วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ครม.ไฟเขียวธอส.กู้เงินซอฟต์โลน 6,000 ล้านบาท




ครม.ไฟเขียวธนาคารอาคารสงเคราะห์ กู้เงินเงินซอฟต์โลน จากธนาคารแห่งประเทศไทย 6,000 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ (29 พ.ค.) ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลน จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้กู้ยืมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 54 ที่ผ่านมา ทั้งบุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

อย่างไรก็ตามวงเงินที่ธปท.จัดสรรให้ธอส.จำนวน 6,000 ล้านบาทนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.55 เป็นต้นไป ขณะที่ธอส. เองจะสมทบเงินของธอส. ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปล่อยกู้ ทำให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ ธอส.จะดำเนินการให้กู้ยืมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 54 รวมเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ในเงื่อนไขการช่วยเหลือนั้น จะให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไม่เกิน 30 ล้านบาท และบุคคลธรรมดาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยแต่ละราย จะได้รับความช่วยเหลือเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่ ธปท. รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินจะต้องยื่นคำขอกู้ยืมเงินต่อ ธปท. ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 56 และจะต้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธปท. มีกำหนดชำระไม่เกินวันที่ 31ธ.ค.61 ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ธปท. คิดอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปีจากสถาบันการเงิน และสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ต่อปีจากผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย.

ไฟเขียวเว้นภาษี




ครม.ไฟเขียวให้ยกเว้นเก็บภาษีการโยกย้ายเงินออมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
วันนี้ (29 พ.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการโอนย้ายเงินออมในระบบการออมระยะยาว สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากลูกจ้างออกจากงานเพราะตาย ทุพพลภาพ หรือเมื่อมีอายุครบ55ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี

นอกจากนี้ยังให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่มีสิทธิได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากลูกจ้างออกจากงานในกรณีอื่นนอกจากตาย ทุพพลภาพ หรือมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แต่เมื่อออกจากงานแล้วได้คงเงินหรือผลประโยชน์นั้นไว้ทั้งจำนวนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต่อมาได้รับเงินหรือผลประโยชน์หลังจากลูกจ้างผู้นั้นตาย ทุพพลภาพ หรือเมื่อมีอายุครบ 55 ปี บริบูรณ์ และเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยการยกเว้นภาษีครั้งนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป

ทั้งนี้กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการออมเพื่อการชราภาพ ที่จะให้ลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีเงินไว้ใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพเพิ่มมากขึ้น สมควรปรับปรุงให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกรณีลูกจ้างออกจากงานเมื่อมีอายุไม่ต่ำกว่า55ปีบริบูรณ์ หรือออกจากงานก่อนอายุครบ55ปีบริบูรณ์ แต่ได้คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุของการเกษียณอายุ.


แสดงความคิดเห็น

จับตาใกล้ชิดกรณีหนี้สินกรีซ




โต้งไม่หวั่นหนี้กรีซ แต่สั่งให้จับตาอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (29 พ.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายลิน ค๊อก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ว่า ได้หารือร่วมกันถึงปัญหาวิกฤติหนี้ของประเทศกรีซ โดยเห็นตรงกันว่าปัญหานี้ต้องไม่ปล่อยให้มีการยืดเยื้อเพราะหากยืดเยื้อจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ แต่หากมองให้ลึกแล้วเห็นว่ายังเป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นในกลุ่มสหภาพยุโรป (ยูโร) ที่เชื่อว่ายูโรจะสามารถดูแลจัดการได้ โดยยืนยันว่าระบบเศรษฐกิจของอียูนั้นเป็นระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ ดังนั้นจึงมั่นใจว่ายูโรจะดูแลบริหารจัดการได้แน่นอน อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างเห็นว่าวิกฤติในกรีซที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีผลกระทบเป็นวงกว้างก็ตาม..

ดัน”อรรถกฤษณ์”นั่งผอ.กองสลากฯคนใหม่





บอร์ดกองสลาก เตรียมเสนอชื่อ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร คนสนิทอดีตนายก"แม้ว" ขึ้นนั่งแท่นผอ.กองสลากฯคนใหม่ ตัดหน้า พ.ต.ท.ไพโรจน์ ลูกหม้อเดิมแบบค้านความรู้สึกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ประธานกรรมการสรรหาผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคนใหม่ได้เรียกประชุมและรายงานว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสอบสัมภาษณ์รอบแรก 3 คนคือ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร รองผบก.ภ.4 อดีตตำรวจผู้ติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี  นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ระนอง และรองผู้จัดการ บริษัทในเครือโรงแรมไฮแอท เอราวัณ ส่วนพ.ต.ท.ไพโรจน์ ปัญจประทีป อดีตรองผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีกระแสข่าวว่าถูกกดดันไม่ให้เข้าสัมภาษณ์ ที่ผ่านมาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจและพนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสนับสนุนให้พ.ต.ท.ไพโรจน์ ขึ้นเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ แทนนายสมชาติ วงศ์วัฒนศานต์ ที่ถูกเลิกจ้างไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นผู้บริหารสำนักงานสลากอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีประสบการณ์จากการทำโครงการสลากกินแบ่งอัตโนมัติแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว (หวยบนดิน) มาก่อนจึงน่าจะสานงานต่อและนำนโยบายรัฐบาลที่จะนำการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านระบบอัตโนมัติ (หวยออนไลน์) มาดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ก่อนหน้านี้ มีการคาดเดาว่า ผู้สมัครที่น่าจะได้รับการพิจารณามากที่สุดคือพล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ไพโรจน์มีความใกล้ชิดกับ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ แต่พอถึงวันสัมภาษณ์กลับมีกระแสข่าวว่าการวางตัว พล.ต.อ.อรรถกฤษณ์ ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จากเดิมที่มีการเสนอรายชื่อผู้ได้รับการคัดสรรให้คณะกรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพิจารณาตัดสินใจ 2 รายชื่อ สร้างความเคลือบแคลงให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก.

