วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทบ. โร่แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก ปม 6 ศพวัดปทุมฯ





ทบ. โร่แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก ปม 6 ศพ วัดปทุมวนาราม หลังศาลไต่สวนคำร้อง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) วันนี้ (19 มิ.ย.)  พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่าจากกรณีที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางฉบับเรื่องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาไต่สวนคำร้องคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม   เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งการไต่สวนอยู่ในขั้นเบิกความพยานปากแรก และในข้อเท็จจริงจะต้องมีพยานเข้าเบิกความอีกหลายปาก  รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วยก่อนที่ศาลจะมีข้อสรุป เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดไปจากข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่เกิดขึ้น กองทัพบกจึงขอชี้แจงใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้มุ่งหวังจะให้เกิดผลกระทบกับสถานการณ์บ้านเมืองดังนี้ 1.ประเด็นผู้เสียชีวิต 5 ศพ ถูกยิงด้วยกระสูน .223 หัวสีเขียว ซึ่งเป็นกระสุนที่ใช้กับ M 16 และ ทราโวที่มีการระบุว่ามีใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ข้อเท็จจริงคือเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืน และกระสุนที่บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้าเป็นอาวุธปืนทราโว จำนวน  12 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนขนาด .223 หัวสีเขียว จำนวน  700 นัด ปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก พร้อมกระสูนยาง 1,152 นัด ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขัน เมื่อ 15 เม.ย. 53 และในวันเดียวกันเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ถูกปล้นปืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นปืนนทราโว 13 กระบอก แจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.53 และวันที่ 15 พ.ค. 53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เป็นอาวุธปืน M 16  2 กระบอก และกระสุน M 16 อีก 100 นัด ซึ่งปืนและกระสุนปืนที่ถูกปล้นไปเหล่านี้ มีหลักฐานพบว่าได้ถูกนำมาใช้ก่อเหตุในหลายๆ เหตุการณ์


พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า 2.ประเด็นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่ระบุว่าไม่พบร่องรอยจากการยิงจากบริเวณด้านล่างขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ข้อเท็จจริงการเคลื่อนย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารในขณะนั้นไม่สามารถผ่านแยกเฉลิมเผ่าเข้าไปได้  เนื่องจากชายชุดดำที่อยู่บนพื้นราบได้ยิงสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เคลื่อนกำลังเข้าไป และการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบสวนพยานเจ้าหน้าที่ทหารได้ให้การถึงชายชุดดำว่า  ชายชุดดำได้หลบอยู่บริเวณตอม่อต้นที่ 1 นับจากบริเวณแยกเฉลิมเผ่า และได้ใช้อาวุธปืนความเร็วสูงยิงใส่เจ้าหน้าที่ โดยสังเกตได้จากกระสุนปืนที่ไปกระทบกับตอหม้อและคานปูนของรางรถไฟฟ้า ซึ่งแตกกระจายและมีฝุ่นตกลงมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน และมีภาพถ่ายของรอยกระสุนอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม  แต่ไม่มีการกล่าวถึง และ3.ประเด็นภาพถ่ายของประจักษ์พยานที่นำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังเกิดเหตุ พบว่าบนรางรถไฟมีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ประจำอยู่ ทั้งนี้ข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ทหารวางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าจริง แต่การวางกำลังไม่ได้วางตลอดแนว  เพราะถูกขัดขวางตลอดเวลา  แนวที่วางกำลังไปได้แค่จากสถานีรถไฟฟ้าสยามถึงวัดปทุมเท่านั้น ซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว กองทัพบกได้ส่งให้ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ คณะกรรมาธิการวุฒิสภาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและพิจารณาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ อย่างไรก็ตามทางกองทัพบกไม่ได้มุ่งหวังว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงซึ่งกระบวนการยุติธรรม  แต่คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น