http://www.becomz.com 400 บาท รับซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ ค่าแรง+ค่ารถ+ลงwinodws+โปรแกรมดูหนังฟังเพลง+office+antivirus Tel. 083-792-5426 ปล.เฉพาะเขตพื้นที่ให้บริกร รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคไชย4
วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่1ก.ค.นี้
ย่านสีลมมีราคาแพงที่สุดตารางวาละ 850,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดแพงสุดอยู่หาดใหญ่ตารางวาละ 400,000 บาท ต่ำสุดตารางวาละ 10 บาท ในอ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่ากรมธนารักษ์ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศ โดยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด ดำเนินการประกาศบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน และบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง รอบบัญชีปี พ.ศ. 2555-2558 ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.55 เป็นต้นไป
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ได้เลื่อนบังคับใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ 6 เดือน จากเดิมที่จะต้องเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 ที่ผ่านมา เพราะปลายปีที่แล้วเกิดปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพฯ จึงเกรงว่า ราคาที่ดินที่ถูกน้ำท่วมอาจจะปรับเปลี่ยนไป คณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์จึงได้มีมติให้ขยายเวลาการใช้บัญชีดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน เพื่อประเมินราคาใหม่ โดยราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ประกาศใช้นี้ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 21.34% ที่ดินในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.13% ส่วนที่ดินต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21.40%
ทั้งนี้ ราคาประเมินที่ดินสูงสุดของประเทศ ยังเป็นถนนสีลมตารางวาละ 850,000 บาท เพิ่มขึ้นจาก 650,000 บาท รองลงมาเป็นถนนราชดำริ ตารางวาละ 800,000 บาท เพิ่มจาก 350,000-430,000 ขณะที่ต่างจังหวัดราคาที่ดินแพงที่สุด อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตารางวาละ 400,000 บาท ส่วนราคาที่ดินต่ำสุดตารางวาละ 10 บาท อยู่ที่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และจ.เชียงใหม่ ในอ.ดอยหล่อ และอ.แม่แจ่ม
ตร.ทางหลวงจับเด็กแว้นได้เพียบ
ตร.ทางหลวงสนธิร่วมกับเจ้าหน้าที่หมวดการทาง จับเด็กแว้นที่ยึดถนนกาญจนาภิเษกเป็นสนามประลองความเร็วได้เพียบ
เมื่อเวลา 05.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.) ร.ต.ต.ประหยัด ท่อคนดี รอง สวป.สทล.2 กก.8 บก.ทล. นำกำลังตำรวจทางหลวงสนธิร่วมกับเจ้าหน้าที่หมวดการทางภาษีเจริญ รวม 20 นาย วางแผนสกัดจับกุมกลุ่มรถ จยย.แต่งซิ่ง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 17+400 หน้าหมู่บ้านสินทรัพย์นครการ์เด้น ถนนกาญจนาภิเษก (มุ่งหน้าพระราม 2) แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค หลังรับแจ้งจากประชาชนว่ายังมีแก๊งเด็กแว้นออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนบริเวณดังกล่าวจำนวนมาก
จากผลการปฏิบัติตามแผนด้วยการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดปิดหัว และท้ายถนน สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งผู้ขับขี่ และซ้อนท้ายได้ทั้งสิ้น 31 คน เป็นชาย 30 คน และหญิง 1 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีมากถึง 15 คน ตรวจยึดรถ จยย.แต่งซิ่งได้อีก 23 คัน จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมรถ จยย.ของกลางทั้งหมดไปสอบสวน ณ ที่ทำการ สทล.2 กก.8 บก.ทล.
ร.ต.ต.ประหยัด เปิดเผยว่า วันนี้ซึ่งเป็นคืนวันเสาร์ต่อเนื่องเช้าวันอาทิตย์จะมีการรวมตัวของกลุ่มแก๊งซิ่งกวนเมืองค่อนข้างมาก เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการวางแผนกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมครั้งนี้จะถูกถ่ายภาพทำประวัติ และเปรียบเทียบปรับสถานหนักในอัตราโทษสูงสุดของข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจร ที่ได้กระทำผิด อาทิเช่น ดัดแปลงสภาพรถ และอุปกรณ์ส่วนควบ ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนก็จะเรียกผู้ปกครองมาตักเตือนด้วย หากมีการระดมจับรถแข่งอีกครั้งแล้วยังพบการกระทำผิดอีกก็จะดำเนินการส่งฟ้องศาล ซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป.
ซิ่งคัมรีชนแหลกปีนฟุตปาธพุ่งชนบ้านวินาศสันตะโร
พนง.บริษัทเอกชน ขับคัมรี่ปีนขึ้นฟุตปาธ สอยกระถางต้นไม้ ตู้ดทรศัพท์ ล้มระเนระนาด ก่อนทะลุเข้าไปในร้านขายก๋วยเต๊๋ยว เสียหายยับ เจ้าตัวอ้าง โดน จยย.ปาดหน้า ต้องหักพวงมาลัยกะทันหันจนเสียหลักพุ่งชน
วันที่ 1 ก.ค. ร.ต.ท.สุชิน พงษ์คำพันธ์ พงส.(สบ1) สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถพุ่งชนเข้าไปในบ้านเลขที่ 2814 ถนนพระราม4 แขวงและเขตคลองเตย ได้รับความเสียหาย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น 3 คูหา เปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งไม่มีชื่อ อยู่บริเวณทางโค้งเยื้องกับศูนย์จำหน่ายและซ่อมรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู สาขาพระราม 4 เพียงเล็กน้อย
บริเวณหน้าบ้านดังกล่าวพบรถยนต์ โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ศฉ 5037 กทม.พุ่งขึ้นมาบนฟุตปาธ เฉี่ยวกระถางต้นไม้หน้าบ้านและตู้โทรศัพท์ของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ก่อนพุ่งชนประตูเหล็กหน้าบ้าน จนทำให้เสาปูนหักพัง ส่วนสภาพรถด้านหน้าพังยับอัดติดอยู่กับเสาประตู กันชนหน้ารถหลุด โดยผู้ขับรถคือ นายสมหวัง ลีลาวราลักษณ์ อายุ 28 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 35/6 หมู่5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าของรถยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบสวน นายสมหวัง ให้การว่า ตนเพิ่งออกมาจาก รพ.เทพธารินทร์ ซึ่งใกล้กับจุดที่ชน เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน พอมาถึงที่เกิดเหตุเป็นถนนสามเลน มีทางโค้งเลี้ยวซ้าย ตนขับอยู่ที่เลนกลาง จากนั้น จู่ๆก็มี รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน ที่ขี่ตีคู่รถตนมาจากเลนขวา จากนั้นรถคันดังกล่าวก็หักรถเลี้ยวซ้ายปาดหน้ารถตนอย่างกะทันหัน ด้วยความตกใจ ตนจึงหักพวงมาลัยไปทางซ้ายทันที ทำให้รถเสียหลักพุ่งขึ้นพุ่งชนบ้านดังกล่าว แต่ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ทางด้าน นางเซาะจู จันทรสี่ทิศ อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ให้การว่า ที่บ้านเปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อและอาหารตามสั่งไม่มีชื่อ ก่อนเกิดเหตุตนและลูกๆ นอนอยู่ที่ชั้นบนได้ยินเสียงดังปั้งบริเวณหน้าบ้านจึงพากันลงมาดู ก็พบรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งเข้ามาชนประตูบ้านและเสาประตูจนแตก ซึ่งบริเวณนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำเนื่องจากเป็นทางโค้ง ตนจึงเอากระถางต้นไม้มาตั้งไว้ที่ฟุตปาธเพื่อป้องกันรถแหกโค้งเข้ามาชนคนในบ้าน ซึ่งหากไม่เอากระถางต้นไม้มาวางไว้รถคันนี้ก็น่าจะพุ่งเข้าไปในร้านชนข้าวของได้รับความเสียหายมากกว่านี้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย
โจรงัดแงะหมดท่าเจ้าของบ้านเห็น-เผ่นหนีเข้าครัวไม่รอด
เผยเมียเจ้าของบ้านตื่นมาเห็นเข้าพอดี ตัดสินใจตะโกนเรียกผัว คนร้ายตกใจวิ่งหนีเข้าครัวเจอทางตัน ผู้เสียหายกดประตูล็อกขังเรียกตร.รวบเข้าซังเต
วันนี้(1 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งจาก นายบุญเรือง อาจละออ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/6 ม. 11 ต. บ้านอิฐ อ. เมือง จ. อ่างทอง ได้ควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ ให้มาพาตัวไปดำเนินคดี รุดไปตรวจสอบพบ
ที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านชุมชนไลอ้อน อยู่ที่ ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง พบ นายบุญเรือง เจ้าของบ้าน ยืนรอให้การกับตำรวจว่า ได้ขังคนร้ายที่เข้ามาขโมยของในบ้านเอาไว้ในห้องครัว อยากให้เข้าไปจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบในห้องครัว พบนายวีรยุทธ ใจใหญ่ อายุ 21 ปี นั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถายในตัวพบ ไขควงแฉก ครีมตัดสายไฟ เงินสด 1,400 บาท
สอบถาม นางนิภาพร หวลใจ อายุ 48 ปี ภรรยานายบุญเรือง เล่าว่า บ้านตน ดัดแปลงร้านเป็นร้านขายของ ก่อนเกิดเหตุได้ ตนเพิ่งจะตื่นนอนมา เนื่องจากต้องไปตลาดเพื่อไปซื้อของมาเตรียมขาย แต่ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นรองเท้าหน้าแปลกๆวางอยุ่หน้าบ้าน จึงพยายามลองแอบดู ก็พบเงาคนร้ายย่องเดินเข้ามาภายในบ้าน จึงตัดสินใจตะโกนเรียกนายบุญเรือง จนคนร้ายตกใจรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องครัวซึ่งเป็นห้องตัน ทำให้รีบปิดประตูและกดล็อกห้องทันที ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่มารับตัว
วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555
2 โจรอ้วนผอมสวมรอยตำรวจชิงทรัพย์พ่อค้า
2 โจรอ้วน-ผอมสวมรอยตำรวจ จี้ชิงทองหนัก 8 บาท เงินสด 1 หมื่นบาท พ่อค้าปลาย่าง ก่อนใช้ด้ามปืนกระหน่ำตีเหยื่อจนบาดเจ็บสาหัส ตำรวจเชื่อคนร้ายเป็นผีพนันบอลถังแตก ออกอาละวาดจี้ชิงทรัพย์หาเงินปลดหนี้
เมื่อเวลา 00.10 น.วันนี้ ( 28 มิ.ย.) ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี ร้อยเวร สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุ 2 คนร้ายแอบอ้างเป็นตำรวจ ใช้อาวุธปืนและมีดจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณลานจอดรถหลังตลาดนัดสหชัย หมู่5 ต.สัตหีบ จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายคือนายบุญนำ แก้วอินต๊ะ อายุ 54 ปี พ่อค้าขายปลาย่าง ถูกคนร้ายตีด้วยด้ามปืนที่ศีรษะเป็นแผล ฉกรรจ์ นั่งรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยท่าทีตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จึงทำการปฐมพยาบาล และนำตัวส่งรพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือต่อไป ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีดปลายแหลมที่คนร้ายทำตกไว้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนเบื้องต้นผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มาขายปลาย่างอยู่ในตลาดนัดเปิดท้าย จนตลาดเลิกจึงเก็บของรวบรวมไว้บริเวณร้าน และได้เดินมาเอารถยนต์กระบะ วีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน บว – 7612 ระยอง ของตนบริเวณจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นคนร้ายเป็นชาย 2 คนรูปร่างผอมสูง และอ้วนเตี้ย อายุประมาณ 40 ปี ไว้ผม รองทรง สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ นุ่งกางเกงขายาว ลักษณะคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ ซ้อนรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีเลือดหมู เป็นยานพาหนะ ก่อนที่หนึ่งในคนร้ายรูปร่างอ้วนจะตรงเข้ามา ล็อกแขน ส่วนคนผอมสูงทำหน้าที่ปลดทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 4 บาท สร้อยข้อมือหนัก 4 บาท และกระเป๋าเงินซึ่งมีเงินสด 10,000 บาท ระหว่างนั้นตนพยายามขัดขืนปัดป้องจึงถูกคนร้ายใช้ด้าปืนตีที่ศีรษะหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.ชนพัฒน์ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ทำให้ปริมาณคดีอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคนร้ายมักจะต้องการเงินไปใช้หนี้พนันนบอลจึง ออกอาละวาดก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวันเพื่อนำเงินไปปลดหนี้พนันบอล เช่นรายนี้ คนร้ายน่าจะจ้อง และติดตามดูพฤติกรรมมานานจนรู้ความเคลื่อนไหว จึงได้ไปดักรอจนสบโอกาสลงมือก่อเหตุ ล่าสุด ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวในการติดตามจับกุมคนร้าย พร้อมตรวจเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดทุกแห่ง ที่คาดว่าคนร้ายจะผ่าน เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แห่ฟัง "เพื่อไทย" แน่นวงเวียนใหญ่ "เหลิม" กร้าวเปิดสภาซักฟอก "ปชป."
แห่ฟัง "เพื่อไทย" แน่นวงเวียนใหญ่ "เหลิม" กร้าวเปิดสภาซักฟอก "ปชป."
