเดินข้ามถนนพระราม 1   หน้า รพ.ตำรวจ  จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเข้าผ่าตัดสมอง พักรักษาตัวที่ห้อง ICU ร.พ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า

ขณะนี้ น.ส.มัฑณาวี  ออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องพิเศษ อาคารมงคลกาญจนา ห้อง 1005 แล้ว และพรุ่งนี้แพทย์จะทำการผ่าตัดกระดูกไหปลาร้าข้างขวาที่หัก   จากนั้นรอดูอาการอีก 1 สัปดาห์  ส่วนอาการโดยรวมล่าสุดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ไม่มีผลกระทบจากการผ่าตัดสมอง ผู้ป่วยอาจมีคลื่นไส้บ้าง และปวดแผลเล็กน้อย  ขณะนี้ยังมีสายยางดูดเลือดใต้กะโหลกศรีษะออกมาอยู่..

ดารา นักร้อง แห่ให้กำลังใจ ซี สาวหล่อ





ดารา นักร้อง แห่ให้กำลังใจ ซีสาวหล่อ บ่น ปวดสะโพก
ที่รพ.ตำรวจ เมื่อเวลา 12.30 น.  วันนี้ (29 พ.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   พ.ต.ต.นพ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ศัลยกรรมระบบประสาทและสมอง  ได้ลงตรวจความคืบหน้าอาการสมองของนักร้องสาวหล่อ “ซี-มัฑณาวี  คีแนน” ศิลปินค่ายอาร์เอสฯ พบว่า ซียังคงมีอาการปวดหัวอยู่ เนื่องจากเนื้อเยื่อใต้กะโหลกฟกช้ำจากแรงกระแทก ในส่วนของอาการคลื่นไส้อาเจียนที่ยังคงมีอยู่นั้น เป็นเพราะฤทธิ์ยาสลบจากการผ่าตัดที่ผ่านมา  ซึ่งทางแพทย์ก็ให้ยาแก้ปวดหัว และแก้อาเจียนรักษาตามอาการ ซึ่งจากผลการเอ็กซเรย์ล่าสุด ไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด  โดยแพทย์ได้ตรวจสัญญาณชีพ การตอบสนองระบบสมองและระบบประสาทเพิ่มเติม  ซึ่งยังคงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด จากนั้นได้ทำการล้างแผลที่กะโหลกศีรษะ ขณะเดียวกันซีได้บ่นว่ามีอาการปวดที่สะโพก ทางแพทย์จึงได้ให้นำเครื่องเอ็กซเรย์มาเอ็กซเรย์เพื่อติดตามดูว่ามีอาการแทรกซ้อนใด ๆ หรือไม่

พร้อมกันนี้ ช่วงบ่าย ได้มีศิลปินร่วมค่ายอย่าง โยชิ-นิมิตร มนัสพล (วงซีควิ้นท์) และ กราฟ-โอสธี  ซุ่นมงคล (วงแบลล็ค วานิลลา)  เดินทางมาพร้อมกระเช้าดอกไม้เพื่อเยี่ยมนักร้องสาวหล่อ  ตามมาด้วย เมย์-พิชนาฎ สาขากรณ์, เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ (วงเคโอติก) ส่วนที่มาเป็นคู่ คือ “โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร” เดินทางมากับ “พิชญ์-พิชญ์  กาไชย”  ที่มาเยี่ยมให้กำลังใจเพื่อนร่วมค่าย ล่าสุดช่วงเวลา ประมาณ 15.30 น. ดาราสาวชื่อดัง  พลอย-เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ ก็ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจซีด้วยเช่นกัน.




เปิดแพ็กเกจ 'ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3' สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แห่งปี





ซัมซุงจับมือ 3 โอปเรเตอร์เมืองไทย วางตลาด “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3” สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แห่งปี ราคาเดียวทุกค่าย 21,900 บาท แข่งกันที่แพ็กเกจโดนใจ
ซัมซุงจับมือ 3 โอปเรเตอร์เมืองไทย วางตลาด “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3” สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แห่งปี ราคาเดียวทุกค่าย 21,900 บาท แข่งกันที่แพ็กเกจโดนใจ

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์สื่อสาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3 ถือเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ลูกค้าในเมืองไทยรอคอย โดยเป็นไฮไลต์ผลิตภัณฑ์เด่นของซัมซุงในปีนี้  ซึ่งปัจจุบันมือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นกว่า 500% จากปี 2553 ลูกค้าสมาร์ทโฟนในเครือข่ายดีแทค มีสัดส่วนการใช้งานแอนดรอยด์สูงถึงเกือบ 20% คาดว่าใน 1-2 ปีข้างหน้า จะเติบโตขึ้นถึง 40% ตามการเติบโตในตลาดโลก

ทั้งนี้ดีแทคคาดว่าจะมียอดขายถึง 5 หมื่นเครื่อง ภายใน 6-8 เดือน จากโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน พร้อมจดทะเบียนแพ็กเกจ กาแลคซี่ เอส 3 ซูเปอร์ ดีล ใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด และใช้งานโทรฯ ได้เดือนละ 550 นาที ในอัตราค่าบริการเริ่มต้นเดือนละ 499 บาท ฟรีใช้งาน ดีแทค ไว-ไฟ นาน 6 เดือน พิเศษเมื่อจองผ่านเว็บไซต์ www.dtac.co.th ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม-3 มิถุนายนนี้  ได้รับสิทธิลุ้นเที่ยวเกาหลีฟรี หากไม่จองผ่านเว็บ สามารถซื้อได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคในเขตกรุงเทพฯได้ตั้งแต่ 3 มิถุนายน และที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคและดีแทคเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป

ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด เอไอเอส เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราความนิยมของสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่า 100% สาเหตุเพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน โดย “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3” ถือได้ว่าเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนดีไวซ์ที่สามารถผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับคนเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าเป็นฮิวแมนเทคโนโลยี

สำหรับแคมเปญพิเศษของเอไอเอส เมื่อสมัครแพ็กเกจ ไอสมาร์ท 399 บาทต่อเดือน รับสิทธิใช้เอไอเอส 3 จีและเอดจ์พลัสไม่จำกัด และโทรฯฟรี 200 นาที มีโปรโมชั่นพิเศษ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน เมื่อสั่งจองผ่านทางเอไอเอส ออนไลน์ ช็อปปิ้ง หรือที่ www.ais.co.th ตั้งแต่วันที่ 23–29 พฤษภาคม 2555 นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ฟรี อี-แมกกาซีน และอี-นิวส์เปเปอร์ จาก แอพเอไอเอส บุ๊ก สโตร์

ส่วนค่ายทรู นายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ หัวหน้ากลุ่มคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ การขาย และรีเทล บมจ.ทรู คอร์ ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรูมูฟ เอช เปิดจองซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3 ตั้งแต่ 23-31 พฤษภาคม  2555 ชำระค่ามัดจำ 3,120 บาท รับสิทธิพิเศษ เช่น สมัครแพ็กเกจสมาร์ท 899 นาน 12 เดือน ใช้ฟรี 6 เดือน พร้อมของแถมและเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์จากทรูวิชั่นส์ให้ดูทีวีผ่านมือถือนาน 1 ปี ผ่อน 0% นาน 18 เดือน และลุ้นแพ็กเกจชมคอนเสิร์ตมาดอนนาที่ฝรั่งเศส เปิดจองที่ร้านทรูช็อปทุกสาขาหรือที่ www.truemove-h.com หรือที่ www.weloveshopping.com

ทั้ง 3 โอปเรเตอร์ ขายเครื่อง ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3 ราคาเดียวคือ 21,900 บาท

สำหรับ “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 3” พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Designed for Humans : Inspired by Nature”  ออกแบบจากแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ หน้าจอขนาด 4.8 นิ้ว เอชดี ซูเปอร์ อะโมเลด ซีพียู แบบควอด-คอร์ 1.4 Ghz กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาด เช่น เอส วอยซ์ (S-Voice)ระบบสั่งงานด้วยเสียง รองรับได้ 8 ภาษา ไดเรค คอลล์ (Direct Call) โทรฯง่าย เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์ ระบบจะโทรฯออกตามเบอร์โทรศัพท์ที่เปิดอยู่ โดยอัตโนมัติ สมาร์ท สเตย์ (Smart Stay) สั่งการได้ด้วยสายตา และเอส-บีม (S-Beam) ส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องแบบง่าย ๆ เพียงแค่นำด้านหลังเครื่องมาแตะกัน.

เอชทีวีกับนิวไอแพด - ฉลาดใช้





อะฮ่า ทำตัวไม่ค่อยถูก หลังจากได้ครอบครองนิวไอแพด (New iPad) แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจากแอปเปิล

ในฐานะที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าของแอปเปิลเป็นรายแรกของไทย  แน่นอนว่าทรู คอร์ปอเรชั่น จึงย่อมได้สิทธิขายก่อนใครเช่นกัน

นิวไอแพด นั้น จอมีความละเอียดกว่า ไอแพด 2 ถึง 3  เท่า  แบตเตอรี่ใช้งานได้นานประมาณ 10 ชั่วโมง ถ้าใช้ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเน็ต หน่วยประมวลผล ดูอัลคอร์ 1 กิกะเฮิรตซ์ แอปเปิล เอ 5 เอ็กซ

ข้อมูลทางเทคนิคระบุว่า ตัวเครื่องจะหนากว่าไอแพด 2 แต่ไม่หนาไปกว่าไอแพดรุ่นแรก ก็เพราะหน้าจอมีความละเอียดสูงมาก จึงต้องการแบตเตอรี่หนากว่าเดิม

วันนี้จะพาไปดูทีวีบนมือถือผ่านนิวไอแพด โดยใส่ซิมทรูมูฟ เอช 3 จีพลัส และใช้งานควบคู่ไปกับสัญญาณไวไฟของทรูฯ

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจโมบายล์ บริษัททรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอชทีวี (H TV) เป็นการดูทีวีบนมือถือรูปแบบใหม่มากกว่า 90 ช่อง จากทรูวิชั่นส์ และจากแหล่งอื่น ๆ รวมทั้งฟรีทีวี โดยจะได้รับชมภาพระดับไฮเดฟิเนชั่นหรือภาพที่มีความคมชัดสูงได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านเครือข่าย 3 จีพลัสของทรูมูฟ เอช

ปัจจุบันทรูมูฟ เอช 3 จีพลัส เป็นเครือข่าย 3 จี ขนาดใหญ่ ครอบคลุม 77 จังหวัด 843 อำเภอ  5,158 ตำบล  จะให้บริการครบทุกตำบลในประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้

บริการไวไฟ มีมากกว่า 100,000 จุด และจุดบริการในต่างประเทศอีกประมาณ 200,000 จุด

สำหรับบริการ เอช ทีวีนั้น เป็นช่องทางใหม่ของการชมทรูวิชั่นส์นอกบ้าน ตามแพ็กเกจที่เป็นสมาชิก แม้กระทั่งพรีเมียร์ลีก ก็ชมได้

