วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

เครียดทะเลาะเมียยิงดับพร้อมลูกก่อนจ่อขมับตายตาม


เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(6 เม.ย.)พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ อิ่นใจ สวส.เวร สภ.พาน จ.เชียงราย รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย 3 ศพ ที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 2 บ้านคาววัง ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพรัช คุ้มล้วนล้อม ผกก. และแพทย์เวรจากโรงพยาบาลพาน ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ บริเวณห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องนอน บนฟูกที่นอนด้านซ้ายสุด พบศพนายธีรเมธ พรหมบุรี อายุ 30 ปี มีบาดแผลถูกยิงขมับด้านซ้ายทะลุขมับขวา 1 นัด นอนก่ายศพน.ส.สิรประภา นันตานุ่น อายุ 30 ปี ภรรยาและเป็นเจ้าของบ้านเกิดเหตุ มีบาดแผลถูกยิงบริเวณศีรษะ 2 นัด ส่วนด้านขวาสุดของที่นอน ยังพบศพด.ช.ภูมิทัศน์ พรหมบุรี อายุ 9 เดือน ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกันที่ศีรษะ 2 นัด และยังพบอาวุธปืนลูกโม่ .357 ตกอยู่ข้างตัวนายธีรเมธ 1 กระบอกตรวจสอบในรังเพลิงพบปลอกกระสุนปืน  5 ปลอก และกระสุนอีก 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งพิสูจน์ต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ไพรัช กล่าวว่า เบื้องต้นสอบสวนทราบว่าฝ่ายชายมาอยู่กินกับผู้หญิงได้ 1 ปีเศษ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่ได้ประกอบอาชีพ อาศัยอยู่กินกับภรรยา ซึ่งมีอาชีพทำนา ระยะหลัง ทั้งสองเกิดระหองระแห และมีปากเสียงเป็นประจำ โดยฝ่ายชายหึงหวงภรรยา ช่วงเช้าวันนี้ มีพยานพบเห็นทั้ง 2 ทะเลาะกันอย่างรุนแรง กระทั่งตกบ่ายได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จึงไปแจ้งตำรวจมาตรวจ ส่วนสาเหตุสันนิษฐานว่า มาจากเรื่องปัญหาภายในครอบครัว และเกิดความเครียด แก้ไขปัญหาชีวิตครอบครัวไม่ตก กระทั่งฝ่ายชายใช้อาวุธปืนยิงหัวภรรยาและลูกน้อยจนเสียชีวิต ก่อนตัดสินใจจ่อยิงขมับตัวเองตายหนีความผิด. 

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

รวบแก๊งแมวน้ำเจ้าพระยาอาละวาด


วันนี้ ( 7 เม.ย.) พ.ต.ต.พิภพ นามพุทรา สว.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังซุ่มดักจับกุมแก๊งแมวน้ำ หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่า สินค้าที่บรรทุกมาทางเรือได้ถูกกลุ่มคนร้ายลอบโจรกรรมไปหลายครั้ง โดยที่บริเวณป่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 2 ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน เจ้าหน้าที่พบเรือยนต์ต้องสงสัยขับเข้ามาจอดขนถ่ายสินค้าขึ้นรถกระบะ 2 คันที่จอดอยู่ริมฝั่ง จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบว่าเรือลำดังกล่าวชื่อ “โชคขวัญฤทัย” ภายในเรือมีกระสอบบรรจุน้ำตาลทรายแดง กระสอบละ 50 กิโลกรัม จำนวน 250 กระสอบ น้ำหนักรวม 1.5 ตัน มูลค่ากว่า 300,000 บาท
จากการสอบสวน นายวิรัตน์ พัชนี อายุ 27 ปี คนขับเรือ รับสารภาพว่า มีอาชีพขับเรือยนต์ลากจูงเรือบรรทุกสินค้า ได้ร่วมกันคนงานไทย และชาวเขมรโจรกรรมน้ำตาลทรายจากเรือบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับวัดโพธิ์เผือก ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้เรือขนาดเล็กเข้าไปจอดเทียบเรือบรรทุกสินค้าในช่วงกลางคืน แล้วจึงกรีดผ้าใบก่อนช่วยกันโกยน้ำตาลทรายใส่กระสอบที่เตรียมไว้ขนใส่เรือยนต์ แล้วค่อยนำมาถ่ายขึ้นรถกระบะเพื่อนำไปขาย กระสอบละ 900 บาท โดยมีนายจอม ไม่ทราบนามสกุล จาก อ.ท่าเรือ เป็นนายทุน ซึ่งทำมาแล้วหลายครั้ง พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม นายบุญธรรม ซ้งนุ่ม อายุ 28 ปี นายคัมภีร์ ศรีรักษา อายุ 30 ปี นายสุรชัย ประสงค์กลิ่น อายุ 30 ปี และชายชาวกัมพูชา อีก 5 คน ผู้ร่วมขบวนการ พร้อมของกลาง รถกระบะนิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บต 5663 พิจิตร และรถกระบะนิสสัน สีดำ ทะเบียน บจ 4010 พระนครศรีอยุธยา ไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ดีเอสไอชี้ 1 เดือนเห็นภาพทุจริตยาแก้หวัดทั้งระบบ