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ ( 28 มิ.ย.) ที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ(รมช.เกษตร) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุธรรม แสงประทุม นายอดิศร เพียงเกษ รองประธานโซน กทม.ฝั่งธนบุรี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ นายขวัญชัย สาราคำ (ไพรพนา) ประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีประชาชนส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อแดงเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยแน่นลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ
ทั้งนี้ ก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะขึ้นเวทีปราศรัย ได้มีการเปิดคลิปเสียงของนายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างพูดสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหยุดวงจรการปฏิวัติรัฐประหารในอนาคต
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานโซนกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ขอให้เลือกคนของพรรคเพื่อไทยและในฐานะที่ตนทำงานกับตำรวจขอให้ไปช่วยชี้แจงและศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทยจะต้องเอาชนะให้ได้ และ เปิดประชุมสภาจะเกิดปรากฏการณ์ใหม่ รัฐบาลจะอภิปรายฝ่ายค้านทั้งเรื่องที่ กทม.ต่อสัญญารถไฟฟ้าให้กับบีทีเอสทั้งที่เหลืออายุสัญญา 17 ปีเพิ่มอีก 13 ปีรวมเป็น 30 ปี และกรณีการโอนเงินเดือนละ 57ล้านบาทเข้าบัญชีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนักการเมืองรายหนึ่ง รวม 520 ล้านบาท กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอกำลังสอบอีกไม่นานเกินรอจะรู้ว่าเงินนี้มีที่มาอย่างไร ได้มาอย่างถูกต้องหรือรีดไถใครมา
รมว.กลาโหมสั่งเช็กบิล มือดีส่งข้อมูลนาซาให้ฝ่ายค้าน
รมว.กลาโหม สั่งเช็กบิลมือดีปล่อยข้อมูลลับ สมช. กรณีค้าน นาซา ใช้อู่ตะเภา หลุดไปถึงมือฝ่ายค้าน พร้อมระบุไม่จำเป็นถกในสภาเพราะโครงการยกเลิกแล้ว
วันนี้ (29 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการต่อไป หลังจากที่ทางนาซาถอนตัวไม่ใช้สนามบินอู่ตะเภาในการตั้งฐานปฏิบัติการสำรวจเมฆแล้วว่า ก็คงต้องดูว่าปีหน้าเขาจะติดต่อมาอีกหรือไม่ ถ้าเขาสนใจก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ในปีหน้าถ้าเขาสนใจอยู่ แต่ปีนี้ผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน ถ้าจะขอมาอีกก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เขาต้องรู้ว่าสถานภาพประเทศไทยต้องขอล่วงหน้า เพื่อดำเนินตามกรรมวิธีของรัฐบาล เมื่อถามว่าขั้นตอนในสภายังจำเป็นหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเรื่องนี้ถอนออกไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอภิปราย หากขอมาอีกครั้งหนึ่งก็ต้องเอาเข้าสภา คงไม่มีการพิจารณาล่วงหน้า ถ้าเขาไม่ขอมันก็ไม่มีประโยชน์จะเป็นการพิจารณาเก้อ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมการทำรายละเอียดของทั้งของกองทัพและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงช้า รองนายกฯ กล่าวว่า ข้อมูล สมช.ที่เอามาพูดกันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ก่อนที่จะมีการประชุม ครม.สัญจรที่ชลบุรี ถือเป็นข้อมูลของหน่วยปฏิบัติ ไม่ใช่ข้อมูลของฝ่ายนโยบาย แต่เมื่อฟังข้อชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงเกษตรฯ แล้วก็ไม่เใช่ข้อมูลที่ต้องกังวล เรื่องที่บอกว่าข้อกังวล สมช.หรือกองทัพเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติหรือแก้ไข เป็นระดับเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ระดับนโยบาย แต่ฝ่ายค้านไปยกเอาความรู้สึกของฝ่ายปฏิบัติมาอ้างในเรื่องนโยบาย เมื่อฝ่ายปฏิบัติได้รับทราบเรื่องนโยบายในวันที่นายกฯเรียกประชุมที่โรงแรมรอยัลคลิฟ ที่พัทยาวันนั้นแล้วหน่วยปฏิบัติก็หมดปัญหา สามารถที่จะปรับในเรื่องของการปฏิบัติได้ ตนไม่รู้ว่าใครส่งข้อมูลภายใน สมช.ไปให้อีกฝ่าย จึงต้องตรวจสอบภายใน
ฃเมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนต่อไปหรือไม่การที่จะไปตกลงกับใครต้องรีบนำกลับมาพิจารณากันให้ชัดเจนก่อน พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอน ซึ่งครั้งนี้สหรัฐฯได้มาติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเร็วๆมานี้ กระทรวงก็รีบร้อนนำเข้าครม.แต่เวลามันไม่พอ ปีต่อไปหากยังมุ่งหมายก็ต้องให้เวลา ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ท้าขึ้นเวทีถกด้วยนั้น ตนไม่ทราบเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้ง 2 คน.
"บิ๊กตู่"แก้เผ็ดอาชีวะเกเรเป็นทหารไม่ต้องจับสลาก
“ประยุทธ์” แก้เผ็ด “เด็กอาชีวะ”จับเข้าค่ายละลายพฤติกรรม พร้อมขึ้นบัญชีรับเป็นทหารเกณฑ์โดยอัตโนมัติไม่ต้องจับฉลาก
วันนี้ (29 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของโครงการสุภาพบุรุษอาชีวะว่า ขณะนี้ได้ประชุมหารือแล้วและมีข้อสรุปว่าจะใช้หลักสูตรคล้าย ๆ กับการเกณฑ์ทหารกองประจำการในการละลายพฤติกรรม โดยเน้นสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมในสังคม การทำประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งให้เห็นคุณค่าของชีวิตในแต่ละฝ่ายและกลับมาดูครอบครัว เพื่อให้เห็นอกเห็นใจพ่อแม่ที่ส่งให้ไปเรียนหนังสือแล้วไม่เรียน ทำตัวเกเร รวมทั้งสร้างสำนึกในบุญคุณของครูอาจารย์ เชื่อฟัง เคารพ ทำให้สิ่งเหล่านี้ที่มันเคยอยู่ในสังคมไทยในอดีตกลับมา
“วันนี้มันอยู่หรือหายไปผมไม่รู้ ผมคาดหวังว่าจะดีขึ้นและอยากให้เป็นโครงการระยะสั้น เพราะถ้าเป็นโครงการระยะยาวแปลว่ามีคนแบบนี้เยอะ ให้มันสั้น ๆ ทำครั้งสองครั้งจบแล้ว แสดงว่าคนเข้าใจแล้วไม่มีอีก วันนี้ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกัน รุ่นพี่บอกไว้ว่าอันตราย ไปโรงเรียนต้องพกมีดไว้ เพราะกลัวว่าจะโดนทำร้ายระหว่างทาง ดังนั้นต้องกลับมาสู่สังคมไทยที่พูดกันเข้าใจง่าย ไม่รู้จักแล้วมาฆ่าฟันกัน มันไม่ใช่เรื่อง พวกนี้ต้องขึ้นบัญชีไว้เอาไปเตรียมเป็นทหารถึงเวลาเกณฑ์ทหารพวกนี้รับหมดไม่ต้องจับฉลาก ดูสิว่าจะเก่งอย่างที่ทำไว้หรือไม่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผจก.ทีมอัซซูรี่ยอมรับสเปนยังเต็งแชมป์บอลยูโร
"ปรันเดลลี" ผู้จัดการทีมอัซซูรี่ ยอมรับทีม "กระทิงดุ" ยังเต็งแชมป์ "ยูโร 2012" ขณะที่ "บาโลเตลลี" ปลื้มไม่เลิกหลังเหมายิง 2 ตุง ถือเป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิต
เชซาเร ปรันเดลลี ผู้จัดการทีมชาติอิตาลี ยืนยันว่า ทีมชาติสเปน ยังคงเป็นทีมเต็ง และมีโอกาสคว้าแชมป์ "ยูโร 2012" มากกว่า อิตาลี ถึงแม้ทีม "อัซซูรี" เพิ่งโชว์ฟอร์มสุดยอด และเฉือนเอาชนะ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี อีกหนึ่งทีมเต็งของการแข่งขัน 2-1 พร้อมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ สเปน ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ ก็ตาม
อิตาลี ได้ทั้ง 2 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรกจาก มาริโอ บาโลเตลลี กองหน้าจอมกวน ในเกมรอบรองชนะเลิศ ที่เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และถึงแม้ เมซุต โอซิล จะยิงจุดโทษตีตื้นให้ เยอรมนี ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ก็ไล่ไม่ทัน ทำให้ อิตาลี เฉือนชนะ เยอรมนี 2-1 และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ทีมชาติสเปน ที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเคียฟ ประเทศอิตาลี ในวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค. ที่จะถึงนี้
สำหรับ อิตาลี กับ สเปน เคยพบกันมาแล้ว ในเกมรอบแรก นัดแรก กลุ่ม C ซึ่งทั้งคู่เสมอกัน 1-1 โดยที่ทีมอัซซูรีเป็นฝ่ายยิงนำไปก่อนด้วย และ อิตาลี ก็เป็นเพียงทีมเดียว ที่ยิงประตูทีมกระทิงดุได้ในขณะนี้ เพราะทีมแชมป์เก่าเพิ่งเสียประตูไปแค่ลูกเดียว นอกจากนั้นทีมเมืองมะกะโรนียังเพิ่งเอาชนะทีมกระทิงดุ ในเกมกระชับมิตร เมื่อปีที่แล้วด้วย ทำให้ผู้สันทัดกรณีมองว่า อิตาลี มีโอกาสดีที่จะเอาชนะ สเปน และคว้าแชมป์มาครอง
อย่างไรก็ตาม เชซาเร ปรันเดลลี กุนซือทีมชาติอิตาลี ออกมายืนยันหลังเกมว่า "สเปนยังคงมีโอกาสมากกว่า อิตาลี เพราะพวกเขาทำงานร่วมกันมานานหลายปี และครองบอลได้เหนือกว่าคู่ต่อสู้ในทุกเกม ดังนั้นการพบกับทีมระดับสุดยอด ซึ่งสามารถเล่นในเกมของตัวเองได้เสมอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้พวกเขายังคงเป็นทีมเต็งเหนือกว่าเรา"
ด้าน มาริโอ บาโลเตลลี หัวหอกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี ผู้ยิง 2 ประตูในเกมนี้ และช่วยให้ อิตาลี ยังคงไม่เคยแพ้ต่อ เยอรมนี ในการพบกันในรายการใหญ่ 8 ครั้ง ยอมรับว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของตนเอง และขอมอบทั้ง 2 ประตูให้คุณแม่ ที่เข้ามาชมเกมนัดนี้ด้วย
ซูเปอร์มาริโอ กล่าวว่า "มันเป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผมก็ว่าได้ แม่ของผมอยู่ในสนามด้วย และพ่อของผมก็ชมเกมผ่านทีวี ผมยิง 2 ประตูต่อหน้าแม่ของผม และผมอยากจะยิง 2ประตูต่อหน้าพ่อของผมในรอบชิงชนะเลิศ ที่เคียฟ"
วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555
''เจสัน มราซ'' ปลื้มสยาม เมืองยิ้ม หยอดหวาน ที่นี่เหมือนบ้านตัวเอง
จะมีศิลปินสักกี่คน ที่จะทำให้แฟนเพลงทั่วโลกหลงรัก ทั้งทำนอง ความหมายของเนื้อเพลง ตลอดจนแนวคิดและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แต่ที่พูดมาข้างต้นนั้น คือความเป็นตัวตนของ เจสัน มราซ นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน ที่สามารถทำให้คนที่ฟังงานของเขารู้สึกเช่นนั้นได้จริง ๆ แม้ว่าเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ชาวไทยจะพลาดชมคอนเสิร์ตเพราะเหตุน้ำท่วม แต่ในที่สุดหนุ่มคนนี้ก็บินกลับมาเปิดคอนเสิร์ตไปเรียบร้อย โดยการเยือนเมืองไทยครั้งนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ก็ไม่พลาดที่จะเข้าสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เจสัน มราซ มาฝากแฟน ๆ กันด้วย...
ความแตกต่างระหว่างการเดินทางทัวร์คอนเสิร์ต กับการกลับบ้านของคุณแตกต่างกันยังไง?
“ที่บ้านเกิดของผมที่เวอร์จิเนีย หรือที่อยู่ปัจจุบันตอนนี้ที่ซานดิเอโก ในทุก ๆ ที่กลายเป็นเหมือนที่ ๆ คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเสียงสนทนา เสียงนกร้องและต้นไม้ใบหญ้าเหมือนมันจะหายไปในบางครั้ง จนผมลืมนึกถึงความสวยงามของสิ่งที่ผมเจอทุกวัน ดังนั้นเวลาที่ผมเดินทางไปที่ใหม่ ๆ ผมจึงมองความสวยงามของสถานที่ใหม่ ๆ ที่ผมเจอ และจะบอกตัวเองเสมอว่าบ้านคือที่ ๆ เราอยู่ ณ ตอนนั้น อย่างเช่นขณะนี้เราอยู่เมืองไทย เมืองไทยก็คือบ้านของผม”
แล้วการเดินทางมาทัวร์ที่เอเชียเป็นอย่างไรบ้าง?
“ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งเวลามาที่เอเชีย ผมมาถึงผมอ่านป้ายหรือตัวหนังสือไม่ออก ไม่เหมือนเวลาที่ผมอยู่นิวยอร์กผมเห็นป้ายโฆษณา สัญลักษณ์ ตามท้องถนนก็เข้าใจความหมาย ผมเลยมองว่าสิ่งที่เจอเวลามาเอเชีย มันคือศิลปะที่ทำให้จิตใจผมสงบได้ เป็นความรู้สึกใหม่ ๆ ที่มาจากสิ่งเหล่านี้ที่ผมจะได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ”
ถ้าพูดถึงเมืองไทย คุณรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง หรือรู้เปล่าไทยถูกเรียกว่า “สยามเมืองยิ้ม”?
“ผมไม่เคยคาดหวังว่าที่ไหนจะต้องเป็นยังไง เพราะกลัวว่าวันนึงไม่เป็นอย่างที่คิด เลยเลือกที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยถูกเรียกว่า สยามเมืองยิ้มมาก่อน ซึ่งผมสังเกตได้จากที่นี่และรู้แล้วว่าเป็นเมืองแห่งรอยยิ้มมันน่าทึ่งมากจริง ๆประเทศอื่น ๆ ไม่มีความงดงามแบบนี้ ทั้งการโค้งทำเคารพ ภาษาที่แสดงความเคารพต่อผู้ชายและผู้หญิงเป็นสิ่งงดงาม วัฒนธรรมเช่นนี้ไม่มีที่สหรัฐอเมริกา แต่ที่นี่มันเป็นความสง่างาม ผมไม่สามารถจะคิดคำพูดอะไรมาบอกได้ มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่คุณควรจะภูมิใจ”
จะพูดได้ไหมว่าเพลงของคุณมีเนื้อหาส่วนมาก พูดถึงความรักและความสัมพันธ์?
“จริง ๆ แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาผมทำอัลบั้มนี้ผมเรียนรู้ในชีวิตหรือประสบการณ์เห็นเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ที่ธรรมดา ๆ ผ่านเข้ามาตลอดชีวิต แต่ผมก็ยังไม่ใช่ผู้รู้เกี่ยวกับความรัก ผมยังไม่มีครอบครัวหรือมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน แต่ผมก็พยายามที่จะเรียนรู้และปรับปรุงมันให้ดีขึ้น กับอัลบั้มนี้ผมเริ่มจากการเห็นอาร์ตเวิร์กของอักษรสี่ตัว (l-o-v-e) บนปกอัลบั้ม ซึ่งเป็นการรวมรูปทรงเรขาคณิตได้อย่างลงตัว คำว่า “รัก” ที่ผมเห็นก็คิดว่า ว้าว! ผมประทับใจคำนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ผมจะทำอัลบั้มนี้ที่มีเรื่องของความรักเป็นหลัก อีกอย่างคือ เมื่ออัลบั้มนี้ขายดีโปสเตอร์ ปกหรือการประชาสัมพันธ์หรือแม้เวลาดาวน์โหลดเพลง ก็จะได้เห็นคำว่า เลิฟ นั้น ซึ่งถ้าหากคุณเลือกจะมองเห็นว่ายังมีความรักอยู่บนโลกใบนี้ในทุก ๆ ที่ เพลงในอัลบั้มนี้เป็นแค่เรื่องรอง ๆ ของการที่เดินทางเพื่อเข้าใจความรัก ซึ่งรักคือการแบ่งปัน ที่ผมมาให้สัมภาษณ์มาคุยกันครั้งนี้ก็คือการแบ่งปันสิ่งที่ผมรักที่จะทำ คุณเองก็รักในสิ่งที่คุณทำและแบ่งปันให้คนอ่านและคนอ่านก็อาจแบ่งปันสิ่งที่ต่อ ๆ กันไปครับ”
ต้องทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกอย่างนี้ มีวิธีแบ่งเวลาให้คนใกล้ตัวคุณอย่างไรบ้าง?
“ผมพยายามจัดการมันให้ดี ถึงแม้บางครั้งจะผิดเพี้ยนไปบ้าง แล้วก็ต้องมาคิดว่าทำไมผมทำแบบนี้เนี่ย แต่ยังไงผมจะพยายามทำให้ดี แบ่งเวลาเล่นโยคะ ออกกำลังกาย เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของผมต้องเดินทางอยู่บนเครื่องบิน ในรถตู้เลย ที่บางทีก็ทำให้เราเฉื่อยชา เลยต้องคอยกระตุ้นตัวเองเสมอ เหมือนอย่างที่บ๊อบ มาเลย์ บอกไว้ “ทำชีวิตให้สดใสร่าเริง” และหันกลับมาใช้ความคิด และเริ่มต้นเขียนเนื้อเพลง สำหรับผมกิจกรรมพวกนี้ช่วยให้ผมรักษาสมดุลได้ ในช่วงเวลาที่เหลือชีวิต ผมจะมีครอบครัวมั้ย ผมคิดว่าไม่ ครอบครัวของผมยอมรับในเส้นทางนี้ของผม ผมมีเพื่อนมากมายที่คอยสนับสนุนผมเสมอ ผมเลยไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์กับคนรอบตัวของผมหายไปไหนเลย”
คุณมีมูลนิธิของตัวเองด้วย ช่วยเล่าให้เราฟังถึงที่มาที่ไปหน่อยได้ไหม?
