เพชรบุรี - ต้นลีลาวดีอายุ 153 ปีนับล้านดอกกำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมทั่วทั้งเขาวัง หรือ พระนครคีรีเมืองเพชรบุรี ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่อง
นางศาริสา จินดาวงษ์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า พระนครคีรี มีสภาพธรรมชาติที่สวยงาม สดชื่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนของประชาชนและนักท่องเที่ยว อีกทั้งมีต้นดอกลีลาวดีเก่าแก่ ซึ่งเมื่อก่อนนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงโปรดฯ โดยนำพันธุ์มาจากชวาหรืออินโดนีเซียแล้วเอามาปลูกไว้บนเขาวังรวมทั้งสิ้น 1,263 ต้น ปลูกตั้งแต่สร้างพระนครคีรี ขณะนี้อายุ 153 ปีแล้ว อันจะเห็นได้ว่าต้นลีลาวดีจะมีลำต้นที่ใหญ่และมีดอกจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ต้นลีลาวดีทั้งหมดเริ่มผลิตดอกให้เห็นถึงความสวยงามและเริ่มที่บานสะพรั่งแล้วจนถึงประมาณกลางเดือนเมษายนก็จะหมดดอก
โดยดอกลีลาวดีบนเขาวัง ที่กำลังผลิดอกอยู่นี้ เมื่อบานสะพรั่งจะเป็นภาพที่สวยงามมากมีกลิ่นหอมและมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอก ผู้ขึ้นไปเที่ยวชมจะเห็นดอกลีลาวดีที่สวยงามบานเต็มยอดเขาวังอย่างสวยงาม นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 6 เมษายน 2555 นี้จะมีการจัดงานพระนครคีรี ครั้งที่ 26 ขึ้นอีกด้วยอันจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้มาเที่ยวงานพระนครคีรีแล้วได้ชมความงดงามของดอกลีลาวดีนับล้านดอกไปพร้อม ๆ กัน
http://www.becomz.com 400 บาท รับซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ ค่าแรง+ค่ารถ+ลงwinodws+โปรแกรมดูหนังฟังเพลง+office+antivirus Tel. 083-792-5426 ปล.เฉพาะเขตพื้นที่ให้บริกร รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคไชย4
วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555
ปชช.หัวใจรักชาติ หวั่นรบ.สุมหัวปล้นชาติ รวมตัวสำรวจหลักเขต 73 นำข้อมูลเสนอศาลโลก
ศุนย์ข่าวศรีราชา - แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ และกลุ่มอีสานกู้ชาติ หวั่นพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัดตราด รัฐบาลจะเล่นเกมรอศาลโลกกดหัวสั่งเช่นเดียวกับเขาวิหาร ได้รวมตัวกันกว่าครึ่งพันเข้าสำรวจหลักเขตที่ 73 เพื่อนำข้อมูลที่ได้นำเสนอสู่ศาลโลกก่อนเสียเปรียบเขมรซ้ำซ้อน
วันนี้(2 มี.ค.) สมาชิกกลุ่ม13 สยามไท นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกกลุ่มอีสานกู้ชาติ ที่นำโดยนายไชกร พลสุวรรณ รวมทั้งเครือข่ายประชาชนจังหวัดตราด กว่า 500 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อขอเดินทางเข้าไปยังบริเวณหลักเขตที่ 73 โดย น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 บ้านหาดเล็ก ได้นำทหารนาวิกโยธินกว่า 50 นาย เฝ้าสังเกตุการณ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา และ พ.ท.มูซา รองหัวหน้าฝ่ายประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดเกาะกง จนเกิดการผลักดันกันขึ้น และมีการร้องตะโกนถึงจุดประสงค์การเดินทางเข้ามายังจุดดังกล่าวว่า ประชาชนคนไทยต้องการเข้าไปในเขตแผ่นดินของไทย และทหารไม่มีสิทธิที่จะหวงห้าม ซึ่งในระหว่างนั้นได้เกิดการชุลมุนกันขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ดีในที่สุดฝ่ายทหารไทย ได้ยินยอมให้กลุ่มคนไทยทั้งหมดที่เดินทางมายังบริเวณหลักเขตที่ 73 เข้ามายังพื้นที่ และให้ทหารกว่า 50 คน ปิดกั้นบริเวณร่องน้ำ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดินพ้นพื้นที่ข้ามไปในเขตของกัมพูชา ทำให้ประชาชนที่เดินทางมายัง บริเวณหลักเขต 73 ะตะโกนต่อว่าทหารในหลายเรื่อง ขณะที่ประชาชนชาวกัมพูชาและเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา ที่เข้าสังเกตุการณ์อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ได้แสดงความไม่พอใจ แต่ก็ไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้น
