วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ในหลวง”ถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์ฯสมเด็จพระสุริโยทัย





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์ฯสมเด็จพระสุริโยทัย ท่ามกลางพสกนิกรจำนวนมากที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯ ต่างปลื้มปีติในพระบารมีเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" กึกก้องท้องน้ำมะขามหย่อง
วันนี้ (25 พ.ค.) เวลา 18.00 น. รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนขบวนมาถึงพระราชนุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระราชานุสาวรีย์ฯ เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญพวงมาลัยเข้าถวาย แล้วพระราชทานไปถวายสักการะที่โต๊ะหมู่หน้าพระราชานุสาวรีย์ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงคม จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรบริเวณโดยรอบพระราชานุสาวรีย์ฯ ก่อนที่จะเสด็จฯ ไปยังศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและผลิตผลทางการเกษตร พระราชานุสาวรีย์ฯ ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่สวยงามตั้งอยู่ติดบึงน้ำภายในทุ่งมะขามหย่อง เมื่อเสด็จฯ ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ และทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีน้อมเกล้าฯ ถวายโฉนดที่ดินเลขที่ 5009 ตำบลบ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่หน้าทุ่งมะขามหย่องและเป็นที่ดินแปลงนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยเกี่ยวข้าวเมื่อปี 2539  รวม 7 ไร่2 งาน 14 ตารางวา ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเป็นชื่อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในการนี้ นางวาสินี ผิวผ่อง นากยกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นางวิภาดา สีตบุตร ภริยาแม่ทัพภาคที่ 1 ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ และนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข นายสุระ อนันต์สุขเสรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พลโท อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เฝ้าฯ รับเสด็จ  โดยนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เข้าห้องรับรองประทับพักพระอิริยาบถตามพระราชอัธยาศัย ก่อน เสด็จออกจากห้องรับรองไปยังศาลาพลับพลากลางน้ำ ที่ตกแต่งเรียบง่าย และสวยงามด้วยผ้าขาวม้าทอพื้นเมืองของกลุ่มอาชีพแม่บ้านในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลือแนะนำอาชีพมาก่อน จนชาวบ้านนำแนวพระราชดำรัสไปตั้งเป็นกลุ่มทอผ้าขาวม้าและผ้าพื้นเมืองจนประสบความสำเร็จ ในการนี้ ทรงทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม ชุดทุ่งมะขามหย่อง ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เวลาในการแสดงทุกประเภทรวม 45 นาที โดยการแสดงชุดทุ่งมะขามหย่องผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของทุ่งมะขามหย่องและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงให้สร้างอ่างเก็บน้ำบริเวณพื้นที่โดยรอบพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุรีโยทัย เพื่อรองรับน้ำในช่วงน้ำท่วม และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงน้ำแล้ง มีการแสดงชุดทุ่งมะขามหย่องผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เริ่มตั้งแต่ขบวนแห่ช้างและขบวนทหารกองเกียรติยศ สวนสนามเลียบอ่างเก็บน้ำมายังพลับพลาพิธีเพื่อถวายพระเกียรติ โดยช้างทั้ง 9 เชือกที่เข้าร่วมพิธีรับเสด็จ ได้ผ่านพิธีปักษะปะพรมน้ำมนตร์ทั้งช้างและควาญช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยช้างเชือกแรกนำพานพุ่มให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการผู้ใหญ่ 36 ท่าน ถวายบังคม จากนั้นการแสดงชุดแรก การแสดงเพลงเห่เรือ 6 ลำ  ซึ่งจะขับเพลงเห่เรือประจำถิ่นที่สื่อความหมายถึงการสรรเสริญเทิดพระเกียรติที่พระองค์ท่านทรงทำให้ถิ่นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ มีน้ำใช้ในหน้าแล้งและที่เก็บน้ำในหน้าฝน ซึ่งในปัจจุบันเป็นพื้นที่รองรับน้ำท่วมให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ ซึ่งล้วนมาจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ. 2538 ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ปล่อยน้ำเข้าพื้นที่โดยรอบพระราชานุสาวรีย์และให้กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งตามโครงการพระราชดำริ ในวันที่ 23 ม.ค. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดคันบังคับน้ำปล่อยน้ำเข้าสู่ท่อส่งน้ำให้แก่เกษตรกร และในวันที่ 14 พ.ค. 2539 ทรงเกี่ยวข้าวในนาข้าวด้วยพระองค์เอง