วันนี้ (7 เม.ย.)  พ.ต.ท.พงษ์อินทร์  อินทร์ขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง  กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดียาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟดรีนรั่วไหลออกจากโรงพยาบาลจำนวนมากว่า  การสอบสวนคดีมีความคืบหน้ามากพอสมควร โดยเฉพาะประเด็นการสอบสวนยาแก้หวัดหายออกจากรพ. ทั้งรัฐและเอกชนรวมถึงคลินิกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยังพบว่ามีสถานพยาบาลอีกหลายแห่งที่พบความผิดปกติในการจัดซื้อและต้องขยายผลการตรวจสอบต่อไป 
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างขยายผลเครือข่ายคนกลางที่เป็นผู้รวบรวมยาแก้หวัด  ซึ่งพบข้อมูลความเป็นไปได้ที่คนกลางบางรายจะทำหน้าที่รวบรวมยาแก้หวัดจากหลายจังหวัดด้วย ซึ่งขณะนี้การสอบสวนพบเบาะแสคนกลางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอกำลังเร่งการสอบสวนเพื่อให้ทราบเส้นทางและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการส่งออกยาแก้หวัดไปผลิตเป็นยาเสพติด เบื้องต้นคาดว่าภายใน 1 เดือนข้อมูลการสอบสวนจะสามารถเห็นภาพใหญ่ทั้งระบบและสรุปยอดสถานพยาบาลที่มีการกระทำความผิด  รวมถึงส่งฟ้องสำนวนบางส่วนที่มีพยานหลักฐานกระทำความผิดชัดเจนได้ด้วย

พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อว่า   ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ เวลา 14.00 น.  พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)  สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)  เพื่อติดตามการทำงานและหารือร่วมกันในประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เช่น การกันบุคคลบางกลุ่มไว้เป็นพยานเพื่อให้ได้ข้อมูลไปถึงตัวการใหญ่

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

รวบ รปภ.ก่อเหตุชิงทรัพย์ต้องการเงินไปกินเหล้า




วันนี้ (7 เม.ย.) พ.ต.ท.วีรภัทร์ สุขไชย สวป.สน.บางกอกใหญ่ รับแจ้งเหตุมีชายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 (บริเวณแยกพาณิชย์ธนบุรี ซอย 18) แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่เกิดเหตุพบประชาชนในบริเวณดังกล่าวช่วยกันจับกุมตัวนภัทร ดิษฐศยบุตร อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ.บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาโดยมีบาดแผลที่บริเวณใบหูด้านหลังช้างขวา ขณะที่ประชาชนช่วยกันจับกุมหลังจากใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ชิงทรัพย์นายศุภณัฐ ปฐมรัตน์ อายุ 22 ปี

