http://www.becomz.com 400 บาท รับซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ ค่าแรง+ค่ารถ+ลงwinodws+โปรแกรมดูหนังฟังเพลง+office+antivirus Tel. 083-792-5426 ปล.เฉพาะเขตพื้นที่ให้บริกร รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคไชย4
วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555
หนุ่มวัย32ปีสร้างสถิติดูซีรีส์นานที่สุดในโลก
หนุ่มวัย 32 ปี ชนะแข่งขันดูซีรีส์นานที่สุดในโลก 50 ชั่วโมง ได้รางวัลรถนิสสัน มาร์ช ให้ภรรยาและลูก3คน
วันนี้ (17 มิ.ย.) ผลการแข่งขันดูซีรี่ส์ญี่ปุ่น-เกาหลี มาราธอน รายการ "เจเคเอ็น ซีรีส์ นอนสต๊อป" สร้างสถิตินานที่สุดในโลก 50 ชั่วโมง จัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กิจกรรมพิเศษของช่อง เจเคเอ็น (JKN) ทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ล ของบริษัท เอสทีจีเอ็มเอ็ม จำกัด (STGMM) ที่มีผู้ชมรายการช่อง เจเคเอ็น แห่สมัครเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 2,000 คน ผ่านการคัดเลือกจนเหลือ 200 คนสุดท้าย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันดูซีรีส์มาราธอนชิงรางวัลรถยนตร์นิสสัน มาร์ช ตกแต่งพิเศษคันเดียวในโลก มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ซึ่งมีดาราอารมณ์ดี จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ร่วมแข่งขันด้วย เริ่มเปิดการแข่งขันไปเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. สิ้นสุดการแข่งขันในเวลา 15.00 น. ของวันนี้
โดยวันแรก มีผู้แข่งขันตกรอบ 75 คน รวมทั้ง จิ๊ก-เนาวรัตน์ ที่ยกมือขอออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากติดภารกิจด่วน จากนั้นผู้แข่งขันทยอยตกรอบตลอดวัน เพราะทนง่วงนอนไม่ไหว กระทั่งหมดเวลาแข่งขัน เหลือผู้ชนะทั้งสิ้น 18 คน แต่เนื่องจากผู้ชนะต้องมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทางคณะกรรมการจึงเตรียมคำถามเกี่ยวกับซีรีส์ที่ได้ชม นำมาตอบคำถามคัดเลือกกันอีกรอบ จนเหลือผู้เข้ารอบ 3 คนเพือตอบคำถามที่ว่า "โรด นัมเบอร์ วัน-สงครามรัก ปรารถนามิอาจลืม ฉากวันที่นางเอกไปส่งพระเอกเพื่อไปเป็นทหารครั้งแรก นางเอกใส่กระโปรงสีอะไร?"
ในที่สุดผู้ชนะตกเป็นของ นายชิษณุพงศ์ ถิรวัฒน์ติวงศ์ อายุ 32 ปี พนักงานบริษัท เอสทีวี เจ้าของสถิติดูซีรี่ส์ญี่ปุ่น-เกาหลี นานที่สุดในโลก คนแรกของประเทศไทย คว้ารถยนตร์ นิสสัน มาร์ช ไปครองซึ่ง นายชิษณุพงศ์ เผยว่า ตนเป็นแฟนรายการช่องเจเคเอ็นติดตามชมมาตลอด เมื่อเห็นว่ามีแคมเปญดูซีรีส์นานที่สุดในโลก จึงสนใจและได้เดินทางมาร่วมแข่งขันเพราะอยากได้รถให้กับครอบครัวและต้องการเป็นผู้สร้างสถิติโลกในครั้งนี้ด้วย ปกติตนเป็นคนชอบดูซีีรีส์อยู่แล้ว เทคนิคส่วนตัวที่ทำให้ไม่หลับ ไม่ง่วงเลย คือนั่งหลังตรงตลอดเวลา ยอมรับว่ามีช่วงเผลอง่วงเกือบหลับเหมือนกันแต่การนั่งหลังตรงทำให้เรารู้สึกตัวได้เร็วและสามรถควบคุมตัวเองได้ รู้สึกดีใจที่ได้เป็นผู้ชนะและคว้ารถคันแรกให้กับครอบครัวได้ เพราะตั้งแต่ใจมาคว้าชัยชนะเพื่อภรรรยาและลูก 3 คนอยู่แล้ว.
อั้ม โต้ คุณแดง ชวนย้ายสังกัด
พอมีข่าวว่าอดีตบอสใหญ่วิกหมอชิต คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ จะไปจับมือกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง แกรมมี่ ก็เลยมีกระแสข่าวตามมาว่า มีการชักชวนลูกรักอย่าง ซุป’ตาร์สาว อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่กำลังจะหมดสัญญากับช่อง 7 ในปีหน้า ไปร่วมงานด้วย ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวอั้มในงาน “โฮมเฟรชมาร์ท มิ้ลด์ เฟสติวัล 2012” ที่ เดอะมอลล์ บางแค เจ้าตัวเลยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า
“ไม่มีการพูดคุยค่ะ เรื่องคุณแดงอั้มยังไม่ทราบจริง ๆ” ได้เจอคุณแดงบ่อยไหม? “ไม่บ่อยค่ะ นาน ๆ ทีเลยค่ะ ไม่ได้คุยเรื่องงานเลย” ถ้าในอนาคตคุณแดงเขาทำจริงมีสิทธิที่จะไปไหม? “ยังไม่ทราบจริง ๆ เลยค่ะ ว่าเขาจะทำอะไรค่ะ” เห็นนุ่นก็จะย้ายแล้ว? “ยังไม่ได้คุยกับนุ่นเลยค่ะ ยังพูดอะไรไม่ได้เลย อีกอย่างตอนนี้สัญญายังเหลืออีกตั้งปี ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ” อยากเป็นนักแสดงอิสระไหม? “ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีค่ะ” แล้วละครเรื่อง “อุบัติเหตุ” ถ่ายทำไปถึงไหนแล้ว? “บทยังไม่มาเลยค่ะ มาแค่ตอนเดียวเอง ตอนนี้ก็รอบทอยู่ ถ้าบทมาสัก 2-3 ตอน ก็น่าจะถ่ายได้แล้วค่ะ” มองเรื่องธุรกิจที่จะทำบ้างไหมช่วงนี้? “ตอนนี้ก็ขอทำงานก่อนอีกปีสองปีค่อยว่ากันค่ะ รอให้ถ่ายละครจนเบื่อก่อนค่ะ อยากจะโฟกัสเรื่องงานตอนนี้ให้ดีค่ะ แค่งานตอนนี้ก็คิวแน่นจะตายแล้วค่ะ”
กับหนุ่มที่คุยอยู่ เป็นยังไงบ้าง? “ก็ดีค่ะก็ดู ๆ ไปค่ะ ก็ดูอยู่คนเดียวค่ะ” ทำไมเรายังไม่เปิดว่าเป็นใครอะไรยังไง? “ไม่ได้ปิดนะ แต่ว่าเขาต้องทำงาน ไม่อยากให้ใครไปอะไรกับเขา เกรงใจความเป็นส่วนตัวของเขา พอเรามีใครคนคนนั้นก็จะถูกขุดคุ้ยเป็นนั่นเป็นนี่ เรื่องที่บ้านเขา บางทีมันก็เกินไป เราก็ไม่อยากให้เขาโดนอย่างที่เราโดน” แสดงว่ารักครั้งนี้ขอปิดไว้ก่อน? “ก็ไม่ได้ปิดนะ ไปโน่นไปนี่กันปกตินะ ก็มีคนเห็นกันเยอะแยะ” เขามีพูดถึงเรื่องข่าวบ้างไหมว่าอึดอัด? “เราจะไม่พยายามคุยกันเรื่องข่าว พยายามไม่คุยเรื่องที่เครียดค่ะ”.
