ติดประกาศห้ามเข้า-ห้ามใช้อาคารฟิโก้ รอระบุสาเหตุเพลิงไหม้
ผอ.เขตวัฒนา นำประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคารฟิโก้ ติดไว้โดยรอบ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานโยธา กทม.พร้อมกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบภายในอาคารอย่างละเอียดอีกครั้ง เผยเบื้องต้นพบต้นเพลิงเกิดที่ชั้น 7 ลุกลามไปชั้น 8-11 เสียหายทั้งหมด วอนอาคารเก่าสร้างก่อนปี 35 ติดตั้งสปริงเกอร์
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารฟิโก้ เพลส ตั้งอยู่เลขที่ 18/8 ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณชั้นที่ 7 ของอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทโอซองและไอบาล ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้น้ำดับเพลิงได้ทันที ต้องประสานขอรถกระเช้าขนาดสูงจากกทม.จำนวน 3 คัน เพื่อฉีดน้ำสกัดเพลิง โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จนสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ และต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้อยู่เป็นระยะตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะปะทุขึ้นมาอีก เพราะภายในอาคารเป็นสำนักงานของบริษัทต่างๆกว่า 20 บริษัท มีกระดาษและอุปกรณ์สำนักงานจำนวนมากจึงทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ ( 4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตลอดทั้งคืนที่ทางเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงคลองเตย ยังคงเฝ้าระวังอยู่ในจุดเกิดเหตุตลอดเวลา โดยต่อสายยางวางไว้ในตัวอาคารเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ซ้ำขึ้นมาอีก เนื่องจากยังคงมีกระดาษและอุปกรณ์สำนักงานจำนวนมาก จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 07.30 น.ได้เกิดไอความร้อนระอุขึ้นอีกครั้งที่บริเวณชั้น 9 และชั้น 11 อีกครั้ง เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงจากสถานีดับเพลิงคลองเตยและบ่อนไก่ จึงรีบเข้าทำการใช้ทำฉีดน้ำตามฝ้าเพดานและภายในชั้นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกลุ่มควันจนอาจจะลุกลามเป็นเพลิงไหม้ซ้ำขึ้นมากอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 09.30 น.พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผกก.สน.ทองหล่อ ร.ต.อ.ธนาณุวัฒน์ สิทธิไชย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ก่อนเปิดเผยว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักการโยธาฯ ของกทม.ที่ดูแลรับผิดชอบอาคารสูงเกิน 5 ชั้น จะเข้าไปตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่เกิดเหตุอย่างละเอียดว่า โครงสร้างได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน และจะยังสามารถใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ จากนั้นจะประสานให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็จะเรียกเจ้าของอาคารที่เกิดเหตุ และเจ้าบริษัทผู้เช่าที่อยู่แต่ละชั้นซึ่งมีอยู่เกือบ 30 บริษัท มาทำการสอบปากคำในฐานะพยานแวดล้อมว่า มีการเก็บอุปกรณ์การใช้ไฟฟ้าประเภทใด และมีทรัพย์สินอะไรเสียหายบ้าง โดยทางตำรวจยึดหลักฐานจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นหลักว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เกิดจากสาเหตุใด เกิดจากระบบไฟฟ้าหรือตัวบุคคล ถ้าเป็นตัวบุคคล ทางตำรวจก็ต้องสอบสวนต่อไปว่าเกิดจากใคร
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายสัจจะ คนตรง ผอ.เขตวัฒนา ได้นำประกาศสำนักงานเขตวัฒนา จำนวน 2 ฉบับ มาติดไว้โดบรอบอาคาร โดยฉบับแรกเป็นเรื่องอาคารอันอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีใจความระบุว่า "แจ้งความ มายังบริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 18/8 ถนนอโศกมนตรี (สุขุมวิท 21) แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เนื่องจากได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารตึก 12 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1ชั้น เพื่อใช้เป็นสำนักงาน เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2555 สำนักงานเขตวัฒนา จึงแจ้งมายังท่าน ในฐานะผู้ครองครองอาคาร ห้ามเข้า ห้ามใช้อาคารทั้งหลัง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับการตรวจสอบอาคาร ด้านความปลอดภัยจากวิศวกรโยธา ผู้เชี่ยวชาญหรือสถาบันที่เชื่อถือได้" ส่วนอีกฉบับเป็นประกาศการห้ามใช้อาคาร มีใจความระบุว่า "ฝ่าฝืนมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและปรับวันละสามหมื่นบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน"