ทั้งนี้หลังเข้าสำรวจบริเวณหลักเขตที่ 73 แล้ว นายไชกร พลสุวรรณ พร้อมด้วยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ประกาศต่อหน้าประชาชนและทหารของทั้งสองประเทศและทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบว่า การเดินทางมาที่หลักเขตที่ 73 ก็เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โดยเฉพาะพื้นที่น่านน้ำที่มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ โดยส่วนที่เป็นของไทยก็ต้องได้ประโยชน์มากที่สุด และส่วนที่เป็นของกัมพูชา ประเทศกัมพูชาก็ควรจะได้ประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน ส่วนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ควรจะมีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันอย่างเป็นธรรม แต่ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้ขีดเส้นเข้ามาในพื้นที่อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ว่าเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชา ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อเก็บข้อมูลนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องต่อศาลโลก
“ทางกลุ่มไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและทางบกในตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งจะไม่แตกต่างจากพื้นที่ปราสาทเขาวิหาร ที่รัฐบาลกำลังรอให้ศาลโลกตัดสิน และผลของการตัดสินก็รู้อยู่แล้วว่าฝ่ายกัมพูชาจะได้เปรียบ และไทยก็จะสูญเสียพื้นที่ให้กับกัมพูชา รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนในประเทศไทยด้วย พวกเราทุกคนต้องการให้เกิดความรู้สึกรักชาติและหวงแหนในประเทศชาติ และมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองจังหวัด นายไชยวัฒน์ ” กล่าว
ด้าน พ.ท.มูซา รองหัวหน้าประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิของประชาชนชาวไทยที่สามารถแสดงออกได้ แต่คำพูดบางประการอาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีบ้าง แต่ทางตนเข้าใจ
ส่วนในระดับราชการทั้งสองฝ่ายมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันในระดับหนึ่งแล้ว และเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น แต่คงไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขยายวงกว้าง
ล่าสุดเมื่อเวลา 17 .00 น. กลุ่มประชาชนทั้งหมดได้เดินทางออกจากพื้นที่จุดผ่านแดนบ้านหาดเล็กแล้ว และได้งมารวมตัวกันที่ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย บ้านเขาล้าน โดยในช่วงกลางคืนจะจัดกิจกรรมและปราศรัยให้ข้อมูลกับประชาชน และสมาชิกของกลุ่ม
วันนี้(2 มี.ค.) สมาชิกกลุ่ม13 สยามไท นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกกลุ่มอีสานกู้ชาติ ที่นำโดยนายไชกร พลสุวรรณ รวมทั้งเครือข่ายประชาชนจังหวัดตราด กว่า 500 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อขอเดินทางเข้าไปยังบริเวณหลักเขตที่ 73 โดย น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 บ้านหาดเล็ก ได้นำทหารนาวิกโยธินกว่า 50 นาย เฝ้าสังเกตุการณ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา และ พ.ท.มูซา รองหัวหน้าฝ่ายประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดเกาะกง จนเกิดการผลักดันกันขึ้น และมีการร้องตะโกนถึงจุดประสงค์การเดินทางเข้ามายังจุดดังกล่าวว่า ประชาชนคนไทยต้องการเข้าไปในเขตแผ่นดินของไทย และทหารไม่มีสิทธิที่จะหวงห้าม ซึ่งในระหว่างนั้นได้เกิดการชุลมุนกันขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ดีในที่สุดฝ่ายทหารไทย ได้ยินยอมให้กลุ่มคนไทยทั้งหมดที่เดินทางมายังบริเวณหลักเขตที่ 73 เข้ามายังพื้นที่ และให้ทหารกว่า 50 คน ปิดกั้นบริเวณร่องน้ำ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดินพ้นพื้นที่ข้ามไปในเขตของกัมพูชา ทำให้ประชาชนที่เดินทางมายัง บริเวณหลักเขต 73 ะตะโกนต่อว่าทหารในหลายเรื่อง ขณะที่ประชาชนชาวกัมพูชาและเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา ที่เข้าสังเกตุการณ์อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ได้แสดงความไม่พอใจ แต่ก็ไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้น
