จากกรณีตำรวจ ปส. สกัดจับคนร้ายค้ายาเสพติดที่ขับรถเก๋งมา 3 คัน เพื่อส่งยาบ้า 1.4 แสนเม็ดและยาไอซ์ 3 กิโลกรัม ให้กับลูกค้าในซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน โดยมี 1 คันทำหน้าที่ขนยาบ้า อีก 2 คัน ทำหน้าที่คอยระวังเหตุร้ายให้นั้น คนร้ายที่ขับรถขนยาบ้าขัดขืนต่อสู้ยิงปืนใส่ ส.ต.อ.เครือณรงค์ หมั่นพลศรี ตำรวจปส. บาดเจ็บที่ขาซ้าย ทำให้เจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม นายณัฐพงศ์ ศีรษะสุวรรณ อายุ 31 ปี เสียชีวิตในรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีดำ ทะเบียน ญอ-1508 กทม. ส่วนคนร้ายที่เหลือขับรถหลบหนีแต่เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ 1 ราย ทราบชื่อนายไผ่ มะลิแย้ม อายุ 26 ปี ส่วนอีกคนนายเกียรติศักดิ์ ศีรษะสุวรรณ อายุ 21 ปี น้องชายคนตาย ได้จอดรถทิ้งแล้วหลบหนีไปได้ เหตุเกิดเมื่อตอนเย็นวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (8 เม.ย.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร เปิดเผยว่า คนร้ายที่หลบหนีไป พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. ได้จัดกำลังไล่ล่าตัวแล้ว เชื่อว่าจะได้ตัวเร็วๆนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายเกียรติศักดิ์ เคยถูกจับกุมคดีจำหน่ายยาเสพติด และได้ประกันตัวไปในชั้นศาล เมื่อปี 47 ก่อนจะหลบหนีไป จนกระทั่งมาก่อเหตุอีกครั้ง ส่วนแก๊งยาบ้ารายนี้ถือว่าเป็นแก๊งใหญ่ทางภาคเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมานานพบว่าคนร้ายมีทรัพย์สินต่างๆจำนวนมากทั้งบ้านและรถยนต์แต่งซิ่งหลายสิบคัน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอายัดทรัพย์สินต่อไป
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตามข่าวของทหารที่มียาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ดจากทางภาคเหนือจะเข้ามาในเขตเมืองช่วงสงกรานต์นี้ ได้ประสานงานกันทั้งตำรวจและทหารวางกำลังทุกจุดแล้ว จะปิดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ในอนาคตตนกำลังผลักดันให้มีการจัดตั้งกองบังคับการสกัดกั้นยาเสพติดโดยตรง เพื่อทำหน้าที่สกัดกั้นยาบ้าตามเส้นทางต่างๆ เพื่อที่จะสามารถป้องกันได้อย่างเต็มที่
พ.ต.อ.พรชัย เจริญวงศ์ รอง.ผบก.บก.ปส.3 เปิดเผยว่า การติดตามตัวนายเกียรติศักดิ์ ผู้ต้องหาน่าจะยังกบดานหลบหนีอยู่ในพื้นที่ กทม. โดยบช.ปส.จัดชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ปูพรมไล่ล่าตัวอย่างกระชั้นชิดแล้ว เบื้องต้นพบ นายเกียรติศักดิ์ มีหมายจับคดียาเสพติดในท้องที่สน.สายไหมด้วย อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังเพราะนายเกรียงศักดิ์ มีอาวุธปืนพกติดตัวตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าตำรวจขึ้นอีก
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น