“เริ่มขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นผมไม่มีอะไรเลย แต่ครอบครัวของผมทำให้ผมมีชีวิตที่สวยงามจนเดินมาสู่เส้นทางการเป็นศิลปินอย่างที่ผมฝัน ผมจึงอยากใช้ความมีชื่อเสียงของผม ช่วยเหลือผู้คนหรือองค์กรต่าง ๆ
โดยตั้งมูลนิธิเจสัน มราซ ช่วยเหลือองค์กร 8 ด้าน ซึ่งจะครอบคลุมถึงองค์กรพิทักษ์สัตว์จนถึงสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมของมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน มนุษยชน สามารถจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ jasonmraz.com/foundation ครับ”
จบการสนทนาในเวลาอันรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะหนุ่มคนนี้พูดคุยอย่างเป็นกันเองมาก ๆ แถมได้สัมผัสจิตวิญญาณความเป็นศิลปินของ มราซ เข้าไปเต็มเปา แล้วอย่างงี้จะไม่ให้แฟน ๆ หลงรักหนุ่มเซอร์อารมณ์โรแมนติกคนนี้ได้อย่างไร
สงขลายึดยาไอซ์7กก.ค่า21ล้านบาท
บุกค้นบ้านเอเย่นต์สาวค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.สงขลา ยึดยาไอซ์ 7 กิโลกรัม มูลค่า 21 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาไหวตัวทันหลบหนีไปได้ ตรวจสอบเป็นน้องสาวเอเย่นต์ยาบ้ารายใหญ่ที่เคยยิงสู้ตำรวจ แต่ถูกจับกุมได้เมื่อ 2 ปีก่อน
เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้(22มิ.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองสงขลา และ ชุดเฉพาะกิจผู้ว่าราชการ จ.สงขลา นำโดย พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข รอง ผบช.ภ.9 และ พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา นำหมายค้นของศาล จ.สงขลา เข้าตรวจค้นทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 95/2 หมู่ 1 ซอยถาวร ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา หลังสืบสวนทราบว่า ถูกใช้เป็นสถานที่พักและลักลอบจำหน่ายยาเสพติดของเอเย่นต์รายใหญ่ในพื้นที่ จ.สงขลา
ตรวจสอบพบว่า บ้านหลังดังกล่าวมี น.ส.วิภาพร สินทับ อายุ 28 ปี ชาว จ.สงขลา เป็นผู้เช่า และเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ จากการตรวจค้นภายในบ้านพบยาไอซ์น้ำหนักรวม 7 กิโลกรัม มูลค่า 21 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์สำหรับแบ่งขายยาไอซ์ ทั้งเครื่องชั่งหลอดพลาสติกอีกจำนวนมาก รวมทั้งอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ครบชุด แต่ น.ส.วิภาพร ไหวตัวทัน สามารถหลบหนีไปได้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้นไม่นาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดยาไอซ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นล๊อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ในพื้นที่ จ.สงขลา ไว้เป็นของกลาง และส่งชุดสืบสวนติดตามไล่ล่า น.ส.วิภาพร เอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายนี้ ซึ่งเชื่อว่า น่าจะยังคงกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.สงขลา
สำหรับ น.ส.วิภาพร เป็นน้องสาวของ นายธนากร สินทับ หนึ่งในเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.สงขลา ซึ่งถูกตำรวจจับกุมไปเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว หลังยิงต่อสู้กับตำรวจขณะเข้าจับกุม และขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ จ.สงขลา และ น.ส.วิภาพร ได้หันมาตั้งตัวเป็นเอเย่นต์แทนพี่ชาย โดยตำรวจจะทำการขยายผลไปยังเครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ ทั้งในพื้นที่ จ.สงขลา และในเรือนจำ จ.สงขลา ต่อไป..
จับสองผัวเมียเดินสายลักทรัพย์ทั่วโคราช
จับผัวเมียเดินสายลักทรัพย์ทั่วโคราช ขโมยเครื่องเสียงตามใบสั่ง ก่อเหตุทั่วทั้งจังหวัด แยกเก็บของที่ขโมยมาซุกไว้กว่า 10จุด ตามยึดของกลางกว่า 30รายการ
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ รอง ผบก.ภ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมนึก เจียมจังหรีด ผกก.สภ.โชคชัย พ.ต.ท.ธนภัทร เพชรอรุณ รอง ผกก.สภ.โชคชัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายทวีศักดิ์ พุฒิวงศ์ อายุ 32 ปี และ น.ส.สุวรรณา เพ็ชรอ่อน อายุ 20 ปี สามีภรรยา ผู้ต้องหาลักทรัพย์ โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่ห้องเช่าหลังปั้มน้ำมันบางจาก หมู่ 10 ต.โชคชัย จ.นครราชสีมา พร้อมของกลาง ทีวี คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ลำโพงพร้อมชุดเครื่องเสียง และอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมทั้งของใช้ตาง ๆ ทั้งหมด 33 รายการ คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย ได้รับแจ้งจาก นางปราณี พริกกระโทก ชาว อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ว่า ถูกคนร้ายขโมยทรัพย์สินจากบ้านพักไม่มีเลขที่ใน อ.โชคชัย ทรัพย์สินหายไปหลายรายการ เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุ ใช้รถเก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีเขียว ทะเบียน กต 4793 นครราชสีมา เป็นพาหนะในการก่อเหตุ จึงสืบสวนทราบว่า รถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่ ห้องเช่าหลังปั้มน้ำมันบางจาก หมู่ 10 ต.โชคชัย จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น พบของกลางหลายรายการที่ผู้เสียหายแจ้งความหายไว้ที่โรงพัก
จากการขยายผลผู้ต้องหาทราบว่า ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ อ.โชคชัย และอำเภอใกล้เคียงมาแล้วหลายครั้ง จึงติดตามตรวจยึดของกลางที่นำไปซุกซ่อนไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั้งในเขตพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา อ.ครบุรี และ อ.โชคชัย จำนวนทั้งหมด 11 จุด โดยสามารถยึดของกลางได้ทั้งหมดรวม 33 รายการ สอบสวน นายทวีศักดิ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับภรรยา ก่อเหตุเดินสายขโมยทรัพย์สินมานานกว่า 3 เดือน เพื่อหาเงินมาเสพยาบ้า และใช้จ่ายในครอบครัว โดยก่อเหตุมาแล้ว 6 ครั้ง จะขโมยทรัพย์สินทุกอย่างที่สามารถนำไปขายได้ แต่จะเลือกเป้าหมายที่เป็นเครื่องเสียงรถยนต์ หรือเครื่องเสียงรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถนำมาตกแต่งรถยนต์ได้ โดยในบางครั้งจะเลือกลงมือขโมยที่ร้านขายเครื่องเสียงรถยนต์ด้วย เนื่องจากมีความชอบส่วนตัว มีความรู้ด้านนี้ด้วย ประกอบกับหากชอบเป็นพิเศษก็จะนำมาตกแต่งรถยนต์ของตนเองด้วย และมีผู้ที่ชอบแต่งเครื่องเสียงรถมาสั่งล่วงหน้าด้วย จึงทำให้เมื่อได้มาแล้วจะขายได้ง่าย โดยล่าสุดไปก่อเหตุขโมยในบ้านของนางปราณี และถูกจับกุมได้..
วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555
หนุ่มวัย32ปีสร้างสถิติดูซีรีส์นานที่สุดในโลก
หนุ่มวัย 32 ปี ชนะแข่งขันดูซีรีส์นานที่สุดในโลก 50 ชั่วโมง ได้รางวัลรถนิสสัน มาร์ช ให้ภรรยาและลูก3คน
วันนี้ (17 มิ.ย.) ผลการแข่งขันดูซีรี่ส์ญี่ปุ่น-เกาหลี มาราธอน รายการ "เจเคเอ็น ซีรีส์ นอนสต๊อป" สร้างสถิตินานที่สุดในโลก 50 ชั่วโมง จัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กิจกรรมพิเศษของช่อง เจเคเอ็น (JKN) ทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ล ของบริษัท เอสทีจีเอ็มเอ็ม จำกัด (STGMM) ที่มีผู้ชมรายการช่อง เจเคเอ็น แห่สมัครเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 2,000 คน ผ่านการคัดเลือกจนเหลือ 200 คนสุดท้าย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันดูซีรีส์มาราธอนชิงรางวัลรถยนตร์นิสสัน มาร์ช ตกแต่งพิเศษคันเดียวในโลก มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ซึ่งมีดาราอารมณ์ดี จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ร่วมแข่งขันด้วย เริ่มเปิดการแข่งขันไปเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. สิ้นสุดการแข่งขันในเวลา 15.00 น. ของวันนี้
โดยวันแรก มีผู้แข่งขันตกรอบ 75 คน รวมทั้ง จิ๊ก-เนาวรัตน์ ที่ยกมือขอออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากติดภารกิจด่วน จากนั้นผู้แข่งขันทยอยตกรอบตลอดวัน เพราะทนง่วงนอนไม่ไหว กระทั่งหมดเวลาแข่งขัน เหลือผู้ชนะทั้งสิ้น 18 คน แต่เนื่องจากผู้ชนะต้องมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทางคณะกรรมการจึงเตรียมคำถามเกี่ยวกับซีรีส์ที่ได้ชม นำมาตอบคำถามคัดเลือกกันอีกรอบ จนเหลือผู้เข้ารอบ 3 คนเพือตอบคำถามที่ว่า "โรด นัมเบอร์ วัน-สงครามรัก ปรารถนามิอาจลืม ฉากวันที่นางเอกไปส่งพระเอกเพื่อไปเป็นทหารครั้งแรก นางเอกใส่กระโปรงสีอะไร?"
ในที่สุดผู้ชนะตกเป็นของ นายชิษณุพงศ์ ถิรวัฒน์ติวงศ์ อายุ 32 ปี พนักงานบริษัท เอสทีวี เจ้าของสถิติดูซีรี่ส์ญี่ปุ่น-เกาหลี นานที่สุดในโลก คนแรกของประเทศไทย คว้ารถยนตร์ นิสสัน มาร์ช ไปครองซึ่ง นายชิษณุพงศ์ เผยว่า ตนเป็นแฟนรายการช่องเจเคเอ็นติดตามชมมาตลอด เมื่อเห็นว่ามีแคมเปญดูซีรีส์นานที่สุดในโลก จึงสนใจและได้เดินทางมาร่วมแข่งขันเพราะอยากได้รถให้กับครอบครัวและต้องการเป็นผู้สร้างสถิติโลกในครั้งนี้ด้วย ปกติตนเป็นคนชอบดูซีีรีส์อยู่แล้ว เทคนิคส่วนตัวที่ทำให้ไม่หลับ ไม่ง่วงเลย คือนั่งหลังตรงตลอดเวลา ยอมรับว่ามีช่วงเผลอง่วงเกือบหลับเหมือนกันแต่การนั่งหลังตรงทำให้เรารู้สึกตัวได้เร็วและสามรถควบคุมตัวเองได้ รู้สึกดีใจที่ได้เป็นผู้ชนะและคว้ารถคันแรกให้กับครอบครัวได้ เพราะตั้งแต่ใจมาคว้าชัยชนะเพื่อภรรรยาและลูก 3 คนอยู่แล้ว.
อั้ม โต้ คุณแดง ชวนย้ายสังกัด
พอมีข่าวว่าอดีตบอสใหญ่วิกหมอชิต คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ จะไปจับมือกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง แกรมมี่ ก็เลยมีกระแสข่าวตามมาว่า มีการชักชวนลูกรักอย่าง ซุป’ตาร์สาว อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่กำลังจะหมดสัญญากับช่อง 7 ในปีหน้า ไปร่วมงานด้วย ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวอั้มในงาน “โฮมเฟรชมาร์ท มิ้ลด์ เฟสติวัล 2012” ที่ เดอะมอลล์ บางแค เจ้าตัวเลยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า
“ไม่มีการพูดคุยค่ะ เรื่องคุณแดงอั้มยังไม่ทราบจริง ๆ” ได้เจอคุณแดงบ่อยไหม? “ไม่บ่อยค่ะ นาน ๆ ทีเลยค่ะ ไม่ได้คุยเรื่องงานเลย” ถ้าในอนาคตคุณแดงเขาทำจริงมีสิทธิที่จะไปไหม? “ยังไม่ทราบจริง ๆ เลยค่ะ ว่าเขาจะทำอะไรค่ะ” เห็นนุ่นก็จะย้ายแล้ว? “ยังไม่ได้คุยกับนุ่นเลยค่ะ ยังพูดอะไรไม่ได้เลย อีกอย่างตอนนี้สัญญายังเหลืออีกตั้งปี ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ” อยากเป็นนักแสดงอิสระไหม? “ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีค่ะ” แล้วละครเรื่อง “อุบัติเหตุ” ถ่ายทำไปถึงไหนแล้ว? “บทยังไม่มาเลยค่ะ มาแค่ตอนเดียวเอง ตอนนี้ก็รอบทอยู่ ถ้าบทมาสัก 2-3 ตอน ก็น่าจะถ่ายได้แล้วค่ะ” มองเรื่องธุรกิจที่จะทำบ้างไหมช่วงนี้? “ตอนนี้ก็ขอทำงานก่อนอีกปีสองปีค่อยว่ากันค่ะ รอให้ถ่ายละครจนเบื่อก่อนค่ะ อยากจะโฟกัสเรื่องงานตอนนี้ให้ดีค่ะ แค่งานตอนนี้ก็คิวแน่นจะตายแล้วค่ะ”
กับหนุ่มที่คุยอยู่ เป็นยังไงบ้าง? “ก็ดีค่ะก็ดู ๆ ไปค่ะ ก็ดูอยู่คนเดียวค่ะ” ทำไมเรายังไม่เปิดว่าเป็นใครอะไรยังไง? “ไม่ได้ปิดนะ แต่ว่าเขาต้องทำงาน ไม่อยากให้ใครไปอะไรกับเขา เกรงใจความเป็นส่วนตัวของเขา พอเรามีใครคนคนนั้นก็จะถูกขุดคุ้ยเป็นนั่นเป็นนี่ เรื่องที่บ้านเขา บางทีมันก็เกินไป เราก็ไม่อยากให้เขาโดนอย่างที่เราโดน” แสดงว่ารักครั้งนี้ขอปิดไว้ก่อน? “ก็ไม่ได้ปิดนะ ไปโน่นไปนี่กันปกตินะ ก็มีคนเห็นกันเยอะแยะ” เขามีพูดถึงเรื่องข่าวบ้างไหมว่าอึดอัด? “เราจะไม่พยายามคุยกันเรื่องข่าว พยายามไม่คุยเรื่องที่เครียดค่ะ”.
"กรีน" เชื่อรักต่างวัยไม่ทำให้หัวใจมีช่องว่าง - ดาวต่างมุม
กระแสตอบรับดีจากบทบาทของ “บัวทอง” ในละครเรื่อง “ขุนเดช” ทางช่อง 7 สำหรับนักแสดงสาว กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล แม้จุดเริ่มต้นจะเดินมาในเส้นทางสายนักร้อง แต่ปัจจุบันตั้งแต่เข้ามาอยู่ในรั้วของช่อง 7 ก็ทำให้หลายคนเห็นพัฒนาการด้านการแสดงของเธอว่าเติบโตมากขึ้นไม่น้อย รวมทั้งเรื่องราวของความรักกับหวานใจรุ่นพี่ เคลลี่ ธนะพัฒน์ ที่แม้วัยจะห่างกันพอสมควรแต่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยอยากจะพาไปพูดคุยกับสาวกรีนถึงชีวิตในหลากหลายมุมให้ได้ใกล้ชิดตัวตนที่แท้จริงของเธอมากขึ้นกว่าเดิม
กระแสตอบรับจากเรื่องขุนเดชดีมาก?
