วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

“ตุ๊กกี้” แพลนอีก2ปีแต่ง“บูบู้”แน่!


เพิ่งจะควงกันกลับมาจากเกาหลีหมาด ๆ สำหรับ ตลกสาวอารมณ์ดี ตุ๊กกี้-สุดารัตน์ บุตรพรม กับแฟนหนุ่มนอกวงการ บูบู้-กำธร โพธิ์น้ำคำ ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวตุ๊กกี้เลยขอถามถึงทริปสวีทนี้กันสักหน่อย รวมไปถึงเรื่องแต่งงานที่เจ้าตัวออกปากว่าอีก 2 ปีแต่งแน่

“คือจริง ๆ บูบู้เขาไปรับของจากเกาหลีและฮ่องกงมาขายที่นี่อยู่แล้ว เวลาไปก็จะจองตั๋วได้ในราคาแม่ค้าแพลตตินั่ม เขาก็จะหนีบ   เราไปด้วย เขาก็ไปซื้อของ ตุ๊กกี้ก็ไปชอปปิง” คิดว่าจะมีควงไปสวีทแบบไม่ต้องซื้อของหรือทำงานบ้างไหม? “ความสวีทมันเป็นอารมณ์แรกเริ่มของการรักกัน แต่เราอยู่กันมานาน 8 ปีแล้ว ก็จะเป็นความเอ็นดู ความเป็นห่วงเป็นใยกันมากกว่า” เขามีมุมหวาน ๆ หรือเซอร์ไพร้ส์บ้างไหม? “เขาจะเซอร์ไพร้ส์เราในเรื่องอาหารการกิน (หัวเราะ) ช่วงนี้ก็จะดูแลพิเศษ อย่างสมมุติเราซ้อมคอนเสิร์ตเสร็จ กลับบ้านมาก็จะมีอาหารเต็มโต๊ะเลย แล้วก็ซื้อวิตามินมาไว้ที่ที่นอน แต่จริง ๆ ตัวเราจะชอบเซอร์   ไพร้ส์ เขามากกว่านะ เพราะเขาไม่ชอบขอ เขารู้ว่าเราทำงานเหนื่อย สมมุติว่าเขาชอบอะไรเขาก็จะยืนมอง ถ่ายรูป เราก็จะสังเกต แล้วให้มอเตอร์ไซค์ไปซื้อให้” เดี๋ยวนี้เขาเริ่มชินหรือยัง เพราะพอเปิดตัวคนก็รู้จักเขามากขึ้น? “ล่าสุดไปเกาหลี ก็จะมีคนมาขอถ่ายรูปบูบู้ด้วย (หัวเราะ) แต่เรื่องน้อยใจเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เลยจุดนั้นมาแล้ว อย่างเมื่อก่อนเวลาไปด้วยกัน คนจะแซวว่าเขามารอออกทีวี อยากออกสื่อหรอ เผื่อมีช็อตไหนให้เดินผ่าน เราก็ไม่เป็นไรบู้ เดี๋ยวเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เราเอง ตอนนี้ก็เริ่มปลงแล้ว ชินแล้ว”