ทั้งนี้หลังเข้าสำรวจบริเวณหลักเขตที่ 73 แล้ว นายไชกร พลสุวรรณ พร้อมด้วยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ประกาศต่อหน้าประชาชนและทหารของทั้งสองประเทศและทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบว่า การเดินทางมาที่หลักเขตที่ 73 ก็เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โดยเฉพาะพื้นที่น่านน้ำที่มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ โดยส่วนที่เป็นของไทยก็ต้องได้ประโยชน์มากที่สุด และส่วนที่เป็นของกัมพูชา ประเทศกัมพูชาก็ควรจะได้ประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน ส่วนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ควรจะมีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันอย่างเป็นธรรม แต่ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้ขีดเส้นเข้ามาในพื้นที่อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ว่าเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชา ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อเก็บข้อมูลนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องต่อศาลโลก
“ทางกลุ่มไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและทางบกในตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งจะไม่แตกต่างจากพื้นที่ปราสาทเขาวิหาร ที่รัฐบาลกำลังรอให้ศาลโลกตัดสิน และผลของการตัดสินก็รู้อยู่แล้วว่าฝ่ายกัมพูชาจะได้เปรียบ และไทยก็จะสูญเสียพื้นที่ให้กับกัมพูชา รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนในประเทศไทยด้วย พวกเราทุกคนต้องการให้เกิดความรู้สึกรักชาติและหวงแหนในประเทศชาติ และมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองจังหวัด นายไชยวัฒน์ ” กล่าว
ด้าน พ.ท.มูซา รองหัวหน้าประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิของประชาชนชาวไทยที่สามารถแสดงออกได้ แต่คำพูดบางประการอาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีบ้าง แต่ทางตนเข้าใจ
ส่วนในระดับราชการทั้งสองฝ่ายมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันในระดับหนึ่งแล้ว และเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น แต่คงไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขยายวงกว้าง
ล่าสุดเมื่อเวลา 17 .00 น. กลุ่มประชาชนทั้งหมดได้เดินทางออกจากพื้นที่จุดผ่านแดนบ้านหาดเล็กแล้ว และได้งมารวมตัวกันที่ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย บ้านเขาล้าน โดยในช่วงกลางคืนจะจัดกิจกรรมและปราศรัยให้ข้อมูลกับประชาชน และสมาชิกของกลุ่ม
พบสายรัดเงิน 30 ล.ถูกทิ้งใกล้ศูนย์ราชการระยอง ตร.เชื่อแก๊งค้ายาเบิกเงินแบ่งกัน
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลูกจ้างศูนย์ราชการระยองแจ้งตำรวจหลังพบสายรัดธนบัตรฉบับละ 500 และ 1,000 บาท ประเมินจำนวนเงินรวม 30 ล้านบาท เกลื่อนข้างถังขยะในหมู่บ้าน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อเป็นแก๊งค้ายาบ้าในพื้นที่เบิกเงินมาแบ่งกัน แล้วนำมาทิ้ง
วันนี้(3มี.ค.)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านมาบตาพุด อำเภอเมืองระยองว่า มีคนพบสายรัดธนบัตรฉบับละ 500 บาท และ1 ,000 บาท ทั้งแถบสีเหลือง สีม่วง สีน้ำเงินและสีแดง ระบุธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมมีลายเซ็นผู้รับ ระบุวันเดือนปีที่เบิกเงินตกเกลื่อนข้างถังขยะ บริเวณทางเข้าหมู่บ้านชินวัตร ซอยประปา 2 ตำบลมาบตาพุด เยื้องศูนย์ราชการจังหวัดระยองไปเล็กน้อย