ขับรถปาดหน้าแจ๊สประกบยิงบาดเจ็บ 2 ราย




สุดระทึกขวัญขับรถออกจากบ้านกลางดึกเพื่อหาข้าวทาน เจอรถยนต์ขับปาดหน้าลั่นกระสุนใส่ จนมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เพื่อนๆรีบแจ้งเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.ไทยเพื่อรักษาตัวด่วน ตร.เร่งทำสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
เมื่อแวลา 01.00 น.วันที่ 31 พ.ค. พ.ต.ท. ศักดิพัฒน์  พลิคามินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางนาได้รับแจ้งเหตุคนร้ายขับรถยนต์ประกบยิงจนได้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย บริเวณทางเบี่ยง ถนนศรีนครินทร์ เข้าถนนบางนาตรราด กม.ที่ 4 แขวงและเขตบางนา กทม.จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.นฤดล พุ่มพวง สว.สส.สน.บางนา เจ้าหน้าที่สืบสวนและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณไหล่ไหล่ถนนดังกล่าวพบรถเก๋ง ฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาวหมายเลขทะเบียน ญต 7680 กทม.จอดอยู่บริเวณดังกล่าวสภาพรถถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 8 นัด จากการตรวจสอบด้านหน้าศูนย์โตโยต้า บนถนนศรีนครินทร์ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 500 เมตร พบปลอกกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่ จำนวน 5 นัด ทั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อ นาย ภูวนาถ จันทราทิพย์ อายุ 21 ปี ผู้ขับรถคันดังกล่าวถูกยิงที่สะบักหลังด้านขวา 1  นัด ส่วนอีกรายทราบเพียงชื่อเล่นว่า ป็อป ซึ่งเป็นเพื่อนคนขับรถถูกยิงเข้าที่ ต้นคอด้านหลัง 1 นัด

จากการสอบสวน นางสาว เจนจิรา จันทราทิพย์ อายุ 22 ปี พี่สาวคนขับรถให้การด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ก่อนเกิดเหตุตนและน้องชายและเพื่อนๆน้องชายจำนวน 7 คน ได้เดินทางออกมาจากบ้านที่ย่านซอยสีดา ถนนศรีนครินทร์ เพื่อไปหาข้าวกินกัน จนขับมาถึงช่วงศูนย์โตโยต้าตนได้ยินเสียงดังคล้ายปืนดังหลายนัดจากนั้นเห็นรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีเทา(ควันบุหรี่) ไม่ทราบทะเบียนขับมาประกบยิงด้านฝั่งคนขับ พวกตนจึงหมอบหลบลูกกระสุนปืนกันอย่างจ้าละหวั่น จากนั้นได้รถคันดังกล่าวขับแซงปาดหน้ารถตนยิงซ้ำบริเวณด้านหน้ารถ และหลบหนีไป โดยขณะนั้นตนอยู่ในอาการตื่นกลัวพบว่าน้องชายของตนและเพื่อนที่มาด้วยถูกยิงได้รับบาดเจ็บจึงแจ้งเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.ไทยนครินทร์เพื่อรักษาตัว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานสาเหตุคาดว่าเกิดจากการขับรถปาดหน้าแล้วทำให้คนร้ายก่อเหตุยิงจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำพยานและทำสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