วางแผนอนาคตยังไงบ้าง? “เขาบอกว่าอีก 2 ปีจะแต่งงาน ตุ๊กกี้ก็พร้อมอยู่แล้ว เพราะคบกันมาจะ 9 ปีแล้ว คือครั้งก่อนตุ๊กกี้เคยบอกว่าถ้าคบใครถึง 9 ปีแล้วจะแต่งงาน จนเราลืมไปแล้ว แต่เขาจำได้ ไปพูดกับแม่เราว่าจะขอแต่ง แม่เราก็บอกว่าแล้วแต่ลูก ๆ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะเราก็โตแล้ว คนรู้อยู่แล้วว่าตุ๊กกี้อยู่กับบูบู้อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรก แต่ที่อยากแต่งงานเพราะอะไร อยากให้สังคมยอมรับ ถ้าเป็นคนสมัยใหม่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งคนก็จะมองว่าอะไรเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชนเลย เราก็เลยตัดสินใจจะแต่ง คือแม่ตุ๊กกี้ไม่ซีเรียสเลยนะ แต่พ่อจะซีเรียสว่าลูกเป็นคนมีชื่อเสียง และพ่อมีหน้ามีตาในหมู่บ้าน เราก็โอเค ๆ เดี๋ยวจัดงานให้ แต่ถามว่าครึกโครมใหญ่โตไหม ก็คงไม่ แต่อาจจะโดนคุณปัญญายุให้แต่งใหญ่ อาจจะแต่งใหญ่ก็ได้ (หัวเราะ)” มีธีมในใจไหม? “เอาจริง ๆ ตุ๊กกี้อยากแต่งเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย เราชอบตุ๊กตาบลายธ์ ชอบมองชมพู่-อารยา ถ้าเราเลือกเกิดได้อยากเกิดเป็นชมพู่ เป็นตุ๊กตาบลายธ์ แต่เราก็คิดว่าถ้าเราเกิดเป็นอย่างนั้น อาจจะไม่ดังเหมือนหน้าแบบนี้ก็ได้ ส่วนบูบู้เขาอะไรก็ได้สบาย ๆ”.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

"ใบเตย-อาร์สยาม" ทรุด หามเข้าโรงพยาบาล ปากเบี้ยว-อวัยวะซีกซ้ายอ่อนแรง


เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้( 17เม.ย.) ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลทักษิณ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี  นายสุขสวัสดิ์ จันทร์ศิริ ได้นำตัว น.ส.สุธีวัน ทวีสิน หรือ ใบเตย อาร์สยาม อายุ 24  ปี ศิลปินลูกทุ่งชื่อดัง เข้ารับการรักษาตัวหลังมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง เมื่อกลางดึกที่ผ่าน จนมีอาการอ่อนเพลีย ทั้งนี้แพทย์ได้นำตัวเข้าตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่ามีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงจากอาหาร ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย อวัยวะซีกซ้ายอ่อนแรง มีอาการชา และปากเบี้ยวจนทำให้พูดจาได้ลำบาก  แพทย์จึงสั่งให้นอนพักดูอาการ พร้อมทั้งให้น้ำเกลือ
นายสุขสวัสดิ์ จันทร์ศิริ ผู้จัดการส่วนตัว “ใบเตย” กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะล้มป่วยใบเตยอยู่ระหว่างเดินสายแสดงคอนเสิร์ตในพื้นที่ภาคใต้  โดยมีกำหนดเปิดการแสดงที่ จ.ภูเก็ต แต่ต้องยกเลิกไปเนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว  ใบเตยจขึงเปลี่ยนโปรแกรมมาพักผ่อนกับครอบครัวที่ จ.ภูเก็ต จนกระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ใบเตยเริ่มมีอาการท้องเสีย แต่ไม่รุนแรง จนกระทั่งตอนเช้าจึงได้เดินทางออกจาก จ.ภูเก็ต  มุ่งหน้าเข้า จ.ชุมพร เพื่อแสดงคอนเสิร์ตที่ปากน้ำชุมพร ในคืนนี้
แต่ระหว่างทางใบเตยยังมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง และเริ่มมีอาการชาตามร่างกายซีกซ้าย  ชักเกร็ง ปวดหัว  จนปากเบี้ยวและเปล่งเสียงไม่ชัด สร้างความตกตะลึงให้กับทีมงาน จนต้องตัดสินใจนำตัวเข้าพบแพทย์ดังกล่าว นายสุขสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า จะยังคงให้ใบเตย นอนพักที่โรงพยาบาลทักษิณ เพื่อรอดูอาการ และรอพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยสาเหตุอย่างแน่ชัดอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจว่าจะกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพหรือไม่ ตอนนี้กลัวน้องเขาจะได้รับผลกระทบจากการที่ร่างกายไม่ได้พักผ่อน การเคลื่อนย้ายหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