จากการสอบถามนายภาณุวัฒน์ หุ้นมัชชะ อายุ 48 ปี ผู้พบสายรัดธนบัตร ซึ่งพักอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว และเป็นลูกจ้างประจำศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ทราบว่าในช่วงเวลา 05.00น.ของทุกวัน ตนจะกวาดถนนบริเวณหน้าบ้านพักในหมู่บ้าน ในเช้าวันนี้ ขณะกำลังกวาดถนนได้พบสายรัดธนบัตรฉบับละ 500 บาท และ 1,000 บาทดังกล่าวตกอยู่ข้างถังขยะเทศบาลมาบตาพุดที่ตั้งไว้ จึงเก็บใส่ถุงจนเต็ม และด้วยความสงสัยว่าเหตุใดสายรัดธนบัตรจำนวนมากจึงถูกนำมาทิ้งใส่ถังขยะดังกล่าวเป็นประจำ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปพิสูจน์ที่มาของสายรัดธนบัตรดังกล่าว
พ.ต.อ.มานะ อินพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รีบตรวจสอบสายรัดธนบัตรดังกล่าว และเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการรวบรวมสายรัดธนบัตรทั้งหมดพบว่าธนบัตรที่ถูกรัดไว้มีมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท และเตรียมดำเนินการพิสูจน์เพื่อทราบที่มาของสายรัดเงินจำนวนมากนี้ ว่ามาจากที่ใด
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นขบวนการค้ายาเสพติดที่ไปเบิกเงินมาเพื่อจ่ายให้กับเอเยนต์ใหญ่ในพื้นที่จังหวัดระยอง และเมื่อเร็วๆ นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง ได้เข้าจับกุมแก๊งค้ายาบ้าในซอยประปา 2 และเกิดการยิงต่อสู้กั น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมยาบ้า และอาวุธปืนที่ใช้ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
วันนี้(3มี.ค.)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านมาบตาพุด อำเภอเมืองระยองว่า มีคนพบสายรัดธนบัตรฉบับละ 500 บาท และ1 ,000 บาท ทั้งแถบสีเหลือง สีม่วง สีน้ำเงินและสีแดง ระบุธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมมีลายเซ็นผู้รับ ระบุวันเดือนปีที่เบิกเงินตกเกลื่อนข้างถังขยะ บริเวณทางเข้าหมู่บ้านชินวัตร ซอยประปา 2 ตำบลมาบตาพุด เยื้องศูนย์ราชการจังหวัดระยองไปเล็กน้อย
จากการสอบถามนายภาณุวัฒน์ หุ้นมัชชะ อายุ 48 ปี ผู้พบสายรัดธนบัตร ซึ่งพักอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว และเป็นลูกจ้างประจำศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ทราบว่าในช่วงเวลา 05.00น.ของทุกวัน ตนจะกวาดถนนบริเวณหน้าบ้านพักในหมู่บ้าน ในเช้าวันนี้ ขณะกำลังกวาดถนนได้พบสายรัดธนบัตรฉบับละ 500 บาท และ 1,000 บาทดังกล่าวตกอยู่ข้างถังขยะเทศบาลมาบตาพุดที่ตั้งไว้ จึงเก็บใส่ถุงจนเต็ม และด้วยความสงสัยว่าเหตุใดสายรัดธนบัตรจำนวนมากจึงถูกนำมาทิ้งใส่ถังขยะดังกล่าวเป็นประจำ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปพิสูจน์ที่มาของสายรัดธนบัตรดังกล่าว
พ.ต.อ.มานะ อินพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รีบตรวจสอบสายรัดธนบัตรดังกล่าว และเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการรวบรวมสายรัดธนบัตรทั้งหมดพบว่าธนบัตรที่ถูกรัดไว้มีมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท และเตรียมดำเนินการพิสูจน์เพื่อทราบที่มาของสายรัดเงินจำนวนมากนี้ ว่ามาจากที่ใด
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นขบวนการค้ายาเสพติดที่ไปเบิกเงินมาเพื่อจ่ายให้กับเอเยนต์ใหญ่ในพื้นที่จังหวัดระยอง และเมื่อเร็วๆ นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง ได้เข้าจับกุมแก๊งค้ายาบ้าในซอยประปา 2 และเกิดการยิงต่อสู้กั น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมยาบ้า และอาวุธปืนที่ใช้ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
คนร้ายฆ่าเศรษฐีนีเจ้าของโรงเชือดหมู เมืองจันท์
จันทบุรี - เศรษฐีนีเจ้าของโรงเชือดหมู อดีตเมีย ส.ท. ถูกพบเป็นศพถูกคนร้ายใช้สายไฟฟ้ารัดคอตายในสภาพศพเปลือยท่อนล่าง
ค่ำวันนี้ ( 2 มี.ค. 55) พ.ต.ท.อำนาจ แก้วขาว พนักงานสอบสวน สบ.2 สภ.สอยดาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี รับแจ้งมีเหตุฆาตกรรม ภายในบ้านเลขที่ 151 / 24 หมู่ 1 ต.ปะตง อ.สอยดาว จึงรุดไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสว่างกตัญญู อ.สอยดาว แพทย์เวร รพ.สอยดาว ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ตั้งอยู่ภายในย่านชุมชน ภายในห้องรับแขกพบว่า สิ่งของต่าง ๆ ถูกรื้อค้น และพบศพนางจิตตรี สุรภัทรการกิจ อายุ 48 ปี เสียชีวิตในสภาพศพท่อนล่างเปลือยเปล่า สวมแต่เสื้อ ไม่สวมกางเกงใน นอนเสียชีวิตบนเตียงไม้ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง
เนื่องจากขาดอากาศหายใจ ที่ใบหน้ามีหมอนปิดทับคล้ายถูกกดด้วยหมอน บริเวณลำคอพบสายไฟฟ้าสีดำรัดแน่นอยู่บนลำคอ แขนและขาทั้ง 2 ข้าง มีรอยฟกช้ำคล้ายถูกทุบ ถูกกดอย่างรุนแรง บริเวณอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตำรวจพบด้วยว่าสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ที่คล้องคอผู้ตายประจำยังอยู่ครบ ไม่หายไปไหน แต่ข้าวของภายในบ้านใกล้จุดพบศพ กระจัดกระจายคาด อาจเกิดจากการต่อสู้กันระหว่างผู้ตายกับกลุ่มคนร้าย ส่วนรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนเงิน ทะเบียน 1165 จันทบุรี ของผู้ตายภายหลังเกิดเหตุ ได้หายไปจากบ้าน โดยต่อมาตำรวจพบจอดอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ในสภาพปิดล็อคประตู มีลูกกุญแจรถวางทิ้งไว้อยู่ในกระบะท้ายรถ
เจ้าหน้าที่สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นอดีตภรรยาของนายสมจิตร สุรภัทรการกิจ อายุ 48 ปี อดีตสมาชิกเทศบาล ต.ทรายขาว อ.สอยดาว ในสมัยที่ผ่านมา และผู้ตายเป็นเจ้าของโรงเชือดสุกร เจ้าของเขียงหมูในตลาดนัดต่าง ๆ ภายใน อ.สอยดาว โดยค้าปลีกและค้าส่งเนื้อหมู จนมีฐานะขั้นเศรษฐี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางใน อ.สอยดาว ในชื่อ “เจ๊กี” ก่อนเสียชีวิตมีผู้พบผู้ตายกลับจากการไปร่วมในพิธีงานศพ ภายหลังกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุ นายดุสิต สุรภัทรการกิร อายุ 29 ปี พักที่อยู่ที่โรงเชือดสุกรของผู้ตาย และเป็นหลานผู้เสียชีวิตมาปลุก แต่ผู้ตายไม่ออกจากบ้าน นายดุสิตพบประตูรั้วถูกล็อคด้วยลูกกุญแจด้านนอก เป็นที่ผิดสังเกตกว่าทุกครั้งที่ประตูรั้วดังกล่าวถูกล็อคจากด้านใน นายดุสิต จึงให้เพื่อนบ้านพังลูกแจเข้าไปในบ้านและพบว่านางจิตตรีได้กลายเป็นศพแล้ว
เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานการเสียชีวิตมาจาก 2 ประเด็น คือ ถูกคนร้ายซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน พยายามข่มขืน แต่ผู้ตายต่อสู้จึงถูกฆ่าด้วยการใช้สายไฟฟ้ารัดคอ จนกระทั่งผู้ตายขาดใจตายคาที อีก 1 ประเด็นของการเสียชีวิต มีสาเหตุมาจาก ถูกฆ่าเพราะความโกธรแค้น เนื่องจากตำรวจทราบว่า ผู้ตายเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจาโผงผาง ไม่กลัวใคร คาดว่า ผู้ตายอาจต่อว่าคนงานชาวกัมพูชา 2 คน ที่ผู้ตายว่าจ้างไว้ช่วยงานอย่างรุนแรง จึงเป็นสาเหตุลูกจ้างชาวกัมพูชาไม่พอใจ และอาจลงมือฆ่าผู้ตายก็ได้ ซึ่งตำรวจจะสืบสวน หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ค่ำวันนี้ ( 2 มี.ค. 55) พ.ต.ท.อำนาจ แก้วขาว พนักงานสอบสวน สบ.2 สภ.สอยดาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี รับแจ้งมีเหตุฆาตกรรม ภายในบ้านเลขที่ 151 / 24 หมู่ 1 ต.ปะตง อ.สอยดาว จึงรุดไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสว่างกตัญญู อ.สอยดาว แพทย์เวร รพ.สอยดาว ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ตั้งอยู่ภายในย่านชุมชน ภายในห้องรับแขกพบว่า สิ่งของต่าง ๆ ถูกรื้อค้น และพบศพนางจิตตรี สุรภัทรการกิจ อายุ 48 ปี เสียชีวิตในสภาพศพท่อนล่างเปลือยเปล่า สวมแต่เสื้อ ไม่สวมกางเกงใน นอนเสียชีวิตบนเตียงไม้ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง
เนื่องจากขาดอากาศหายใจ ที่ใบหน้ามีหมอนปิดทับคล้ายถูกกดด้วยหมอน บริเวณลำคอพบสายไฟฟ้าสีดำรัดแน่นอยู่บนลำคอ แขนและขาทั้ง 2 ข้าง มีรอยฟกช้ำคล้ายถูกทุบ ถูกกดอย่างรุนแรง บริเวณอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตำรวจพบด้วยว่าสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ที่คล้องคอผู้ตายประจำยังอยู่ครบ ไม่หายไปไหน แต่ข้าวของภายในบ้านใกล้จุดพบศพ กระจัดกระจายคาด อาจเกิดจากการต่อสู้กันระหว่างผู้ตายกับกลุ่มคนร้าย ส่วนรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนเงิน ทะเบียน 1165 จันทบุรี ของผู้ตายภายหลังเกิดเหตุ ได้หายไปจากบ้าน โดยต่อมาตำรวจพบจอดอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ในสภาพปิดล็อคประตู มีลูกกุญแจรถวางทิ้งไว้อยู่ในกระบะท้ายรถ