หึงโหด!ซัลโวผู้หมวดดับคาห้องน้ำโอเกะ





ซัลโวผู้หมวดโรงพักสุวรรณภูมิดับคาห้องน้ำโอเกะ พยานยันฝีมือเจ้าของร้าน แฉปมหึงสาวเสิร์ฟ ตำรวจเต้นสั่งเร่งล่าจับ
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 31 พ.ค. พ.ต.ท.สมชาย เพียรขัน พนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในร้านติดลม คาราโอเกะ เลขที่ 5/28-29 หมู่ 6 ถนนเทพารักษ์ กม.12 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.ท.เชาว์ ป้อมงาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สกล สิทธิวิชัย รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.ภูวนาถ แก่นจันทร์ สว.สส. ชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องน้ำพบศพ ร.ต.ท.ธนายุทธ สุทนต์ อายุ 45 ปี รอง สว.ป. สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนขายาวสีดำ สวมรองเท้าบูทสีดำ เลือดถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่ตามร่างกายหลายแห่ง ข้างศพผู้ตายพบปลอกกระสุนขนาด 11มม.จำนวน 5ปลอก หัวกระสุนจำนวน 3 หัว จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวน น.ส.จุฬาภรณ์ สิงห์สา อายุ 31 ปี พนักงานเสิร์ฟ ให้การว่า ผู้ตายเป็นแขกประจำที่ร้าน โดยก่อนเกิดเหตุ เข้ามาดื่มกินกับเพื่อนตั้งแต่ช่วงค่ำ ระหว่างอยู่ในร้านผู้ตายซึ่งเป็นคนอารมณ์ดีมักถูกเนื้อต้องตัวตนตามบรรยากาศ ทำให้นายขวัญชัย ทองสุข อายุ 32 ปี เจ้าของร้านที่ชอบพอตนอยู่ไม่พอใจนัก เข้ามาเตือนตนไม่ให้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะผู้ตายอีก ถึงขั้นต้องออกไปสูบบุหรี่คลายเครียดด้านนอก ช่วงนั้นผู้ตายเดินเข้าห้องน้ำพอดี นายขวัญชัย จึงเดินตามเข้าไป จากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่นายขวัญชัย จะวิ่งถือปืนออกจากร้านหลบหนีไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุคงเกิดความหึงหวงจึงตามเข้าไปเคลียร์ปัญหาหัวใจกับผู้ตาย แต่เกิดทะเลาะกันจนเกิดการแย่งปืนและยิงกันดังกล่าว ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมตัวมือปืนขี้หึงรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป.

จ่อยิงผู้ใหญ่บ้านดับชนวนแย่งน้ำเข้านา





สั่งตายผู้ใหญ่บ้านไล่ยิงกลางหมู่บ้าน ร่างพรุน 4 นัด หลานวัยขวบเศษโดนลูกหลงเจ็บไปด้วย คาดปมขัดแย้งทำนา
เมื่อเวลา06.00 น. วันนี้ (31 พ.ค.) พ.ต.ท.ศิวะ ริมฝาย สวส.สภ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 5 ต.ลาดชิด ใกล้กับวัดลาดชิด รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นร้านขายของชำ บริเวณหน้าร้านพบหัวกระสุนปืนขนาด 9มม.ตกอยู่จำนวน 2 หัว  จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ภายในร้านพบกองเลือดขนาดใหญ่ ส่วนคนเจ็บนำส่ง รพ.ผักไห่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาคือนายธวัชชัย ทองธานี อายุ 55 ปี เป็นผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.ลาดชิด ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ซ้าย 1 นัด สะโพกขวา 1นัด ต้นแขนซ้าย 1นัด ที่ฝามือซ้ายอีก 1 นัด รวมทั้งหมด 4 นัด นอกจากนี้ยังมีเด็กถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ทราบชื่อ ด.ช.ศิษปกรณ์ ทองธานี อายุ 1 ขวบ 2 เดือน เป็นหลานชายของนายธวัชชัย ถูกยิงที่ต้นแขนซ้าย ทะลุ ที่ใบหน้าแตกเพราะล้มกระแทกพื้น


จากการสอบสวนนางกี ทองธานี อายุ 66 ปี พี่สาวผู้ตายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังจัดเตรียมของเพื่อเปิดร้าน ส่วนผู้ใหญ่บ้านน้องชายยืนอุ้มหลานอยู่ใกล้ ๆ ระหว่างนั้นมีรถกระบะสีเลือดหมูขับเข้ามาจอดใกล้กับร้าน จากนั้นคนร้ายเดินจากรถลักษณะรูปร่างเตี้ยลำ เดินตรงเข้ามาชักปืนจ่อยิงน้องชาย 1 นัด จมล้มลง แต่น้องชายยังไม่เสียชีวิตทันที ได้รีบลุกขึ้นอุ้มหลานชายหนีเข้าไปในร้าน คนร้ายยังวิ่งตามเข้าไปยิงซ้ำอีกหลายนัดจนแน่นิ่ง โดยหลานชายยังโดนกระสุนได้รับบาดเจ็บไปด้วย จากนั้นคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถกระบะที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่หลบหนีไปตามเส้นทางเสนา-ผักไห่


ขณะที่นายสัญญา เรืองอุไร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้การเพิ่มเติมว่า ตนมีบ้านพักอยู่ใกล้กับบ้านเกิดเหตุ พอได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งมาดูพบร่างผู้ตายนอนจมกองเลือด เลยรีบนำตัวส่ง รพ.พร้อมเด็ก โดยปกติผู้ตายเป็นคนดีชาวบ้านรักใคร่ ไม่มีเรื่องทะเลาะขัดแย้งกับใคร มีอาชีพทำนากว่า 200 ไร่ ปีที่ผ่านมาราคาข้าวดีผู้ตายขายข้าวได้เงินมากว่า 2 ล้านบาท ทำให้มีชาวบ้านอยากทำนาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ตายเป็นคนกว้างขวาง ใครอยากทำนาหรือทำนาเพิ่ม จะเป็นนายหน้าหาพื้นที่ให้ทำนา จนอาจไปสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มนายหน้าอีกกลุ่ม ที่หาที่นาให้ชาวบ้านเช่า หรือกลุ่มนายหน้าอาจจะขัดแย้งกับผู้ตายที่ครอบครองที่เช่าดินเอาไว้ทำนาจำนวนมากเพียงผู้เดียว