จากการสอบสวนนายศุภณัฐ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านเกมส์บริเวณซอยที่เกิดเหตุจากนั้นผู้ต้องหาได้เดินมาและได้ใช้เอาอาวุธปืนมาจี้ที่ท้องและบอกให้ตนส่งโทรศัพท์มา จากนั้นตนจึงได้ส่งโทรศัพท์ยี่ห้อแบล็คเบอร์รี่ให้ ต่อมาผู้ต้องหาบอกว่าจะขอเงินเพิ่มอีก 100 บาท ตนบอกว่าไม่มี ผู้ต้องหาจึงได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ จากนั้นตนได้เรียกเพื่อนอยู่ในร้านเกมส์เพื่อติดตามจับกุมกระทั่งสามารถจับกุมได้ภายในซอยที่เกิดเหตุพร้อมกลับแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ด้านผู้ต้องหาให้การรับสารภาพวกวนไปมาแต่จับใจความได้ว่า ตนได้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวจริง เพราะต้องการนำเงินไปดื่มสุราหลังจากที่ได้ดื่มมาก่อนหน้านี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน และพกพาอาวุธปืนไปในท่าสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวดำเนินคดีต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
 

วิฯแก๊งยาเหิมยิงดวลตำรวจ




วันนี้ (7เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ได้ทำการวิสามัญผู้ต้องหายาเสพติดที่บริเวณด้านหน้า โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภช ถนนวัชรพล กรุงเทพมหานคร โดย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.  เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปส.ร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน ติดตามจับกุมผู้ต้องหา เนื่องจากสืบทราบว่า ได้มีการลำเลียงยาเสพติด โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาได้ทำการยิงต่อสู้เพื่อหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการวิสามัญฆาตกรรม ส่งผลทำให้ผู้ต้องหา 1 ใน 2 ราย เสียชีวิต อยู่ภายในรถโตโยต้า คัมรี่ หมายเลขทะเบียน ญอ1508 กรุงเทพมหานคร ทราบชื่อคือนายณัฐพงศ์ หรือ เต๋า ศีรษะสุวรรณ อายุ 31 ปี    นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 1 นายด้วย  เบื้องต้นจากการตรวจค้นภายในรถ พบยาบ้าซุกซ่อนภายในกล่องเครื่องเล่นคาราโอเกะ 140,000 เม็ด ยาไอซ์ 3 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือผู้ต้องหาที่ใช้รถยนต์ไม่ทราบรุ่นหลบหนี เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าสกัดจับ    ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้รุดเดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเอง

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

โจ๋ซิ่งจยย.ชนขอบสะพานพลัดตกลงมาดับ







จยย.ขึ้นสะพานมาด้วยความเร็วสูงเจอทางแยกลังเลเสียหลักชนขอบสะพาน คนขับกระเด็นตกลงมาดับอนาถกลางถนน
เมื่อเวลา 05.20 น. วันนี้( 8 เม.ย.) พ.ต.ท.ชาญชาตรี สีดาคำ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บุคคโล ได้รับแจ้งเหตุคนขับรถจยย.ชนขอบสะพานพระราม 3 ทำให้พลัดตกลงมาเสียชีวิต ที่บริเวณใกล้แยกมไหศวรรย์เพียง 50 เมตร ถนนรัชดาขาเข้า แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณกลางถนนรัชดาขาเข้าใกล้แยกมไหศวรรย์ พบศพ นายวิโรจน์ สร้อยสิงห์ อายุ 20 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 10 ต.โนน อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน มีบาดแผลแตกที่ใบหน้าและรอยถลอกตามร่างกาย ใกล้กันมีเศษกระจกตกแตกบนท้องถนน นอกจากนี้ยังพบรถจยย.ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ หมายเลขทะเบียน สขท 461 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่บริเวณทางแยกบนสะพานพระราม 3 ขาลง สภาพบังโคนหน้าและไฟหน้าพังยับเยิน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ นายทวีชัย อบอุ่น อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นผู้ซ้อนจยย.คันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยนำตัวส่ง รพ.ตากสิน
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายและผู้บาดเจ็บขับขี่จยย.คันดังกล่าวมาด้วยความเร็วสูง พอมาถึงจุดเกิดเหตุเกิดความลังเลกับเส้นทางจนทำให้พุ่งชนกับขอบสะพานดังกล่าวแล้วพลัดตกลงมาเสียชีวิตดังกล่าว