"กรีน" เชื่อรักต่างวัยไม่ทำให้หัวใจมีช่องว่าง - ดาวต่างมุม
กระแสตอบรับดีจากบทบาทของ “บัวทอง” ในละครเรื่อง “ขุนเดช” ทางช่อง 7 สำหรับนักแสดงสาว กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล แม้จุดเริ่มต้นจะเดินมาในเส้นทางสายนักร้อง แต่ปัจจุบันตั้งแต่เข้ามาอยู่ในรั้วของช่อง 7 ก็ทำให้หลายคนเห็นพัฒนาการด้านการแสดงของเธอว่าเติบโตมากขึ้นไม่น้อย รวมทั้งเรื่องราวของความรักกับหวานใจรุ่นพี่ เคลลี่ ธนะพัฒน์ ที่แม้วัยจะห่างกันพอสมควรแต่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยอยากจะพาไปพูดคุยกับสาวกรีนถึงชีวิตในหลากหลายมุมให้ได้ใกล้ชิดตัวตนที่แท้จริงของเธอมากขึ้นกว่าเดิม
กระแสตอบรับจากเรื่องขุนเดชดีมาก?
“ก็ดีค่ะ กรีนว่าคงเป็นเพราะเนื้อเรื่องด้วย คนอยากรู้เพราะเคยมีเวอร์ชั่นก่อน ยิ่งนักแสดงค่อนข้างมีชื่อเสียง พี่วี-วีรภาพ, พี่เวียร์, พี่จั๊กจั่น คนก็ยิ่งอยากดูไปใหญ่แล้วกรีนก็ดีใจมากที่คนก็ให้การต้อนรับ ชื่นชมในการแสดงของเราด้วย บางคนอาจจะชอบ บางคนอาจไม่ชอบบ้างก็มีผสมผสานกันไป แต่เนื้อเรื่องมันดีอยู่แล้ว เป็นละครน้ำดีเรื่องหนึ่งของช่อง 7 เลย เหมือนเป็นการสนับสนุนนักแสดงเล่นบทที่ดีด้วย พอละครออนแอร์ปุ๊บคนก็ติดตามเยอะ คนได้เห็นพัฒนาการการแสดงของเรา ก็ดีใจมากเลยค่ะ แต่เรื่องต่อไป “หยกเลือดมังกร” คาแรกเตอร์เป็นสาวมั่นเปรี้ยวซ่า คุณหนูเอาแต่ใจ ก็แอบกลัวคนมองไม่ออกเราจะเปรี้ยวยังไง เราเห็นหน้าตัวเองยังตกใจในความเปรี้ยวเลยค่ะ (หัวเราะ)”
มุมมองการทำงานในฐานะนักแสดงของเราเป็นยังไงบ้าง?
“เล่นละครมาเป็นเรื่องที่ 5 แล้วค่ะ สิ่งแรกที่เราเรียนรู้ในการเป็นนักแสดงคือมีวินัยและต้องตรงต่อเวลา พร้อมทำการบ้าน เตรียมตัวท่องบทค่ะ เราถึงจะสามารถทำงานอย่างราบรื่นมีความสุข เราต้องพัฒนาตัวเราเรื่อย ๆ ทุกฉาก ทุกตอนค่ะ เราเองไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ เพราะมีช่วงหนึ่งที่เราหายไป จนเอเอฟให้เราลองจับทางแสดงดู ซึ่งกรีนชอบและสนุกก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”
จุดที่อยู่ตรงนี้มีความสุขดีกับงาน?
“มีความสุขดีค่ะ ถึงแม้เราจะมีความกดดันแต่ว่ามันก็เป็นช่วงสั้น ๆ พอเราเห็นผลงาน มีแฟนคลับและครอบครัวเราคอยให้กำลังใจเราก็โอเคแล้ว กระแสด้านที่ไม่ชอบเราก็มีนะ บางคนยังบอกเล่นไม่ค่อยดี หรือบางกระทู้ในเว็บไซต์ก็มาแนะนำว่าเรายังร้องไห้หรือตรงนั้นตรงนี้ไม่ดี กรีนอ่านนะคะ รับฟังหมดนะต้องขอบคุณทุกคอมเมนต์จริง ๆ”
ตัวตนที่แท้จริงของกรีนเป็นคนยังไง?
“ถ้าพูดถึงนิสัยแท้จริงเราก็ธรรมดาปกติค่ะ แต่พอแต่งหน้าโน่นนี่ก็อาจดูดีดูสวย แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย พอเราลบหน้ามาก็เป็นคนทั่วไปเดินข้างถนน ก่อนหน้านั้นกรีนก็เป็นแบบนั้น ปัจจุบันก็ต้องเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เป็นเด็กอายุ 22 ปีที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เรียนให้จบเพราะเรียนอยู่ปี 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำทีสิสปีนี้แล้ว จะได้จบเร็วขึ้น แต่ครอบครัวก็คอยให้กำลังใจเรา คอยเตือนเรื่องเรียนอยู่เสมอ”
คุณพ่อคุณแม่เน้นเรื่องไหน?
“คุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ได้อยู่ในวงการ ท่านมองว่าวงการมีอะไรซ่อนอยู่เยอะต้องคอยระวัง ไม่อ้างอิงบุคคลที่สาม ไปทำงานก็ต้องมีมารยาทกับทุกคน เพราะบางทีบางคนเข้ามามีชื่อเสียงปุ๊บจะเหลิง หลงตัวเอง แต่กรีนไม่นะ ถ้าเรารู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน เราจะรู้ว่าเราไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำตัวให้เด่นให้ดัง เป้าหมายการทำงานเราจริง ๆ เพื่ออะไรเราต้องรู้ กรีนทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว ถ้าพูดถึงครอบครัวทุกอย่างต้องดีและใสสะอาด เวลาที่คิดถึงครอบครัวก็จะคิดก่อนทำ ทำให้ดี อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเพราะถ้าเราสร้างปัญหาอีกกลายเป็นภาระให้เขาก็แย่ค่ะ”
เรื่องความรักกับพี่เคลลี่ คนก็ค่อนข้างจับตามอง?
“เข้าใจค่ะ ขึ้นอยู่กับความคิดคนนะก็รู้สึกเหมือนกัน แต่อยากให้เขาใช้เวลาพิสูจน์มากกว่าว่าเป็นยังไง คนเราต่างความคิด เขาจะมองต่างก็ไม่ผิด แต่อย่ามองเราไม่ดี เพราะการที่มองเราไม่ดีแปลว่าคุณพ่อคุณแม่สอนเราไม่ดีแน่ ๆ กรีนไม่อยากให้คนมองแบบนั้นเลยค่ะ”
ย้อนไปตั้งแต่แรกที่เจอกันกับพี่เคลลี่ให้ฟังได้มั้ย แล้วกรีนประทับใจพี่เขาตรงไหน?
“ก็เจอกันที่ทีวีธันเดอร์นี่แหละค่ะ ก็ได้คุยกันค่ะ แล้วก็เคยเจอที่งานกาชาดครั้งหนึ่งแล้วก็มาทำงานที่ช่อง 7 ด้วยเลยได้รู้จักกับพี่เขาจริง ๆ อย่างที่หลายคนบอกว่าอายุเราห่างกันเยอะ แต่ตอนนี้เราก็คุยกันมาจะปีหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาว่าจะเป็นยังไงในอนาคต แต่ถ้าพูดถึงนิสัยพี่เคลลี่เป็นคนดีจริง ๆ เป็นคนดีคนหนึ่งที่ทำงานตรงนี้ แล้วก็สอนกรีน เตือนกรีนให้ความรู้กับกรีนได้ทั้งเรื่องการแสดงและงานไม่ใช่แค่เรื่องความรักอย่างเดียวค่ะ”
เขามีสอนหรือบอกให้ระวังอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
“เขาให้ระวังเรื่องบทจูบเลยค่ะ พี่เขาจะบอกเลยว่าไม่ต้องเล่นจริงทุกครั้งก็ได้ ขอพี่ ๆ ไปเลยมันใช้มุมกล้องได้ เราก็ไม่รู้มาก่อนเขาให้เล่นเลิฟซีนก็เล่นเลยไม่กล้าขัด (หัวเราะ) พี่เขาก็บอกพูดได้มันเป็นสิทธิของเรา เรายังจะเล่นอีกหลาย ๆ เรื่อง เขาอยากให้เราดูแลตัวเองมากกว่าในฐานะผู้หญิง ปากเราก็ต้องเก็บไว้หน่อย (หัวเราะ)”
มีไปไหนมาไหน เจอกันบ่อยมั้ย คุณพ่อคุณแม่แนะนำเรื่องของความรักครั้งนี้ว่ายังไง?