นายสัจจะกล่าวว่า ได้นำคำสั่งห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร มาติดไว้โดยรอบอาคาร โดยออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารห้ามให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในอาคารเด็ดขาด เนื่องจากต้องให้ทางเจ้าหน้าที่การโยธา และเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบให้เสร็จสิ้นเสียก่อน สำหรับด้านการซ่อมแซมนั้นก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าของอาคารว่าจะใช้เวลานานเท่าใด อย่างไรก็ตามอาคารแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2522 โดยใช้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฉบับเดิม ซึ่งแตกต่างกับอาคารใหม่ที่ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารปี 2535 ซึ่งจะมีความทันสมัยมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางนายธีระทัต คงจันทร์ ผอ.ฝ่ายบุคคลและบริหารงานทั่วไปของอาคารฟิโก้ เพลส ได้นำประกาศทั้งภาษาไทยและอังกฤษให้ผู้ที่เช่าอาคาร มาลงชื่อไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคาร โดยแจ้งหมายเลขติดต่อ 089-969-8645 เอาไว้ด้วย ซึ่งในวันนี้มีตัวแทนจากบริษัทต่างๆ ที่เช่าอาคารที่เกิดเหตุเป็นสำนักงาน เดินทางมาติดต่อไม่มากนัก โดยทางนายธีระทัต กล่าวว่า ขณะนี้อาคารเสียหายเป็นอย่างมาก ข้อมูลบริษัทต่างๆที่มีอยู่ประมาณ 20 กว่าบริษัท ก็หายไปหมด จึงให้ผู้ที่เช่าอาคาร มาลงทะเบียนไว้เพื่อจะได้ติดต่อกลับไป อย่างไรก็ตามหลังจากได้ข้อมูลเรื่องความเสียหายจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐมาแล้ว ก็จะนัดผู้เช่าอาคารทั้งหมด เข้ามาประชุมร่วมกันที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลเนียม ที่ติดกับอาคารฟิโก้ ในวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) เวลา 10.00 น. เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ทางอาคารจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไรบ้าง
ต่อมาเวลา 11.30 น.นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รอง ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยนายพินิต เลิศอุดมธนา ผอ.กองควบคุมอาคาร สำนักงานโยธา กทม. ร.ต.อ.ธนาณุวัฒน์ สิทธิไชย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี นำเจ้าหน้าที่สำนักงานการโยธา กทม. เดินทางเข้าตรวจสอบความเสียหายภายในอาคาร โดยนายธีระชน เปิดเผยก่อนเข้าตรวจสอบอาคารว่า จะนำเจ้าหน้าที่สำนักการโยธาเข้าตรวจสอบความเสียหายภายในอาคารที่เกิดเหตุว่าได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน เพื่อประเมินว่าตัวอาคารจะสามารถใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ ถ้าเสียหายไม่มาก ยังสามารถใช้งานได้ต่อไป ทางเจ้าของอาคารก็อาจจะต้องดัดแปลงตัวอาคารเพื่อให้สามารถใช้งานได้ต่อไป จากนั้นจึงจะประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ขึ้นไปตรวจสอบภายในอาคารที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป
หลังจากใช้เวลาการตรวจสอบภายในอาคารที่เกิดเหตุนานประมาณ 1 ชั่วโมง นายธีระชน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภายในอาคารที่เกิดเหตุในเบื้องต้นพบว่า ตัวโครงสร้างของอาคารไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ยังไม่สามารถใช้อาคารได้เนื่องจากมีน้ำจากการดับเพลิงเจิ่งนองอยู่ทั่วอาคาร และมีเขม่าควันตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบนสุด ส่วนบริเวณชั้นที่ 7 ซึ่งเป็นชั้นต้นเพลิงนั้นเสียหายไม่มาก พบว่ามีเขม่าควันเกิดขึ้นจากบริเวณโต๊ะทำงานซึ่งมีคอมพิวเตอร์อยู่ จากนั้นเพลิงน่าจะลุกลามไปยังชั้น 8-11 อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีฟิล์มติดอยู่ที่กระจกจึงทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ส่วนชั้นที่ 12 นั้นเสียหายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) ทางเจ้าหน้าที่สำนักการโยธาฯ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่จากวิศวกรรมสถานฯ จะเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
นายธีระชน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตัวอาคารที่เกิดเหตุนั้นขออนุญาตตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งขณะนั้นยังใช้พ.ร.บ.ควบคมอาคารฉบับเก่าอยู่ เบื้องต้นให้ทางสำนักงานการโยธา ประสานงานขอความร่วมมือจากเจ้าของอาคารเก่าในพื้นที่ กทม.ที่สร้างก่อนปี 2535 ให้มีการติดตั้ง สปริงเกอร์ ตั้งแต่อาคาร 5 ชั้นขึ้นไป เนื่องจากอาคารใหม่ที่มีการติดตั้งสปริงเกอร์นั้น เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้วก็มักจะควบคุมคุมได้ไม่ลุกลามข้ามชั้น โดยหากเจ้าของอาคารรายใดต้องการติดตั้ง ทางกทม.ก็จะเร่งอำนวยความสะดวกให้ทันที และหลังจากนี้ทางกทม.ก็จะทำการสำรวจอาคารเก่าที่สร้างก่อนปี 2535 ทั้งหมดว่ามีอยู่กี่อาคาร และมีการติดตั้งสปริงเกอร์หรือไม่ ก่อนจะทำการพิจารณเสนอให้ทางสภากรุงเทพมหานคร ร่างกฎหมายให้อาคารทั้งหมดดำเนินการตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารปี 2535 ทุกอาคาร เนื่องจากมีความปลอดภัย สูงกว่า พ.ร.บ.อาคารฉบับเก่า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลาประมาณ 12.00 น.ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา จำนวน 20 คน ได้เดินทางมาทำการทำความสะอาดกวาดเก็บขยะทั้งเศษกระดาษ และเศษกระจกที่แตกร่วงตกลงมาจากอาคารฟิโก้ อยู่ตามพื้นรอบอาคาร รวมทั้งภายในบ้านเลขที่ 20 และ20/1 ซึ่งอยู่ติดกับอาคารที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งฉีดน้ำล้างทำความสะอาดตัวบ้านให้ด้วย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น