แทงดับหนุ่มใหญ่นักเที่ยวขณะขี่จยย.ส่งกิ๊ก






ใหญ่นักเที่ยว อาสาจัดงานวันเกิดให้กิ๊กจนดึก ขณะกำลังไปส่งกลับบ้านเจอวัยรุ่นดักชกต่อยและใช้มีดแทงดับคาที่ คาดเรื่องชู้สาว
เมื่อเวลา 02.40 น. วันนี้(8เม.ย.) พ.ต.ท.ประเสริฐ แหวนแว  สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี  ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกแทงตายที่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านเอื้ออาทรคลองหลวง(เทพกุญชร 34) ถนนพหลโยธินขาเข้า  หมู่ 12 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี  จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ   สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง ,และพ.ต.ท.ภูริสิทธิ์  ทับทิมทอง สว.สส.สภ.คูบางหลวง ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง,เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1(ศพฐ.1), และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพนายสุชาติ แจ้งอักษร อายุ 42 ปี ชาวจ.ประจวบคีรีขันธ์ พนักงานบริษัท ทีเอชที สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อยืดสีฟ้า กางเกงสีดำ มีบาดแผลถูกแทงตามร่างกาย ตรวจสอบทรัพย์สินขอผู้ตายยังอยู่ครบ สอบสวนน.ส.ณัฎฐาวภัส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาดื่มกินเนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดตน โดยผู้ตายเป็นคนจัดให้ กินกันประมาณ 6-7 คน จนเวลา 02.30 น.ผู้ตายอาสาไปส่งตนที่บ้าน ระหว่างขี่จยย.มาถึงที่เกิดเหตุมีชายวยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี ขี่จยย.สีขาวคาดแดง ไม่ทราบทะเบียนตรงเข้ามา และชกต่อยผู้ตายและใช้มีดแทงจนล้ม ก่อนขับหลบหนีไปทางตลาดไทย
ด้านพ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ ผกก.คลองหลวง กล่าวว่าในเบื้องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน รวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ และพยานบุคล ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและเรื่องชู้สาว เพราะว่าผู้ตายเป็นคนชอบเที่ยวและมีหญิงสาวมาติดพันธ์หลาย ซึ่งจะเร่งสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กระบะตีนผีซิ่งชนจยย.พ่วงพ่อลูกดับ2เพื่อนลูกสาหัส








พ่อค้าปลาตลาดเช้าสัตหีบดวงกุด พาบุตรชาย และเพื่อนบุตรชาย ตระเวนออกวางอวนหาปลา ขากลับเตรียมนำปลาไปขาย ถูกกระบะตีน พุ่งชนท้ายแล้วหลบหนี ส่วน 2 พ่อลูกดับอนาถคาที่ ส่วนเพื่อนลูกสาหัส ตำรวจเก็บชิ้นส่วนรถคนร้าย เตรียมเร่งลากคอ
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (8เม.ย.) ร.ต.อ.ธีทัต ตรุณจันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะดีแม็ก สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ก่อเหตุพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์พุ่งข้าง ก่อนหลบหนีหายลอยนวลมุ่งหน้าเข้าอำเภอสัตหีบ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสุขุมวิท กม.163 เส้นทางพัทยา – สัตหีบ บริเวณทางเลี้ยวยูเทรินแยกทางเข้าร้านอาหารบางเสร่ซีฟู๊ด หมู่ 3 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้ง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ รุดตรวจสอบ
 ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 s สีดำ ทะเบียน ขมฉ – 545 ชลบุรี สภาพด้านท้ายพังยับเยิน กระเด็นเหินขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางถนน โดยบรรทุกปลาน้ำจืดมาจำนวนมาก บางส่วนได้ล่วงกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน ใกล้กันข้างริมฟุตบาตรเกาะกลางพบร่าง นายโซ บางวัน อายุ 38 ปี พ่อค้าปลาตลาดเช้าสัตหีบ นอนเสียชีวิตสภาพกะโหลกศีรษะแตก มันสมองกระจายเกลื่อนพื้นถนน คอแขน และขาทั้ง 2 ข้างหัก ใกล้กันพบผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 2 ราย คือนายอมร ชุมศิริ อายุ 15 ปี บุตรชายผู้ตาย และด.ช.หมู (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) อายุประมาณ 13 ปี เพื่อนนายอมร ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยให้การช่วยเหลือนำตัวส่งรักษายังห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ แต่นายอมร ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลักฐานชิ้นส่วนกันชนหน้ารถคันก่อเหตุตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน 
สอบปากคำ นายจักราวุฒิ บุญวงศ์ อายุ 35 ปี ญาติผู้ตาย ให้การว่า นายโซ เป็นพ่อค้าขายปลาน้ำจืดตลาดเช้า สัตหีบ ทุก ๆ วันจะพาบุตรชาย และเพื่อนบุตรชาย ตระเวนออกหาปลาในแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อนำไปขาย ล่าสุด ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดได้ขี่จักรยานยนต์ไปหาปลาที่อ่างเก็บน้ำชักนอก หลังสนามกีฬากลางพัทยา ระหว่างเดินทางกลับขณะที่จะนำปลาที่หามาได้ไปส่งให้ ที่ตลาดเช้าได้ขาย ก็มาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตดังกล่าว 