“มีไปกินข้าว ดูหนังใช้ชีวิตปกติเลยไม่ได้ปิดบัง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาอยากให้เราเรียนให้จบก่อน คนเป็นแม่ ลูกคนหนึ่งมีความรักเขาก็หวง คอยเตือนให้เราดูดี ๆ คุณแม่จะชอบแซวเป็นผู้หญิงเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน กรีนก็จะบอกถึงเป็นส้วมหน้าบ้านจริง แต่เป็นส้วมที่ขัดสะอาดแล้วนะ”
เพราะคู่เราเปิดตั้งแต่แรกหรือเปล่าเลยทำให้สบายใจมากขึ้น?
“ใช่ค่ะ ก็ปรึกษากับพี่เขาว่าเราไม่จำเป็นต้องปิดเนอะ แต่จะให้เราพูดกันตรง ๆ ต่อหน้าสื่อก็ทำไม่ได้ เป็นความจริงของคนในวงการค่ะ ที่เขาต้องตอบคำถามว่าเราเป็นเพื่อนกันอยู่ เพราะต้องใช้เวลาในการศึกษาเหมือนกัน ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้พอคุยกันไปคุยกันมา มีรูปออกมาไปกินข้าวก็มองว่าคบกันเป็นแฟนกันแล้ว แต่อีก 2-3 วันกลายเป็นว่าไม่ได้คุยกันแล้ว พี่เขาเลยบอกว่าเราควรพูดน้อย ๆ ก่อน เราก็โอเคออกมาพูดตรง ๆไม่ได้ปิดบังอะไร อย่างโดนถามว่าทำไมไม่ใช้คำว่าแฟน พอเราตอบเขาก็ต้องถามต่อเรื่องแต่งงาน เรื่องอนาคตซึ่งเราก็ยังเด็กยังไม่ได้มองไกลถึงจุดนั้นเลย ก็เลยตอบไม่ได้ขนาดนั้นจริง ๆ”
1 ปีที่คุยกันมาเราเรียนรู้อะไรบ้าง?
“พี่เขาเสมอต้นเสมอปลายมากค่ะ ดูแลเอาใจใส่เรา ปกป้องเราทุกอย่าง บางทีเราให้สัมภาษณ์สื่อเยอะเกินไป มีช่วงหนึ่งนะ เขาก็จะบอกว่าเขาต้องออกมาพูดบ้าง ก็ช่วยเหลือเราตลอด เพราะมีช่วงหนึ่งที่คุยกันแรก ๆ คนเริ่มรู้ก็จะมาถามเราตลอด เลยกลายเป็นเราพูดเยอะ เหมือนเรานำเสนอ แต่จริง ๆ เราแค่รู้สึกว่าถามกันเยอะงั้นเราพูดให้หมดเลย (หัวเราะ) เราเด็กด้วยเลยพูดออกไป พอเจอกระแสต่อว่าเราพูดเยอะไปโน่นนี่ก็แอบนอยด์เหมือนกัน เราพูดแบบนี้พี่เขาจะเป็นยังไง ต้องคอยมาแก้ข่าวปกป้องเราอีกแล้ว ทำปัญหาอีกแล้ว พี่เขาเลยสอนและให้กำลังใจว่าบางครั้งอยู่ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างให้ทุกคนรู้ พูดให้มีใจความแค่นั้นพอ”
มีมุมสวีทบ้างมั้ย?
“ก็เหมือนพี่น้อง พ่อห่วงลูก (หัวเราะ) ก็เป็นห่วงกันค่ะ พี่เขาก็มีมุมน่ารัก ๆ ของเรา เขามีความซุ่มซ่ามโดยที่คนไม่เคยเห็นแต่น่ารัก คนเห็นเขาหน้านิ่งสมาร์ท แต่ตัวจริงเป็นคนน่ารักแล้วมีมุมเด็ก ๆ เยอะมาก เราก็จะขำเขาตลอด ตอนนี้ยังไม่อยากเรียกว่าเป็นแฟนเพราะปีนึงก็ยังไม่เยอะนะ ขอใช้เวลาดูก่อน ตอนนี้กรีนโฟกัสเรื่องเรียนและทำงานมากที่สุด แต่ก็ดีใจที่มีพี่เขามาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจของเรา”
อายุที่ห่างกันทำให้เราต้องปรับตัวเข้าหากันเยอะมั้ย?
“เพราะเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาค่ะ แต่ถ้าวันหนึ่งเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเรื่องความไม่เข้าใจกันก็อาจจะมีเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต 10 ปี 20 ปีนะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรต้องปรับเปลี่ยนกันมากมาย เพราะเรายังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นเพื่อนพี่น้อง ก็จะสบายใจกว่าค่ะ”
เห็นว่าไปเจอคุณแม่พี่เคลลี่แล้ว?
“วันนั้นเสร็จงานเราไม่ได้ไปไหนต่อก็เลยไปหาคุณแม่พี่เขาซักหน่อยดีกว่า เขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา แล้วกำลังจะบินกลับแล้วก็ไปไหว้ท่านหน่อย ก็ได้เจอคุณแม่แล้วก็พี่น้องของพี่เขาด้วยทุกคนน่ารักมากค่ะ เราก็ไปนั่งนิ่ง ๆ เกร็ง ๆ เจอคุณแม่เขาจับแขนเราแล้วทักเลยทำไมเราผอมจัง (หัวเราะ) ส่วนพี่ ๆ น้อง ๆ เขาก็บอกว่าดูละครของกรีนด้วยแล้วก็พากันมาถ่ายรูปค่ะ”
จุดมุ่งหมายของเราในวงการบันเทิงมองยังไงบ้าง?
“ด้วยความที่เราเรียนสถาปัตยกรรม การออกแบบ เราอาจจะพัฒนาไปทำบริษัท แต่ตอนนี้ก็ทำงานในวงการเก็บเงินไปก่อน เราคิดไว้หลายอย่างมาก อยากทำสินค้าส่งออกหรือผลิตสินค้าที่ราคาแพง ๆ ในราคาที่ย่อมเยาแต่มีคุณภาพคนซื้อหาได้ก็แอบมอง ๆ ไว้ แต่อยากต่อปริญญาโทเหมือนกันแต่ยังต้องดูอีกที เพราะกรีนอยากไปต่อที่ต่างประเทศเพื่อที่จะได้ภาษาด้วย”
การวางตัวในวงการหลายคนก็ชื่นชมไม่มีข่าวไม่ดี มีอะไรแนะนำน้อง ๆ คนรุ่นใหม่ในวงการมั้ย?