วิธีการดู เอชทีวีบนอุปกรณ์ไอแพด  เมื่อใส่ซิมทรูมูฟ เอช 3 จีพลัสแล้ว ก็เข้าไปที่แอพสโตร์ เพื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น เอชทีวี มาไว้บนไอแพดของเรา ช่วงนี้ให้ดาวน์โหลดฟรี แต่ต้องเป็นลูกค้าของทรูมูฟ เอช นะคะ จะได้รับสิทธิยกเว้นค่าบริการรายเดือนนาน 12 เดือน แต่ถ้าเป็นสมาชิกของทรูวิชั่นส์ด้วยก็ดูทีวีได้ทันทีตามแพ็กเกจที่สมัครเป็นสมาชิก จะซิลเวอร์ โกลด์ หรือแพลตตินัม ก็ดูได้

จบโปรโมชั่นดูฟรี แต่อยากดูต่อก็เสียค่าบริการเดือนละ 399 บาท เฉพาะลูกค้าทรูมูฟเอช 3 จีพลัส

เมื่อดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น เอชทีวี มาไว้ที่เครื่องของเราแล้วก็พร้อมใช้งานทันที แค่คลิกเข้าไป จะเจอรายการต่าง ๆ แยกเป็นไอคอนใหญ่ดูชัดเจนและสวยงามดี เช่น Home, TV Update มีบริการแจ้งเตือนรายการ

มีให้ดูมากมายจนเลือกไม่ไหว จะชอบดูข่าวจากฟรีทีวี หรือดูรายการของทรูวิชั่นส์ แม้กระทั่งทรูสปอร์ตก็คลิกเข้าไปดูได้ ผู้เขียนชอบดูทีวีของเพื่อนบ้าน เช่น ลาวสตาร์ ถูกใจมาก ๆ

มีช่องข่าวฟรีทีวีให้ดู แต่ไม่รู้ช่อง 3 หายไปไหน ไม่ยักกะมีในแอพพลิเคชั่นนี้

ระดับคุณภาพสัญญาณ หากดูบน 3 จีพลัส ก็อยู่ในระดับที่ชัดเจน ภาพไม่กระตุกหรือค้างเนิ่นนานเหมือนเมื่อก่อน ถ้าไปเจอสัญญาณไวไฟยิ่งสบาย ช็อตยิงประตูไม่มีค้างกลางอากาศแน่นอน

เค้าให้ดูกันแบบเรียลไทม์ด้วยนะ

นอกจากนี้ยังมี เอช มิวสิก (H MUSIC) สำหรับคนรักเสียงเพลง  ก็ทำเหมือนกันต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาก่อน จากนั้นจะฟังเพลง ดาวน์โหลดเพลง ติดตามดูอันดับเพลงทั่วโลกได้ทันที ซึ่งกลุ่มทรูฯ ได้ร่วมมือกับยูนิเวอร์ซัล มิวสิค เอาผลงานของศิลปินดัง ๆ มาให้ดูและดาวน์ผ่านแบบเอชดี

ที่ชอบคือเราสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินคนโปรดได้แบบเรียลไทม์ด้วย ว่ากันว่าไทยเป็นประเทศที่ 4 ในภูมิภาค ก่อนหน้านี้คือ สิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซียที่ร่วมมือกับยูนิเวอร์ซัล มิวสิค

ไม่ใช่ให้แค่ฟังเพลง เราสามารถเก็บและแชร์เพลงได้ด้วย

อาจจะสงสัยทำไมต้องดูบนไอแพด ดูบนระบบปฏิบัติการอื่นได้มั้ย แอพพลิเคชั่นนี้มีให้ดาวน์โหลดบนแอนดรอยด์มาร์เก็ตด้วย

เพียงแต่ยกตัวอย่างไอแพด  2 หรือนิวไอแพด ก็เพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันหลากหลาย ที่สำคัญนิวไอแพดเพิ่งจะเข้ามาวางขายในบ้านเราได้ไม่นาน คุณภาพจอที่ชัดแทบจะบาดลูกตาจึงเหมาะมากกับการรับชมภาพแบบที่มีความคมชัดสูง

ข้อดีของการเป็นลูกค้าของกลุ่มทรูฯ คือ เราสามารถใช้บริการอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน จะเรียกว่าเป็นเสน่ห์หรือกลยุทธ์การตลาดแบบเธอต้องรักฉันคนเดียวของกลุ่มทรูฯก็คงได้

คราวนี้จะบ่วง อีแพง อ้ายเสมาแห่งขุนศึก หรือซีรีส์โปรดในทรูวิชั่นส์ แม้จะยังไม่ถึงบ้านก็ไม่พลาดแล้วล่ะ.

ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com

แสดงความคิดเห็น

ตรวจแท็บเล็ตป.1ติดเงื่อนไขปลั๊ก 3 ขา






ตรวจสเปกแท็บเล็ตป.1 แล้ว 2,000 เครื่อง กรรมการตรวจรับติงปลั๊ก 2 ขา ขัดเงื่อนไขจัดซื้อ กำหนดต้องมีระบบสายดิน 3 ขา
ตรวจสเปกแท็บเล็ตป.1 แล้ว 2,000 เครื่อง กรรมการตรวจรับติงปลั๊ก 2 ขา ขัดเงื่อนไขจัดซื้อ กำหนดต้องมีระบบสายดิน  3 ขา

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงประเด็นปลั๊กแท็บเล็ตป.1ในโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือ โครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 กับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ว่า กรณีเรื่องระบบสายดินที่ระบุในทีโออาร์ (เงื่อนไขการจัดซื้อ) ต้องรอให้คณะกรรมการตรวจรับและตรวจสอบสเปกแท็บเล็ตป.1 พิจารณา

“เรื่องที่ระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับเรื่องของระบบสายดินต้องดูจากเจตนา ซึ่งในประเทศไทยตามข้อเท็จจริงแล้วปลั๊กที่เป็นยี่ห้อที่นิยมในประเทศไทยก็ใช้แบบ 2 ขา อย่างไรก็ตามรอรายงานจากคณะกรรมการตรวจรับและตรวจสเปกพิจารณาแล้วส่งรายงานสรุปมาอีกครั้ง”

ทั้งนี้ สโคปได้ส่งแท็บเล็ตป.1 จำนวน 2,000 เครื่องแรกมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับและตรวจสเปกได้ตรวจสอบแล้วเมื่อวันที่ 26-27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยปลั๊กสายไฟของทุกเครื่องเป็นแบบ 2 ขา ทว่าเงื่อนไขความต้องการทั่วไปของระบบที่ทำไว้ในสัญญาระบุว่า “ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตต้องสามารถนำมาใช้กับไฟฟ้ากระแสสลับตามมาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทยในช่วงตั้งแต่ 190-240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ 1 เฟส พร้อมระบบสายดิน (190-240 VAC 50 Hz single phase with ground system)” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ปลั๊กจะมีระบบสายดินต้องมี 3 ขา แต่แท็บเล็ต 2,000 เครื่องที่ส่งมาเป็นปลั๊ก 2 ขา

และถ้าคณะกรรมการตรวจรับสเปกตรวจให้ผ่าน ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการทำสัญญาให้สโคปผลิตแท็บเล็ต 4 แสนเครื่องเพื่อส่งมอบให้ไทยในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้สโคปผลิตแท็บเล็ตที่มีปลั๊กแบบ 2 ขา ดังนั้นสิ่งที่ต้องชัดเจนคือ ไอซีทีจะแก้ทีโออาร์ให้ปลั๊กไม่มีระบบสายดินหรือไม่? เพื่อทำให้สเปกที่สโคปส่งมาและทีโออาร์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะปลอดภัยกับคณะกรรมการตรวจรับและตรวจสเปก และเป็นไปตามประกันภัยที่ทำไว้ตามสัญญาที่ระบุว่าหากเครื่องแท็บเล็ตเกิดอะไรขึ้นจะได้รับเงินประกัน 200,000 บาท/เครื่อง.

มาตรฐานบริการโทรคมนาคมไทยตกต่ำ!!!





จากสถิติปัญหาร้องเรียนของผู้ใช้บริการด้านโทรคมนาคม ซึ่งประกอบด้วย โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์พื้นฐาน และสถานีวิทยุโทรคมนาคม ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 พ.ค. 55 พบว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 697 เรื่อง
จากสถิติปัญหาร้องเรียนของผู้ใช้บริการด้านโทรคมนาคม ซึ่งประกอบด้วย โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์พื้นฐาน และสถานีวิทยุโทรคมนาคม ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 พ.ค. 55 พบว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 697 เรื่อง

โดยปัญหาค่าบริการผิดพลาดครองอันดับ 1 มีผู้ร้องเรียนมากสุด คิดเป็น 24.96 เปอร์เซ็นต์ และเป็นปัญหาที่ครองแชมป์ทุกปี

ส่วนปัญหาการร้องเรียนอันดับ 2 เป็นเรื่องมาตรฐานบริการที่ทุบสถิติดีดตัวเองจากปัญหาที่อยู่ในอันดับ 4 พุ่งขึ้นอันดับ 2 มีผู้ร้องเรียนคิดเป็น 18.79 เปอร์เซ็นต์ และปัญหาที่ร้องเรียนเป็นอันดับ 3 คือ ปัญหาเรื่องบัตรเติมเงิน (พรีเพด) เช่น วันหมดอายุของบัตรเติมเงิน คิดเป็น 18.51 เปอร์เซ็นต์

นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ช่วงปี             2552-2554       ปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรฐานบริการอยู่ในอันดับ 4 แต่ปี 2555 เพียงสี่เดือนครึ่งปัญหาเรื่องมาตรฐานบริการมีการร้องเรียนเข้ามาอยู่ในอันดับที่ 2 เพราะที่ผ่านมาพบปัญหาสายหลุด โทรฯไม่ติด และสัญญาณล่มอยู่บ่อยครั้ง

“แนวทางแก้ไขปัญหานี้ คือ สำนักงาน กสทช. ต้องทดสอบมาตรฐานสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตลอดทั้งปีและทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้สำนักงาน กสทช. ได้ทำโครงการไดร์ฟเทสต์ หรือขับรถทดสอบสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามจุดต่าง ๆ หากพบพื้นที่ใดมีสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อ่อนก็ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของโครงข่ายปรับปรุง”

ทั้งนี้ หากแยกบริการด้านโทรคมนาคมเฉพาะประเภทโทรศัพท์เคลื่อนที่ พบว่า 1 ม.ค.-15 พ.ค.55 มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 498 เรื่อง ปัญหาร้องเรียนมากสุด คือ บัตรเติมเงิน ค่าบริการผิดพลาด และมาตรฐานบริการ ตามลำดับ ซึ่งน้อยกว่าจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ 70 ล้านเลขหมายเป็นอย่างมาก

นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจพบว่า คนไทย 100 คนที่พบปัญหาจะมาร้องเรียนเพียง 2 คน ดังนั้นอีก 98 คนจะไม่ร้องเรียน ซึ่งปัญหาที่ได้รับร้องเรียนเมื่อถูกแก้ไขก็เป็นการแก้ไขให้กับผู้ร้องเรียนเพียง 2 คน ดังนั้นทางแก้ปัญหาที่ครอบคลุมคือการแก้ปัญหาให้กับคนที่พบปัญหาอีก 98 คนที่ไม่ร้องเรียนด้วย ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่นมาตรฐานบริการไม่ดีก็ต้องแก้ไขที่มาตรฐานบริการ

ส่วนการกระตุ้นให้เกิดการร้องเรียนเมื่อพบปัญหาก็เป็นแนวทางที่จะดำเนินงาน คือ พัฒนารูปแบบการรับเรื่องร้องเรียนให้ง่าย และใช้ต้นทุนต่ำ เช่น เบอร์ 1200 ที่ใช้รับเรื่องร้องเรียนปัจจุบันไม่เสียค่าโทรศัพท์เมื่อโทรฯเข้ามา ทำให้เรื่องการจัดส่งเอกสารหลักฐานมีราคาที่ถูก และทำระบบกติกาการร้องเรียนให้สะดวกแก่ประชาชน รวมทั้งให้ความรู้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องสิทธิต่าง ๆ ในกิจการโทรคมนาคม เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกละเมิดสิทธิ์.

@phetchan

ยิงดับส.อบต.ตะพงขณะขับรถกลับบ้าน






ยิงดับ ส.อบต.ขณะขับรถกลับบ้าน จนเสียหลักพลิกคว่ำ ตำรวจงง ญาติยืนยันไม่เคยมีเรื่องกับใคร ตั้งสามประเด็นส่วนตัว การเมืองท้องถิ่น หรือขับรถปาดหน้า
เมื่อเวลา 21.50 น. วันที่ 29 พ.ค. ร.ต.ท.พรชัย  สุขเจริญ  พงส.( สบ 1 )  สภ.เมืองระยอง รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงและมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในรถยนต์ พลิกคว่ำชนป้ายข้างทางเหตุเกิดเลยหน้าศูนย์เบนซ์ ถนนสาย 36 หมู่ 5 ต.เชิงเนิน ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุกิตติ ไสวเกียรติ ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานระยอง ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน บน 4369 ระยอง บรรทุกแก๊ส 3 ถังพร้อมเตา พลิกคว่ำตกอยู่ข้างทาง ภายในรถยนต์พบศพนายภิญโญ หรือเปี๊ยก  ภิริโย อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171/1 หมู่ 4 ต.ตะพง มีตำแหน่งเป็น ส.อบต. หมู่ 4  สภาพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าตามร่างกายหลายนัด

สอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพรับจ้างทำอาหารโต๊ะจีน ก่อนเกิดเหตุได้เก็บข้าวของเครื่องใช้หลังเสร็จงานเลี้ยงในบริเวณบ้านพักพนักงานบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) สี่แยกบ้านแลง แล้วขับรถกระบะกลับบ้าน ระหว่างทางถูกคนร้ายคาดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คนพร้อมอาวุธครบมือขับรถมาประกบแล้วยิงปืนใส่ เบื้องต้นทางญาติคนตายระบุว่านายภิญโญ ไม่มีเหตุโกรธแค้นกับบุคคลใดทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่ถูกสังหารในครั้งนี้แต่เจ้าหน้าที่คาดน่าจะมีความขัดแย้งส่วนตัว หรือการเมืองท้องถิ่นหรือขับรถปาดกันบนท้องถนน ซึ่งจะติดตามคนร้ายดำเนินคดีต่อไป

ศาลสั่งจำคุกบก.สาวเว็บประชาไท แต่รอลงอาญา1ปี





ศาลพิพากษา จำคุก บก.เว็บประชาไท ฐานละเลยให้มีผู้โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง 8 เดือน ปรับ 2 หมื่น โทษจำคุกให้รอ 1 ปี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 30 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณา  704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หมายเลขคดีดำ อ.961/53 ซึ่งมีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร  อายุ 44 ปี  ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท เป็นจำเลยฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 สืบเนื่องจากระหว่างวันที่ 15 เม.ย. - 3 พ.ย.51  มีผู้โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง แต่โจทก์ในฐานะผู้ดูแลเว็บไซต์ กลับไม่ตรวจสอบ จึงเป็นการสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อความอันเป็นการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย  ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า มีการตรวจพบ ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ถึง 9 ยูอาร์แอล แต่จำเลยกลับอ้างว่า ข้อมูลในกระดานเว็บบอร์ดมีจำนวนมาก  และจำเลยเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์เพียงคนเดียว ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั่วถึงนั้นเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่เป็นผู้ดูแลเว็บไซต์จำต้องตรวจสอบข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทผู้อื่น หรือผิดกฎหมาย    ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักมาหักล้างพยานหลักฐานได้  จำเลยจึงมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 15 ประกอบมาตรา 14 อนุ 3 ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ปรับ 30,000 บาท  ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 8 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร กล่าวว่า ตนยังคงไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา และจะร่วมปรึกษากับทนายความว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่  ขณะที่นายธีรพันธุ์  พันธุ์คีรี  ทนายความกล่าวว่า โดยรวมค่อนข้างพอใจกับคำพิพากษา แต่ยังมีบางประเด็นที่เห็นว่าจำเลยน่าจะมีความผิดแค่บกพร่องในการตรวจสอบ ดูแล ข้อความในเว็บบอร์ด แต่ศาลกับเห็นว่า  จำเลยจงใจกระทำความผิด และมีส่วนสนับสนุนให้ผู้อื่นโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง   ซึ่งจำเลยน่าจะมีความผิดเพียงประมาทเลินเล่อผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวภาคเอกชนหรือเอ็นจีโอทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง ให้ความสนเดินทางมาฟังคำพิพากษาจำนวนมาประมาณ 100 คน จนแน่นห้องพิจารณา .