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

จับตาคาร์บอมบ์5คันจ้องป่วนซ้ำหาดใหญ่




“ลี 

การ์เดนส์ พลาซ่า” เคลียร์พื้นที่ ยันเหตุระเบิดไม่กระทบกับโครงสร้างของอาการ เร่งซ่อมแซมเพื่อกลับมาเปิดให้บริการ ตรึงกำลังเฝ้าระวังเหตุร้ายทั่วหาดใหญ่ จับตารถคาร์บอมบ์ 5 คันและรถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 12 ป้าย

วันนี้ (8 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลี การ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะนี้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์สถานการณ์ในพื้นที่  เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติและดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของโรงแรมและห้างสรรพสินค้าลีการ์เดนส์ พลาซ่าที่ถูกลอบวางระเบิด ขณะนี้การเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดเสร็จแล้ว และเริ่มลงมือซ่อมแซมโครงสร้างอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในส่วนของห้างสรรพสินค้าหลังจากที่ได้มีการยกเลิกประกาศห้ามใช้อาคาร เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่าโครงสร้างยังแข็งแรง รวมทั้งระดมพนักงานเตรียมความพร้อมในส่วนของโรงแรม เพื่อให้เปิดใช้งานได้เร็วขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและบรรยากาศการท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่ อย่างไรก็ตามทางอำเภอหาดใหญ่ ยังคงเปิดจุดรับแจ้งเพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ด้านหน้าโรงแรมโดยจะเริ่มย้ายไปยังที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ในวันที่ 11 เม.ย.

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่ ยังคงมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเข้าออกทั้ง 47 สายเพื่อเฝ้าระวังรถคาร์บอมอีก 5 คันและจับตารถที่สวมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 12 แผ่นซึ่งได้มีการนำป้ายไปตั้งไว้ที่จุดตรวจทุกจุด

ส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายสองคนคือ นายเสรี แวมามุ และนายรุสลัน ใบมะ แนวร่วมในจ.สงขลาที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายตามภาพจากกล้องวงจรปิดขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวหาที่กบดานซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

โจ๋กระหน่ำยิงอริ ที่ใช้รถเก๋งของแม่ลูกเป็นที่กำบังต้องหลบกระสุนกว่า 40 นัด โชคดีเจ็บเล็กน้อย