“คนเราทำผิดพลาดได้ แต่ต่อไปจะทำอะไรต้องคิดก่อนทำ คิดก่อนพูด เรามีประสบการณ์มาเหมือนกันตั้งแต่ยังไม่อยู่ในวงการ ถึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่ถ้าวันหนึ่งเรื่องใหญ่ ๆ เกิดขึ้นเราจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ฉะนั้นรู้ว่ามีจุดบกพร่องตรงนี้ต้องระวังแล้วปรับปรุง เราต้องนึกถึงครอบครัว ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน รักตัวเอง พาตัวเองไปในจุดที่สูงและดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมองตัวเองและคอยดูแลครอบครัวเช่นเดียวกัน ตอนนี้สิ่งที่กรีนคิดแล้วอยากทำมากที่สุดคือทำงานเก็บเงินซื้อบ้านให้แม่แล้วก็ล้างหนี้ให้หมดให้บ้านเราอยู่สบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ”
แหม...ยิ่งได้พูดคุยก็ได้รู้ว่าสาวกรีนเป็นธรรมชาติ ติดดินอย่างแท้จริง และมีความมุ่งมั่นในการแสดง เป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่ได้เดินตามได้เป็นอย่างดีในการทำงานและการวางตัวเรื่องของความรัก แบบนี้นี่เองพี่เคลลี่ถึงให้ใจเต็มร้อย…
คนกลาง เรื่อง / วรัญญู เหมือนเดช
ปส.ล็อกสาวแอฟริกาใต้ ซุกยาไอซ์กว่า 2 กก. บินเข้าไทยก่อนส่งเขมร
ปส.ล็อกสาวแอฟริกาใต้ซุกยาไอซ์กว่า 2 กก. บินเข้าไทยก่อนส่งต่อเขมร
วันนี้ ( 20 มิ.ย.) ที่ บช.ปส. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส. 2 ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.เอเดลีนา เอกเชเบเลง สีฟูทา โอโนนีวู อายุ 31 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ 3 ถุง น้ำหนัก 2,044 กรัม ซึ่งได้ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับของกระเป๋าเดินทาง โดยจับกุมได้ที่ประตูด่านตรวจผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.อาชวันต์ กล่าวว่า ตำรวจ ชุดสืบสวน บก.ปส. 2 ได้สืบทราบมาว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยต้นทางมาจากประเทศเบนิน เพื่อส่งต่อไปยังประเทศกัมพูชา จึงได้วางกำลังคอยสังเกตุความเคลื่อนไหว จนกระทั่งพบหญิงคนดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะตรงตามกับที่สายลับแจ้งไว้ จึงได้ขอตรวจค้น พบยาเสพติดที่ซุกซ่อนมาพร้อมสัมภาระเดินทาง
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.เอเดลีนา จะเดินทางไปรับยาไอซ์ที่ประเทศเบนิน เพื่อไปส่งที่ประเทศกัมพูชา ได้รับค่าจ้าง 30,000 บาท หากส่งมอบยาแล้วเสร็จจะได้รับค่าจ้างเพิ่มอีก 200,000 บาท ส่วนใหญ่เครือข่ายนี้จะใช้ผู้หญิงเอเชีย หรือแอฟริกา ในการลำเลียงยาเสพติด เพื่อหลบเลี่ยงความสนใจของเจ้าหน้าที่
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ตำรวจ บก.ปส. 2 ยังได้ลงพื้นที่ใน จ.ชลบุรี , จ.พระนครศรีอยุธยา ,จ.เพชรบูรณ์ เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 5 คน พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 280 กรัม , ยาบ้า ชนิดสีส้ม ปั้มตัวอักษร WY 45 เม็ด อาวุธปืนพกสั้น ขาด 6.25 มม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง ฯลฯ
โดยการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายย่อยนี้ เป็นการขยายผลการจับกุมจากผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เคบจับได้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกมาตรการ ที่จะตัดวงจรในการค้ายาเสพติด ระหว่างผู้เสพยากับผู้ค้าให้แยกออกจากกัน เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามนโยบายการป้องกันการจำหน่าย และกระบวนการเข้ารับการบำบัดของผู้ที่ติดยาเสพติดต่อไป.
แท็บเล็ตป.1หมื่นเครื่องถึงไทยพรุ่งนี้9โมงเช้า
แท็บเล็ตป.1 ล็อตแรก 1 หมื่นเครื่อง มาถึงไทยพรุ่งนี้ 9 โมงเช้าด้วยเที่ยวแรกของสายการบิน ยูพีเอส
วันนี้ (19 มิ.ย.) น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะคณะกรรมการจัดทำทีโออาร์แท็บเล็ตป.1 และที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ตป.1 กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือแท็บเล็ตป.1 ว่า วันนี้ได้รับใบแจ้งจากทางสายการบิน ยูพีเอส (UPS) แล้วว่า แท็บเล็ตของบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำนวน 10,000 เครื่องจะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเที่ยวแรกหรือประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 20 มิ.ย.นี้
สำหรับแท็บเล็ตป.1 จำนวน 400,000 เครื่องที่สโคปจะจัดส่งมาให้เฉลี่ยวันละ 10,000-18,000 เครื่อง ใช้การตรวจรับเครื่องด้วยวิธีสุ่มทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-105E คือ แท็บเล็ต 100,000 เครื่องสุ่มตรวจ 112 เครื่อง เมื่อส่งมาล็อตละ 10,000 เครื่อง จะทำการสุ่มตรวจแท็บเล็ตประมาณ 11-15 เครื่อง ส่วนสเปกของแท็บเล็ตป.1 เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 หน่วยประมวลผล 1.2 กิกะเฮิร์ตซ หน่วยความจำหลัก 1 กิกะเฮิร์ตซ หน้าจอ 7 นิ้ว มี 4 สี คือ แดง น้ำเงิน บรอนซ์เงิน และบรอนซ์ทอง ราคา 2,400 บาท..
"เสี่ยตา" ลูกผู้ชายตัวจริง ยอมรับผิดคนเดียว วอนสังคมอภัย
"เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล" ลูกผู้ชายตัวจริง ยอมรับผิดคนเดียว วอนสังคมให้อภัย ยัน จะระวังมากขึ้นไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
เมื่อตอนเย็นวันนี้ (19 มิ.ย.)นายปัญญา นิรันดร์กุล หรือเสี่ยตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังจบรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า ทางรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ได้เปิดกว้างให้กับทุกคน ทุกอาชีพเข้ามาแข่งขันในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ได้ ซึ่งแต่ละบุคคลที่เข้ามาแข่งขันในรายการจะถูกชักชวนจากคนที่เห็นความสามารถนั้น ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ทีมงานของบริษัทก็ได้ ในเรื่องของการแสดงนั้น ทางรายการไม่ทราบรายละเอียดขั้นตอนของการแสดงทั้งหมด เมื่อทุกคนขึ้นเวทีก็จะแสดงเต็มที่กับการแสดงของตัวเอง หากสิ่งใดที่แสดงออกมาแล้วไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง การแสดงนั้นก็จะเป็นการปิดโอกาสของตัวเองไป ส่วนเรื่องของการสรรหาคนมาโชว์นั้น ในเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นทราบว่าทางคนสรรหาไปจ้างมาในราคา 10,000 บาทจริง
นายปัญญา กล่าวต่ออีกว่า ต้องขอโทษและยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราคิดว่าเราเซ็นเซอร์เพียงพอ แต่ในเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอย่างนี้ เราก็ต้องขอโทษและยอมรับผิด ในส่วนของน้อง(ปอนด์)เค้านั้น คงต้องให้ออกจากการประกวด ใจจริงแล้วตอนแรกคิดว่าภาพที่ออกมาจะเน้นทางแนวตลก ในเรื่องที่กรรมการมีความเห็นไม่ตรงกันแล้วมีการเถียงกัน แต่พอออกอากาศไปแล้วกลับเป็นเรื่องนี้ เราคิดว่าเราเซ็นเซอร์พอซึ่งในโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กมีมากกว่านี้ แต่เราก็ขอโทษ ไม่อยากให้โทษกรรมการ น้อง(ปอนด์)เค้า หรือว่าใคร โทษตนคนเดียว ขออภัย จะให้ทำอย่างไรก็ว่ามา ขอโทษแทนน้อง(ปอนด์)ด้วย เป็นข้อที่ควรระวังมากขึ้นในเรื่องของการเซ็นเซอร์ อย่างไรก็ตามรายการยังมีโชว์ดีดีอีกมาก ก็อยากให้ติดตามกันต่อไป..
