http://www.becomz.com 400 บาท รับซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ ค่าแรง+ค่ารถ+ลงwinodws+โปรแกรมดูหนังฟังเพลง+office+antivirus Tel. 083-792-5426 ปล.เฉพาะเขตพื้นที่ให้บริกร รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคไชย4
วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555
''เจสัน มราซ'' ปลื้มสยาม เมืองยิ้ม หยอดหวาน ที่นี่เหมือนบ้านตัวเอง
จะมีศิลปินสักกี่คน ที่จะทำให้แฟนเพลงทั่วโลกหลงรัก ทั้งทำนอง ความหมายของเนื้อเพลง ตลอดจนแนวคิดและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แต่ที่พูดมาข้างต้นนั้น คือความเป็นตัวตนของ เจสัน มราซ นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน ที่สามารถทำให้คนที่ฟังงานของเขารู้สึกเช่นนั้นได้จริง ๆ แม้ว่าเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ชาวไทยจะพลาดชมคอนเสิร์ตเพราะเหตุน้ำท่วม แต่ในที่สุดหนุ่มคนนี้ก็บินกลับมาเปิดคอนเสิร์ตไปเรียบร้อย โดยการเยือนเมืองไทยครั้งนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ก็ไม่พลาดที่จะเข้าสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เจสัน มราซ มาฝากแฟน ๆ กันด้วย...
ความแตกต่างระหว่างการเดินทางทัวร์คอนเสิร์ต กับการกลับบ้านของคุณแตกต่างกันยังไง?
“ที่บ้านเกิดของผมที่เวอร์จิเนีย หรือที่อยู่ปัจจุบันตอนนี้ที่ซานดิเอโก ในทุก ๆ ที่กลายเป็นเหมือนที่ ๆ คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเสียงสนทนา เสียงนกร้องและต้นไม้ใบหญ้าเหมือนมันจะหายไปในบางครั้ง จนผมลืมนึกถึงความสวยงามของสิ่งที่ผมเจอทุกวัน ดังนั้นเวลาที่ผมเดินทางไปที่ใหม่ ๆ ผมจึงมองความสวยงามของสถานที่ใหม่ ๆ ที่ผมเจอ และจะบอกตัวเองเสมอว่าบ้านคือที่ ๆ เราอยู่ ณ ตอนนั้น อย่างเช่นขณะนี้เราอยู่เมืองไทย เมืองไทยก็คือบ้านของผม”
แล้วการเดินทางมาทัวร์ที่เอเชียเป็นอย่างไรบ้าง?
“ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งเวลามาที่เอเชีย ผมมาถึงผมอ่านป้ายหรือตัวหนังสือไม่ออก ไม่เหมือนเวลาที่ผมอยู่นิวยอร์กผมเห็นป้ายโฆษณา สัญลักษณ์ ตามท้องถนนก็เข้าใจความหมาย ผมเลยมองว่าสิ่งที่เจอเวลามาเอเชีย มันคือศิลปะที่ทำให้จิตใจผมสงบได้ เป็นความรู้สึกใหม่ ๆ ที่มาจากสิ่งเหล่านี้ที่ผมจะได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ”
ถ้าพูดถึงเมืองไทย คุณรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง หรือรู้เปล่าไทยถูกเรียกว่า “สยามเมืองยิ้ม”?
“ผมไม่เคยคาดหวังว่าที่ไหนจะต้องเป็นยังไง เพราะกลัวว่าวันนึงไม่เป็นอย่างที่คิด เลยเลือกที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยถูกเรียกว่า สยามเมืองยิ้มมาก่อน ซึ่งผมสังเกตได้จากที่นี่และรู้แล้วว่าเป็นเมืองแห่งรอยยิ้มมันน่าทึ่งมากจริง ๆประเทศอื่น ๆ ไม่มีความงดงามแบบนี้ ทั้งการโค้งทำเคารพ ภาษาที่แสดงความเคารพต่อผู้ชายและผู้หญิงเป็นสิ่งงดงาม วัฒนธรรมเช่นนี้ไม่มีที่สหรัฐอเมริกา แต่ที่นี่มันเป็นความสง่างาม ผมไม่สามารถจะคิดคำพูดอะไรมาบอกได้ มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่คุณควรจะภูมิใจ”
จะพูดได้ไหมว่าเพลงของคุณมีเนื้อหาส่วนมาก พูดถึงความรักและความสัมพันธ์?