กลุ่มศาลเจ้าปึงเถ้ากง ซอยตากสิน 4 ยกพวกไล่ยิงอริกลางซอย สาวใหญ่แม่ค้าเสื้อผ้าประตูน้ำ พาลูกขับรถเก๋งผ่านมาตกอยู่กลางวงขัดแย้ง ต้องหลบห่ากระสุนกว่า 40 นัด เดชะบุญแม่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนลูกชายไม่ถูกกระสุน
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 8 เม.ย. ร.ต.อ.(หญิง) นพวรรณ พยัฆพรม พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางยี่เรือ รับแจ้งเหตุวัยรุ่นไล่ยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บกลางซอยเทอดไทย 19 (เชื่อมต่อซอยตากสิน 4) ถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สส.บก.น.8 พ.ต.ท.วิชัย สนสกุล สว.สส.สน.บางยี่เรือ กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ และกองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นตลาดสดกลางซอยมีถนนความกว้างขนาด 2 เลนให้รถวิ่งสวนไปมาได้ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 349 พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีแดง หมายเลขทะเบียน ฌธ 6409 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพกระจกด้านหน้า  ไฟหน้าด้านขวา กันชน และกระโปรงหน้ารถถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม.จนพรุน จำนวน 18 นัด ห่างไปทางด้านหน้ารถประมาณ 20 เมตร พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกเกลื่อนพื้นถนนทั้งสิ้น 37 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายณรงค์ฤทธิ์ เอี่ยมประเสริฐ อายุ 36 ปี ชาวบ้านซึ่งพักอยู่ในซอยดังกล่าว ให้การว่า รถเก๋งคันนี้เป็นของพี่สาวตนชื่อนางแสงดาว เอี่ยมประเสริฐ อายุ 44 ปี อาชีพขายเสื้อผ้าอยู่ที่ประตูน้ำ โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. พี่สาวตนขับรถจากบ้านพักย่านพุทธมณฑล พา ด.ช.เจษฎาภรณ์ เอี่ยมประเสริฐ หรือ “น้องแพททริค” อายุ 8 ปี ลูกชายมาเยี่ยมตนและมารดาซึ่งอาศัยอยู่ในดังกล่าว ระหว่างที่กำลังชะลอรถขับเข้าซอยมาเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ตลาดสดกำลังเปิดขายของปรากฏมีกลุ่มวัยรุ่น 2 แก๊ง ประมาณ 15 คน ขับรถ จยย.ไล่ตีกันอยู่ โดยแก๊งแรกมีประมาณ 10 คน ใช้รถ จยย.4-5 คันเป็นยานพาหนะ ขับมาจอดบริเวณหน้ารถ ส่วนอีกแก๊งซึ่งมีคนน้อยกว่าได้ทิ้งรถพากันวิ่งกรูเข้าไปหลบบริเวณหลังรถ จากนั้นฝ่ายแก๊งแรกก็เปิดฉากกระหน่ำยิงใส่รถพี่สาวตนเสียงดังหูดับตับไหม้นานประมาณ 2 นาที ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะแยกย้ายหลบหนีไป โดยขณะนั้นพี่สาวตนรีบก้มหมอบกอดน้องแพททริค ลูกชายเอาไว้ทำให้กระสุนแฉลบเข้าแขนขวาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนน้องแพททริค โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ด้านนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนอนหลับอยู่บนบ้านได้ยินเสียงปืนกลดังติดกันจำนวนหลายนัด เลยชะโงกหน้ามองผ่านหน้าต่างลงมาดูเห็นกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 10 คน จอดรถ จยย.รวมกลุ่มกันอยู่บริเวณหน้ารถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส โดยมีคนในกลุ่มลักษณะเป็นชายวัยรุ่น รูปร่างผอมสูง ไว้ผมสั้นเกรียน ใช้ปืนกลอูซี่ ยิงรัวใส่รถผู้เสียหายอย่างเมามัน เกือบ 40 นัด เนื่องจากมีกลุ่มวัยรุ่นคู่อริ 5-6 คนวิ่งไปหลบอยู่หลังรถ โดยหลังจากสิ้นเสียงปืนคนขับที่เป็นผู้หญิงก็รีบอุ้มลูกชายลงจากรถเข้าไปหลบอยู่กับกลุ่มชาวบ้านที่พากันหมอบหลบกระสุนอย่างจ้าละหวั่น ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่เกือบตกเป็นเหยื่อกระสุนต่างก็รีบสตาร์ทรถขับเร่งเครื่องพากันหลบหนีไป จังหวะนั้นฝ่ายมือปืนยังแสดงความใจเย็นเดินมาเปิดประตูรถว่ามีใครเสียชีวิตหรือไม่และยังขู่ชาวบ้านว่าห้ามติดตามไม่อย่างนั้นจะฆ่าให้ตายก่อนที่จะพาพวกทั้งหมดขับรถ จยย.หลบหนีไปเช่นกัน
ด้าน พ.ต.ท.วิชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่นกลุ่มศาลเจ้าปึงเถ้ากง ซอยตากสิน 4 ประมาณ 5-6 คน ไปเที่ยวกินดื่มที่ผับเอ็กซ์ไซต์ ถนนพระราม 3 ก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทในผับกับวัยรุ่นย่านพระประแดง ประมาณ 10 คน จากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ก็ขับรถ จยย.ไล่ตีกันมา กระทั่งฝ่ายเจ้าถิ่นขับเข้ามาใกล้ถึงบ้านพักจึงถูกกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืน โดยมีรถผู้เสียหายเป็นที่กำบัง หลังจากนี้ตนจะนำกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามห้างร้านในซอยดังกล่าว พร้อมติดตามตัวบุคคลในกลุ่มที่ถูกไล่ยิงมาสอบปากคำเพื่อนำหลักฐานไปขออำนาจศาลทำการออกหมายจับกลุ่มมือปืนมาดำเนินคดีต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“อนุสรณ์”ซัด ปชป.คนไทยหรือเปล่า ท้าโชว์รูป "แม้ว"เจรจาพูโล