พ.ต.ท.ศิวะเปิดเผยว่า จาการสอบสวนพยานเบื้องต้นสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องของการทำนา เพราะผู้ตายได้เช่านาทำนากว่า200 ไร่ ได้ผลผลิตดีข้าวราคาดี มาระยะหลังพยายามจะเช่าแปลงนาที่อยู่ข้างเคียงต่ออีก แต่ไม่สามารถที่จะเช่าได้ ผู้ตายจึงทำคันนาปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลไปในแปลงนาของผู้อื่น อาจจะเป็นชนวนทำให้เกิดการขัดแย้ง หรืออาจจะมาจากการที่ผู้ตายเป็นผู้กว้างขวางรู้จักเจ้าของที่ดินจำนวนมาก ชาวนารายใดต้องการที่ดินทำนาจะมาติดต่อผู้ตายหาที่ดินทำนาให้  อาจจะไปขัดแย้งกับนายหน้ารายอื่น ซึ่งจะสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.

ยึดสินค้าหนีภาษีมูลค่า 42.4 ล้านบาท





กรมศุลฯยึดสินค้าหนีภาษีได้อื้อทั้งยาลดความอ้วน ครีมทาผิว กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (31 พ.ค.) ที่กรมศุลกากร นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร และนายราฆพ ศรีศุภอรรภ ผ.อ.สำนักสืบสวนและปราบปราม พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกะ เลขานุการ รมว. พาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวผลจับกุมสินค้าลักลอบหนีศุลกากร ประเภทข้าวเปลือก ปลายข้าว สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้ง สินค้าหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อจำกัด และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท รวมมูลค่ากว่า 42.4 ล้านบาท

นายสมชาย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมมือกันวางแผนเพื่อสกัดกั้นป้องกัน และปราบปรามสินค้าลักลอบหนีศุลกากร สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และยาเสพติดให้โทษ โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดในความผิดต่างๆ ดังนี้ 1.ความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร โดยสามารถจับกุม รถบรรทุกสิบล้อ รวม 4 รถพ่วงพร้อมข้าวเปลือกเจ้า และรถบรรทุกสิบล้อพ่วง 1 คันพร้อมปลายข้าว ปริมาณรวม 139,000 ก.ก. ที่บริเวณ อ.ตาพระยา อ.วัฒนานคร และอ.โคกสูง จ.สระแก้ว รวมทั้ง ยังจับกุมสินค้าอื่นๆ ได้แก่ ยาลดความอ้วน สบู่ กาแฟลดน้ำหนัก ครีมทาผิว และสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทหลีกเลี่ยงอากร และสินค้าต้องห้าม ต้องกำกัด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์เก่าใช้แล้ว ยี่ห้อ HUMMER จำนวน 1 คัน รถยนต์ยี่ห้อ BMW จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ SUZUKI จำนวน 2 คัน ซึ่งเป็นรถเก่าที่ใช้แล้วในต่างประเทศ แต่สำแดงเป็นรถจักรยาน BMX  เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อกำกัด นอกจากนี้ สามารถจับกุมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จำนวน 35,000 เม็ด กัญชา จำนวน 6 ก.ก. และยาบ้า จำนวน 674 เม็ด โดยสามารถกุมได้ชายแดนภาคเหนือ ระหว่างขณะกำลังส่งออกบริเวณจุดส่งไปรษณีย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทราบว่าผู้ต้องหามีการลักลอบนำยาบ้าใส่ไปในหลอดยาคลายกล้ามเนื้อ รวมทั้งใส่ไว้ในกล่องซีดีเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตร.อีกด้วย.

นายกฯ แจงสื่อนอก ยันการเมืองไทยมั่นคง





"นายกฯ ปู" แจงสื่อต่างชาติ ยันการเมืองไทยยังมั่นคงแม้มีความขัดแย้งอยู่ ชี้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา ด้าน "ผบ.ตร." กำชับตำรวจห้ามทำร้ายม็อบพันธมิตรฯ เด็ดขาด เผย ตร. มีแค่โล่เท่านั้น เชื่อชุมนุมไม่ยืดเยื้อ ปัดถอนประกัน "แกนนำ" ปลุกระดมไม่เลิก
วันที่ 31 พ.ค. เวลา 10.30 น. ที่ห้องเมียนมาร์ 2 โรงแรมแชงกรี-ลา นายปีเตอร์ ฮอร์ร็อค ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซี ได้ซักถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างการเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออก (World Economic Forum on East Asia) ถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทย ซึ่งนายกฯ ตอบว่า การเมืองในขณะนี้มีความมั่นคง แม้จะมีความขัดแย้งอยู่บ้าง แต่เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา อีกทั้งรัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยรวม

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ประเมินสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณหน้ารัฐสภาว่า คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด ดูแลคนไทยด้วยกันจะรุนแรงไปทำไม เป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ก็ควรพูดคุยกัน คิดว่าไม่น่ามีปัญหา 2 วันที่ที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี และคิดว่าคงไม่ถึงขั้นบุกหรือปิดล้อมหากไม่พอใจการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ และการชุมนุมคงไม่ยืดเยื้อ