รวบจ้างวานฆ่าหนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์
รวบแล้วผู้จ้างวานกับคนขี่จยย.ให้มือปืนก่อเหตุยิงหนุ่มโรงงานตาย สารภาพแค้นแอบเป็นชู้เมีย ส่วนมือปืนยังหลบหนี ตร.ตั้งรางวัลนำจับแล้ว
จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจยย.ประกบยิงนายสวัสดิชัย ขวัญโพน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 1 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ เสียชีวิต ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจยย.รับจ้างกลับบ้าน เหตุเกิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม ภายในหมู่บ้านเมืองประชา หมู่ 10 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันนี้(19มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สภ.เมืองปทุมธานี พล.ต.ต สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วรพจน์ ชูเชิด ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุกแก้ว ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นและผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายสุเมธ แสงทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 2 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ถนนแสงชูโต ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนทราบเบาะแสของ 1 ในกลุ่มคนร้ายคือนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายไมตรีได้ขณะหลบหนีไปหลบอยู่ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายไมตรี ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากนายวิรัตน์ หนูแจ่ม ให้มายิงนายสวัสดิชัย ในราคา 1 แสนบาท ในวันเกิดเหตุนั้น ตนกับนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ใช้อาวุธยิงใส่ร่างนายสวัสดิ์ชัย เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้สาเหตุทราบว่ามาจากเรื่องชู้สาว โดยมีนายสุเมธ แสงทอง เป็นคนจ้างวานให้นายวิรัตน์ มาติดต่อพวกตนอีกทีหนึ่ง
พล.ต.ต.สมิทธิ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่านายสุเมธ แสงทอง คือผู้ที่เป็นคนจ้างวานฆ่านายสวัสดิชัย จึงได้ขอหมายจับและสามารถจับกุมตัวได้ โดยนายสุเมธ ก็ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนจ้างวานให้ฆ่านายสวัสดิชัยจริง เนื่องจากทราบว่านายสวัสดิชัย นั้นมีพฤติกรรมเป็นชู้กับภรรยาของนายสุเมธ จนต้องจ้างฆ่าในครั้งนี้ ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการในครั้งนี้ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่อีก 2 คนคือนายวิรัตน์ หรือรัตน์ หนูแจ่ม ซึ่งรับงานหามือปืนมาจากนายสุเมธ และนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ซึ่งเป็นมือปืนลั่นไกสังหาร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน ส่วนประชาชนที่ทราบเบาะแสสามารถแจ้งมายัง สภ.เมืองปทุมธานี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งทางเราจะมีรางวัลในการนำจับให้..
รวบจ้างวานฆ่าหนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์
รวบแล้วผู้จ้างวานกับคนขี่จยย.ให้มือปืนก่อเหตุยิงหนุ่มโรงงานตาย สารภาพแค้นแอบเป็นชู้เมีย ส่วนมือปืนยังหลบหนี ตร.ตั้งรางวัลนำจับแล้ว
จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจยย.ประกบยิงนายสวัสดิชัย ขวัญโพน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 1 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ เสียชีวิต ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจยย.รับจ้างกลับบ้าน เหตุเกิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม ภายในหมู่บ้านเมืองประชา หมู่ 10 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันนี้(19มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สภ.เมืองปทุมธานี พล.ต.ต สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วรพจน์ ชูเชิด ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุกแก้ว ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นและผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายสุเมธ แสงทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 2 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ถนนแสงชูโต ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนทราบเบาะแสของ 1 ในกลุ่มคนร้ายคือนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายไมตรีได้ขณะหลบหนีไปหลบอยู่ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายไมตรี ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากนายวิรัตน์ หนูแจ่ม ให้มายิงนายสวัสดิชัย ในราคา 1 แสนบาท ในวันเกิดเหตุนั้น ตนกับนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ใช้อาวุธยิงใส่ร่างนายสวัสดิ์ชัย เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้สาเหตุทราบว่ามาจากเรื่องชู้สาว โดยมีนายสุเมธ แสงทอง เป็นคนจ้างวานให้นายวิรัตน์ มาติดต่อพวกตนอีกทีหนึ่ง
พล.ต.ต.สมิทธิ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่านายสุเมธ แสงทอง คือผู้ที่เป็นคนจ้างวานฆ่านายสวัสดิชัย จึงได้ขอหมายจับและสามารถจับกุมตัวได้ โดยนายสุเมธ ก็ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนจ้างวานให้ฆ่านายสวัสดิชัยจริง เนื่องจากทราบว่านายสวัสดิชัย นั้นมีพฤติกรรมเป็นชู้กับภรรยาของนายสุเมธ จนต้องจ้างฆ่าในครั้งนี้ ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการในครั้งนี้ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่อีก 2 คนคือนายวิรัตน์ หรือรัตน์ หนูแจ่ม ซึ่งรับงานหามือปืนมาจากนายสุเมธ และนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ซึ่งเป็นมือปืนลั่นไกสังหาร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน ส่วนประชาชนที่ทราบเบาะแสสามารถแจ้งมายัง สภ.เมืองปทุมธานี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งทางเราจะมีรางวัลในการนำจับให้..
หึงอำมหิตผัวเก่ายิงยกครัวเมียเก่าดับ5ศพเจ็บ3
หึงอำมหิตอดีตสามีขออดีตภรรยาคืนดีไม่สำเร็จ ฆ่ายกครัวดับ 5 ศพทั้งพ่อ-ญาติ-ลูกหลานเมียเก่าเด็ก 2 ขวบก็ไม่ปราณี เจ็บอีก3ไม่ดับอดีตภรรยาแค่เหยียบท้องที่ตั้งครรภ์กับสามีใหม่บอกขอชีวิตคนอื่นสังเวยไม่ต้องมีความสุขตลอดชีวิต ตำรวจล่าตัวคนใจโหดแล้ว
เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (20 มิ.ย.) พ.ต.ท.บุญลือ ดอกบัว พงส.สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุผู้ถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ในบ้านเลขที่ 100 หมู่ 7 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มี 2 ห้องนอน ปลูกอยู่กลางทุ่ง พบผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ทราบชื่อนางลำดวน แซ่ลิ้ม อายุ 53 ปี เป็นเพื่อนบ้านอยู่ติดกัน สภาพถูกยิงด้วยปืนตามลำตัวและศีรษะ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน พลเมืองดีช่วยกันนำส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม แต่เสียชีวิตเวลาต่อมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว 4 ราย ทราบชื่อนายเซ้ง ทับทิม อายุ 80 ปี อดีตพ่อตามือปืน ด.ช.อนุชา ห้วยหงส์ทอง อายุ 10 ขวบ ด.ช.พิสิษฐ์ ด่านน้อย อายุ 9 ปีหลาน ด.ญ.วรนันท์ ทับทิม อายุ 2 ขวบ บุตรสาวอดีตภรรยากับสามีใหม่ และ ผู้บาดเจ็บอีก3 รายน.ส.สำเริง อริยะกุล อายุ 56 ปี และ น.ส.ปัญญา สามัญ อายุ 27 ปี ตั้งครรภ์ 8 เดือน มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. และ .38 เข้าตามลำตัวและศีรษะ อาการสาหัส แพทย์กำลังช่วยชีวิตอยู่ และนางวันดี ทับทิม อายุ 35 ปี ตั้งครรภ์ 2 เดือนเศษ มีอาการเจ็บครรภ์ ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ .38 กว่า 15 ปลอก ทั่วบ้านเลือดไหลนอง เป็นที่สยดสยอง ตำรวจเก็บกระสุนไว้เป็นหลักฐานและหารอยนิ้วมือแฝง
สอบสวนนางวันดี ให้การอย่างตื่นตระหนกว่า มือปืนโหดที่ก่อเหตุชื่อนายณัฐวุฒิ สาลี อายุ 48 ปี เป็นอดีตสามีเลิกกันไปนานกว่า 7 ปี แล้วก็ไปอยู่กับภรรยาในกรุงเทพ แต่ก็ยังโทรศัพท์มาหากัน ส่วนตนมีสามีใหม่เกือบ 3 ปี มีบุตรสาวอายุ 2 ขวบและท้องอีก 2 เดือน หลายวันก่อนสามีเก่าโทรศัพท์เข้ามาขอคืนดี ตนก็ปฏิเสธเนื่องจากมีครอบครัวใหม่แล้ว ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน อดีตสามีโทรมาขู่ ตนจึงไปแจ้งความ แต่ตำรวจไม่สนใจให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยา
ต่อมาช่วงตี 4 วันนี้ ขณะตนและบิดารวมทั้งญาติๆ หลานๆ และลูกสาวนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนอน 2 ห้อง โดยสามีใหม่ไม่อยู่บ้าน อดีตสามีขับรถปิกอัพ อีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ลฐ 2782 กรุงเทพมหานคร เข้ามาตะโกนเรียกหน้าบ้าน แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตู อดีตสามีจึงกราดยิงเข้าทางหน้าต่าง และยิงขึ้นฟ้าหลายนัด จนเพื่อนบ้าน ชื่อ นางลำดวน ลุกออกมาดูและตะโกนบอกในบ้านไม่มีใครอยู่ อดีตสามีจึงจ่อยิงศีรษะเสียชีวิตทันที