จากนั้น เข้าสู่การแสดงชุด 16 ปีแห่งความหลัง ณ ทุ่งมะขามหย่อง โดย อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี บรรเลงขลุ่ยเพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุด แล้วเข้าสู่การแสดงชุดหลั่งเลือดทาบทา ปกปักษ์รักษาแผ่นดิน พร้อมด้วยการฉายวีดีโอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของทุ่งมะขามหย่องที่พระมหาจักพรรดิต่อสู่กับกองทัพพม่า เพื่อไม่ให้เข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ รวมทั้งวีดีโอเรื่องราวของสมเด็จพระสุริโยทัย ถ่ายทอดความเสียสละของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่างฉายวีดีโอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระสุริโยทัย รอบข้างเวทีได้นำเสนอภาพช้างบำรุงงา โดยควาญช้างผู้มากด้วยประสบการณ์ (การฝึกช้างยุทธหัตถี ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งการฝึกช้างให้รู้จักประสานงา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพระราชสงคราม สมเด็จพระสุริโยทัย ในทุ่งมะขามหย่อง สมัยกรุงศรีอยุธยา) ที่นำแสดงโดยช้าง 6 เชือก จากวังช้างอยุธยาแลเพนียด ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่แต่งกายสวยงามตามโบราณประเพณี ด้วยผ้าหลากสีสันสดใสทั้งสีทอง แดง และเหลือง ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความเป็นนักสู้ สีทอง คือ สีแห่งความรุ่งเรือง มองแล้วสว่างไสวขับกับสีผิวของช้าง ต่อด้วยการแสดงชุดสายน้ำหลั่งไหล น้ำตาหลั่งริน ชีวีสูญสิ้น โดยมี อ.ธนิสร์ บรรเลงเสียงขลุ่ย ประกอบขับบทกลอนจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่สื่อความหมายถึงความทุกข์ยากของประชาชนที่เกิดจากการประสบอุทกภัยในหลายครั้งหลายครา จากนั้นเป็นชุดการแสดงน้ำพระทัยขับไล่น้ำตา เป็นวีดีโอประมวลภาพ ผวจ.พระนครศรีอยุธยาและชาวบ้านที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตามด้วยชุดการแสดง บทกวีเทิดพระเกียรติ เป็นการขับบทกวีจาก นางจิระนันท์ พิตรปรีชา ที่กล่าวสรรเสริญพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ

จากนั้นเป็นการแสดงรื่นเริงในรูปแบบตลาดน้ำ แสดงวิถีชีวิตชาวบ้าน ในชุดการแสดง “ระบำสายน้ำ ลำน้ำแห่งแผ่นดินทอง” โดยมีไฮไลท์จากเรือ 6 ลำ เป็นพ่อเห่ แม่เห่ ได้แก่ เรือท้องพระคลัง เรือกล้วยทอดนายก เรือฟ้าเปลี่ยนสี (ย้อมผ้า) เรือตู้ทองเคลื่อนที่ (ขายทองหยิบ-ทองหยอด) เรือก๋วยเตี๋ยวเรือกรุงเก่า และเรือย้อนยุคกรุงเก่า รวมถึงมีเรือของชาวบ้านมาสมทบอีกกว่า 100 ลำ เพื่อจำลองบรรยากาศบึงน้ำที่ชาวอยุธยาใช้ประกอบสัมมาอาชีพ ย้อนภาพตลาดน้ำในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จแล้วทอดพระเนตรเห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านมีความสุขจากพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับจากพระองค์ ต่อด้วยการแสดงขับร้องบทเพลงเทิดพระเกียรติจากนักร้องชื่อดัง แอ๊ด คาราบาว ทำการขับร้องในบทเพลง “ปิดทองหลังพระ” ก่อนปิดท้ายการแสดงด้วยเพลงสดุดีมหาราชา เพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงทรงพระเจริญ โดยการแสดงทั้งหมดเป็นประชาชนของ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งหมด 662 คน เรือพื้นบ้าน 240 ลำ เรือเหล่านี้เป็นเรือที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระตำหนักสิริยาลัย ในฝั่งเกาะเมืองพระนครศรี อยุธยาติดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม เพื่อเสวยพระกระยาหารค่ำ ตามพระราชอัธยาศัย โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จัดทำกระทงสาย จำนวน 2,500 กระทง เพื่อลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะไหลผ่านหน้าพระตำหนักสิริยาลัย เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ได้ทอดพระเนตร จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ รพ.ศิริราช

ทั้งนี้ระหว่างทุกพระองค์เสด็จขึ้นประทับยังรถยนต์พระที่นั่ง ทันใดนั้นได้เกิดมีฝนตกโปรยปรายลงมาทันที สร้างความอัศจรรย์ใจให้เหล่าพสกนิกร จนต่างรู้สึกปีติและหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น