วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

นายกฯวอนเห็นใจแรงงานให้ขึ้นค่าแรง1เม.ย.นี้


วันนี้ (31 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ตอนหนึ่ง ในประเด็นการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาท ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ว่า เท่าที่สำรวจพบว่าบริษัทใหญ่ยังไม่กระทบมากนัก เพราะบางบริษัทจ่ายค่าแรงสำหรับแรงงานที่มีฝีมือมากกว่า 300 บาท ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงานเข้าดูแลธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะแผนพัฒนาฝีมือแรงงาน ยอมรับว่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ จึงต้องเข้าทำงานอย่างใกล้ชิด และรายกรณีให้มากขึ้น รวมทั้งได้พูดคุย และร่วมมือนักลงทุนในการพัฒนาฝีมือแรงงานไทยในภาคส่วนต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมา ค่าแรงของคนไทยไม่ได้เพิ่มขึ้นมาหลายปีแล้ว ขณะที่ ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น ขอให้เห็นใจผู้ใช้แรงงานที่มีรายจ่ายสูงขึ้น แต่รายรับไม่ได้เพิ่มขึ้นก็อยู่ไม่ได้ เมื่อคำนวณรายได้ต่อเดือนเทียบกับค่าครองชีพไม่ได้มาก และในระบบบัญชีถือว่าค่าแรงเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการประกอบการ แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมจะเห็นว่าค่าแรงไม่ได้สูงมากขึ้น รัฐบาลจึงต้องขอความกรุณา และความเห็นใจจากทั้งภาคผู้ใช้แรงงาน และภาคธุรกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือในการประคองช่วยเหลือกันในเรื่องนี้ เพราะเมื่อผู้ใช้แรงงานมีรายได้มากขึ้น ก็จะมีเงินจับจ่ายใช้สอย สุดท้ายแล้วรายได้เหล่านั้นก็จะกลับมาสู่ร้านค้า บริษัท และรัฐบาล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเชื่อมั่นว่าถ้าเราเข้าไปแก้ไขจากฐานล่างที่มีคนส่วนใหญ่อยู่เป็นจำนวนมากให้มีรายได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่จะส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วน และเกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ และเราจะได้ไม่ต้องพึงพาเศรษฐกิจต่างประเทศเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ว่า ต้องไปทำภารกิจเจรจากับประเทศต่าง ๆ เพื่อให้มีการลงทุน และการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้ ยังเป็นตามธรรมเนียมที่เป็นรัฐบาลใหม่ต้องเดินทางไปเยือนคารวะ และแนะนำตัว โดยเริ่มจากลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นการสร้างความแข็งแรงในความร่วมมือในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย
"ทุกครั้งที่มีการเดินทางไปต่างประเทศ ได้มีการติดตาม ฝากงาน และมี รมต.ดูแลงานอย่างใกล้ชิด ไม่ได้ละเลยปัญหาปากท้องของคนในประเทศ เพราะหลายคนอาจจะเกิดคำถามว่าทำไมต้องเดินทางในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ แต่เดินทางไปต่างประเทศมีความจำเป็น เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี เมื่อมีความเชื่อมั่น มีการลงทุนแล้ว สุดท้ายจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อให้แข่งขันกับต่างประเทศ ยืนยันทุกครั้งที่จะไปต่างประเทศว่าเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศ โดยเฉพาะช่วงอุทกภัย และต้องยกเลิกการเดินทางหลายครั้ง อย่างเช่น เดินทางไปจีน ที่ต้องเลื่อนเดินทางไปวันที่ 17-19 เม.ย.นี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า เราจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม ซึ่งเป็นการประชุมว่าด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ ที่กรุงเทพฯ โดยการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้ต่างประเทศเห็นว่าวันนี้ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะรับนักลงทุน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งจัดเวทีให้นักธุรกิจทั่วโลกได้พบกับนักธุรกิจไทย ขณะนี้ไทยอยู่ในฐานะที่ทุกประเทศให้ความสนใจลงทุน เราได้รับการตอบรับที่ดี และพอใจแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ซึ่งเราจะมีระบบติดตามการตอบรับของต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อการค้าการลงทุนกับไทย.
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น