“ขณะนี้ได้นำกำลังตำรวจเข้าไปก็เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยพี่น้องประชาชนด้วย  ตำรวจมีเฉพาะโล่ ขอให้พี่น้องประชาชนใจเย็น ๆ กัน ตำรวจจะไม่ทำอะไรที่ทำร้ายประชาชนอย่างแน่นอน” ผบ.ตร. กล่าว เมื่อถามว่า แกนนำพันธมิตรฯ มีคดีปิดสนามบินอยู่ ตำรวจจะพิจารณาถอนประกันหรือไม่หากมีการปราศรัยปลุกระดมผู้ชุมนุม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า แกนนำคงไม่ได้ปลุกระดม เป็นการพูดไปตามอารมณ์ ไม่น่าจะเป็นอะไรที่เราต้องคิดมาก การพูดบนเวทีก็เรื่องธรรมดาตามวิถีทางของประชาธิปไตย ที่ต้องมีการแสดงความคิดเห็น

"ปชป.-ชูวิทย์” ยื่นถอดถอน “ขุนค้อน” พ้นเก้าอี้ ส.ส.





127 ส.ส. "ปชป.-ชูวิทย์” ยื่นถอดถอน “สมศักดิ์” ออกจาก ส.ส. แล้ว ระบุพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง ชงร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เอื้อคืนเงิน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ขัดรัฐธรรมนูญ ม.125-143
วันที่ 31 พ.ค. เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นหนังสือขอให้วุฒิสภาถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกตำแหน่ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 โดยมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และพรรครักประเทศไทย รวม 127 คน ร่วมลงชื่อในญัตติดังกล่าว

นายถาวร กล่าวว่า จากการร่วมหน้าที่ในการประชุมสภากับนายสมศักดิ์ เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ ไม่เป็นกลางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่มีพฤติกรรมส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าว จนทำให้พวกตนหมดความอดทนต้องยื่นถอดถอนดังกล่าว ถือเป็นการถอดถอนประธานสภาครั้งแรก จึงรู้สึกเสียใจ นอกจากนี้นายสมศักดิ์ยังกระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 143 ที่วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ไม่เป็นกฎหมายการเงิน ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน หากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านสภาจะต้องมีการคืนเงินจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเงินก้อนนั้นมีเงินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ จำนวน 900 ล้านบาทรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังผูกพันในเรื่องที่จำเลยถูกเรียกค่าปรับจากศาลกรณีกระทำผิด หากมีการนิรโทษกรรม รัฐบาลต้องจ่ายเงินแผ่นดินคืนเงินค่าปรับกับผู้ได้รับการนิรโทษกรรมด้วย ที่สำคัญการปฎิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ในการประชุมสภาวันที่ 30 พ.ค. ทำให้พวกตนเหลือทน จึงจำเป็นต้องปฏิบัติการนอกกรอบ มิฉะนั้นความเป็นกลางก็จะไม่เกิด

ด้าน พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า หลังจากรับหนังสือแล้ว ตนจะดำเนินตามขั้นตอนภายในกรอบเวลาต่อไป

ดาราสาวหนัง "ผู้หญิง 5 บาป" เพี๊ยซ-กนกลดา บุตรพิมพา แจ้งตร.หามือดีโพสต์ด่า





"เพี๊ยซ" ดาราสาว "ผู้หญิง 5 บาป" เจอมือดีโพสต์ด่าในเฟสบุ๊ค
เมื่อเวลา 14.00น. วันนี้ (31 พ.ค.) ที่สน.บางเขน น.ส.กนกลดา บุตรพิมพา หรือเพี๊ยซ อายุ 26 ปี ดาราสาวชื่อดังจากเรื่อง ผู้หญิง 5 บาป และอดีตเจ้าของรางวัลรางวัล Miss Body Perfect ในการประกวดนางสาวไทยปี 2552 เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศราวุธ บุตรดี พงส.(สบ1) สน.บางเขน และ พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน กรณีถูกคนโพสต์ข้อความด่าในอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์เฟสบุ๊ค โดยดาราสาวได้ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อนสนิทของตนได้ส่งข้อความมาให้ดูก็พบว่าเป็นข้อความทางเฟสบุ๊ค โดยมีคนใช้ชื่อว่า เจนียา อาโออิ ได้นำรูปภาพของตนมาโพสต์พร้อมกับเขียนข้อความว่าตนไปแย่งผัวของคนอื่น อาทิ “เพี๊ยซ กนกลดาแย่งมิกกี้ผัวของหมออ้อยเรียบร้อยแล้ว” เป็นต้น พร้อมทั้งกล่าวหาว่าตนเป็นเด็กเสี่ยขายบริการ และสำส่อน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีข้อความในลักษณะดังกล่าวถูกโพสต์ทางเฟสบุ๊คทุกวัน วันละหลายรอบ ทำให้เริ่มมีแฟนคลับโพสต์ถามตนทางเฟสบุ๊คเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้งรวมทั้งกลุ่มเพื่อน และญาติก็ได้โทรศัพท์มาถามด้วย ทำให้ตนรู้สึกว่าการโพสต์ดังกล่าวนั้น ทำให้ตนเสียภาพจน์ เนื่องจากตนทำงานในวงการบันเทิง จึงส่งผลต่อหน้าที่การงานด้วย และทางผู้ใหญ่ของบริษัทที่ตนทำงานเป็นดีเจอยู่นั้น ก็ได้เรียกตนเข้าไปสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะหากภาพลักษณ์ไม่ดีคงไม่มีใครอยากจ้างงาน ตนจึงมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน เพราะหากยังไม่หยุดโพสต์ข้อความอีก ตนจึงจะแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนด้วย เนื่องจากตนยังถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกายจากคนที่โพสต์ด้วยว่าอยากจะตบตน