“ก็ดีค่ะ กรีนว่าคงเป็นเพราะเนื้อเรื่องด้วย คนอยากรู้เพราะเคยมีเวอร์ชั่นก่อน ยิ่งนักแสดงค่อนข้างมีชื่อเสียง พี่วี-วีรภาพ, พี่เวียร์, พี่จั๊กจั่น คนก็ยิ่งอยากดูไปใหญ่แล้วกรีนก็ดีใจมากที่คนก็ให้การต้อนรับ ชื่นชมในการแสดงของเราด้วย บางคนอาจจะชอบ บางคนอาจไม่ชอบบ้างก็มีผสมผสานกันไป แต่เนื้อเรื่องมันดีอยู่แล้ว เป็นละครน้ำดีเรื่องหนึ่งของช่อง 7 เลย เหมือนเป็นการสนับสนุนนักแสดงเล่นบทที่ดีด้วย พอละครออนแอร์ปุ๊บคนก็ติดตามเยอะ คนได้เห็นพัฒนาการการแสดงของเรา ก็ดีใจมากเลยค่ะ แต่เรื่องต่อไป “หยกเลือดมังกร” คาแรกเตอร์เป็นสาวมั่นเปรี้ยวซ่า คุณหนูเอาแต่ใจ ก็แอบกลัวคนมองไม่ออกเราจะเปรี้ยวยังไง เราเห็นหน้าตัวเองยังตกใจในความเปรี้ยวเลยค่ะ (หัวเราะ)”
มุมมองการทำงานในฐานะนักแสดงของเราเป็นยังไงบ้าง?
“เล่นละครมาเป็นเรื่องที่ 5 แล้วค่ะ สิ่งแรกที่เราเรียนรู้ในการเป็นนักแสดงคือมีวินัยและต้องตรงต่อเวลา พร้อมทำการบ้าน เตรียมตัวท่องบทค่ะ เราถึงจะสามารถทำงานอย่างราบรื่นมีความสุข เราต้องพัฒนาตัวเราเรื่อย ๆ ทุกฉาก ทุกตอนค่ะ เราเองไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ เพราะมีช่วงหนึ่งที่เราหายไป จนเอเอฟให้เราลองจับทางแสดงดู ซึ่งกรีนชอบและสนุกก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”
จุดที่อยู่ตรงนี้มีความสุขดีกับงาน?
“มีความสุขดีค่ะ ถึงแม้เราจะมีความกดดันแต่ว่ามันก็เป็นช่วงสั้น ๆ พอเราเห็นผลงาน มีแฟนคลับและครอบครัวเราคอยให้กำลังใจเราก็โอเคแล้ว กระแสด้านที่ไม่ชอบเราก็มีนะ บางคนยังบอกเล่นไม่ค่อยดี หรือบางกระทู้ในเว็บไซต์ก็มาแนะนำว่าเรายังร้องไห้หรือตรงนั้นตรงนี้ไม่ดี กรีนอ่านนะคะ รับฟังหมดนะต้องขอบคุณทุกคอมเมนต์จริง ๆ”
ตัวตนที่แท้จริงของกรีนเป็นคนยังไง?
“ถ้าพูดถึงนิสัยแท้จริงเราก็ธรรมดาปกติค่ะ แต่พอแต่งหน้าโน่นนี่ก็อาจดูดีดูสวย แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย พอเราลบหน้ามาก็เป็นคนทั่วไปเดินข้างถนน ก่อนหน้านั้นกรีนก็เป็นแบบนั้น ปัจจุบันก็ต้องเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เป็นเด็กอายุ 22 ปีที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เรียนให้จบเพราะเรียนอยู่ปี 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำทีสิสปีนี้แล้ว จะได้จบเร็วขึ้น แต่ครอบครัวก็คอยให้กำลังใจเรา คอยเตือนเรื่องเรียนอยู่เสมอ”
คุณพ่อคุณแม่เน้นเรื่องไหน?
“คุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ได้อยู่ในวงการ ท่านมองว่าวงการมีอะไรซ่อนอยู่เยอะต้องคอยระวัง ไม่อ้างอิงบุคคลที่สาม ไปทำงานก็ต้องมีมารยาทกับทุกคน เพราะบางทีบางคนเข้ามามีชื่อเสียงปุ๊บจะเหลิง หลงตัวเอง แต่กรีนไม่นะ ถ้าเรารู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน เราจะรู้ว่าเราไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำตัวให้เด่นให้ดัง เป้าหมายการทำงานเราจริง ๆ เพื่ออะไรเราต้องรู้ กรีนทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว ถ้าพูดถึงครอบครัวทุกอย่างต้องดีและใสสะอาด เวลาที่คิดถึงครอบครัวก็จะคิดก่อนทำ ทำให้ดี อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเพราะถ้าเราสร้างปัญหาอีกกลายเป็นภาระให้เขาก็แย่ค่ะ”
เรื่องความรักกับพี่เคลลี่ คนก็ค่อนข้างจับตามอง?
“เข้าใจค่ะ ขึ้นอยู่กับความคิดคนนะก็รู้สึกเหมือนกัน แต่อยากให้เขาใช้เวลาพิสูจน์มากกว่าว่าเป็นยังไง คนเราต่างความคิด เขาจะมองต่างก็ไม่ผิด แต่อย่ามองเราไม่ดี เพราะการที่มองเราไม่ดีแปลว่าคุณพ่อคุณแม่สอนเราไม่ดีแน่ ๆ กรีนไม่อยากให้คนมองแบบนั้นเลยค่ะ”
ย้อนไปตั้งแต่แรกที่เจอกันกับพี่เคลลี่ให้ฟังได้มั้ย แล้วกรีนประทับใจพี่เขาตรงไหน?
“ก็เจอกันที่ทีวีธันเดอร์นี่แหละค่ะ ก็ได้คุยกันค่ะ แล้วก็เคยเจอที่งานกาชาดครั้งหนึ่งแล้วก็มาทำงานที่ช่อง 7 ด้วยเลยได้รู้จักกับพี่เขาจริง ๆ อย่างที่หลายคนบอกว่าอายุเราห่างกันเยอะ แต่ตอนนี้เราก็คุยกันมาจะปีหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาว่าจะเป็นยังไงในอนาคต แต่ถ้าพูดถึงนิสัยพี่เคลลี่เป็นคนดีจริง ๆ เป็นคนดีคนหนึ่งที่ทำงานตรงนี้ แล้วก็สอนกรีน เตือนกรีนให้ความรู้กับกรีนได้ทั้งเรื่องการแสดงและงานไม่ใช่แค่เรื่องความรักอย่างเดียวค่ะ”
เขามีสอนหรือบอกให้ระวังอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
“เขาให้ระวังเรื่องบทจูบเลยค่ะ พี่เขาจะบอกเลยว่าไม่ต้องเล่นจริงทุกครั้งก็ได้ ขอพี่ ๆ ไปเลยมันใช้มุมกล้องได้ เราก็ไม่รู้มาก่อนเขาให้เล่นเลิฟซีนก็เล่นเลยไม่กล้าขัด (หัวเราะ) พี่เขาก็บอกพูดได้มันเป็นสิทธิของเรา เรายังจะเล่นอีกหลาย ๆ เรื่อง เขาอยากให้เราดูแลตัวเองมากกว่าในฐานะผู้หญิง ปากเราก็ต้องเก็บไว้หน่อย (หัวเราะ)”
มีไปไหนมาไหน เจอกันบ่อยมั้ย คุณพ่อคุณแม่แนะนำเรื่องของความรักครั้งนี้ว่ายังไง?
“มีไปกินข้าว ดูหนังใช้ชีวิตปกติเลยไม่ได้ปิดบัง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาอยากให้เราเรียนให้จบก่อน คนเป็นแม่ ลูกคนหนึ่งมีความรักเขาก็หวง คอยเตือนให้เราดูดี ๆ คุณแม่จะชอบแซวเป็นผู้หญิงเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน กรีนก็จะบอกถึงเป็นส้วมหน้าบ้านจริง แต่เป็นส้วมที่ขัดสะอาดแล้วนะ”
เพราะคู่เราเปิดตั้งแต่แรกหรือเปล่าเลยทำให้สบายใจมากขึ้น?
“ใช่ค่ะ ก็ปรึกษากับพี่เขาว่าเราไม่จำเป็นต้องปิดเนอะ แต่จะให้เราพูดกันตรง ๆ ต่อหน้าสื่อก็ทำไม่ได้ เป็นความจริงของคนในวงการค่ะ ที่เขาต้องตอบคำถามว่าเราเป็นเพื่อนกันอยู่ เพราะต้องใช้เวลาในการศึกษาเหมือนกัน ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้พอคุยกันไปคุยกันมา มีรูปออกมาไปกินข้าวก็มองว่าคบกันเป็นแฟนกันแล้ว แต่อีก 2-3 วันกลายเป็นว่าไม่ได้คุยกันแล้ว พี่เขาเลยบอกว่าเราควรพูดน้อย ๆ ก่อน เราก็โอเคออกมาพูดตรง ๆไม่ได้ปิดบังอะไร อย่างโดนถามว่าทำไมไม่ใช้คำว่าแฟน พอเราตอบเขาก็ต้องถามต่อเรื่องแต่งงาน เรื่องอนาคตซึ่งเราก็ยังเด็กยังไม่ได้มองไกลถึงจุดนั้นเลย ก็เลยตอบไม่ได้ขนาดนั้นจริง ๆ”
1 ปีที่คุยกันมาเราเรียนรู้อะไรบ้าง?
“พี่เขาเสมอต้นเสมอปลายมากค่ะ ดูแลเอาใจใส่เรา ปกป้องเราทุกอย่าง บางทีเราให้สัมภาษณ์สื่อเยอะเกินไป มีช่วงหนึ่งนะ เขาก็จะบอกว่าเขาต้องออกมาพูดบ้าง ก็ช่วยเหลือเราตลอด เพราะมีช่วงหนึ่งที่คุยกันแรก ๆ คนเริ่มรู้ก็จะมาถามเราตลอด เลยกลายเป็นเราพูดเยอะ เหมือนเรานำเสนอ แต่จริง ๆ เราแค่รู้สึกว่าถามกันเยอะงั้นเราพูดให้หมดเลย (หัวเราะ) เราเด็กด้วยเลยพูดออกไป พอเจอกระแสต่อว่าเราพูดเยอะไปโน่นนี่ก็แอบนอยด์เหมือนกัน เราพูดแบบนี้พี่เขาจะเป็นยังไง ต้องคอยมาแก้ข่าวปกป้องเราอีกแล้ว ทำปัญหาอีกแล้ว พี่เขาเลยสอนและให้กำลังใจว่าบางครั้งอยู่ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างให้ทุกคนรู้ พูดให้มีใจความแค่นั้นพอ”
มีมุมสวีทบ้างมั้ย?
“ก็เหมือนพี่น้อง พ่อห่วงลูก (หัวเราะ) ก็เป็นห่วงกันค่ะ พี่เขาก็มีมุมน่ารัก ๆ ของเรา เขามีความซุ่มซ่ามโดยที่คนไม่เคยเห็นแต่น่ารัก คนเห็นเขาหน้านิ่งสมาร์ท แต่ตัวจริงเป็นคนน่ารักแล้วมีมุมเด็ก ๆ เยอะมาก เราก็จะขำเขาตลอด ตอนนี้ยังไม่อยากเรียกว่าเป็นแฟนเพราะปีนึงก็ยังไม่เยอะนะ ขอใช้เวลาดูก่อน ตอนนี้กรีนโฟกัสเรื่องเรียนและทำงานมากที่สุด แต่ก็ดีใจที่มีพี่เขามาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจของเรา”
อายุที่ห่างกันทำให้เราต้องปรับตัวเข้าหากันเยอะมั้ย?
“เพราะเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาค่ะ แต่ถ้าวันหนึ่งเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเรื่องความไม่เข้าใจกันก็อาจจะมีเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต 10 ปี 20 ปีนะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรต้องปรับเปลี่ยนกันมากมาย เพราะเรายังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นเพื่อนพี่น้อง ก็จะสบายใจกว่าค่ะ”
เห็นว่าไปเจอคุณแม่พี่เคลลี่แล้ว?
“วันนั้นเสร็จงานเราไม่ได้ไปไหนต่อก็เลยไปหาคุณแม่พี่เขาซักหน่อยดีกว่า เขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา แล้วกำลังจะบินกลับแล้วก็ไปไหว้ท่านหน่อย ก็ได้เจอคุณแม่แล้วก็พี่น้องของพี่เขาด้วยทุกคนน่ารักมากค่ะ เราก็ไปนั่งนิ่ง ๆ เกร็ง ๆ เจอคุณแม่เขาจับแขนเราแล้วทักเลยทำไมเราผอมจัง (หัวเราะ) ส่วนพี่ ๆ น้อง ๆ เขาก็บอกว่าดูละครของกรีนด้วยแล้วก็พากันมาถ่ายรูปค่ะ”
จุดมุ่งหมายของเราในวงการบันเทิงมองยังไงบ้าง?
“ด้วยความที่เราเรียนสถาปัตยกรรม การออกแบบ เราอาจจะพัฒนาไปทำบริษัท แต่ตอนนี้ก็ทำงานในวงการเก็บเงินไปก่อน เราคิดไว้หลายอย่างมาก อยากทำสินค้าส่งออกหรือผลิตสินค้าที่ราคาแพง ๆ ในราคาที่ย่อมเยาแต่มีคุณภาพคนซื้อหาได้ก็แอบมอง ๆ ไว้ แต่อยากต่อปริญญาโทเหมือนกันแต่ยังต้องดูอีกที เพราะกรีนอยากไปต่อที่ต่างประเทศเพื่อที่จะได้ภาษาด้วย”
การวางตัวในวงการหลายคนก็ชื่นชมไม่มีข่าวไม่ดี มีอะไรแนะนำน้อง ๆ คนรุ่นใหม่ในวงการมั้ย?