จรเมืองกรุงฆ่าเสี่ยชิงทอง13บาทดับ2ศพ







โจรกรุงโหดฆ่าเสี่ยร้านตัดสูท จับศรีษะกระแทกกระถางต้นไม้ตายชิงสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท อีกรายเสี่ยร้านเด่นข้าวมันไก่ถูกซุ่มยิงชิงทอง10บาทตายคาลานจอดรถวัดดัง
เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (18 เม.ย.) ร.ต.อ. ชนินทร ง่วนสน พงส.สน.ปทุมวัน  ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่หน้าหจก.ไทรอัมพ์ สปอร์ต  เลขที่ 66 ถนนพระราม 1  แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพ  ไปตรวจสอบพบศพนายศิริพงษ์  จิระพงศ์สกุล อายุ 68 ปี เจ้าของร้านตัดสูทชื่อเงาะ  เลขที่ 66 ติดกับสถานที่เกิดเหตุ สภาพศพมีบาดแตกเหนือคิ้วซ้าย     โดยพยานเห็นเหตุการณ์ระบุว่า คนร้ายเป็นชายกำลังทำร้ายนายศิริพงษ์ โดยจับศรีษะกระแทกกระถางต้นไม้  ก่อนชิงสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท  พร้อมพระเลี่ยมทองไป ตำรวจจะหาภาพวงจรปิด  ตามตัวคนร้ายต่อไป

อีกรายเมื่อเวลา 22.00 น. วันนี้ (17 เม.ย.)  ร.ต.อ.ธวัชชัย เดชอุปการ พงส. (สบ1) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดมัชฌันติการาม(วัดน้อย) ซอยวงศ์สว่าง11 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ  ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.จักร อ่อนนิ่ม ผกก.สน.ประชาชื่น แพทย์นิติเวช รพ.รามา พฐ. และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถภายในวัดเจ้าหน้าที่พบศพนายอุดมพร ไพงาม อายุ 35 ปี เจ้าของร้านเด่นข้าวมันไก่หน้าปากซอยวงศ์สว่าง11 ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าศีรษะ 1 นัด นอนหงายเสียชีวิตสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเทา กางเกงยีนต์มีกระเป๋าสีน้ำตาลสะพายคาดหน้าอก  ข้อมือซ้ายสวมนาฬิกา  ตรวจสอบโดยละเอียดพบสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทมูลค่ากว่า 2 แสนบาทหายไป   ส่วนข้างรถกระบะเลขทะเบียน สว 8904 กรุงเทพมหานครพบพระเลี่ยมทองตกอยู่ใต้ท้องรถจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนนายจิรานุวัฒน์ ยืนนาน อายุ 24 ปี ลูกจ้างร้านข้าวมันไก่ ให้การหน้าตาตื่นว่า ก่อนเกิดเหตุทุกวันตนและผู้ตายจะมาเปิดร้านขายข้าวมันไก่ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ก่อนเก็บร้านประมาณ 20.00 น.ของทุกวัน  พอใกล้เก็บร้านเสร็จนายอุดมพรจะเดินไปที่รถที่ลานจอดภายในวัดเพื่อกลับมาล็อกกุญแจและเดินทางกลับบ้านพักที่ย่านอ.ลำลูกกาคลอง 3 จ.ปทุมธานี แต่ตนผิดสังเกตและเอะใจว่า ปกตินายอุดมพรจะเดินไปขับรถมาปิดร้านไม่เกิน 10 นาที แต่ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มาเสียที  จึงตัดสินใจปั่นจักรยานไปดู เมื่อไปถึงก็พบนายอุดมพรนอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถยนต์ของตนเอง  จึงรีบโทรไปแจ้งญาติและแฟนสาวผู้ตายก่อนโทรแจ้งตำรวจ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะมีคนร้ายสะกดรอยตามมาหรือดักซุ่มอยู่ที่เกิดเหตุ เพราะที่ลานจอดรถไม่มีใครเข้าออกนอกจากเจ้าของรถที่จอดไว้เท่านั้น ประกอบกับลานจอดรถมืด เชื่อว่าคนร้ายน่าจะทราบว่า ผู้ตายสวมใส่สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะประสานร้านเกมใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด และจะเรียกสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์หรืออยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.

 แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

อึ้ง!เด็ก 6 ขวบดื่มเหล้าหมดสติหามส่งรพ.





 

เลขาแพทย์ชนบทโวยสังคมเมืองน่านเสื่อม พบเด็ก 6 ขวบ ดื่มเหล้าหมดสติถูกหามส่งโรงพยาบาล ตัดพ้อผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อย่ากลัวเสียชื่อเสียงเร่งแก้ไขบังคับใช้กฎหมาย
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (18 เม.ย.) พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.เมืองน่าน พ.ต.ท.ณรงค์ เทียนหอม รองผกก.ฝ่ายป้องกันและปราบปรามสถานีสภ.เมืองน่าน  นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผอ.รพ.น่าน และทีมงานแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข  เข้าสอบสวนกลุ่มเยาวชนและสามเณร บ้านธงหลวง ต.กองควาย อ.เมืองน่าน  หลังจากวานนี้(17 เม.ย.) กู้ภัยเทศบาลตำบลกองควาย  ช่วยกันหามเด็กชายชั้นป.1 อายุเพียง 6 ปี ดื่มเหล้าจนช็อค หมดสติ นอนจมกองอุจจาระและปัสสาวะ ที่กุฏิวัดธงหลวง ท่ามกลางชาวบ้านเต็มกุฏิ
สอบสวนทราบว่าเด็กชายร่วมวงดื่มเหล้ากับเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 7 – 12 ปี ในหมู่บ้านรวม 7 คนและ 1 ในนั้นมีสามเณร 1 รูป ภายในศาลาการเปรียญที่ใช้เป็นกุฎิของวัดบ้านธงหลวง ขณะข้างวัดมีงานฉลองผ้าป่าของวัด เด็กๆต่างให้การซัดทอดกันเองนัวเนีย ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำเหล้า หรือไปซื้อจากร้านที่ไหน  ขณะที่พระครูธรรมธรณ์ จีรพงษ์ ชยาลังกาโล  เจ้าอาวาสก็พยายามสอบถามเณรในวัดต่างปฏิเสธไม่ทราบว่าใครนำเหล้าเข้าวัด
ทั้งนี้วัดดังกล่าวมีเจ้าอาวาส 1รูป และเณรอีกรูปเท่านั้น ทราบจากชาวบ้านว่าปกติจะมีเด็กกลุ่มนี้ประมาณ 6-7 คนเข้าออกเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุเจ้าอาวาสไม่อยู่ติดนิมนต์ จะให้นายโอ๊ด ลูกศิษย์คอยดูแลวัดกับเณร และเด็กก็เกรงกลัว แต่เจ้าอาวาสยืนยันว่าวันเกิดเหตุนายโอ๊ด ไม่อยู่จึงมีการนำเหล้าเข้ามาดื่มกันในวัดได้ ประกอบกับข้างวัดติดกับกำแพงวัดมีงานฉลององค์ผ้าป่า ตามบ้านจึงมีการดื่มสุราเด็กอาจจะเอามาจากบ้านใครก็เป็นได้