นายกฯรับมอบงานลอกคลองสนามชัย





นายกฯ ควง ผบ.ทบ. รับมอบงานขุดลอกคลอง 277 สาย สั่ง ครม.ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าแผนบริหารจัดการน้ำต้นเดือน มิ.ย. พร้อมสั่งผู้ว่าฯทุกจังหวัดดูแลเงินชดเชยอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ ( 30 พ.ค.)  ที่คลองสนามชัย วัดบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพีธีปิด และส่งมอบงานโครงการขุดลอกคลองในพื้นที่ กทม. ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพบก  277 สาย ที่ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้วให้กับ กทม. โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา  รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุกำพล  สุวรรณทัต รมว.กลาโหม  พล.อ.ประยุทธ์ จันทน์โอชา ผบ.ทบ. และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร ผู้ว่าฯกทม ให้การต้อนรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงเรือสำรวจความเรียบร้อยในการขุดลอกเส้นทางน้ำในคลองสนามชัยร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมกองทัพบกที่ทำงานได้เร็วกว่ากำหนดถึง 11 วัน และขอให้ประชาชนสบายใจว่าทุกภาคส่วนทำงานกันเต็มที่ เพื่อการแก้ปัญหาอุทกภัย ไม่ให้เป็นฝันร้ายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วอีก จากนั้นนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้พื้นที่ต้นน้ำและกลางน้ำยังไม่เรียบร้อย เพราะติดขัดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนพื้นที่กลางน้ำส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ซึ่งเสร็จไปแล้ว 40-50% ทั้งนี้ตนจะเร่งรัดให้ทัน และจะตรวจพื้นที่ทั้งหมดในเดือนหน้า และสั่งการให้ ครม. ลงพื้นที่ตรวจเป็นรายจังหวัดร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับพื้นที่ปลายน้ำนั้น เป็นการขุดลอกคูคลอง ซึ่งคืบหน้าไป 80 % เหลืออีกเพียง 20%  เชื่อว่าน่าจะทันตามกำหนด ส่วนการระบายน้ำมีการบูรณาการ และประชุมกันทุกสัปดาห์ ต่อไปนี้การระบายน้ำจะไม่ประสานกันทั้งระบบ ไม่ดูเฉพาะเขื่อนของตัวเอง กทม.มีการบริหารจัดการของตัวเอง แต่โดยภาพรวมต้องทำงานร่วมกันเพราะเป็นภารกิจของประเทศ


น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีที่ชาวบ้านไม่พอใจและออกมาประท้วงการจ่ายเงินค่าซ่อมแซมบ้านในพื้นที่ต่าง ๆนั้น ตนจะเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด เพื่อให้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้มีการตั้งคณะกรรมการกลาง เพื่อให้เข้าไปดูความเสียหายที่แท้จริงยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะไม่จ่ายเงินหรือไม่ดูแลประชาชน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาจากพื้นที่ที่ไม่มีการรายงานเข้ามา ซึ่งตนก็ได้กำชับผู้ว่าฯให้ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดแล้ว ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้การขุดลอกคลองในส่วนของ กทม.เสร็จไปแล้วกว่า 70 % ซึ่งในจำนวนนี้บางคลองยังทำไม่เสร็จ แต่คาดว่าต้นเดือน มิ.ย. น่าจะเสร็จทันตามระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนด สาเหตุที่ล่าช้า เพราะขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐก็ทำงานในสิ่งเดียวกัน หน่วยงานภาคเอกชนก็มีจำนวนจำกัด ผู้สื่อข่าวงานว่า ล่าสุดได้มีการรายงานความคืบหน้าการขุดลอกคูคลองในพื้นที่กทม.ให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยพบว่า คลองที่กองทัพบกรับผิดชอบ 277 สายใน 27 เขตของ กทม. ระยะทาง 558 กิโลเมตร เสร็จแล้วทั้งหมด ในส่วน 29 คลองที่กทม.รับผิดชอบนั้น ทางกทม.ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน จึงได้ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้ามาช่วยดำเนินการ 6 คลอง และมอบหมายกองทัพไปดำเนินการอีก 8 คลอง เหลือกทม.ดำเนินการเอง 15คลอง ซึ่งแล้วเสร็จไปเพียง 1 คลองเท่านั้น อีก 2 คลองกำลังดำเนินการ.