“คนเราทำผิดพลาดได้ แต่ต่อไปจะทำอะไรต้องคิดก่อนทำ คิดก่อนพูด เรามีประสบการณ์มาเหมือนกันตั้งแต่ยังไม่อยู่ในวงการ ถึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่ถ้าวันหนึ่งเรื่องใหญ่ ๆ เกิดขึ้นเราจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ฉะนั้นรู้ว่ามีจุดบกพร่องตรงนี้ต้องระวังแล้วปรับปรุง เราต้องนึกถึงครอบครัว ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน รักตัวเอง พาตัวเองไปในจุดที่สูงและดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมองตัวเองและคอยดูแลครอบครัวเช่นเดียวกัน ตอนนี้สิ่งที่กรีนคิดแล้วอยากทำมากที่สุดคือทำงานเก็บเงินซื้อบ้านให้แม่แล้วก็ล้างหนี้ให้หมดให้บ้านเราอยู่สบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ”
แหม...ยิ่งได้พูดคุยก็ได้รู้ว่าสาวกรีนเป็นธรรมชาติ ติดดินอย่างแท้จริง และมีความมุ่งมั่นในการแสดง เป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่ได้เดินตามได้เป็นอย่างดีในการทำงานและการวางตัวเรื่องของความรัก แบบนี้นี่เองพี่เคลลี่ถึงให้ใจเต็มร้อย…
คนกลาง เรื่อง / วรัญญู เหมือนเดช
ปส.ล็อกสาวแอฟริกาใต้ ซุกยาไอซ์กว่า 2 กก. บินเข้าไทยก่อนส่งเขมร
ปส.ล็อกสาวแอฟริกาใต้ซุกยาไอซ์กว่า 2 กก. บินเข้าไทยก่อนส่งต่อเขมร
วันนี้ ( 20 มิ.ย.) ที่ บช.ปส. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส. 2 ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.เอเดลีนา เอกเชเบเลง สีฟูทา โอโนนีวู อายุ 31 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ 3 ถุง น้ำหนัก 2,044 กรัม ซึ่งได้ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับของกระเป๋าเดินทาง โดยจับกุมได้ที่ประตูด่านตรวจผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.อาชวันต์ กล่าวว่า ตำรวจ ชุดสืบสวน บก.ปส. 2 ได้สืบทราบมาว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยต้นทางมาจากประเทศเบนิน เพื่อส่งต่อไปยังประเทศกัมพูชา จึงได้วางกำลังคอยสังเกตุความเคลื่อนไหว จนกระทั่งพบหญิงคนดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะตรงตามกับที่สายลับแจ้งไว้ จึงได้ขอตรวจค้น พบยาเสพติดที่ซุกซ่อนมาพร้อมสัมภาระเดินทาง
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.เอเดลีนา จะเดินทางไปรับยาไอซ์ที่ประเทศเบนิน เพื่อไปส่งที่ประเทศกัมพูชา ได้รับค่าจ้าง 30,000 บาท หากส่งมอบยาแล้วเสร็จจะได้รับค่าจ้างเพิ่มอีก 200,000 บาท ส่วนใหญ่เครือข่ายนี้จะใช้ผู้หญิงเอเชีย หรือแอฟริกา ในการลำเลียงยาเสพติด เพื่อหลบเลี่ยงความสนใจของเจ้าหน้าที่
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ตำรวจ บก.ปส. 2 ยังได้ลงพื้นที่ใน จ.ชลบุรี , จ.พระนครศรีอยุธยา ,จ.เพชรบูรณ์ เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 5 คน พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 280 กรัม , ยาบ้า ชนิดสีส้ม ปั้มตัวอักษร WY 45 เม็ด อาวุธปืนพกสั้น ขาด 6.25 มม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง ฯลฯ
โดยการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายย่อยนี้ เป็นการขยายผลการจับกุมจากผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เคบจับได้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกมาตรการ ที่จะตัดวงจรในการค้ายาเสพติด ระหว่างผู้เสพยากับผู้ค้าให้แยกออกจากกัน เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามนโยบายการป้องกันการจำหน่าย และกระบวนการเข้ารับการบำบัดของผู้ที่ติดยาเสพติดต่อไป.
แท็บเล็ตป.1หมื่นเครื่องถึงไทยพรุ่งนี้9โมงเช้า
แท็บเล็ตป.1 ล็อตแรก 1 หมื่นเครื่อง มาถึงไทยพรุ่งนี้ 9 โมงเช้าด้วยเที่ยวแรกของสายการบิน ยูพีเอส
วันนี้ (19 มิ.ย.) น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะคณะกรรมการจัดทำทีโออาร์แท็บเล็ตป.1 และที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ตป.1 กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือแท็บเล็ตป.1 ว่า วันนี้ได้รับใบแจ้งจากทางสายการบิน ยูพีเอส (UPS) แล้วว่า แท็บเล็ตของบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำนวน 10,000 เครื่องจะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเที่ยวแรกหรือประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 20 มิ.ย.นี้
สำหรับแท็บเล็ตป.1 จำนวน 400,000 เครื่องที่สโคปจะจัดส่งมาให้เฉลี่ยวันละ 10,000-18,000 เครื่อง ใช้การตรวจรับเครื่องด้วยวิธีสุ่มทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-105E คือ แท็บเล็ต 100,000 เครื่องสุ่มตรวจ 112 เครื่อง เมื่อส่งมาล็อตละ 10,000 เครื่อง จะทำการสุ่มตรวจแท็บเล็ตประมาณ 11-15 เครื่อง ส่วนสเปกของแท็บเล็ตป.1 เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 หน่วยประมวลผล 1.2 กิกะเฮิร์ตซ หน่วยความจำหลัก 1 กิกะเฮิร์ตซ หน้าจอ 7 นิ้ว มี 4 สี คือ แดง น้ำเงิน บรอนซ์เงิน และบรอนซ์ทอง ราคา 2,400 บาท..
"เสี่ยตา" ลูกผู้ชายตัวจริง ยอมรับผิดคนเดียว วอนสังคมอภัย
"เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล" ลูกผู้ชายตัวจริง ยอมรับผิดคนเดียว วอนสังคมให้อภัย ยัน จะระวังมากขึ้นไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
เมื่อตอนเย็นวันนี้ (19 มิ.ย.)นายปัญญา นิรันดร์กุล หรือเสี่ยตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังจบรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า ทางรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ได้เปิดกว้างให้กับทุกคน ทุกอาชีพเข้ามาแข่งขันในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ได้ ซึ่งแต่ละบุคคลที่เข้ามาแข่งขันในรายการจะถูกชักชวนจากคนที่เห็นความสามารถนั้น ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ทีมงานของบริษัทก็ได้ ในเรื่องของการแสดงนั้น ทางรายการไม่ทราบรายละเอียดขั้นตอนของการแสดงทั้งหมด เมื่อทุกคนขึ้นเวทีก็จะแสดงเต็มที่กับการแสดงของตัวเอง หากสิ่งใดที่แสดงออกมาแล้วไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง การแสดงนั้นก็จะเป็นการปิดโอกาสของตัวเองไป ส่วนเรื่องของการสรรหาคนมาโชว์นั้น ในเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นทราบว่าทางคนสรรหาไปจ้างมาในราคา 10,000 บาทจริง
นายปัญญา กล่าวต่ออีกว่า ต้องขอโทษและยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราคิดว่าเราเซ็นเซอร์เพียงพอ แต่ในเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอย่างนี้ เราก็ต้องขอโทษและยอมรับผิด ในส่วนของน้อง(ปอนด์)เค้านั้น คงต้องให้ออกจากการประกวด ใจจริงแล้วตอนแรกคิดว่าภาพที่ออกมาจะเน้นทางแนวตลก ในเรื่องที่กรรมการมีความเห็นไม่ตรงกันแล้วมีการเถียงกัน แต่พอออกอากาศไปแล้วกลับเป็นเรื่องนี้ เราคิดว่าเราเซ็นเซอร์พอซึ่งในโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กมีมากกว่านี้ แต่เราก็ขอโทษ ไม่อยากให้โทษกรรมการ น้อง(ปอนด์)เค้า หรือว่าใคร โทษตนคนเดียว ขออภัย จะให้ทำอย่างไรก็ว่ามา ขอโทษแทนน้อง(ปอนด์)ด้วย เป็นข้อที่ควรระวังมากขึ้นในเรื่องของการเซ็นเซอร์ อย่างไรก็ตามรายการยังมีโชว์ดีดีอีกมาก ก็อยากให้ติดตามกันต่อไป..
รวบจ้างวานฆ่าหนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์
รวบแล้วผู้จ้างวานกับคนขี่จยย.ให้มือปืนก่อเหตุยิงหนุ่มโรงงานตาย สารภาพแค้นแอบเป็นชู้เมีย ส่วนมือปืนยังหลบหนี ตร.ตั้งรางวัลนำจับแล้ว
จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจยย.ประกบยิงนายสวัสดิชัย ขวัญโพน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 1 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ เสียชีวิต ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจยย.รับจ้างกลับบ้าน เหตุเกิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม ภายในหมู่บ้านเมืองประชา หมู่ 10 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันนี้(19มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สภ.เมืองปทุมธานี พล.ต.ต สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วรพจน์ ชูเชิด ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุกแก้ว ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นและผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายสุเมธ แสงทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 2 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ถนนแสงชูโต ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนทราบเบาะแสของ 1 ในกลุ่มคนร้ายคือนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายไมตรีได้ขณะหลบหนีไปหลบอยู่ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายไมตรี ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากนายวิรัตน์ หนูแจ่ม ให้มายิงนายสวัสดิชัย ในราคา 1 แสนบาท ในวันเกิดเหตุนั้น ตนกับนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ใช้อาวุธยิงใส่ร่างนายสวัสดิ์ชัย เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้สาเหตุทราบว่ามาจากเรื่องชู้สาว โดยมีนายสุเมธ แสงทอง เป็นคนจ้างวานให้นายวิรัตน์ มาติดต่อพวกตนอีกทีหนึ่ง
พล.ต.ต.สมิทธิ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่านายสุเมธ แสงทอง คือผู้ที่เป็นคนจ้างวานฆ่านายสวัสดิชัย จึงได้ขอหมายจับและสามารถจับกุมตัวได้ โดยนายสุเมธ ก็ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนจ้างวานให้ฆ่านายสวัสดิชัยจริง เนื่องจากทราบว่านายสวัสดิชัย นั้นมีพฤติกรรมเป็นชู้กับภรรยาของนายสุเมธ จนต้องจ้างฆ่าในครั้งนี้ ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการในครั้งนี้ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่อีก 2 คนคือนายวิรัตน์ หรือรัตน์ หนูแจ่ม ซึ่งรับงานหามือปืนมาจากนายสุเมธ และนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ซึ่งเป็นมือปืนลั่นไกสังหาร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน ส่วนประชาชนที่ทราบเบาะแสสามารถแจ้งมายัง สภ.เมืองปทุมธานี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งทางเราจะมีรางวัลในการนำจับให้..
รวบจ้างวานฆ่าหนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์
รวบแล้วผู้จ้างวานกับคนขี่จยย.ให้มือปืนก่อเหตุยิงหนุ่มโรงงานตาย สารภาพแค้นแอบเป็นชู้เมีย ส่วนมือปืนยังหลบหนี ตร.ตั้งรางวัลนำจับแล้ว
จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจยย.ประกบยิงนายสวัสดิชัย ขวัญโพน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 1 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หนุ่มโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ เสียชีวิต ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจยย.รับจ้างกลับบ้าน เหตุเกิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม ภายในหมู่บ้านเมืองประชา หมู่ 10 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันนี้(19มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สภ.เมืองปทุมธานี พล.ต.ต สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วรพจน์ ชูเชิด ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุกแก้ว ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นและผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายสุเมธ แสงทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 2 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ถนนแสงชูโต ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนทราบเบาะแสของ 1 ในกลุ่มคนร้ายคือนายไมตรี เดชเกิด อายุ 37 ปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายไมตรีได้ขณะหลบหนีไปหลบอยู่ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายไมตรี ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากนายวิรัตน์ หนูแจ่ม ให้มายิงนายสวัสดิชัย ในราคา 1 แสนบาท ในวันเกิดเหตุนั้น ตนกับนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ใช้อาวุธยิงใส่ร่างนายสวัสดิ์ชัย เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้สาเหตุทราบว่ามาจากเรื่องชู้สาว โดยมีนายสุเมธ แสงทอง เป็นคนจ้างวานให้นายวิรัตน์ มาติดต่อพวกตนอีกทีหนึ่ง
พล.ต.ต.สมิทธิ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่านายสุเมธ แสงทอง คือผู้ที่เป็นคนจ้างวานฆ่านายสวัสดิชัย จึงได้ขอหมายจับและสามารถจับกุมตัวได้ โดยนายสุเมธ ก็ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนจ้างวานให้ฆ่านายสวัสดิชัยจริง เนื่องจากทราบว่านายสวัสดิชัย นั้นมีพฤติกรรมเป็นชู้กับภรรยาของนายสุเมธ จนต้องจ้างฆ่าในครั้งนี้ ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการในครั้งนี้ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่อีก 2 คนคือนายวิรัตน์ หรือรัตน์ หนูแจ่ม ซึ่งรับงานหามือปืนมาจากนายสุเมธ และนายชนิลธร หรือจ้ำ ยกแก้ว ซึ่งเป็นมือปืนลั่นไกสังหาร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน ส่วนประชาชนที่ทราบเบาะแสสามารถแจ้งมายัง สภ.เมืองปทุมธานี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งทางเราจะมีรางวัลในการนำจับให้..
หึงอำมหิตผัวเก่ายิงยกครัวเมียเก่าดับ5ศพเจ็บ3
หึงอำมหิตอดีตสามีขออดีตภรรยาคืนดีไม่สำเร็จ ฆ่ายกครัวดับ 5 ศพทั้งพ่อ-ญาติ-ลูกหลานเมียเก่าเด็ก 2 ขวบก็ไม่ปราณี เจ็บอีก3ไม่ดับอดีตภรรยาแค่เหยียบท้องที่ตั้งครรภ์กับสามีใหม่บอกขอชีวิตคนอื่นสังเวยไม่ต้องมีความสุขตลอดชีวิต ตำรวจล่าตัวคนใจโหดแล้ว
เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (20 มิ.ย.) พ.ต.ท.บุญลือ ดอกบัว พงส.สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุผู้ถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ในบ้านเลขที่ 100 หมู่ 7 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มี 2 ห้องนอน ปลูกอยู่กลางทุ่ง พบผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ทราบชื่อนางลำดวน แซ่ลิ้ม อายุ 53 ปี เป็นเพื่อนบ้านอยู่ติดกัน สภาพถูกยิงด้วยปืนตามลำตัวและศีรษะ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน พลเมืองดีช่วยกันนำส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม แต่เสียชีวิตเวลาต่อมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว 4 ราย ทราบชื่อนายเซ้ง ทับทิม อายุ 80 ปี อดีตพ่อตามือปืน ด.ช.อนุชา ห้วยหงส์ทอง อายุ 10 ขวบ ด.ช.พิสิษฐ์ ด่านน้อย อายุ 9 ปีหลาน ด.ญ.วรนันท์ ทับทิม อายุ 2 ขวบ บุตรสาวอดีตภรรยากับสามีใหม่ และ ผู้บาดเจ็บอีก3 รายน.ส.สำเริง อริยะกุล อายุ 56 ปี และ น.ส.ปัญญา สามัญ อายุ 27 ปี ตั้งครรภ์ 8 เดือน มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. และ .38 เข้าตามลำตัวและศีรษะ อาการสาหัส แพทย์กำลังช่วยชีวิตอยู่ และนางวันดี ทับทิม อายุ 35 ปี ตั้งครรภ์ 2 เดือนเศษ มีอาการเจ็บครรภ์ ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ .38 กว่า 15 ปลอก ทั่วบ้านเลือดไหลนอง เป็นที่สยดสยอง ตำรวจเก็บกระสุนไว้เป็นหลักฐานและหารอยนิ้วมือแฝง
สอบสวนนางวันดี ให้การอย่างตื่นตระหนกว่า มือปืนโหดที่ก่อเหตุชื่อนายณัฐวุฒิ สาลี อายุ 48 ปี เป็นอดีตสามีเลิกกันไปนานกว่า 7 ปี แล้วก็ไปอยู่กับภรรยาในกรุงเทพ แต่ก็ยังโทรศัพท์มาหากัน ส่วนตนมีสามีใหม่เกือบ 3 ปี มีบุตรสาวอายุ 2 ขวบและท้องอีก 2 เดือน หลายวันก่อนสามีเก่าโทรศัพท์เข้ามาขอคืนดี ตนก็ปฏิเสธเนื่องจากมีครอบครัวใหม่แล้ว ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน อดีตสามีโทรมาขู่ ตนจึงไปแจ้งความ แต่ตำรวจไม่สนใจให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยา
ต่อมาช่วงตี 4 วันนี้ ขณะตนและบิดารวมทั้งญาติๆ หลานๆ และลูกสาวนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนอน 2 ห้อง โดยสามีใหม่ไม่อยู่บ้าน อดีตสามีขับรถปิกอัพ อีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ลฐ 2782 กรุงเทพมหานคร เข้ามาตะโกนเรียกหน้าบ้าน แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตู อดีตสามีจึงกราดยิงเข้าทางหน้าต่าง และยิงขึ้นฟ้าหลายนัด จนเพื่อนบ้าน ชื่อ นางลำดวน ลุกออกมาดูและตะโกนบอกในบ้านไม่มีใครอยู่ อดีตสามีจึงจ่อยิงศีรษะเสียชีวิตทันที
ต่อจากนั้นอดีตสามีก็พังประตูเข้ามาในบ้าน ทำให้ทุกคนที่อยู๋ในบ้านตกใจสุดขีด เนื่องจากสามีเก่ากราดยิงเข้าไปห้องนอนทำให้บิดา ลูกสาวเสียชีวิต ส่วนญาติบาดเจ็บ ตนพยายามลุกออกมาร้องขอชีวิตทุกคน แต่อดีตสามีไม่สนใจ เหมือนปีศาจร้ายเข้าสิงกลับใช้เท้าเหยีบกลางอกพร้อมตะโกนด่า กูไม่ยิงมึงแต่กูจะทำให้มึงเจ็บไปตลอดชีวิต พร้อมหันกระบอกปืนยิงใส่บุคคลในครอบครัวตนไม่ยั้ง ขณะนั้น ด.ช.อนุชา ซึ่งเป็นหลานและนอนอยู่ด้วยกันคลานออกมา อดีตสามีเห็นยังไม่เว้นใช้ปืนจ่อยิงศีรษะ ก่อนขับรถปิกอัพหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและนำตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียด เบื้องต้นสั่งการให้ชุดสืบสวนออกติดตามไปบ้านมือปืนในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พร้อมตั้งด่านสกัดในเส้นทางต่างๆ โดยเร่งสอบสวนผู็เกี่ยวข้องและจะออกหมายจับผู้ต้องหาในวันนี้เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญมาก
รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงสายวันเดียวกัน คนร้ายได้โทรศัพท์หาภรรยาคนปัจจุบันซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พร้อมบอกว่าให้รอรับศพตัวเองได้เลย ซึ่งตำรวจได้ตรวจสอบสัญญาณการใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่าใช้อยู่ในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี จึงได้ประสานตำรวจภ.จว.สุพรรณบุรีให้ติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะฆ่าตัวตายหนีความผิด.