นายประชิต อินราช อายุ 68 ปี ผู้สูงอายุในหมู่บ้านกล่าวว่า ในหมู่บ้านห้ามดื่มเหล้าช่วงเทศกาลงานประเพณีคงไม่ได้ เมื่อมีการดื่มจะไม่ให้เด็กเห็นก็ยาก เพราะต้องสนุกสนาน ร้องรำทำเพลงกัน ดังนั้นผู้ปกครอง พ่อ-แม่เด็กควรดูแลเอาใจใส ว่ากล่าวตักเตือนลูกตัวเอง จะให้คนอื่นว่ากล่าวไม่ได้ เพราะเด็กไม่ฟัง จะถูกว่ากลับได้ว่าขนาดพ่อแม่เขายังไม่ฟังเลย
พ.ต.อ.ประยูร  กล่าวหลังสอบสวนเด็กว่า จะติดตามตัวนายโอ๊ด อายุ 17 ปี หนึ่งในผู้ที่ถูกซัดทอดแต่ไม่อยู่ในหมู่บ้านในขณะนี้มาสอบปากคำ  ส่วนเด็กและเณรได้ถ่ายรูปทำประวัติไว้ก่อน เพื่อปรามไม่ให้กระทำซ้ำอีก ในขั้นนี้ยังไม่อยากทำรุนแรงกับเด็ก แต่ต้องช่วยแก้ไขต่อไป
นพ.พงศ์เทพ  ในฐานะเลขามูลนิธิแพทย์ชนบท    กล่าวตัดพ้อว่า ไม่อยากคาดหวังกับสังคมเมืองน่านในเรื่องของการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ปีนี้ชุมชนที่มีพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ริมน้ำน่านเคยปลอดเหล้า แต่ปีนี้ชุมชนปฏิเสธ เพราะกรรมการหมู่บ้านไม่ต้องการ และมีอุบัติเหตุสาเหตุจากดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าทุกปี โดยปีนี้เพียง 6 วันมีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่รพ.น่านถึง 217ราย จากที่ปีที่แล้วครบ 7 วัน มี 209 ราย  สาเหตุมาจากการขาดการเอาใจใส่และกระตือรือร้นของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และสังคมในชุมชนเห็นแก่ผลประโยชน์ การบังคับใช้กฎหมายด้อยคุณภาพ จะอาศัยเพียงการรณรงค์อย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องยอมรับความจริงแล้วช่วยกันแก้ไข
อย่าคิดว่าการเปิดเผย และแก้ไขจะทำให้เสียชื่อเสียงเมืองน่าน เพราะขณะนี้จ.น่านมีผู้ติดสุราเป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีหมู่บ้าน ตำบลที่ดื่มสุรามาก เช่นต.แงง อ.ปัว เสียชีวิตจากการดื่มสุราแล้วเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตช่วงสงกรานต์นี้ 2 คน ก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยบาดเจ็บต้องเป็นภาระให้ญาติดูแลอีก ดังนั้นต้องช่วยกันอย่างจริงจัง