"จำลอง"นำทัพเคลื่อนม็อบล้อมสภาหยุดปรองดอง





ม็อบเหลืองล้นลานพระรูป "สนธิลิ้ม" ขึ้นเวทีซัด "สนธิบัง" เป่านกหวีดเคลื่อนพล "จำลอง" นำทัพพันธมิตรนับพันคน เคลื่อนพลปิดล้อมรัฐสภา ขวางการบรรจุวาระ
ช่วงบ่าย (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่รวมตัวชุมนุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ฉบับที่เสนอโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 ว่า กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มทยอยกันมาจนเกือบเต็มลานแล้ว ขณะนี้กำลังรอเวลานัดหมายอย่างเป็นทางการ เพื่อเคลื่อนตัวไปที่บริเวณรัฐสภาในเวลา 15.00 น.

ขณะเดียวกันได้มีแกนนำคือนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายพิภพ ธงไชย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยโจมตี พล.อ.สนธิ ที่เป็นผู้เสนอที่เห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยถ้อยคำรุนแรง

สำหรับมาตรการการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุม ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 7 กองร้อยดูแลการชุมนุมในพื้นที่ ตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้า ถึงอาคารรัฐสภาและพื้นที่โดยรอบ

ส่วนที่บริเวณประตูรัฐสภา 3 ด้านถนนราชวิถี ซึ่งเป็นจัดนัดหมายของกลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน หรือกลุ่มเสื้อหลากสี ที่นัดรวมตัวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับ ตั้งแต่เช้ามีการนำรถติดเครื่องขยายเสียงมาประจำที่ โดยมีมวลชนบางส่วนเริ่มเดินทางมาแล้วเช่นกัน

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น. กล่าวว่า มีการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ เเละมีการวางมาตรการอย่างเข้มงวด พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ส่วนด้านการข่าวขณะนี้ยังไม่พบว่าจะมีกลุ่มคนต่อต้าน หรือเหตุรุนแรงแต่อย่างใด สำหรับการจราจรในขณะนี้พบว่ารถเริ่มติดขัดบริเวณถนนอู่ทองใน ถนนราชวิถี และบริเวณโดยรอบรัฐสภาแล้ว

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.จำลอง ได้ประกาศเคลื่อนพลนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปหน้ารัฐสภา ยึดถนนอู่ทองในเป็นที่ตั้งเวทีเคลื่อนที่บนรถบรรทุก พร้อมปราศัยโจมตีว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ในขณะที่ เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อบด้านหน้าได้ล่าถอยเข้าภายในรั้วรัฐสภาและปิดประตูทุกด้านทันที.

อาม่าเจ้าของมินิคูเปอร์ปัดไม่รู้เห็นเหตุการณ์





อาม่าวัย 81 เจ้าของมินิคูเปอร์ พบตำรวจ ปัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง วันเกิดเหตุนอนรักษาตัวที่ รพ.กระทั่งทราบภายหลัง จึงเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนหลานชายอยู่ระหว่างทำใจ และจะเดินทางเข้ามอบตัวไม่เกิน 5 มิ.ย.นี้
 กรณีผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ Wong Cartoon ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของน.ส.โชติกา ประสารโสภณ อายุ 22ปี  น.ศ.ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์มินิคูเปอร์  ป้ายแดง ทะเบียน 4721 พุ่งชน ขณะที่ตนเองพร้อมเพื่อนอีก 3 คนลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุรถชนกันบนสะพานพระราม 9 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา แล้วหลบหนีไป จนกลายเป็นประเด็นดังในสังคมออนไลน์ โดยตำรวจได้พยายามหาเบาะแสผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวจากกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งในบริเวณเส้นทางที่คาดว่า รถยนต์มินิคูเปอร์จะแล่นผ่าน จนกระทั่งทราบชื่อผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวและออกหมายเรียกเข้าพบเพื่อให้ปากคำตามที่ได้เสนอข่าวไปนั้่น   ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ ( 30 พ.ค.) นางหงษ์ แซ่ลี่ อายุ 81 ปี เจ้าของรถมินิคูเปอร์สีแดงพร้อมนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความได้เดินทาง เข้าพบพตท.ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผกก.งานศูนย์ควบคุมการจราจรด่วน 1 และ พ.ต.ท..กันตภณ สินธวาชีวะ พงส.สบ.3 สน.ทางด่วน1 ตามหมายเรียกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาทำการสอบปากคำ โดยนางหงษ์ กล่าวว่าตนไม่ทราบว่าหลานชายของตนขับรถคันดังกล่าวไปชนคนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากในวันและเวลาเกิดเหตุได้เข้ารับการผ่าตัดทำบายพาส และพักฟื้นด้วยอาการโรคหัวใจที่รพ.ศิริราช แต่หลังจากกลับไปพักฟื้นที่บ้าน พบว่าหลานชายมีอาการเศร้าซึม วันๆเอาแต่เก็บตัวร้องไห้ในห้อง จึงเรียกมาสอบถามจนทราบว่า ได้ขับรถคันดังกล่าวไปชนคนได้รับบาดเจ็บจริงๆ และรู้สึกตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก โดยหลังเกิดเหตุหลานชายของตนยังนำรถคันดังกล่าวเข้าอู่ซ่อมแซม ส่วนตัวของหลานชายขณะนี้ทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดกับเพื่อนและจะเข้ามอบตัวกับตำรวจไม่เกินวันอังคารที่ 5 มิ.ย.นี้แน่นอน