เพี๊ยซกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่ได้ไปมีเรื่องผิดใจกับใคร ส่วนเรื่องที่ว่าไปแย่งดีเจมิกกี้นั้น ตนก็ขอยืนยันว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทกัน เพราะจัดรายการทางช่องทรูวิชั่นด้วยกัน ไม่ได้ไปแย่งมาอย่างแน่นอน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน และเก็บหลักฐานที่เป็นข้อความการโพสต์เอาไว้ ซึ่งหากผู้เสียหายจะแจ้งความก็พร้อมจะดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นนายณัฐพงศ์ ชอบชื่น หรือดีเจมิกกี้ ก็ได้เดินทางมาที่สน.บางเขนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเรื่องที่ถูกโพสต์ทางเฟสบุ๊คดังกล่าวด้วย ว่าตนกับหมออ้อยได้เลิกรากันมานานกว่าครึ่งปีแล้ว และขอยืนยันว่าตนกับเพี๊ยซสนิทกันมาแต่เป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นจึงอยากให้คนที่ออกมาโพสต์ช่วยหยุดการกระทำด้วย เพราะมันจะส่งผลต่อหน้าที่การงานของเพี๊ยซ และสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย.

“ซูจี” จี้ “เหลิม” ดูแลแรงงานพม่า ขู่ไม่ใส่ใจจะขนกลับประเทศ





เดอะเลดี้ “ออง ซาน ซูจี” จี้ “เหลิม” ดูแลแรงงานพม่า ขู่หากไม่ใส่ใจจะขนกลับประเทศ แถมเหน็บปมผู้ลี้ภัย ด้าน “เหลิม” โอ่เร่งขึ้นทะเบียนแรงงานหม่อง 1.2 ล้าน ลั่นขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันเทียบเท่าแรงงานไทย
วันที่ 31 พ.ค. เวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางออง ซาน ซู จี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาร์ เข้าพบและหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมการจัดหางาน และบุตรชายทั้ง 3 คนของ ร.ต.อ.เฉลิม ร่วมในวงหารือด้วย โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมรับฟังด้วย



การหารือใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง โดย ร.ต.อ.เฉลิม ได้ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับแรงงานพม่าในไทย ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2 ล้านคน แบ่งเป็นแรงงานที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 8 แสนคน ที่เหลืออีก 1.2  ล้านคนยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทำเอ็มโอยูกับรัฐบาลพม่าเพื่อให้เร่งพิสูจน์สัญชาติให้ถูกต้องตามขั้นตอน โดยแรงงานที่ขึ้นทะเบียนแล้วจะได้รับสิทธิรักษาพยาบาลตามนโยบายประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเช่นเดียวกับแรงงานไทย  การดูแลบุตรหลานแรงงานพม่าให้ได้รับสิทธิเข้าศึกษาในโรงเรียน นอกจากนี้ก่อนที่ตนจะเดินทางมาหารือ ทางนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำให้ตนมาแจ้งว่ารัฐบาลยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสิทธิมนุษยชนด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้แรงงานพม่าได้รับการดูแลเหมือนญาติพี่น้อง


ด้านนางซูจี ยังได้สอบถามถึงการแก้ปัญหาแรงงานพม่าที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีก 1.2 ล้านคน พร้อมขอให้รัฐบาลไทย ช่วยดูแลและกวดขันผู้ประกอบการให้ดูแลเรื่องสวัสดิการ และการรักษาพยาบาลให้ดี เพราะจากที่ตนได้ไปพูดคุยกับแรงงานชาวพม่าในประเทศไทย ได้รับการร้องเรียนว่า ผู้ประกอบการไม่ดูแลเอาใจใส่ และยังยึดพาสปอร์ตไว้ เพื่อไม่ให้มีการย้ายหรือลาออกจากงาน และเวลาที่เกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ผู้ประกอบการจะไม่ชดเชยและชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิมได้ชี้แจงว่า อย่าไปสนใจ ในอดีตเคยมีเรื่องนี้ แต่พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้เรามีคณะกรรมการและนโยบายที่ชัดเจนทำให้ปัญหาต่าง ๆ ลดน้อยลง อีกทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ ๆซึ่งเป็นเพื่อนตน ก็ดำเนินการตามกติกาที่กำหนด และวันนี้หากไม่มีแรงงานชาวพม่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะแรงงานไทยไม่ทำอาชีพเหล่านี้