“ครม.” ตั้ง “พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์” นั่งผอ.กองสลาก
“ครม.” มีมติแต่งตั้ง “พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร” นั่งผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเทล กรุ๊ป เมืองพัทยา น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการประชุมครม.ว่า ครม.มีมติแต่งตั้ง นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการก.พ.ร. แต่งตั้ง นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แต่งตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และแต่งตั้ง ร.ท.วิโรจน์ จงชาณสิทโธ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย.
“ปธ.รัฐสภา”ส่งคำชี้แจงต่อ ศาลรธน.แล้ว ยันไม่เข้าข่ายล้มล้าง
“ประธานรัฐสภา”ส่งคำชี้แจงต่อ ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว 5 หน้า ยันไม่เข้าข่ายล้มล้าง มาตรา 68 ระบุเขียนชัดเจน ในมาตรา 291/11 วรรค 5
วันนี้ (19 มิ.ย.)ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภาส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาจากผู้ร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 ว่า เมื่อช่วงเที่ยง วันนี้ (19มิ.ย.) ตนได้ลงนามพร้อมส่งคำชี้แจงรายละเอียดไป 5 หน้ากระดาษ ชี้แจงว่ารัฐสภาได้ดำเนินการตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญทุกประการ และมาตรา 68 เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่การรัฐสภาดำเนินการเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้สิทธิเสรีภาพ ซึ่งมาตรา 68 ที่ระบุไว้หมายถึงการใช้สิทธิและเสรีภาพ แต่การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 68 เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ เพราะฉะนั้นไม่เข้าข่ายการใช้สิทธิและเสรีภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตและขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68สภาก็ปฏิเสธไม่ได้ต้องรับอย่างเดียว นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า “เรายึดรัฐธรรมนูญเพราะรัฐธรรมนูญใหญ่ที่สุด เราก็ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญ”
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตรงนี้ชี้แจงว่าอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะล้มล้างได้อย่างไร เพราะในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมก็ได้ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 291/11 วรรค 5 ว่า ส.ส.ร.จะต้องไม่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หรือเปลี่ยนรูปการปกครองของรัฐ ระบุไว้ชัดเจน ทำไม่ได้ ข้อกล่าวหาของเขาไม่อาจทำได้อยู่แล้ว ในเมื่อระบุไว้ชัดเจนไม่ให้ทำแล้วจะทำได้อย่างไร
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสินก่อนการเปิดประชุมสภาฯในวันที่ 1 ส.ค.นี้ จะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อโหวตวาระ 3 หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น แต่ต้องดูบรรยากาศว่าเป็นอย่างไร..
ทบ. โร่แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก ปม 6 ศพวัดปทุมฯ
ทบ. โร่แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก ปม 6 ศพ วัดปทุมวนาราม หลังศาลไต่สวนคำร้อง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) วันนี้ (19 มิ.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่าจากกรณีที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางฉบับเรื่องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาไต่สวนคำร้องคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งการไต่สวนอยู่ในขั้นเบิกความพยานปากแรก และในข้อเท็จจริงจะต้องมีพยานเข้าเบิกความอีกหลายปาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วยก่อนที่ศาลจะมีข้อสรุป เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดไปจากข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่เกิดขึ้น กองทัพบกจึงขอชี้แจงใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้มุ่งหวังจะให้เกิดผลกระทบกับสถานการณ์บ้านเมืองดังนี้ 1.ประเด็นผู้เสียชีวิต 5 ศพ ถูกยิงด้วยกระสูน .223 หัวสีเขียว ซึ่งเป็นกระสุนที่ใช้กับ M 16 และ ทราโวที่มีการระบุว่ามีใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ข้อเท็จจริงคือเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืน และกระสุนที่บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้าเป็นอาวุธปืนทราโว จำนวน 12 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนขนาด .223 หัวสีเขียว จำนวน 700 นัด ปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก พร้อมกระสูนยาง 1,152 นัด ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขัน เมื่อ 15 เม.ย. 53 และในวันเดียวกันเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ถูกปล้นปืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นปืนนทราโว 13 กระบอก แจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.53 และวันที่ 15 พ.ค. 53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เป็นอาวุธปืน M 16 2 กระบอก และกระสุน M 16 อีก 100 นัด ซึ่งปืนและกระสุนปืนที่ถูกปล้นไปเหล่านี้ มีหลักฐานพบว่าได้ถูกนำมาใช้ก่อเหตุในหลายๆ เหตุการณ์
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า 2.ประเด็นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่ระบุว่าไม่พบร่องรอยจากการยิงจากบริเวณด้านล่างขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ข้อเท็จจริงการเคลื่อนย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารในขณะนั้นไม่สามารถผ่านแยกเฉลิมเผ่าเข้าไปได้ เนื่องจากชายชุดดำที่อยู่บนพื้นราบได้ยิงสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เคลื่อนกำลังเข้าไป และการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบสวนพยานเจ้าหน้าที่ทหารได้ให้การถึงชายชุดดำว่า ชายชุดดำได้หลบอยู่บริเวณตอม่อต้นที่ 1 นับจากบริเวณแยกเฉลิมเผ่า และได้ใช้อาวุธปืนความเร็วสูงยิงใส่เจ้าหน้าที่ โดยสังเกตได้จากกระสุนปืนที่ไปกระทบกับตอหม้อและคานปูนของรางรถไฟฟ้า ซึ่งแตกกระจายและมีฝุ่นตกลงมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน และมีภาพถ่ายของรอยกระสุนอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม แต่ไม่มีการกล่าวถึง และ3.ประเด็นภาพถ่ายของประจักษ์พยานที่นำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังเกิดเหตุ พบว่าบนรางรถไฟมีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ประจำอยู่ ทั้งนี้ข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ทหารวางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าจริง แต่การวางกำลังไม่ได้วางตลอดแนว เพราะถูกขัดขวางตลอดเวลา แนวที่วางกำลังไปได้แค่จากสถานีรถไฟฟ้าสยามถึงวัดปทุมเท่านั้น ซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว กองทัพบกได้ส่งให้ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ คณะกรรมาธิการวุฒิสภาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและพิจารณาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ อย่างไรก็ตามทางกองทัพบกไม่ได้มุ่งหวังว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงซึ่งกระบวนการยุติธรรม แต่คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ..
มติเสียงข้างมากกกต.แจกใบแดง เก่งการุณ
กกต. แจกใบแดง “เก่ง”การุณ เหตุปราศรัยใส่ร้าย “อี้”แทนคุณ ด้าน “อภิชาต”ลงออกเสียงชี้ขาด หลังเสียงกกต.เท่ากัน ระบุเสียงข้างน้อยให้ยกคำร้องมองปราศรัยโจมตีเรื่องปกติ แถมอัยการ.สั่งไม่ฟ้องในคดีอาญาแล้ว
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติเสียงข้างมากสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ โหสกุล ส.ส.เขต 12 กทม. พรรคเพื่อไทย และสั่งเลือกตั้งใหม่ พร้อมให้เรียกค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ จากกรณีที่นายการุณปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันหลายครั้ง โดยครั้งแรกวันที่ 3 มิ.ย. 54 ที่ตลาดนัดบุญอนันต์ และครั้งที่ 2 วันที่ 12 มิ.ย. 54 ที่ตลาดนัดโกสุมรวมใจ ซึ่งในครั้งหลังนี้ได้กล่าวร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “ พรรคการเมืองเก่าแก่ นักการเมืองรุ่นใหม่ ถือแปรงมาทาสี ปราศรัยทุกครั้ง ชุมนุมทุกครั้งเอาเงินมาแจก” ซึ่งมติดังกล่าวองค์ประชุมของกกต.มีทั้งหมด 4 คน โดยหลังจากนี้กกต.ก็จะให้สำนักวินิจฉัยและคดียกร่างคำวินิจฉัยและเสนอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้พิจารณาพิพากษา หากศาลฯมีคำสั่งรับคำฟ้องนายการุณจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นอกจากนี้กกต.ยังมีมติยกคำร้องคัดค้านส.ส.อีก 5 ราย ประกอบด้วย1ยกคำร้องคัดค้านนางอรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา เขต 1 ที่ถูกร้องว่าสัญญาว่า จะให้ จากกรณีการปราศรัยว่าจะสร้างโรงน้ำประปาให้หากได้รับการเลือกตั้ง แต่กกต.เห็นว่าไม่มีหลักฐานชัดเจน 2.ยกคำร้องคัดค้านนายซูการ์โน มะทา ผู้สมัครส.ส.ยะลา เขต 2 พรรคเพื่อไทย ที่ร้องกกต.เขต 2 ยะลา ว่าทุจริตต่อหน้าที่ 3.ยกคำร้องคัดค้านกรณีความปรากฏว่านายชินโชติ แสงสังข์ ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ เขต3 พรรคประชาธิปัตย์ ซื้อเสียงในพื้นที่ ซึ่งกกต.เห็นว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ที่จ่ายเงินซื้อเสียง 4.ยกคำร้องคัดค้านกรณีความปรากฏว่า นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 พรรคภูมิใจไทย ซื้อเสียง แต่กกต.เห็นว่าไม่มีหลักฐาน และ 5.ยกคำร้องกรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้องน.ส.เรวดี รัศมิทัต ส.ส.สมุทรปราการเขต 6 พรรคภูมิใจไทย จากกรณีให้ตัวแทนเตรียมการเพื่อซื้อเสียง แต่กกต.เห็นว่า หลักฐานไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามในจำนวนเรื่องร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 มีเรื่องร้องเข้ามาทั้งสิ้น 604 สำนวน พิจารณาแล้วเสร็จไปแล้ว 594 สำนวน เหลือเรื่องร้องเรียนที่ กกต.ต้องพิจารณาอีกเพียง 10 สำนวนเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า มติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ เป็นมติในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งที่ประชุมกกต.มีเพียง 4 คนขาดนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนและวินิจฉัย ที่ติดภารกิจเดินทางไปต่างจังหวัด โดยในการลงมติกรณีดังกล่าวปรากฎว่ามีเสียงเท่ากัน คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เห็นควรสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง และนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น เห็นควรให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า การปราศรัยโจมตีกัน เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ที่ทุกเวทีก็ด่ากันไปกันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้ อีกทั้งกรณีนี้นายแทนคุณ ได้แจ้งความและตำรวจได้ทำสำนวนส่งไปยังอัยการ แต่อัยการก็สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว จึงไม่น่ามีน้ำหนักอะไร
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มีการลงมติไปแล้วนั้น วันนี้นายอภิชาติจึงให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกกต.อีกครั้งในการประชุมวันนี้ ( 20 มิ.ย.) เพื่อขานมติที่ลงไปแล้วอีกครั้ง ซึ่งในที่ประชุมวันนี้เมื่อขานมติกกต.แต่ละคนยังคงยืนยันมติของตนเอง ประธานกกต.จึงใช้อำนาจตามมาตรา 8 พ.ร.บ.ประกอบ ว่า ด้วยคณะกรรมการเลือกตั้งที่ระบุว่า...ในกรณีที่ใช้คะแนนเสียงข้างมากถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ออกเสียงชี้ขาด ทำให้มติกกต.ที่ออกมาเป็นเสียงข้างมากสั่งเพิกถอนสิทธินายการุณ ในที่สุด.
สอบนายสิบครั้งใหม่5จุดทั่วภูมิภาคจุ2หมื่น
ตำรวจเผยแนวทางสอบนายสิบใหม่ ใช้สนามสอบแต่ละภูมิภาค 5 จุด จุ 2 หมื่นคน นำเทคโนโลยีป้องกันเต็มที่ เผยโกงสอบครั้งนี้คล้ายปี 53
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมพ.ต.อ.จักษ์ จิตตธรรม และพ.ต.ท.อัญชุลี ธีระพงษ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงประจำสัปดาห์ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องการทุจริตสอบตำรวจตอนนี้มีความชัดเจนเรื่องสนามสอบโดยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.หัวหน้าคณะทำงานการจัดสอบใหม่ได้สรุปว่าจะใช้สนามสอบในส่วนภูมิภาคเป็นหลัก แยกเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้และกรุงเทพฯอีก 1 สนาม จะให้ไปจัดหาสนามสอบที่เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ในแต่ละภูมิภาคที่สามารถจุคนสอบได้ประมาณ 2 หมื่นคน ตำรวจสามารถใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจโลหะ เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์และวิทยุความถี่ต่ำในการป้องกันการส่งสัญญาณของกลุ่มทุจริตการสอบได้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อสอบจะออกใหม่ทั้งหมด คณะกรรมการจะใช้ชุดเดิมแต่จะปรับปรุงใหม่ ถึงตอนนี้ยังไม่กำหนดวันสอบใหม่เนื่องจากต้องรอเรื่องสนามสอบที่ต้องเป็นสถานที่ที่ว่างพร้อมกัน และต้องมีขั้นตอนการออกข้อสอบใหม่ด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนการสอบสวน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.ที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการทำงานด้านการสอบสวนได้ให้กองปราบปรามมาร่วมทำคดีนี้ด้วยตอนนี้การสอบสวนคืบหน้าไปมากออกหมายจับและจับกุมได้เป็นระยะ ในสัปดาห์นี้จะเน้นเรื่องของการยึดทรัพย์โดยประสานงานกับปปง.ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินตลอดจนทรัพย์สิน การโอนย้ายทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ถูกจับกุมตัวแล้วและผู้ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นนายหน้า หรือสายแต่ละภาค หากยังไม่มีหลักฐานจนออกหมายจับได้ให้ดำเนินการทางปกครองไปก่อน ส่วนการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการทุจริตสอบ ทางบก.สส. บช.น. ดำเนินการและพบว่าเทคโนโลยีที่นำมาใช้คล้ายคลึงกับทีใช้ในการทุจริตสอบเมื่อปี 2553 การสอบสวนเรื่องทุจริตสอบตำรวจครั้งนี้จะนำไปใช้ประโยชน์ในการสอบครูในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย.