นายโอภาส คงปาน อายุ28 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนอีก 5 คน อยู่ในรถเก๋งมิตซูบิซิ สีแดง วิ่งมาทางช่องทางขวาสุดและเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง พ 7897 กทม. แฟนสาวของตนก็ได้ลงไปหาคนช่วย เนื่องจากตนและเพื่อนติดอยู่ภายในรถ จากนั้นกลุ่มของน.ส.โชติกา ผู้บาดเจ็บได้มาช่วย จากนั้นไม่นานตนก็เห็นรถมินิคันดังกล่าวที่วิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนพุ่งชนกลุ่มพลเมืองดีกระเด็นไปคนละทิศละทาง และเห็นร่างของน.ส.โชติกา ถูกชนอย่างแรงจนลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนตกลงมากระแทกพื้นแน่นิ่ง หลังเกิดเหตุคนขับรถยนต์ มินิ คูเปอร์ ได้ชะลอความเร็วดูก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พ.ต.ท.ณัฐพล กล่าวว่า วันนี้ได้สอบปากคำนางหงษ์ในฐานะเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนนายชลวิทย์ หลานชายของนางหงษ์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์มินิคูเปอร์ ทราบว่ได้รับหมายเรียกแล้ว และจะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดแต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวนายชลวิทย์ก่อนก็สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ทันที เนื่องจากพยานหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว จึงขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ หากไม่มาแสดงตัวตนก็ต้องออกหมายจับทันที.

สถานที่ในข่าว
สน.ทางด่วน1
ข่าวในพื้นที่ใกล้เคียง
กรื้ด!แจ้งจับเพื่อนหื่นแอบถ่ายคลิปในสุขา
30 พฤษภาคม 2555 - 18:05 น.
“มาร์ค”พบ“ซูจี”ถกปัญหาด้านแรงงานเศรษฐกิจ
30 พฤษภาคม 2555 - 18:05 น.
นายกฯรับมอบงานลอกคลองสนามชัย
30 พฤษภาคม 2555 - 17:05 น.
แสดงความคิดเห็น

พันธมิตรฯ บุกยื่นหนังสือล้มกฏหมายปรองดอง





แกนนำพันธมิตรฯ "จำลอง-สนธิ"บุกยื่นหนังสือล้มกฏหมายปรองดอง แจ้งรายละเอียดยิบ 4 ข้อ เอื้อประโยชน์ให้บางคน
เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่รัฐสภา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายประพันธ์ คูณมี ได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้หยุดยั้งการตรากฎหมายล้างความผิดให้กับนักการเมือง

ทั้งนี้นายเจริญ ได้เดินทางออกมายังบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อรับหนังสือดังกล่าว โดยระหว่างที่ยืนรอรอแกนนำพันธมิตรฯ อยู่นั้นปรากฏว่าได้ถูกกลุ่มพันธมิตรโห่ไล่ พร้อมต่อว่านายเจริญ อยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเหตุใด ไม่ไปรับหนังสื่อภายในอาคาร เพราะปลอดภัยกว่า นายเจริญ กล่าวว่า เป็นเงื่อนไขของแกนนำพันธมิตรฯ ต้องการให้รับหนังสือตรงจุดดังกล่าว โดยมีกลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา  น.ส.สุมล สุตวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง เป็นผู้ประสานงาน
   
สำหรับหนังสือดังกล่าวระบุว่า จากการที่พันธมิตรตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง พบว่ามีปัญหาในหลายประเด็น คือ 1.เป็นร่างกฎหมายที่มุ่งหวังแต่จะลบล้างความผิดของบุคคลต่าง ๆ ในอดีต ทั้งที่บางคดีมีคำพิพากษาของศาลฎีกาจนถึงที่สุดแล้วจะตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในหมู่คนในชาติให้เลวร้ายลงไปยิ่งกว่าเดิม

2.กฎหมายฉบับนี้ มีสภาพบังคับที่ไร้ขอบเขต ไม่มีคำนิยามที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง นอกจากนี้ การบัญญัติที่ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับประกาศหรือคำสั่งของคณะปฏิรูป ก็มีความไม่ชัดเจน และกินความกว้าง ครอบคลุมกระทบไปถึงองค์กรต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว อย่างไม่มีข้อจำกัด

3.มีการก้าวล่วงไปถึงการล้มล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำลายระบบการถ่วงดุลตรวจสอบของศาลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง

4.ส.ส.และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลหลายคนยังได้รับประโยชน์โดยตรงจาก พ.ร.บ.ดังกล่าว และ 5.พ.ร.บ.ปรองดองเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา จึงขอให้ระงับ หยุดยั้งการพิจารณาหรือการให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติทุกฉบับ
             
นายเจริญ กล่าวภายหลังรับข้อเรียกร้องว่า ขณะนี้ ส.ส.ได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองมาแล้วและจะต้องบรรจุเป็นวาระ ส่วนจะมีการเลื่อนวาระการประชุมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภา เพราะหากพวกตนไม่นำ พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่การประชุม ตามที่ได้มีผู้เสนอก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นในการประชุมในวันที่ 30 พ.ค. ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็จะมีการอภิปรายในที่ประชุม

เมื่อถามว่า หากที่ประชุมเห็นว่าควรที่จะเลื่อนวาระการประชุมขึ้นมาเป็นวาระที่ 1 ในวันที่ 31 พ.ค. จะทำให้ผู้ชุมนุม ไม่พอใจและบักหลักค้างคืน และยังจะประชุมต่อหรือไม่ นายเจริญ กล่าวว่า การประชุมยังคงต้องเดินต่อไป เพราะในสภา ยังมีการประชุมหลายเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง เท่านั้น และยังมีทางที่สามารถเข้าออกสภาได้อยู่ ซึ่งไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะยังถือว่าผู้ชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตย จึงเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น.