นางอองซานซูจี กล่าวทีเล่นทีจริงว่า ถ้าสถานการณ์ในประเทศพม่าดีขึ้นจะนำแรงงานพม่ากลับทั้งหมด “ดังนั้นรัฐบาลไทยจะต้องทำให้เขามีความสุขในการอยู่ประเทศไทยให้ได้ มิเช่นนั้นดิฉันจะแย่งคืนกลับไป” นางอองซานกล่าวเชิงหยอกล้อ พร้อมบอกว่า การที่รัฐบาลไทยดูแลแรงงานชาวพม่าเป็นอย่างดี จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้น และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งความเข้าใจและวัฒนธรรมได้มาก ต้องขอบคุณทุกความดีและการดูแลผู้อพยพและผู้หนีภัยสงครามชาวพม่าของคนไทย และรัฐบาลไทย เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศเล็ก ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเดนมาร์ก แต่ดูแลผู้ลี้ภัยชาวพม่าเป็นอย่างดี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการหารือ ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้กล่าวชื่นชมนางซูจี ในฐานะเป็นนักประชาธิปไตย โดยระบุว่า “ถ้ามาลงเลือกตั้งในประเทศไทย ผมคงหนักใจ เพราะเป็นป๊อบปูล่า (ได้รับความนิยม) มาก และเป็นที่ยอมรับ ถือโอกาสอวยพรให้ชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในพม่าในปี 2559" ขณะที่นางซูจี ได้กล่าวขอบคุณ พร้อมหยอกกลับว่า จิตใจของสุภาพบุรุษมีความคิดอย่างไรไม่รู้ แต่ถ้ามาลง คิดว่าตนได้ใจจากสุภาพสตรีไทยแน่นอน และยังได้แซว ร.ต.อ.เฉลิม ที่พาลูกชายทั้ง 3 คนมาร่วมหารือด้วย “แต่ทำไมไม่พาภรรยามา มิฉะนั้นดิฉันจะขอทำหน้าที่แทนนะ” ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้แต่หัวเราะชอบใจ จากนั้นร.ต.อ.เฉลิม ได้พาบุตรชายทั้ง 3 คนมาถ่ายรูปคู่กับนางอองซานซูจีอย่างเป็นกันเองก่อนมอบของที่ระลึกให้

สลดแม่ใจยักษ์บีบคอฆ่าทารกหญิงทิ้งขยะ



วันนี้ (31 พ.ค.) พ.ต.ท.ตปธน กอพงษ์ สารวัตร สภ.เมืองนครราชสีมา รับแจ้งเหตุมีคนพบศพทารกในโรงงานคัดแยกขยะของเทศบาลนครนครราชสีมา ต.หนองบัวศาลา จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเมตตา ที่เกิดเหตุอยู่ภายในตัวโรงงาน พบร่างของเด็กทารกเพศหญิง ผิวขาว หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อายุแรกคลอดไม่เกิน 3 วัน เนื่องจากสายสะดือถูกตัดขาดแล้ว สภาพเสียชีวิตโดยไม่สวมเสื้อผ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ซึ่งปะปนมาในกองขยะที่เตรียมนำเข้าสู่ระบบสายพานเครื่องคัดแยะขยะ ตรวจสอบตามร่างกายพบรอยเขียวช้ำ บริเวณลำคอลักษณะคล้ายกับถูกบีบ คาดว่าเสียชีวิตแล้วไม่เกิน 12 ชั่วโมง



จากการสอบสวน น.ส.วาสนา ฉิมวัย อายุ 27 ปี พนักงานคัดแยกขยะประจำโรงงาน ผู้พบศพทารกน้อยเป็นคนแรกเล่าว่า ศพทารกน้อยเพศหญิงน่าจะถูกคนงานเก็บขยะที่ตระเวนเก็บขยะทั่วเมืองนครราชสีมาในช่วงเวลาตั้งแต่ 6 ทุ่มจนถึง 6 โมงเช้าวันเดียวกัน โดยมีรถขนขยะ 12 คัน นำขยะประมาณ 200 ตันมาทิ้งไว้ที่บริเวณโรงงาน ก่อนมีรถตักขยะนำเข้าสู่ระบบสายพานเครื่องคัดแยกขยะ ซึ่งในระหว่างกำลังทำการคัดแยกขยะ เห็นถุงพลาสติกใสพอเปิดออกดูเจอศพทารกอยู่ภายใน จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ



เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ศพทารกเพศหญิงน่าจะเป็นทารกที่คลอดจากแม่ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นหรือนักเรียนนักศึกษาที่ใจแตก หรือไม่พร้อมที่จะมีลูก พอคลอดเสร็จก็คงจะจัดการบีบคอเพื่อฆ่าให้ตาย ก่อนนำใส่ถุงมาทิ้งถังขยะ ซึ่งตำรวจจะได้ตรวจสอบที่มาของถุงพลาสติกและหลักฐานอื่น ๆ ที่น่าจะเชื่อมโยงไปหาตัวแม่ใจยักษ์รายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

สภาฉาวซ้ำ "ปชป." สุดทนปาข้อบังคับใส่ “ขุนค้อน”