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไฟไหม้บ้านตากอากาศหรู"ปัญญา นิรันดร์กุล” วอด10ล้าน





ไฟไหม้บ้านไม้สักตากอากาศหรู “ปัญญา นิรันดร์กุล” ที่เขาใหญ่ปากช่อง เสียหายหลายสิบล้านใช้เป็นที่ถ่ายทำรายการด้วย คนเฝ้าบ้านพร้อมครอบครัวหนีตายเอาชีวิตรอด
เมื่อเวลา 01.30 น.วันนี้ (18 เม.ย.) พ.ต.ต.นพพร  ปราชญ์กระโทก  พงส.สภ.หมูสี ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านพักตากอากาศเจ้าของรายการทีวีชื่อดัง นายปัญญา นิรันดร์กุล เจ้าของบริษัทเวิร์คพอยท์ จำกัด เลขที่ 333 หมู่ที่ 4 บ้านกุดคล้า หมู่บ้านมูนแดนซ์ เขาใหญ่ เรสสิเดนซ์  ริมถนนสายปากช่อง-เขาใหญ่(ถนนธนะรัชต์) กม.20 ต.หมูสี ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนา  เคหะเจริญ ผกก.สภ.หมูสี และประสานขอรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหมูสี 2 คัน และเทศบาลเมืองปากช่องไปที่เกิดเหตุ
พบไฟกำลังโหมลุกไหม้โครงหลังคาไม้สักบนชั้น 2 ของบ้านพักหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้น  ปลูกในพื้นที่ 5 ไร่ มีสนามหญ้า สระน้ำขนาดเล็กส่วนพื้นที่ด้านหลังติดบ้านพักตากอากาศของผู้มีฐานะอีกหลายหลัง  เนื่องจากชั้นบนเป็นไม้สักจึงเป็นเชื้อไฟอย่างดียากต่อการดับไฟทำให้เสียหายทั้งหมด ส่วนชั้นล่างเป็นคอนกรีตจึงเสียหายเพียงเล็กน้อย  กว่าเพลิงจะสงบใช้เวลากว่า 2 ชม.คาดเสียหายนับสิบล้านบาท
สอบสวนนายอาคม  สมโชค อายุ 39 ปี  คนเฝ้าบ้าน  ให้การหน้าซีดเซียวว่า มารับจ้างทำงานและเฝ้าบ้านให้นายปัญญา  มานานกว่า 3 ปี โดยตนพร้อมน.ส.สาลินี  พาหา อายุ 38 ปี ภรรยา พร้อมบุตรชายอีก 2 คน  นอนพักในห้องพักชั้นล่าง ชั้นบนไม่มีใครอยู่  ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำก็นอนเปิดพัดลม มารู้สึกตัวอีกทีว่าร้อนเพราะพัดลมดับ หยุดหมุน จึงกดสวิทซ์อีกก็ไม่หมุน  จากนั้นได้ยินเสียงดังโป๊ะ อยู่ด้านนอกและมีเสียงหมาเห่า จึงออกมาดูนอกบ้าน พบไฟกำลังลุกไหม้บนชั้น  จึงรีบตะโกนเรียกภรรยาและบุตรชาย รีบออกมาจากบ้านโดยเร็ว  พร้อมโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ.หมูสี ก่อนโทรศัพท์แจ้งนายจ้างให้ทราบ  เนื่องจากภายในบ้านมีของมีค่าจำนวนมากรวมทั้งใช้เป็นที่ถ่ายทำรายการต่างๆด้วย  ต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเสียหายไปด้วยหรือไม่
พ.ต.อ.ธนา  กล่าวว่าจะแจ้งตำรวจกองวิทยาการมาตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งว่าจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว  หรือเกิดจากอะไร  แต่เบื้องต้นคาดไฟฟ้าลัดวงจรและห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในที่เกิดเหตุแล้ว

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

สุ่มตรวจสัมภาระ"หมอชิต"










ตำรวจ 191สนธิกำลังคอมมานโดและสุนัขตำรวจ เข้าสุ่มตรวจหาสารเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย หลังเทศกาลสงกรานต์
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ ( 17 เม.ย.) พ.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.สายตรวจ (191) บก.สปพ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 และ กก.2 บก.สปพ. จำนวน 40 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.ป. จำนวน 15 นาย และสุนัขตำรวจ 2 นาย เข้าทำการสุ่มตรวจสัมภาระผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกภายในสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงและเขตจตุจักร เพื่อตรวจหาอาวุธปืน วัตถุระเบิด และยาเสพติดที่อาจจะมีการลักลอบนำเข้ามากับรถโดยสาร  และแบ่งกำลังอีก 1 ชุดเข้าตรวจค้นสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ซึ่งผลจากการตรวจค้นทั้ง 2 จุด ปรากฏว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ทิวา กล่าวว่า ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ทางบก.สปพ.ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ 191 เข้าไปร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ตามจุดล่อแหลมที่อาจจะเกิดเหตุอาชญากรรมได้ 3 ชุด จำนวน 90 นายต่อผลัด รวมทั้งตั้งด่านตรวจสิ่งผิดกฎหมายเสริมตามจุดต่างๆทั่วพื้นที่ บช.น.ในช่วงเวลา 03.00-05.00 น. หลังจากตำรวจท้องที่เลิกตั้งด่าน โดยในวันนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่กก.1 และกก.2 เข้ามาสุ่มตรวจสัมภาระของผู้โดยสารทั้งสถานีขนส่งหมอชิตและสถานีขนส่งสายใต้ เพื่อป้องกันแก๊งมิจฉาชีพจะอาศัยช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับเข้ากทม.แอบลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายทั้งอาวุธปืน วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดซุกซ่อนมากับรถโดยสารด้วย และเพื่อเป็นการสร้างความอุ่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางกลับเข้ากทม.อีกด้วย.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