ต่อจากนั้นอดีตสามีก็พังประตูเข้ามาในบ้าน ทำให้ทุกคนที่อยู๋ในบ้านตกใจสุดขีด เนื่องจากสามีเก่ากราดยิงเข้าไปห้องนอนทำให้บิดา ลูกสาวเสียชีวิต ส่วนญาติบาดเจ็บ ตนพยายามลุกออกมาร้องขอชีวิตทุกคน แต่อดีตสามีไม่สนใจ เหมือนปีศาจร้ายเข้าสิงกลับใช้เท้าเหยีบกลางอกพร้อมตะโกนด่า กูไม่ยิงมึงแต่กูจะทำให้มึงเจ็บไปตลอดชีวิต พร้อมหันกระบอกปืนยิงใส่บุคคลในครอบครัวตนไม่ยั้ง ขณะนั้น ด.ช.อนุชา ซึ่งเป็นหลานและนอนอยู่ด้วยกันคลานออกมา อดีตสามีเห็นยังไม่เว้นใช้ปืนจ่อยิงศีรษะ ก่อนขับรถปิกอัพหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและนำตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียด เบื้องต้นสั่งการให้ชุดสืบสวนออกติดตามไปบ้านมือปืนในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พร้อมตั้งด่านสกัดในเส้นทางต่างๆ โดยเร่งสอบสวนผู็เกี่ยวข้องและจะออกหมายจับผู้ต้องหาในวันนี้เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญมาก
รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงสายวันเดียวกัน คนร้ายได้โทรศัพท์หาภรรยาคนปัจจุบันซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พร้อมบอกว่าให้รอรับศพตัวเองได้เลย ซึ่งตำรวจได้ตรวจสอบสัญญาณการใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่าใช้อยู่ในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี จึงได้ประสานตำรวจภ.จว.สุพรรณบุรีให้ติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะฆ่าตัวตายหนีความผิด.
“ครม.” ตั้ง “พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์” นั่งผอ.กองสลาก
“ครม.” มีมติแต่งตั้ง “พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร” นั่งผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเทล กรุ๊ป เมืองพัทยา น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการประชุมครม.ว่า ครม.มีมติแต่งตั้ง นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการก.พ.ร. แต่งตั้ง นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แต่งตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และแต่งตั้ง ร.ท.วิโรจน์ จงชาณสิทโธ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย.
“ปธ.รัฐสภา”ส่งคำชี้แจงต่อ ศาลรธน.แล้ว ยันไม่เข้าข่ายล้มล้าง
“ประธานรัฐสภา”ส่งคำชี้แจงต่อ ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว 5 หน้า ยันไม่เข้าข่ายล้มล้าง มาตรา 68 ระบุเขียนชัดเจน ในมาตรา 291/11 วรรค 5
วันนี้ (19 มิ.ย.)ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภาส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาจากผู้ร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 ว่า เมื่อช่วงเที่ยง วันนี้ (19มิ.ย.) ตนได้ลงนามพร้อมส่งคำชี้แจงรายละเอียดไป 5 หน้ากระดาษ ชี้แจงว่ารัฐสภาได้ดำเนินการตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญทุกประการ และมาตรา 68 เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่การรัฐสภาดำเนินการเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้สิทธิเสรีภาพ ซึ่งมาตรา 68 ที่ระบุไว้หมายถึงการใช้สิทธิและเสรีภาพ แต่การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 68 เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ เพราะฉะนั้นไม่เข้าข่ายการใช้สิทธิและเสรีภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตและขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68สภาก็ปฏิเสธไม่ได้ต้องรับอย่างเดียว นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า “เรายึดรัฐธรรมนูญเพราะรัฐธรรมนูญใหญ่ที่สุด เราก็ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญ”
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตรงนี้ชี้แจงว่าอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะล้มล้างได้อย่างไร เพราะในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมก็ได้ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 291/11 วรรค 5 ว่า ส.ส.ร.จะต้องไม่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หรือเปลี่ยนรูปการปกครองของรัฐ ระบุไว้ชัดเจน ทำไม่ได้ ข้อกล่าวหาของเขาไม่อาจทำได้อยู่แล้ว ในเมื่อระบุไว้ชัดเจนไม่ให้ทำแล้วจะทำได้อย่างไร
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสินก่อนการเปิดประชุมสภาฯในวันที่ 1 ส.ค.นี้ จะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อโหวตวาระ 3 หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น แต่ต้องดูบรรยากาศว่าเป็นอย่างไร..
ทบ. โร่แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก ปม 6 ศพวัดปทุมฯ
ทบ. โร่แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก ปม 6 ศพ วัดปทุมวนาราม หลังศาลไต่สวนคำร้อง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) วันนี้ (19 มิ.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่าจากกรณีที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางฉบับเรื่องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาไต่สวนคำร้องคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งการไต่สวนอยู่ในขั้นเบิกความพยานปากแรก และในข้อเท็จจริงจะต้องมีพยานเข้าเบิกความอีกหลายปาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วยก่อนที่ศาลจะมีข้อสรุป เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดไปจากข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่เกิดขึ้น กองทัพบกจึงขอชี้แจงใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้มุ่งหวังจะให้เกิดผลกระทบกับสถานการณ์บ้านเมืองดังนี้ 1.ประเด็นผู้เสียชีวิต 5 ศพ ถูกยิงด้วยกระสูน .223 หัวสีเขียว ซึ่งเป็นกระสุนที่ใช้กับ M 16 และ ทราโวที่มีการระบุว่ามีใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ข้อเท็จจริงคือเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืน และกระสุนที่บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้าเป็นอาวุธปืนทราโว จำนวน 12 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนขนาด .223 หัวสีเขียว จำนวน 700 นัด ปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก พร้อมกระสูนยาง 1,152 นัด ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขัน เมื่อ 15 เม.ย. 53 และในวันเดียวกันเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ถูกปล้นปืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นปืนนทราโว 13 กระบอก แจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.53 และวันที่ 15 พ.ค. 53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เป็นอาวุธปืน M 16 2 กระบอก และกระสุน M 16 อีก 100 นัด ซึ่งปืนและกระสุนปืนที่ถูกปล้นไปเหล่านี้ มีหลักฐานพบว่าได้ถูกนำมาใช้ก่อเหตุในหลายๆ เหตุการณ์
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า 2.ประเด็นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่ระบุว่าไม่พบร่องรอยจากการยิงจากบริเวณด้านล่างขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ข้อเท็จจริงการเคลื่อนย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารในขณะนั้นไม่สามารถผ่านแยกเฉลิมเผ่าเข้าไปได้ เนื่องจากชายชุดดำที่อยู่บนพื้นราบได้ยิงสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เคลื่อนกำลังเข้าไป และการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบสวนพยานเจ้าหน้าที่ทหารได้ให้การถึงชายชุดดำว่า ชายชุดดำได้หลบอยู่บริเวณตอม่อต้นที่ 1 นับจากบริเวณแยกเฉลิมเผ่า และได้ใช้อาวุธปืนความเร็วสูงยิงใส่เจ้าหน้าที่ โดยสังเกตได้จากกระสุนปืนที่ไปกระทบกับตอหม้อและคานปูนของรางรถไฟฟ้า ซึ่งแตกกระจายและมีฝุ่นตกลงมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน และมีภาพถ่ายของรอยกระสุนอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม แต่ไม่มีการกล่าวถึง และ3.ประเด็นภาพถ่ายของประจักษ์พยานที่นำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังเกิดเหตุ พบว่าบนรางรถไฟมีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ประจำอยู่ ทั้งนี้ข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ทหารวางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าจริง แต่การวางกำลังไม่ได้วางตลอดแนว เพราะถูกขัดขวางตลอดเวลา แนวที่วางกำลังไปได้แค่จากสถานีรถไฟฟ้าสยามถึงวัดปทุมเท่านั้น ซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว กองทัพบกได้ส่งให้ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ คณะกรรมาธิการวุฒิสภาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและพิจารณาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ อย่างไรก็ตามทางกองทัพบกไม่ได้มุ่งหวังว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงซึ่งกระบวนการยุติธรรม แต่คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ..