เจ้าหน้าที่สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นอดีตภรรยาของนายสมจิตร สุรภัทรการกิจ อายุ 48 ปี อดีตสมาชิกเทศบาล ต.ทรายขาว อ.สอยดาว ในสมัยที่ผ่านมา และผู้ตายเป็นเจ้าของโรงเชือดสุกร เจ้าของเขียงหมูในตลาดนัดต่าง ๆ ภายใน อ.สอยดาว โดยค้าปลีกและค้าส่งเนื้อหมู จนมีฐานะขั้นเศรษฐี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางใน อ.สอยดาว ในชื่อ “เจ๊กี” ก่อนเสียชีวิตมีผู้พบผู้ตายกลับจากการไปร่วมในพิธีงานศพ ภายหลังกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุ นายดุสิต สุรภัทรการกิร อายุ 29 ปี พักที่อยู่ที่โรงเชือดสุกรของผู้ตาย และเป็นหลานผู้เสียชีวิตมาปลุก แต่ผู้ตายไม่ออกจากบ้าน นายดุสิตพบประตูรั้วถูกล็อคด้วยลูกกุญแจด้านนอก เป็นที่ผิดสังเกตกว่าทุกครั้งที่ประตูรั้วดังกล่าวถูกล็อคจากด้านใน นายดุสิต จึงให้เพื่อนบ้านพังลูกแจเข้าไปในบ้านและพบว่านางจิตตรีได้กลายเป็นศพแล้ว
เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานการเสียชีวิตมาจาก 2 ประเด็น คือ ถูกคนร้ายซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน พยายามข่มขืน แต่ผู้ตายต่อสู้จึงถูกฆ่าด้วยการใช้สายไฟฟ้ารัดคอ จนกระทั่งผู้ตายขาดใจตายคาที อีก 1 ประเด็นของการเสียชีวิต มีสาเหตุมาจาก ถูกฆ่าเพราะความโกธรแค้น เนื่องจากตำรวจทราบว่า ผู้ตายเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจาโผงผาง ไม่กลัวใคร คาดว่า ผู้ตายอาจต่อว่าคนงานชาวกัมพูชา 2 คน ที่ผู้ตายว่าจ้างไว้ช่วยงานอย่างรุนแรง จึงเป็นสาเหตุลูกจ้างชาวกัมพูชาไม่พอใจ และอาจลงมือฆ่าผู้ตายก็ได้ ซึ่งตำรวจจะสืบสวน หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ตำรวจ ปทส.-ป่าไม้นำหมายค้นตรวจสอบที่ดินปางช้างไทรโยค แต่คว้าน้ำเหลว
กาญจนบุรี - ตำรวจ ปทส.พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำหมายค้นเข้าตรวจสอบที่ดินปางช้างไทรโยค แต่ต้องเก้อเหตุไม่มีผู้นำชี้เขต ด้านช้างของกลางอีก 5 ตัว เตรียมขนย้ายไปสถาบันคชบาลฯ 4 มี.ค.
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (2 มี.ค.55) พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ ไชยภูมิสกุล พงส.สบ.3 สภ.ไทรโยค ร.ต.ต.ธีรโชติ นุ่นสพ รอง สว.กก.5 บก.ปทส. ด.ต.สุวัฒน์ ห้วยหงส์ทอง ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปทส. ด.ต.กฤษพจน์ ชัยพร ผบ.หมู่ กก.5.บก.ปทส. นายบุญชิต ครชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.5 (ท่าเสา) เจ้าหน้าที่ อบต.ลุ่มสุ่ม และกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางไปที่ปางช้างไทรโยค เลขที่ 30/2 หมู่ 3 บ้านลุ่มผึ้ง ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ 180/2555 ลงวันที่ 2 มี.ค.55 เพื่อตรวจสอบพิกัดที่ดินเอกสาร นส.3 ก ของปางช้างไทรโยค เนื้อที่จำนวน 71 ไร่
เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบเพียงพนักงานของปางช้าง และนายชุมพล แสงวรรณ ผู้จัดการส่วนตัวของนายไชยพงษ์ แสนดี หรือ เสี่ยวินัย เจ้าของปางช้าง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายค้นและอ่านเอกสารหมายค้นให้ฟัง จากนั้นนายชุมพล ได้เซ็นรับทราบหมายค้นดังกล่าว โดยนายชุมพล ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบรังวัดที่ แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นตรงจุดไหน ประกอบกับไม่ทราบว่าหลักหมุดอยู่ที่ใดบ้าง
ต่อมานายชุมพล ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้าง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ รวมทั้งได้พยายามโทรติดต่อไปยังนายชะลอ ประจันแดง ทนายความ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน
ต่อมาเวลา 16.45 น.นายกฤษณะพงษ์ แสนดี ลูกชายนายไชยพงษ์ ได้เดินทางมาพบคณะเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่สามารถนำตรวจชี้แปลงที่ดินได้เช่นกัน และได้ขอเลื่อนการตรวจวัดที่ดินออกไปเป็นกลางเดือนนี้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเขียนบันทึกสาเหตุที่ไม่สามารถตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เพื่อรายงานให้ศาลจังหวัดกาญจนบุรีทราบ รวมทั้งรายงานให้ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.ทราบด้วยเช่นกัน
พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. เปิดเผยภายหลังว่า สาเหตุที่ไม่สามารถตรวจสอบรังวัดที่ดินได้เนื่องจากลูกชายของนายไชยพงษ์ รวมทั้งผู้จัดการส่วนตัวไม่ทราบข้อมูลเรื่องที่ดินและไม่ทราบว่าหลักหมุดอยู่จุดใดบ้าง ซึ่งจะต้องรอให้นายไชยพงษ์ เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นผู้นำตรวจชี้เท่านั้น ซึ่งเราพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายไชยพงษ์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้น หากติดต่อได้เราจะได้มีการนัดหมายกันอีกครั้งหนึ่ง
เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอไทรโยค เราได้นัดหมายกันไว้ก่อนแล้ว เมื่อถึงวันนี้กลับไม่เดินทางมาร่วมตรวจสอบ อีกทั้งยังไม่ส่งตัวแทนมาร่วมด้วย ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเรานั้นยากยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะรายงานให้ รอง ผบช.ก.ทราบเช่นกัน
ขณะเดียวกันช้าง 5 ตัวที่ยังไม่ได้ขนย้ายไปไว้ที่สถาบันคชบาล แห่งชาติในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาในวันที่ 3 มี.ค.นี้ และจะทำการขนย้ายช้างทั้ง 5 ตัวในวันที่ 4 มี.ค.อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (2 มี.ค.55) พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ ไชยภูมิสกุล พงส.สบ.3 สภ.ไทรโยค ร.ต.ต.ธีรโชติ นุ่นสพ รอง สว.กก.5 บก.ปทส. ด.ต.สุวัฒน์ ห้วยหงส์ทอง ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปทส. ด.ต.กฤษพจน์ ชัยพร ผบ.หมู่ กก.5.บก.ปทส. นายบุญชิต ครชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.5 (ท่าเสา) เจ้าหน้าที่ อบต.ลุ่มสุ่ม และกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางไปที่ปางช้างไทรโยค เลขที่ 30/2 หมู่ 3 บ้านลุ่มผึ้ง ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ 180/2555 ลงวันที่ 2 มี.ค.55 เพื่อตรวจสอบพิกัดที่ดินเอกสาร นส.3 ก ของปางช้างไทรโยค เนื้อที่จำนวน 71 ไร่
เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบเพียงพนักงานของปางช้าง และนายชุมพล แสงวรรณ ผู้จัดการส่วนตัวของนายไชยพงษ์ แสนดี หรือ เสี่ยวินัย เจ้าของปางช้าง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายค้นและอ่านเอกสารหมายค้นให้ฟัง จากนั้นนายชุมพล ได้เซ็นรับทราบหมายค้นดังกล่าว โดยนายชุมพล ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบรังวัดที่ แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นตรงจุดไหน ประกอบกับไม่ทราบว่าหลักหมุดอยู่ที่ใดบ้าง
ต่อมานายชุมพล ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้าง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ รวมทั้งได้พยายามโทรติดต่อไปยังนายชะลอ ประจันแดง ทนายความ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน
ต่อมาเวลา 16.45 น.นายกฤษณะพงษ์ แสนดี ลูกชายนายไชยพงษ์ ได้เดินทางมาพบคณะเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่สามารถนำตรวจชี้แปลงที่ดินได้เช่นกัน และได้ขอเลื่อนการตรวจวัดที่ดินออกไปเป็นกลางเดือนนี้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเขียนบันทึกสาเหตุที่ไม่สามารถตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เพื่อรายงานให้ศาลจังหวัดกาญจนบุรีทราบ รวมทั้งรายงานให้ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.ทราบด้วยเช่นกัน
พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. เปิดเผยภายหลังว่า สาเหตุที่ไม่สามารถตรวจสอบรังวัดที่ดินได้เนื่องจากลูกชายของนายไชยพงษ์ รวมทั้งผู้จัดการส่วนตัวไม่ทราบข้อมูลเรื่องที่ดินและไม่ทราบว่าหลักหมุดอยู่จุดใดบ้าง ซึ่งจะต้องรอให้นายไชยพงษ์ เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นผู้นำตรวจชี้เท่านั้น ซึ่งเราพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายไชยพงษ์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้น หากติดต่อได้เราจะได้มีการนัดหมายกันอีกครั้งหนึ่ง
เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอไทรโยค เราได้นัดหมายกันไว้ก่อนแล้ว เมื่อถึงวันนี้กลับไม่เดินทางมาร่วมตรวจสอบ อีกทั้งยังไม่ส่งตัวแทนมาร่วมด้วย ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเรานั้นยากยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะรายงานให้ รอง ผบช.ก.ทราบเช่นกัน
ขณะเดียวกันช้าง 5 ตัวที่ยังไม่ได้ขนย้ายไปไว้ที่สถาบันคชบาล แห่งชาติในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาในวันที่ 3 มี.ค.นี้ และจะทำการขนย้ายช้างทั้ง 5 ตัวในวันที่ 4 มี.ค.อีกครั้งหนึ่ง
มล่าผีแดนวิสกี้อ้าง ใช้'สันติวิธี'กล่อมวิญญาณออกจากบ้าน ชี้ผีไม่ชอบให้ไล่แรงๆ
ทีมล่าผีแห่งเขตมิดโลเธียนในแคว้นสกอตแลนด์อ้าง ประสบความสำเร็จในการใช้ "สันติวิธี" เจรจาให้ดวงวิญญาณของชายที่ชื่อโธมัส เลดลอว์ ซึ่งเสียชีวิตมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 ยอมออกไปจากบ้านหลังหนึ่งแต่โดยดี ชี้ การปราบผีด้วยวิธีการรุนแรงมีแต่จะทำให้ผี "เฮี้ยน" ยิ่งกว่าเดิม...
สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 3 มี.ค.ว่า มาร์ค สต็อคส์ และไอลีน คอพแลนด์ นักล่าผีแห่งเขตมิดโลเธียน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสกอตแลนด์ รวมถึง แจ็คกี ดรัมมอนด์ คนทรงชื่อดัง ประสบความสำเร็จในการเชิญวิญญาณออกไปจากบ้านหลังหนึ่งในเมืองดัลคีธ หลังจากความพยายามของเจ้าของบ้านล้มเหลวมาแล้วถึง 2 ครั้ง
รายงาน ข่าวระบุว่า นางวิคกี แดนน์ วัย 40 ปี เจ้าของบ้านหลังหนึ่งในเมืองดัลคีธ เขตมิดโลเธียนได้รับข่าวดี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ 2 รายจากบริษัทรับจ้างกำจัดผี คือ มาร์ค สต็อคส์ และไอลีน คอพแลนด์ รวมถึง แจ็คกี ดรัมมอนด์ คนทรงชื่อดัง สามารถเชิญวิญญาณของชายคนหนึ่งที่ชื่อโธมัส เลดลอว์ ซึ่งเสียชีวิตมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 ออกไปจากบ้านของวิคกีได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากความพยายาม 2 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่ประสบผล
สื่อ ท้องถิ่นในแคว้นสกอตแลนด์ระบุว่า ทีมล่าผีดังกล่าวอ้างว่า ดวงวิญญาณที่ล่องลอยไปมาตามห้องต่างๆ ภายในบ้านพักของวิคกี และปรากฏกายให้เห็นในเครื่องแบบนักรบโบราณในบางครั้ง จนเจ้าของบ้านและบุตรสาวอีก 2 คน ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวมานานกว่า 2 ปีนั้น แท้จริงเป็นเพียงดวงวิญญาณที่หลงทางของชายคนหนึ่งที่ชื่อโธมัส เลดลอว์ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเจ้าของบ้านแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี สมาชิกทีมล่าผีอ้างว่า เคล็ดลับที่พวกเขานำมาใช้ในการขับไล่วิญญาณของโธมัส เลดลอว์ ออกจากบ้านของวิคกีในครั้งนี้ คือ การใช้ "สันติวิธี" ในการเจรจากับวิญญาณให้ยอมออกจากบ้านแต่โดยดี แทนการขับไล่ด้วยวิธีการรุนแรง ซึ่งมักจะทำให้ดวงวิญญาณโกรธและอาจแสดงความ "เฮี้ยน" ยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกัน พวกเขายังอ้างว่า สาเหตุที่ทำให้มีวิญญาณเข้ามาอยู่ในบ้านของวิคกี เป็นเพราะบ้านหลังนี้ถูกสร้างบนที่ดินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหลุมฝังศพขนาด ใหญ่มาก่อนนั่นเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)