"ดีเอสไอ" ตั้งเป้า เม.ย.นี้แจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้องคดียาแก้หวัดล่องหน



เมื่อวันที่ 17  เม.ย.  นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอออกหมายเรียกไปถึงหัวหน้าหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)  และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เข้าให้ปากคำคดีทุจริตเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนว่า  ดีเอสไอได้เตรียมพนักงานสอบสวนที่จะสอบปากคำร่วมกับพนักงานอัยการคดีพิเศษ  เริ่มตั้งแต่ช่วง 10.00 น. ซึ่งขณะนี้ยังได้รับการติดต่อจากกระทรวงสาธารณสุขว่าจะส่งผู้ใดเข้าให้ปากคำ   โดยดีเอสไอต้องการให้ทั้ง 3 หน่วยงานชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงหลักเกณฑ์การควบคุมดูแล และข้อมูลความผิดปกติในการเบิกจ่ายยาแก้หวัดของแต่ละโรงพยาบาลตามอำนาจหน้าที่  โดยจำเป็นต้องชี้แจงจนสิ้นข้อสงสัย 
นายธาริต  กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้มีหมายเรียกไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเจ้าของคลีนิครวม 11 แห่ง  ซึ่งกำชับให้ผู้บริหารต้องเข้าให้ปากคำพร้อมพยานหลักฐานด้วยตัวเอง  โดยแบ่งการให้ปากคำในวันที่ 19 เม.ย. จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี  โรงพยาบาลทองแสนขัน  จ.อุตรดิตถ์   โรงพยาบาลกมลาไสย  จ. กาฬสินธุ์  โรงพยาบาลภูสิงห์  ศรีสะเกษ  โรงพยาบาลดอยหล่อและโรงพยาบาลฮอด จ.เชียงใหม่  ส่วนอีก 5 แห่ง กำหนดเข้าให้ปากคำวันที่ 20 เม.ย. ประกอบด้วย โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 กรุงเทพฯ   โรงพยาบาลสยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่   โรงพยาบาลหนองกี่  จ.บุรีรัมย์   คลินิกแพทย์สุพรชัย จ.ลพบุรี  คลีนิคหมอสัมพันธ์เวชกรรม จ.เชียงใหม่ 
นายธาริต  กล่าวต่อว่า  หลังขั้นตอนการให้ปากคำแล้ว ดีเอสไอจะทยอยแจ้งข้อกล่าวหาหากพบว่ามีพยานหลักฐานพบกระทำความผิดชัดเจน โดยคดีดังกล่าวมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 6 ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายอาญา , พ.ร.บ. ยา , พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท , พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ , พ.ร.บ.การปราบปรามการฟอกเงิน  และพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  เบื้องต้นดีเอสไอจะเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องนำหลักฐานเข้าชี้แจงอย่างเต็มที่   ซึ่งนอกจากกลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลแล้วจะเรียกเภสัชกรในโรงพยาบาลต่าง ๆ เข้าให้ปากคำด้วย  ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือน เม.ย.นี้  จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาล็อตแรกจำนวนหลายรายได้แน่นอน

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ยันระบบ "RFID"ส่งผลรถตู้เกิดอุบัติเหตุน้อยลง