มติเสียงข้างมากกกต.แจกใบแดง เก่งการุณ
กกต. แจกใบแดง “เก่ง”การุณ เหตุปราศรัยใส่ร้าย “อี้”แทนคุณ ด้าน “อภิชาต”ลงออกเสียงชี้ขาด หลังเสียงกกต.เท่ากัน ระบุเสียงข้างน้อยให้ยกคำร้องมองปราศรัยโจมตีเรื่องปกติ แถมอัยการ.สั่งไม่ฟ้องในคดีอาญาแล้ว
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติเสียงข้างมากสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ โหสกุล ส.ส.เขต 12 กทม. พรรคเพื่อไทย และสั่งเลือกตั้งใหม่ พร้อมให้เรียกค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ จากกรณีที่นายการุณปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันหลายครั้ง โดยครั้งแรกวันที่ 3 มิ.ย. 54 ที่ตลาดนัดบุญอนันต์ และครั้งที่ 2 วันที่ 12 มิ.ย. 54 ที่ตลาดนัดโกสุมรวมใจ ซึ่งในครั้งหลังนี้ได้กล่าวร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “ พรรคการเมืองเก่าแก่ นักการเมืองรุ่นใหม่ ถือแปรงมาทาสี ปราศรัยทุกครั้ง ชุมนุมทุกครั้งเอาเงินมาแจก” ซึ่งมติดังกล่าวองค์ประชุมของกกต.มีทั้งหมด 4 คน โดยหลังจากนี้กกต.ก็จะให้สำนักวินิจฉัยและคดียกร่างคำวินิจฉัยและเสนอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้พิจารณาพิพากษา หากศาลฯมีคำสั่งรับคำฟ้องนายการุณจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นอกจากนี้กกต.ยังมีมติยกคำร้องคัดค้านส.ส.อีก 5 ราย ประกอบด้วย1ยกคำร้องคัดค้านนางอรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา เขต 1 ที่ถูกร้องว่าสัญญาว่า จะให้ จากกรณีการปราศรัยว่าจะสร้างโรงน้ำประปาให้หากได้รับการเลือกตั้ง แต่กกต.เห็นว่าไม่มีหลักฐานชัดเจน 2.ยกคำร้องคัดค้านนายซูการ์โน มะทา ผู้สมัครส.ส.ยะลา เขต 2 พรรคเพื่อไทย ที่ร้องกกต.เขต 2 ยะลา ว่าทุจริตต่อหน้าที่ 3.ยกคำร้องคัดค้านกรณีความปรากฏว่านายชินโชติ แสงสังข์ ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ เขต3 พรรคประชาธิปัตย์ ซื้อเสียงในพื้นที่ ซึ่งกกต.เห็นว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ที่จ่ายเงินซื้อเสียง 4.ยกคำร้องคัดค้านกรณีความปรากฏว่า นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 พรรคภูมิใจไทย ซื้อเสียง แต่กกต.เห็นว่าไม่มีหลักฐาน และ 5.ยกคำร้องกรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้องน.ส.เรวดี รัศมิทัต ส.ส.สมุทรปราการเขต 6 พรรคภูมิใจไทย จากกรณีให้ตัวแทนเตรียมการเพื่อซื้อเสียง แต่กกต.เห็นว่า หลักฐานไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามในจำนวนเรื่องร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 มีเรื่องร้องเข้ามาทั้งสิ้น 604 สำนวน พิจารณาแล้วเสร็จไปแล้ว 594 สำนวน เหลือเรื่องร้องเรียนที่ กกต.ต้องพิจารณาอีกเพียง 10 สำนวนเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า มติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ เป็นมติในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งที่ประชุมกกต.มีเพียง 4 คนขาดนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนและวินิจฉัย ที่ติดภารกิจเดินทางไปต่างจังหวัด โดยในการลงมติกรณีดังกล่าวปรากฎว่ามีเสียงเท่ากัน คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เห็นควรสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง และนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น เห็นควรให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า การปราศรัยโจมตีกัน เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ที่ทุกเวทีก็ด่ากันไปกันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้ อีกทั้งกรณีนี้นายแทนคุณ ได้แจ้งความและตำรวจได้ทำสำนวนส่งไปยังอัยการ แต่อัยการก็สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว จึงไม่น่ามีน้ำหนักอะไร
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มีการลงมติไปแล้วนั้น วันนี้นายอภิชาติจึงให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกกต.อีกครั้งในการประชุมวันนี้ ( 20 มิ.ย.) เพื่อขานมติที่ลงไปแล้วอีกครั้ง ซึ่งในที่ประชุมวันนี้เมื่อขานมติกกต.แต่ละคนยังคงยืนยันมติของตนเอง ประธานกกต.จึงใช้อำนาจตามมาตรา 8 พ.ร.บ.ประกอบ ว่า ด้วยคณะกรรมการเลือกตั้งที่ระบุว่า...ในกรณีที่ใช้คะแนนเสียงข้างมากถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ออกเสียงชี้ขาด ทำให้มติกกต.ที่ออกมาเป็นเสียงข้างมากสั่งเพิกถอนสิทธินายการุณ ในที่สุด.
สอบนายสิบครั้งใหม่5จุดทั่วภูมิภาคจุ2หมื่น
ตำรวจเผยแนวทางสอบนายสิบใหม่ ใช้สนามสอบแต่ละภูมิภาค 5 จุด จุ 2 หมื่นคน นำเทคโนโลยีป้องกันเต็มที่ เผยโกงสอบครั้งนี้คล้ายปี 53
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมพ.ต.อ.จักษ์ จิตตธรรม และพ.ต.ท.อัญชุลี ธีระพงษ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงประจำสัปดาห์ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องการทุจริตสอบตำรวจตอนนี้มีความชัดเจนเรื่องสนามสอบโดยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.หัวหน้าคณะทำงานการจัดสอบใหม่ได้สรุปว่าจะใช้สนามสอบในส่วนภูมิภาคเป็นหลัก แยกเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้และกรุงเทพฯอีก 1 สนาม จะให้ไปจัดหาสนามสอบที่เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ในแต่ละภูมิภาคที่สามารถจุคนสอบได้ประมาณ 2 หมื่นคน ตำรวจสามารถใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจโลหะ เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์และวิทยุความถี่ต่ำในการป้องกันการส่งสัญญาณของกลุ่มทุจริตการสอบได้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อสอบจะออกใหม่ทั้งหมด คณะกรรมการจะใช้ชุดเดิมแต่จะปรับปรุงใหม่ ถึงตอนนี้ยังไม่กำหนดวันสอบใหม่เนื่องจากต้องรอเรื่องสนามสอบที่ต้องเป็นสถานที่ที่ว่างพร้อมกัน และต้องมีขั้นตอนการออกข้อสอบใหม่ด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนการสอบสวน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.ที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการทำงานด้านการสอบสวนได้ให้กองปราบปรามมาร่วมทำคดีนี้ด้วยตอนนี้การสอบสวนคืบหน้าไปมากออกหมายจับและจับกุมได้เป็นระยะ ในสัปดาห์นี้จะเน้นเรื่องของการยึดทรัพย์โดยประสานงานกับปปง.ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินตลอดจนทรัพย์สิน การโอนย้ายทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ถูกจับกุมตัวแล้วและผู้ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นนายหน้า หรือสายแต่ละภาค หากยังไม่มีหลักฐานจนออกหมายจับได้ให้ดำเนินการทางปกครองไปก่อน ส่วนการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการทุจริตสอบ ทางบก.สส. บช.น. ดำเนินการและพบว่าเทคโนโลยีที่นำมาใช้คล้ายคลึงกับทีใช้ในการทุจริตสอบเมื่อปี 2553 การสอบสวนเรื่องทุจริตสอบตำรวจครั้งนี้จะนำไปใช้ประโยชน์ในการสอบครูในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย.