วันนี้ (8 เม.ย.) นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พยายามเชื่อมโยง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าเป็นบุคคลสร้างปมปัญหาความรุนแรงภาคใต้เป็นคนไปเจรจากับขบวนการพูโล ว่า ขอยืนยันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแทรกแซงนโยบายของรัฐบาล และขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แสดงหลักฐานให้ชัดเจน ถ้ามีภาพ มีคลิป มีรายละเอียด ให้นำมาดำเนินการทางกฎหมายได้เลย อย่าช้า อย่าตั้งคำถามให้สังคมสับสนกวนน้ำให้ขุ่น และเกิดเป็นประเด็นทางการเมือง
ทั้งนี้  รัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ บริหารมา 2 ปี 8 เดือน นโยบายดับไฟใต้ ล้มเหลวไม่เป็นท่า ยังกล้านำเรื่องนี้มากลบเกลื่อนความล้มเหลวในอดีต อย่ากล่าวหา พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างเลื่อนลอย อย่ามาหล่อดีเลย์กับเรื่องนี้   รัฐบาลและกองทัพ ไม่มีนโยบายเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะการก่อความรุนแรงเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะยอมรับได้  พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรเอาความมั่นคงของชาติมาเล่นการเมือง จนเลอะเทอะ เพราะจะส่งผลเสียต่อความมั่นคง และไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญอาจทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ตกอยู่ในอันตราย อยากขอถามว่า พวกคุณเป็นคนไทยหรือเปล่า.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

โชเฟอร์ "ยิ่งลักษณ์" บวช7วันแก้บน-นายหญิงนั่งนายกฯ



วันนี้ (8 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าตลอดช่วงเช้าถึงบ่าย นายกรัฐมนตรี ได้เก็บตัวและนั่งทำงานอยู่ที่บ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 2  แต่มีหมายกำหนดการร่วมพระราชพิธีในช่วงเย็น
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า  นายทัศน์ จันจินดา  วัย 55 ปี โชเฟอร์ส่วนตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทแบบเรียบง่ายเป็นการภายใน ที่วัดบึงทองหลาง โดยมีบรรดาคนสนิทและทีมรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี ร่วมพิธีเท่านั้น ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นได้ทำพิธีขลิบผมและอโหสิกรรมให้เป็นการภายในตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เดินทางไปร่วมพิธีแต่อย่างใด  ทั้งนี้ ข่าวแจ้งว่าการอุปสมบทครั้งนี้ของนายทัศน์ เป็นการบวชแก้บนเนื่องจากนายทัศน์เคยบนไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นนายของตนเองได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะบวชให้ 7 วัน.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th