สภาฉาวซ้ำ ส.ส. "ปชป." สุดทนปาหนังสือใส่อก “ขุนค้อน” หลังไม่พอใจมติ กมธ. 22 ต่อ 1 หักดิบเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ขึ้นมาถกเป็นวาระแรก 9 โมงเช้า 1 มิ.ย. นี้ "ตำรวจรัฐสภา" ปิดทางเข้า-ออกบัลลังก์ ป้อง "ขุนค้อน" โดนตื้บ แถมหวิดวางมวย "ธานี-จิรายุ-เก่ง" ท้ายที่สุดจับแยกได้ทัน
วันที่ 31 พ.ค. เวลา 16.30 น. ภายหลังพักการประชุมกว่า 4 ชั่วโมง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กดออดให้มีการประชุมสภาอีกครั้ง พร้อมแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภา 35 คณะ มีมติ 22 ต่อ 1 เสียง เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ทั้ง 4 ฉบับ ไม่เป็นกฎหมายการเงิน จึงขอให้ที่ประชุมสภาพิจารณาญัตติที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ขึ้นมาพิจารณาเป็นลำดับแรก

ทั้งนี้นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นกล่าวท้วงติงการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ โดยระบุว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านได้เข้าชื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ ออกจากส.ส. ซึ่งจะกระทบต่อตำแหน่งประธานสภาด้วย เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง จึงอยากให้นายสมศักดิ์ พิจารณาว่าเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ควรทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมต่อหรือไม่ แต่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นทักท้วงและปกป้องประธานสภาว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้บังคับว่าเมื่อถูกยื่นถอดถอนแล้วจะไม่สามารถทำหน้าที่ประธานได้ เพราะยังไม่มีการตัดสินใด ๆ ออกมา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นบรรดา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างลุกขึ้นทักท้วงประธานสภา โดยขอให้ชี้แจงเหตุผลการวินิจฉัยว่าเหตุใดร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง จึงไม่ใช่กฎหมายการเงิน และภายหลังหากมีความเสียหายเกิดขึ้น ประธานสภาจะยอมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ประธานสภา ตัดบทว่า การประชุมประธาน กมธ. เป็นไปตามที่ฝ่ายค้านเสนอ และมีการใช้เวลาหารือ 4 ชั่วโมงกว่า และมีมติแล้วถือว่าใช้เวลานานแล้ว ทำให้บรรดาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ต่างลุกขึ้นยกมือประท้วงพร้อมส่งเสียงโห่แสดงความไม่พอใจ แต่นายสมศักดิ์ ยังยืนยันที่จะขอมติจากที่ประชุมว่าเห็นด้วยกับญัตติของ นพ.ชลน่าน หรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก โดยเฉพาะ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลุกขึ้นประท้วงอยู่นาน แต่ประธานไม่สนใจ จึงเดินนำทีม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นเดินตรงไปที่หน้าบัลลังก์ พร้อมชูหนังสือข้อบังคับการประชุมขึ้น และตะโกนต่อว่าประธานทำผิดข้อบังคับ ระหว่างนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา ได้พากันกรูเข้ามาล้อมบัลลังก์ประธานสภาเพื่อคุ้มกัน โดยนายสมศักดิ์ ยังเดินหน้าสั่งให้สมาชิกเสียบบัตรแสดงตนเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม โดยผลปรากฎว่า มี ส.ส. แสดงตนจำนวน 276 คน จากนั้นประธานได้สั่งลงมติ ทำให้ ส.ส. ที่ยืนอออยู่หน้าบัลลังก์เกิดความไม่พอใจมากขึ้น ถึงขนาด นพ.วรงค์ ปาหนังสือข้อบังคับใส่ที่หน้าอกประธานสภา จนประธานสภาถึงกับผงะและแสดงสีหน้าตกใจ แต่ยังสั่งให้ที่ประชุมลงมติ และอ่านผลคะแนนอย่างรวดเร็วว่า ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับญัตติของ นพ.ชลน่าน  272 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง และสั่งปิดประชุมทันทีเวลา 17.05 น. พร้อมนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 09.30 น.



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ประชุมเคร่งเครียดมากขึ้น บรรดาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นพ.วรงค์ นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พร้อมด้วยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกหลายกัน แสดงความไม่พอใจ พากันหอบเอกสารปึกใหญ่ที่กองอยู่บริเวณด้านหน้าขว้างปาขึ้นมาบนบัลลังก์ แต่นายสมศักดิ์ ถูกกันตัวออกจากบัลลังก์ไปก่อน จึงโดนแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาที่ล้อมไว้ พร้อมกับจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา ยืนกันทางเข้าออกด้านหลังประธานสภาทั้ง 2 ด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ ส.ส.วิ่งตามไปทำร้าย อย่างไรก็ตามระหว่างเกิดเหตุบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้พากันมาคอยห้ามอยู่ที่หน้าบัลลังก์ประธานสภา



แต่ได้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันขึ้น โดยนายธานี เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ามาดึงไหล่ของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ทำให้นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย รีบเข้ามาส่งเสียงดังเพื่อช่วยนายจิรายุ ทำให้มีปากเสียงโต้ตอบกันไปมาจนเกือบจะวางมวยกัน แต่ ส.ส. บริเวณนั้นและตำรวจรัฐสภา ได้เข้ามาช่วยแยกออกไป ทั้งนี้หลังเหตุการณ์ผ่านไปนายการุณ ได้เข้ามายกมือไหว้ขอโทษ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าการประชุมจะปิดไประยะหนึ่งแล้ว แต่บรรดาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของประธานสภากลางห้องประชุม โดยนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง ถึงกับตะโกนหลายครั้งว่า “สภาทาสทักษิณ พรุ่งนี้ให้ไปประชุมที่พรรคเพื่อไทย”