แพทย์ยันผู้ป่วยจิตเวชโคราชติดเชื้อหวัดมรณะ 41 รายปลอดภัย
แพทย์ยืนยันผู้ป่วยจิตเวชที่ รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้ง 41 คน อาการปลอดภัย ไม่มีไข้แล้ว มีเพียง 3 รายที่ยังมีไข้ต่ำ
วันนี้ ( 20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีตรวจพบผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 35 ราย และเจ้าหน้าที่ของ รพ.และบุตรหลานอีก 6 ราย รวมเป็น 41 ราย ซึ่งสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งให้กักกันพื้นที่ในโรงพยาบาลเป็นพื้นที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาด โดยออกมาตรการให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ใน รพ. รวมกว่า 350 คน ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนยาต้านไวรัส เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมทั้งเข้มงวดให้ทุกคนโดยเฉพาะผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ที่เข้ามาภายใน รพ. ต้องได้รับการตรวจคัดกรอง โดยการวัดไข้ สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันในอาคารหอพักผู้ป่วยที่พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์ เครื่องนอน โต๊ะ เก้าอี้ มุ้งลวด โดยเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อทำลายเชื้อไข้หวัดที่อาจแฝงอยู่ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผอ.รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถูกกักพื้นที่ให้อยู่ในบริเวณจำกัด โดยเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชทั้ง 35 คน ได้แยกออกจากผู้ป่วยทั่วไปให้มาอยู่รวมกัน โดยการรักษาที่ผ่านมา แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสทุกคนเรียบร้อยแล้ว อาการทั่วไปพบว่าผู้ติดเชื้อทุกคนไม่มีไข้สูงแล้ว มีเพียง 3 รายเท่านั้นที่ยังมีไข้ต่ำ ๆ แต่ยังต้องเฝ้าติดตามอาการและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีเชื้ออีก ถึงจะวางใจได้
พร้อมกันนี้ได้พยายามค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ เพื่อนำเข้าสู่ระบบการรักษา โดยการคัดกรองทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล ซึ่งวันนี้ยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม จากการติดตามอาการของเจ้าหน้าที่และบุตรรวม 6 คน ที่แยกตัวออกไปพักในบ้านพักแล้ว ก็พบว่าอาการดีขึ้น ไม่มีไข้แล้ว แต่ได้สั่งให้หยุดงาน 7 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่แพร่เชื้อ ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้ง 41 คน อาการปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีอาการเป็นหวัด มีไข้สูง ปวดตามเนื้อตัว ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และรีบเข้ามารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทันที.
รวบ3โหดรัวอาก้าดับ5ศพอ้างถูกแซวร้องคาราโอเกะห่วย
จับ 3 คนร้ายรัวอาก้าดับ 5 ศพร้านโอเกะแล้ว คอตกรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาพร้อมขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต แจงเหตุขึ้นร้องเพลิงถูกโห่แซวแถมยังตามมาตอแยเลยระงับอารมณ์ไม่อยู่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร และพล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง ผบช.ภ.1แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนอาก้า กราดยิงผู้อื่นจนเสียชีวิต 5 ราย ในพื้นที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ตัวผู้ต้องหา 3 คน คือ นายวสันต์ หรือปุ้ม จันตรี อายุ 25 ปี อดีตรปภ. อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 6 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายวสันต์ หรือสันต์ พรหมศิริ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/3 หมู่ 9 ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และนายอโศก หรือสุ ศรีสิงห์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 640/7 ซอยสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่ห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในต.หินกอง อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมของกลางปืนอาก้าแบบพับฐาน 1 กระบอก แมกกาซีน 2 อัน กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. 47 นัด รถจยย.ฮอนด้า เวฟ สีเขียว ทะเบียน กฉฉ 898 ปทุมธานี และรถจยย.ฮอนด้า สีดำ-เหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สืบเนืองจากกลางดึกวันที่ 19 มิ.ย. เกิดเหตุยิงกันภายในร้าน “กินตับคาราโอเกะ” ตั้งอยู่ริมถนนสายแก่งคอย-บ้านนา หมู่ 12 ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย มีผู้เสียชีวิตถึง 5 ศพ ตนจึงสั่งการให้ตำรวจภ.จว.สระบุรี และบก.สส.ภ.1 ลงพื้นหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชน โดยได้นำภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ไปประชาสัมพันธ์และสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลลักษณะคล้ายในภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 3 คน เข้ามาอาศัยเช่าห้องพักอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในต.หินกอง อ.หนองแค จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางและรถจยย.ที่ใช้หลบหนีทั้ง 2 คัน
นายวสันต์หรือปุ้ม มือลั่นไกยิง รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนและนายวสันต์ พรหมศิริ ได้เดินทางมาจากบ้านพักที่อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี ไปทำธุระที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างทางแวะดื่มสุรากันที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยมีนายอโศกผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง เดินทางตามมานั่งร่วมวงด้วย จากนั้นตนได้ร้องคาราโอเกะไป 2 เพลง ก็มีเสียงโห่แซวมาจากกลุ่มผู้ตายซึ่งเข้ามานั่งภายในร้านหลังพวกตนไม่นาน ทำให้รู้สึกไม่พอใจและอับอายในน้ำเสียงเป็นอย่างมาก แต่พยายามเก็บกลั้นอาการไว้ ไม่ไปพูดต่อปากต่อคำ
ต่อมามีชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ตายโทรศัพท์ไปเรียกพวกราว 10 คน มาสมทบที่ร้านดังกล่าว ลักษณะท่าทางคล้ายพกพาอาวุธติดตัวมาด้วย ตนกับพวกเห็นท่าไม่ดี จึงเรียกเด็กเสิร์ฟมาเก็บเงิน เพื่อเดินทางกลับ แต่ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ตาย เดินเข้ามาที่โต๊ะของตน แล้วตะโกนถามว่า “อยากกินตีนไหม” และพยายามเข้ามาทำร้าย ตนจึงตัดสินใจคว้าอาวุธปืนอาก้าที่นำติดตัวมาจากบ้าน กราดยิงใส่กลุ่มผู้ตาย แล้วจึงหลบหนีไปเปิดห้องพักภายในรีสอร์ทดังกล่าว
ส่วนอาวุธปืนอาก้าที่ใช้ก่อเหตุ ตนซื้อต่อมาจากญาติซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ในราคา 4,000 บาท เพื่อนำมาป้องกันตัว เวลาเดินทางไปไหนมาไหน โดยก่อนหน้านี้เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆ่า และปล้นทรัพย์รายอื่น อย่างไรก็ตามฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดยอมรับผิดและรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับนำปืนอาก้า กระบอกที่ใช้ก่อเหตุไปตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆหรือไม่ต่อไป.
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555
เอาใจคนไทยครม.เว้นภาษีรถยนต์-กองทุน-นิทรรศการ
ทั้งรถยนต์คันแรก-กองทุนโรงเรียนเอกชน-เอกชนจัดนิทรรศการ
วันนี้ ( 5 มิ.ย.) นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ ที่ได้รับจากรัฐจากการซื้อรถยนต์คันแรก เป็นจำนวนเท่ากับภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ซื้อแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้เฉพาะรถยนต์คันแรกที่ซื้อระหว่างวันที่ 16ก.ย. 54 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 55 ซึ่งเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป เพื่อสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชนประเภทในระบบให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ รวมทั้งการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะครั้งนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีกทั้งการเงินและงบประมาณของประเทศ แม้จะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีบ้างแต่เป็นจำนวนไม่มากนัก
นายภักดีหาญส์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ครม.ยังเห็นชอบให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.55-30 มิ.ย.55 มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100 % นอกเหนือจากปัจจุบันที่กระทรวงการคลังมีมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างส่วนนิติบุคคลที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 100% ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง ค่าประกันภัย ค่าระวาง หรือค่าขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ ที่ใช้ในการเข้าร่วมงานออกร้านงานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้าดังกล่าว โดยเป็นรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 13ต.ค.53- 31 ธ.ค. 54
โรลส์-รอยซ์ เล็งตั้งไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน
โรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์สำหรับอากาศยานของอังกฤษ สนใจไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ชี้ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่ม
วันนี้ ( 8 มิ.ย.) นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริษัท โรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตรถยนต์และผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน จากประเทศอังกฤษ สนใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสนใจในธุรกิจพลังงาน โดยผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษา และคาดว่าบริษัทฯจะใช้ภาคตะวันออกเป็นฐานการผลิต
“บริษัทฯมีความสนใจขยายการลงทุนในประเทศกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยและสิงคโปร์ ส่วนประเทศจีน แม้จะมีความสนใจเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ยังมีปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรอยู่มาก ส่วนการดำเนินธุรกิจในไทยนั้น บริษัทฯ จะได้รับการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ซึ่งการลงทุนในไทยครั้งนี้ จะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น”
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า การผลิตชิ้นส่วนอากาศยานต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความละเอียด แม่นยำเป็นอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทฯได้รับความร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตบุคคลากรด้านอากาศยานและการบินกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจอากาศยานและการบินของประเทศไทยในอนาคต โดยทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนยันว่ามีความพร้อมด้านบุคลากร ด้วยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์อากาศยาน ที่ผลิตบุคลากรตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 15 รุ่น หรือประมาณ 450 คน
กนง.ตรึงดอกเบี้ยตามตลาดคาด
กนง.ตรึงดอกเบี้ยนโยบาย3% หวั่นเศรษฐกิจโลกผันผวนฉุดการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย
วันนี้ ( 13 มิ.ย.) นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาจากเศรษฐกิจในยุโรป โดยกนง.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับนโยบายการเงินให้มีความเหมาะสม สำหรับปีนี้ กนง.ยังมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้ยังขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 6%
“ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน จากความไม่แน่นอนในการแก้ไขปัญหากรีซในกลุ่มประเทศยูโรและปัญหาภาคสถาบันการเงินในสเปน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโดยรวมมีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้ และอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน แต่ทั้งนี้ความต้องการใช้จ่ายในประเทศกลุ่มภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวดีและสามารถใช้นโยบายการเงินการคลังเพิ่มเติมได้หากจำเป็น จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกได้ในระดับหนึ่ง และในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ กนง.จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เป็นครั้งแรก เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับเสถียรภาพการเงินและตลาดการเงิน”
สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ขยายตัวได้ดีสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ที่ระดับ 0.3% และคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย สินเชื่อภาคเอกชนยังขยายตัวได้สูง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ทั้งนี้ต้องติดตามการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้วทวีความรุนแรงขึ้น โดยครั้งนี้กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจยุโรปจะติดลบมากขึ้นที่ระดับ 0.7% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 0.5%
ส่วนแรงกดดันของเงินเฟ้อจากต้นยทุนการผลิตเริ่มลดลงตามราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลลงด้วย แต่เศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวได้ดีและต่อเนื่องส่งผลให้การปรับราคา จากต้นทุนของสินค้าและบริการทำได้ง่ายขึ้น ขณะที่การปรับจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาและการปรับโครงสร้างพลังงานในอนาคต ทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนยังคงอยู่ในระดับสูง
ค่าเอฟทีบิลค่าไฟฟ้ามิ.ย. เพิ่ม 30 สต.ต่อหน่วย
สิ้นเดือน มิ.ย. ชาวบ้านหนาว ! ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่ม 30 สต.ต่อหน่วย และลดการใช้ไฟฟ้าฟรีจาก 90 หน่วยเหลือ 50 หน่วย เป็นเดือนแรก
วันนี้ ( 13 มิ.ย.) นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ค่าไฟรอบบิลตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค. จะมีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เพิ่มขึ้นอีก 30 สต. ต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามมติ กกพ. ที่ประกาศค่าเอฟทีขึ้นอีก 30 สต.ต่อหน่วยในรอบบิล พ.ค. – ส.ค. 55 แต่ในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา กกพ. ได้ตรึงค่าเอฟทีให้ 1 เดือน เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนจากค่าครองชีพที่สูง รวมถึงได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนว่าในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อนมีปริมาณใช้ไฟสูง
ทั้งนี้ในช่วงการตรึงค่าไฟเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับภาระดังกล่าว และเมื่อร่วมภาระค่าเอฟทีที่กฟผ.ต้องตรึงช่วงที่ผ่านมารวมเป็นเงิน 14,000 ล้านบาทแล้ว
นอกจากนี้ ในเดือนมิ.ย. เป็นเดือนแรกที่เริ่มนโยบายช่วยเหลือค่าไฟหรือใช้ไฟฟ้าฟรีได้เพียง 50หน่วย โดยเป็นการปรับลดจากเดิมที่ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรม รับภาระเข้ามาอุดหนุนค่าไฟฟ้าลดลงจากเดิม 12,000 ล้านบาทต่อปี เหลือ 3,000ล้านบาทต่อปี แต่ถ้ามองในตัวของประชาชนที่ได้รับสิทธิจากนโยบายนั้นปรับลดลงน้อยกว่า คือลดลงจาก7 ล้านครัวเรือน เหลือ 5 ล้านครัวเรือนเท่านั้น
“ ขอชี้แจงว่าค่าเอฟที ที่ขึ้น 30 สต.ต่อหน่วยนั้นข้อเท็จจริงเราจะต้องขึ้นในรอบ 4 เดือนคือ พ.ค.-ส.ค. 55 แต่เพราะประชาชนมีค่าครองชีพที่แพงจึงช่วยเหลือตรึงค่าเอฟที เดือนพ.ค.ให้ 1 เดือนเพื่อช่วยประชาชน ส่วนการลดใช้ไฟฟรีเหลือ 50 หน่วยก็เพื่อให้เกิดการใช้ประหยัดมากขึ้น และบรรเทาผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่จะต้องจ่ายค่าไฟแพงเพื่อช่วยเหลือครัวเรือน”
“ขันเงิน” เปิดหมดทุกห้องหัวใจ มีไว้ให้งานกับผู้หญิงที่ชื่อ “ศรีริต้า” - หนุ่มฮอต หนุ่มฮิพ
ได้ชื่อว่าเป็น 3 เจ้าพ่อ “ฮิปฮอป” ของเมืองไทย สำหรับ “ไทยเทเนี่ยม” ที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงดนตรี ถึงวันนี้ชื่อพวกเขา “ขันเงิน-เดย์-เวย์” ก็สามารถก้าวมาอยู่แถวหน้าในกลุ่มนักร้องคุณภาพได้อย่างสมศักดิ์ศรี วันนี้โอกาสนี้เราก็ขอคว้าตัว 1 ใน 3 อย่าง “ขันเงิน เนื้อนวล” มาพูดคุยแบบหมดเปลือกเปิดทุกหัวใจทั้งเรื่องงานและ “ความรัก” กับนางเอกสาว “ริต้า-ศรีริต้า เจนเซ่น” ขอบอกว่าห้ามพลาด
“งานชุก”
ขออัพเดทงานล่าสุดที่ทำอยู่ในตอนนี้ ได้ข่าวงานเยอะมาก?