วันนี้(17 เม.ย.) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายฉัตรป้อง  ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 6 วัน ของการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย ตายเป็นศูนย์” ระหว่างวันที่ 11 – 16 เม.ย.55 พบว่า สถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 55 เพิ่มขึ้นจากปี 54 ร้อยละ 23.14  โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลักจากดัชนีความรุนแรงของอุบัติเหตุทางถนน (สัดส่วนผู้เสียชีวิตต่ออุบัติเหตุทางถนนแต่ละครั้งจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา  คิดเป็นร้อยละ 9.80 โดยเฉพาะอุบัติเหตุใหญ่ มีสาเหตุหลักจากรถกระบะที่บรรทุกคนตอนท้ายกระบะ อีกทั้งผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งการขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด การดื่มสุรา และการหลับใน ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้อุบัติเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้น
รองอธิบดีปภ. กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่อุบัติเหตุรถตู้และรถโดยสารสาธารณะอยู่ในอัตราต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการนำระบบ RFID มาใช้ในการควบคุมความเร็ว คุณภาพรถ สภาพรถและความพร้อมของพนักงานขับรถ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด  อีกทั้งถนนสายรองที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มักมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ การเสียชีวิตและการบาดเจ็บน้อยลง ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจะนำข้อสังเกตซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดอุบัติเหตุไปกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและปัจจัยเสี่ยง พร้อมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และประสาน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนการดำเนินงานไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เพื่อให้อุบัติเหตุทางถนน มีสถิติการตายเป็น “ศูนย์”.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

แฉหนุ่มพกปืนบุกช่อง 3 ขอพบ "สรุยทธ" ที่แท้เป็นพ่อค้าผ้ามีประวัติรักษาทางจิต



เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (17 เม.ย.) ร.ต.อ.จตุพร ยันต์นาวา รองสวป. ได้รับแจ้งขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ว่า มีชายพกอาวุธปืนเข้าไปในส่วน ชั้นที่ 1 อาคารมาลีนนท์ ถนนพระราม4 แขวงและเขตคลองเตย กทม.จึงรุดเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตร.สายตรวจ ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณชั้นที่1 ของอาคารดังกล่าว พบ นายเพชร พิมพล เจ้าหน้าที่ รปภ.ของบริษัทแบ๊งค์ค็อก การ์ด กำลังควบควมตัวนาย รัฐกัณจ์ รอตเสียงล้ำ อายุ 42 ปี ซึ่งอยู่ในอาการเหม่อลอยตลอดเวลาพูดจาวกไปวนมาว่าจะมีคนขู่ที่จะมาทำร้ายตน
 
พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน ขณะนายเพชรปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น เวลาประมาณ 09.20 น. เห็นนายรัฐกัณจ์สะพายกระเป๋าหนังเทียมสีดำ เดินเข้ามาภายในอาคารโดยมีอาการเหม่อลอย จึงขออนุญาตขอตรวจค้นกระเป๋า นายรัฐกัณจ์ก็ยอมแต่โดยดี แถมยังบอกกับข้างในมีอาวุธปืนอยู่ ซึ่งเมื่อเปิดออกมาดู ก็พบปืนขนาด .38  เป็นปืนมีทะเบียน 1 กระบอก โดยมีกระสุนอยู่ในลูกโม่ 6 นัด และกระสุนปืนขนาด .38 อีก 32 นัด สอบถามทราบว่านายรัฐกัณจ์ ต้องการพบนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ประกาดข่าวช่อง 3 อ้างว่ามีคนข่มขู่จะทำร้ายและขู่ฆ่า   รปภ.จึงชวนพูดคุย และแจ้งตำรวจสายตรวจสน.ทองหล่อมาควบคุมไป
ขณะที่  นายรัฐกัณจ์ ผู้ต้องหา ให้การกับตำรวจโดยอ้างว่า เคยรับราชการทหาร ทุกวันนี้เป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้าอยู่ในห้างเซ็นทรัล รามอินทรา รู้สึกว่ามีคนขู่ที่จะฆ่าตลอดเวลา ต้องการที่จะเดินทางมาร้องเรียนกับนายสรยุทธ  เพราะว่าเป็นนักข่าวที่น่าเชื่อถือและคิดว่าน่าจะช่วยได้ โดยรู้อยู่แล้วว่าการเอาปืนมาก็จะถูกจับ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาแล้วนั้นเคยมีอาการทางจิต และได้เข้ารักษาตัวกับทาง รพ.พระมงกุฎเป็นเวลากว่า 1 ปีเศษ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาว่าพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะประสานทางญาติของผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th