แพทย์ยันผู้ป่วยจิตเวชโคราชติดเชื้อหวัดมรณะ 41 รายปลอดภัย
แพทย์ยืนยันผู้ป่วยจิตเวชที่ รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้ง 41 คน อาการปลอดภัย ไม่มีไข้แล้ว มีเพียง 3 รายที่ยังมีไข้ต่ำ
วันนี้ ( 20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีตรวจพบผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 35 ราย และเจ้าหน้าที่ของ รพ.และบุตรหลานอีก 6 ราย รวมเป็น 41 ราย ซึ่งสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งให้กักกันพื้นที่ในโรงพยาบาลเป็นพื้นที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาด โดยออกมาตรการให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ใน รพ. รวมกว่า 350 คน ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนยาต้านไวรัส เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมทั้งเข้มงวดให้ทุกคนโดยเฉพาะผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ที่เข้ามาภายใน รพ. ต้องได้รับการตรวจคัดกรอง โดยการวัดไข้ สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันในอาคารหอพักผู้ป่วยที่พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์ เครื่องนอน โต๊ะ เก้าอี้ มุ้งลวด โดยเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อทำลายเชื้อไข้หวัดที่อาจแฝงอยู่ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผอ.รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถูกกักพื้นที่ให้อยู่ในบริเวณจำกัด โดยเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชทั้ง 35 คน ได้แยกออกจากผู้ป่วยทั่วไปให้มาอยู่รวมกัน โดยการรักษาที่ผ่านมา แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสทุกคนเรียบร้อยแล้ว อาการทั่วไปพบว่าผู้ติดเชื้อทุกคนไม่มีไข้สูงแล้ว มีเพียง 3 รายเท่านั้นที่ยังมีไข้ต่ำ ๆ แต่ยังต้องเฝ้าติดตามอาการและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีเชื้ออีก ถึงจะวางใจได้
พร้อมกันนี้ได้พยายามค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ เพื่อนำเข้าสู่ระบบการรักษา โดยการคัดกรองทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล ซึ่งวันนี้ยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม จากการติดตามอาการของเจ้าหน้าที่และบุตรรวม 6 คน ที่แยกตัวออกไปพักในบ้านพักแล้ว ก็พบว่าอาการดีขึ้น ไม่มีไข้แล้ว แต่ได้สั่งให้หยุดงาน 7 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่แพร่เชื้อ ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้ง 41 คน อาการปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีอาการเป็นหวัด มีไข้สูง ปวดตามเนื้อตัว ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และรีบเข้ามารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทันที.
รวบ3โหดรัวอาก้าดับ5ศพอ้างถูกแซวร้องคาราโอเกะห่วย
จับ 3 คนร้ายรัวอาก้าดับ 5 ศพร้านโอเกะแล้ว คอตกรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาพร้อมขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต แจงเหตุขึ้นร้องเพลิงถูกโห่แซวแถมยังตามมาตอแยเลยระงับอารมณ์ไม่อยู่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร และพล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง ผบช.ภ.1แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนอาก้า กราดยิงผู้อื่นจนเสียชีวิต 5 ราย ในพื้นที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ตัวผู้ต้องหา 3 คน คือ นายวสันต์ หรือปุ้ม จันตรี อายุ 25 ปี อดีตรปภ. อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 6 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายวสันต์ หรือสันต์ พรหมศิริ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/3 หมู่ 9 ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และนายอโศก หรือสุ ศรีสิงห์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 640/7 ซอยสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่ห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในต.หินกอง อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมของกลางปืนอาก้าแบบพับฐาน 1 กระบอก แมกกาซีน 2 อัน กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. 47 นัด รถจยย.ฮอนด้า เวฟ สีเขียว ทะเบียน กฉฉ 898 ปทุมธานี และรถจยย.ฮอนด้า สีดำ-เหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สืบเนืองจากกลางดึกวันที่ 19 มิ.ย. เกิดเหตุยิงกันภายในร้าน “กินตับคาราโอเกะ” ตั้งอยู่ริมถนนสายแก่งคอย-บ้านนา หมู่ 12 ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย มีผู้เสียชีวิตถึง 5 ศพ ตนจึงสั่งการให้ตำรวจภ.จว.สระบุรี และบก.สส.ภ.1 ลงพื้นหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชน โดยได้นำภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ไปประชาสัมพันธ์และสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลลักษณะคล้ายในภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 3 คน เข้ามาอาศัยเช่าห้องพักอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในต.หินกอง อ.หนองแค จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางและรถจยย.ที่ใช้หลบหนีทั้ง 2 คัน
นายวสันต์หรือปุ้ม มือลั่นไกยิง รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนและนายวสันต์ พรหมศิริ ได้เดินทางมาจากบ้านพักที่อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี ไปทำธุระที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างทางแวะดื่มสุรากันที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยมีนายอโศกผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง เดินทางตามมานั่งร่วมวงด้วย จากนั้นตนได้ร้องคาราโอเกะไป 2 เพลง ก็มีเสียงโห่แซวมาจากกลุ่มผู้ตายซึ่งเข้ามานั่งภายในร้านหลังพวกตนไม่นาน ทำให้รู้สึกไม่พอใจและอับอายในน้ำเสียงเป็นอย่างมาก แต่พยายามเก็บกลั้นอาการไว้ ไม่ไปพูดต่อปากต่อคำ
ต่อมามีชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ตายโทรศัพท์ไปเรียกพวกราว 10 คน มาสมทบที่ร้านดังกล่าว ลักษณะท่าทางคล้ายพกพาอาวุธติดตัวมาด้วย ตนกับพวกเห็นท่าไม่ดี จึงเรียกเด็กเสิร์ฟมาเก็บเงิน เพื่อเดินทางกลับ แต่ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ตาย เดินเข้ามาที่โต๊ะของตน แล้วตะโกนถามว่า “อยากกินตีนไหม” และพยายามเข้ามาทำร้าย ตนจึงตัดสินใจคว้าอาวุธปืนอาก้าที่นำติดตัวมาจากบ้าน กราดยิงใส่กลุ่มผู้ตาย แล้วจึงหลบหนีไปเปิดห้องพักภายในรีสอร์ทดังกล่าว
ส่วนอาวุธปืนอาก้าที่ใช้ก่อเหตุ ตนซื้อต่อมาจากญาติซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ในราคา 4,000 บาท เพื่อนำมาป้องกันตัว เวลาเดินทางไปไหนมาไหน โดยก่อนหน้านี้เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆ่า และปล้นทรัพย์รายอื่น อย่างไรก็ตามฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดยอมรับผิดและรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับนำปืนอาก้า กระบอกที่ใช้ก่อเหตุไปตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆหรือไม่ต่อไป.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)