“จริง ๆ แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาผมทำอัลบั้มนี้ผมเรียนรู้ในชีวิตหรือประสบการณ์เห็นเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ที่ธรรมดา ๆ ผ่านเข้ามาตลอดชีวิต แต่ผมก็ยังไม่ใช่ผู้รู้เกี่ยวกับความรัก ผมยังไม่มีครอบครัวหรือมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน แต่ผมก็พยายามที่จะเรียนรู้และปรับปรุงมันให้ดีขึ้น กับอัลบั้มนี้ผมเริ่มจากการเห็นอาร์ตเวิร์กของอักษรสี่ตัว (l-o-v-e) บนปกอัลบั้ม ซึ่งเป็นการรวมรูปทรงเรขาคณิตได้อย่างลงตัว คำว่า “รัก” ที่ผมเห็นก็คิดว่า ว้าว! ผมประทับใจคำนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ผมจะทำอัลบั้มนี้ที่มีเรื่องของความรักเป็นหลัก อีกอย่างคือ เมื่ออัลบั้มนี้ขายดีโปสเตอร์ ปกหรือการประชาสัมพันธ์หรือแม้เวลาดาวน์โหลดเพลง ก็จะได้เห็นคำว่า เลิฟ นั้น ซึ่งถ้าหากคุณเลือกจะมองเห็นว่ายังมีความรักอยู่บนโลกใบนี้ในทุก ๆ ที่ เพลงในอัลบั้มนี้เป็นแค่เรื่องรอง ๆ ของการที่เดินทางเพื่อเข้าใจความรัก ซึ่งรักคือการแบ่งปัน ที่ผมมาให้สัมภาษณ์มาคุยกันครั้งนี้ก็คือการแบ่งปันสิ่งที่ผมรักที่จะทำ คุณเองก็รักในสิ่งที่คุณทำและแบ่งปันให้คนอ่านและคนอ่านก็อาจแบ่งปันสิ่งที่ต่อ ๆ กันไปครับ”
ต้องทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกอย่างนี้ มีวิธีแบ่งเวลาให้คนใกล้ตัวคุณอย่างไรบ้าง?
“ผมพยายามจัดการมันให้ดี ถึงแม้บางครั้งจะผิดเพี้ยนไปบ้าง แล้วก็ต้องมาคิดว่าทำไมผมทำแบบนี้เนี่ย แต่ยังไงผมจะพยายามทำให้ดี แบ่งเวลาเล่นโยคะ ออกกำลังกาย เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของผมต้องเดินทางอยู่บนเครื่องบิน ในรถตู้เลย ที่บางทีก็ทำให้เราเฉื่อยชา เลยต้องคอยกระตุ้นตัวเองเสมอ เหมือนอย่างที่บ๊อบ มาเลย์ บอกไว้ “ทำชีวิตให้สดใสร่าเริง” และหันกลับมาใช้ความคิด และเริ่มต้นเขียนเนื้อเพลง สำหรับผมกิจกรรมพวกนี้ช่วยให้ผมรักษาสมดุลได้ ในช่วงเวลาที่เหลือชีวิต ผมจะมีครอบครัวมั้ย ผมคิดว่าไม่ ครอบครัวของผมยอมรับในเส้นทางนี้ของผม ผมมีเพื่อนมากมายที่คอยสนับสนุนผมเสมอ ผมเลยไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์กับคนรอบตัวของผมหายไปไหนเลย”
คุณมีมูลนิธิของตัวเองด้วย ช่วยเล่าให้เราฟังถึงที่มาที่ไปหน่อยได้ไหม?
“เริ่มขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นผมไม่มีอะไรเลย แต่ครอบครัวของผมทำให้ผมมีชีวิตที่สวยงามจนเดินมาสู่เส้นทางการเป็นศิลปินอย่างที่ผมฝัน ผมจึงอยากใช้ความมีชื่อเสียงของผม ช่วยเหลือผู้คนหรือองค์กรต่าง ๆ
โดยตั้งมูลนิธิเจสัน มราซ ช่วยเหลือองค์กร 8 ด้าน ซึ่งจะครอบคลุมถึงองค์กรพิทักษ์สัตว์จนถึงสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมของมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน มนุษยชน สามารถจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ jasonmraz.com/foundation ครับ”
จบการสนทนาในเวลาอันรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะหนุ่มคนนี้พูดคุยอย่างเป็นกันเองมาก ๆ แถมได้สัมผัสจิตวิญญาณความเป็นศิลปินของ มราซ เข้าไปเต็มเปา แล้วอย่างงี้จะไม่ให้แฟน ๆ หลงรักหนุ่มเซอร์อารมณ์โรแมนติกคนนี้ได้อย่างไร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น