“สำหรับของวงไทยเทเนี่ยม ล่าสุดตอนนี้ก็มีอัลบั้มคาราโอเกะครับ ก็เป็นอัลบั้มคาราโอเกะชุดที่ 2 ของไทยเทเนี่ยมแล้วครับ มีแฟนเพลงชอบบอกว่าอยากร้องเพลงของพวกเราได้บ้าง บางคนก็บอกว่าเอ็มวีเราหาดูยาก ก็เลยคิดที่จะรวมเอ็มวีในรูปแบบคาราโอเกะออกมาครับ นอกจากนั้นผมก็มีพวกงานเพลงโฆษณา ล่าสุดที่เพิ่งออกไปก็มีเพลงโฆษณาโช้คอัพ เควายบี ที่มีบัวขาว เป็นพรีเซ็นเตอร์ และก็มีเพลงประกอบโฆษณาเมเจอร์เมกา ซีนีเพล็กซ์ บางนาครับ เรียกว่างานชุกเลยทีเดียว”
ได้ข่าวว่า “โกอินเตอร์” ด้วย?
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ นอกจากนั้นก็มีงานใหม่ ๆ ที่บอกมาข้างต้น เราไปทำกับต่างประเทศครับ ล่าสุดก็เพิ่งไปทัวร์ที่ญี่ปุ่น กับ ออสเตรเลีย แฟนเพลงให้การตอบรับดีมากครับ แล้วก็ยังคงเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ครับ นอกจากนั้นหลัก ๆ ก็ดูแลค่ายไทยเทเนี่ยม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ค่ายเพลงของพวกเราไทยเทเนี่ยมนี่ละครับ ก็มี น้อง ๆ เซาท์ไซด์ ที่อยากจะฝากไว้ด้วย”
“อินเตอร์”
เห็นบอกว่าเราฮอตมากที่ประเทศญี่ปุ่น?
“ที่ญี่ปุ่น ก็จะหนักไปทางแฟนเพลงญี่ปุ่นมากกว่าคนไทยนะครับ เพราะที่นั่นเราเพิ่งมีโปรเจคท์พิเศษกับเพื่อนแร็พเปอร์ที่โอซากา ชื่อโปรเจคท์ว่า ต้มยำซามูไร เป็นการรวมเอา 2 วัฒนธรรมจาก 2 ฝั่งมาไว้ด้วยกัน ซามูไร แน่นอนเราจะเข้าใจทันทีว่าหมายถึงญี่ปุ่น เช่นกันครับ ต้มยำ รสชาติรุนแรง เผ็ดร้อน ก็หมายถึงชาวไทย ก็เป็นโปรเจคท์เล็ก ๆ ที่เราทำร่วมกับเพื่อน ๆ เหมือนเป็นการชิมลางในตลาดเพลงมากกว่า แต่ผลตอบรับกลับได้ดีเกินคาดซึ่งพวกเราก็พอใจมากครับในจุดนี้ แล้วอีกที่ที่ไปทัวร์ก็คือ ออสเตรเลีย อันนี้สนุกมาก ได้เจอกับแฟนคลับชาวไทยที่โน่นอีกหน หลังจากที่เราไปเล่นเมื่อครั้งก่อนเมื่อ5 ปีที่แล้ว แฟนเพลงที่โน่นก็ยังสนุกเหมือนเดิม เต็มที่เหมือนเดิม ก็ต้องขอขอบคุณแฟน ๆ ที่โน่นด้วยนะครับ”
มีโครงการอะไรที่วางไว้มั้ย เพราะดูเหมือนว่าเราจะเป็นคนทำงานแบบจริงจัง?
“เร็ว ๆ นี้ ผมมีโครงการทำงานเพลงกับศิลปินในเอเชียครับ มีโปรเจคท์ของไทยเทเนี่ยม อันนี้เป็นอัลบั้มของพวกเราเองเลย ที่จะทำไปออกที่ญี่ปุ่นครับ ก็มีฟีเจอริ่งกับศิลปินที่โน่น ไปถ่ายเอ็มวีที่ญี่ปุ่นกับที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ก็ถ่ายทำเรียบร้อย อยู่ในช่วงการตัดต่อครับ ปีนี้คงเป็นอีกปีนึงที่พวกเราต้องเดินทางกันเยอะนิดนึงครับ เพื่อไปทำงานที่โน่นด้วย แต่ยังไงก็ยังไม่ทิ้งงานที่เมืองไทยแน่นอนครับ นอกจากนั้นสำหรับผมเองก็มีงานโปรดิวซ์ให้ศิลปินอื่นด้วยครับ ส่วนของผมเอง เร็ว ๆ นี้ก็จะมีเพลงพิเศษออกมาให้ได้ฟังกันด้วยครับ”
“แบ่งเวลา”
ทำงานเยอะขนาดนี้ มีวิธีแบ่งเวลาพักผ่อนยังไงบ้าง?
“ก็แบ่งเวลาได้นะครับ เพราะผมตื่นเช้าอยู่แล้ว ตื่นมาออกกำลังนิดหน่อย แล้วก็มาทำงาน บ่ายไปทำเพลงที่สตูดิโอ ผมจะใช้ชีวิตในสตูดิโอถึงมืด ๆ ถ้าวันไหนมีงานก็จะไปเล่นคอนเสิร์ต ไม่มีก็กลับบ้านพักผ่อน วันอาทิตย์ก็จะเป็นวันพักผ่อนเต็ม ๆ ถ้าไม่ได้มีงานอะไรก็จะไปวัด ทำบุญ ไหว้พระ แต่ถ้ามีโอกาสหยุดยาว ๆ จะหาเวลาไปพักผ่อนต่างจังหวัด ผมชอบไปเที่ยวทะเล ส่วนมากที่ไปบ่อย ๆ เลยก็เป็นที่ภูเก็ตครับ”
มีสิ่งที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้างมั้ย?
“ยังนึกไม่ออกตอนนี้นะ มีโอกาสอะไรให้ลองทำ ผมก็ลองหมดนะ ลองทำทีวี ลองทำคอนเสิร์ต ลองทำเพลงแปลก ๆ ลองทำงานใหม่ ๆ ให้กับหลาย ๆ ศิลปิน ลองทุกอย่างนะครับ ถ้ามีโอกาสมาให้เราลองทำ และผมมีเวลาพอที่จะทำด้วยครับ”
“ศรีริต้า”
อัพเดทเรื่องความรักได้มั้ย เพราะปกติ “ขันเงิน” ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่?
“ได้ครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูดหรืออะไรนะครับ เพราะว่าผมก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ปิดบังหรือเปิดเผยอะไร ไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง ถ้าเกิดว่ามีเวลาตรงกัน ไปกินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าบางครั้งพี่ ๆ นักข่าวไม่เห็นก็เท่านั้นเอง อย่างที่ผมเคยพูดเสมอ ๆ เราเป็นเพื่อนกันนะครับ ตอนนี้สนิทกันมากขึ้น เค้าเป็นคนน่ารักครับ ทุกอย่างก็ดีครับ อยากจะบอกที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนะครับ เพียงแต่เราเป็นคนพูดน้อยมากกว่า ใครถามอะไรผมก็ตอบเสมอนะครับ”
ถือว่า “ความรัก” ณ วันนี้ลงตัวมั้ย?
“ผมจะบอกยังไงดี (เขิน) ก็ดีครับ ทุกอย่างอยู่ในช่วงที่เราพูดคุยกันอยู่ ศึกษากันไป ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถามว่าลงตัวมั้ย มันก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชีวิตผมถือว่าทุกอย่างลงตัว ทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว ขอตอบเป็นกลาง ๆ แบบนี้แล้วกันนะครับ”
ฝากอะไรทิ้งท้ายถึงแฟน ๆ “เดลินิวส์” หน่อย?
“ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนนะครับ ที่ติดตามผลงานของผม และ ไทยเทเนี่ยม พร้อมทั้งศิลปินในสังกัด ไทยเทเนี่ยม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่าง เซาท์ไซด์ ด้วยนะครับ เร็ว ๆ นี้มีอะไรสนุก ๆ มาให้ฟังกันแน่นอนครับ”
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าหนุ่มคนนี้เขาฮอตทั้งเรื่องงานและเรื่องรักจริง ๆ เรียกว่าลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟมากมายจริง ๆ ส่วนเสาร์หน้าแน่นอนว่าเรายังมีหนุ่มหล่อมานั่งคุยกับเราตรงนี้แน่นอน แต่จะเป็นใครต้องติดตามกันนะจ๊ะ.
กาญจนา สิทธิเม่ง
แต่งสายตรวจชิงทรัพย์เซเว่นฯ
โจรแสบแต่งสายตรวจบุกจี้ร้านเซเว่นฯ หนีลอยนวล
วันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.ท.บุญเลิศ ภิรมย์เอี่ยม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ สาขาปากทางเข้าหมู่บ้านชวนชื่น ถนนกาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล สน.ธรรมศาลา กำลังเจ้าหน้าสายตรวจและตำรวจฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบ น.ส.เอ๋ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 20 ปี พนักงานแคชเชียร์ ของร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตระหนก พร้อมให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 03.45 น.ที่ผ่านมาซึ่งขณะนั้นภายในร้านไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อของ ส่วนตนกำลังเข้าเวรยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน จู่ๆ มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูงประมาณ 170-175 เซนติเมตร ลักษณะการแต่งกายใส่เสื้อคลุมสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีกากี และใส่รองเท้าหนังสีดำ ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าและสวมหมวกนิรภัยตราโล่สีทองคล้ายหมวกของตำรวจสายตรวจ ทีแรกตนคิดว่าเป็นตำรวจมาตรวจตามปกติ แต่จากนั้นชายดังกล่าวก็ปรี่มาหาตนที่เคาน์เตอร์พร้อมชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดออกมาโชว์บังคับให้นำเงินในลิ้นชักเก็บเงินออกมาให้ ด้วยความกลัวตนจึงหยิบเงินสดที่มีทั้งหมดให้ไป 2,800 บาท ก่อนที่คนร้ายจะเดินหนีออกไปช้าๆ อย่างใจเย็น
ด้าน พ.ต.ท.จิระพันธุ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำเพื่อเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายอย่างละเอียดแล้ว และจะต้องแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าจะใช้หลบหนี เนื่องจากกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อไม่สามารถจับภาพยานพาหนะของคนร้ายเอาไว้ได้เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
เด้ง"ร.ต.อ.-ด.ต.”ช่วยราชการภาค 3เอี่ยวโกงสอบตำรวจ
"พล.ต.ท.ภาณุ" ลงนามคำสั่งเด้ง "ร.ต.อ.-ด.ต." ช่วยราชการประจำสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 หลังพบพัวพันเอี่ยวขบวนการโกงสอบเข้าตำรวจ
วันนี้( 14 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รอง ผบช.ภาค 3 หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนภูธรภาค 3 ในคดีทุจริตสอบนายสิบตำรวจในพื้นที่ภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า คดีทุจริตสอบตำรวจในส่วนของภูธรภาค 3 ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว หลังมีการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการโกงข้อสอบไปแล้ว 6 ราย ประกอบด้วย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ อายุ 45 ปี ครู ร.ร.อนุบาลศรีสะเกษ นายธนากร วิเศษ อายุ 36 ปี นางศตพร วิเศษ อายุ 37 ปี นายปัญญาศักดิ์ นิลเพ็ชร อายุ 30 ปี และนายสมชาย แสงทอง อายุ 49 ปี และสามารถยึดเงินสดที่เรียกรับจากผู้สมัครเข้าสอบรวม 10,936,000 บาท ก่อนให้การซัดทอดถึงและนำไปสู่การจับกุม นายดาชัย อุชุโกศลการ อายุ 42 ปี ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง ประธานสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท ประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล พร้อมกันนี้ยังได้ออกหมายจับ นายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร อายุ 29 ปี ลูกน้องคนสนิทของนายดาชัย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีด้วย โดยคดีนี้ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภาค 3 จัดตั้งทีมพนักงานสอบสวน เพื่อคลี่คลายคดีนี้ถึง 30 นาย ชุดสืบสวนอีก 40 นาย ดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยวันนี้ได้ส่งทีมชุดสืบสวนสอบสวน 2 ชุด ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อำนาจเจริญ เพื่อหาข้อมูลแห่ลงต้นตอของขบวนการทุจริต ที่จะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้บงการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่น ๆ ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่านี้แน่นอน
ขณะเดียวกันในวันเดียวกันนี้เอง พล.ต.ท.ภาณุ ยังได้ลงนามคำสั่ง เรียกตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เข้ามาช่วยราชการประจำสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 เป็นเวลา 30 วัน คือ ร.ต.อ.สนั่นพล กัลยานาม รอง สวป.สภ.เมืองศรีสะเกษ และ ด.ต.วชิรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ลูกน้องในสังกัดเดียวกัน และเป็นสามีของนางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูสาวที่เป็นแกนนำร่วมขบวนการใหญ่กลุ่มนี้ โดยตำรวจทั้ง 2 นาย ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตโกงข้อสอบ เกรงว่าหากปล่อยให้อยู่ในพื้นที่ จะมีผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่
นอกจากนี้ในส่วนของการรวบรวมพยานหลักฐาน จะสืบสวนเจาะลึกไปยังตัวเด็กและผู้ปกครองที่กระทำการทุจริต เพื่อค้นหาร่องรอยหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะการตรวจสอบกระดาษคำถาม ที่มีการบันทึกรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบ ซึ่งผู้ที่ทุจริตจะใช้เป็นกระดาษทดเลขที่มีการเขียนตัวเลขหรือถอดรหัสตัวเลขต่าง ๆ ในกระดาษคำถาม ที่จะเชื่อมโยงกับการส่งคำถามและคำตอบของขบวนการโกงข้อสอบอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกัน นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูสาวโรงเรียนใน จ.ศรีสะเกษ หัวหน้าขบวนการโกงสอบตำรวจ ได้เดินทางมาพร้อมกับ ด.ต.วชิรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ สามี หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกเรียกตัวมาประจำสำนักงานตำรวจภาค 3 เข้าพบกับ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภาค 3 เพื่อรายงานตัวและให้ข้อมูล หลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโกงสอบตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นที่เชื่อมโยงไปสู่การติดตามยึดเงินสดมากกว่า 10 ล้านบาท
ขณะที่ ร.ต.อ.สนั่นพล กัลยานาม อยู่ระหว่างเดินทางมารายงานตัว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเบื้องลึกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโกงสอบตำรวจชั้นประทวนอย่างไร เพียงขอเวลาให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนให้มีความชัดเจนก่อน.
ตามล่ามือยิง2ศพบนรถเมล์-วงจรปิดมัดตัว
ตำรวจดอนเมืองนำเด็กช่างกลมาสอบคดียิง 2 ศพบนรถเมล์ คาดเป็นฝีมือพวกช่างกลในพื้นที่ ทั้งกลุ่มเรียนและศิษย์เก่า ได้ภาพวงจรปิดออกไล่ล่าตัวแล้ว
วันนี้ ( 14 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีเหตุกลุ่มนักเรียนนักเลงก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่รถเมล์สาย 59 วิ่งระหว่าง รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นเหตุให้นายวันชัย ทองสองแก้ว อายุ 21 ปี นักศึกษาปวช.ปี 1 สถาบันแห่งหนึ่งเสียชีวิต และนางยุพา พลายงาม อายุ 48 ปีถูกลูกหลงเสียชีวิตด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายคือนายชัยสิทธิ์ ท้ายเมือง อายุ 22 ปีอาการสาหัสและน.ส.กาลสินี เจียนจิตภู่ อายุ 18 ปีทั้งสองถูกนำตัวส่งรพ.ภูมิพล เหตุเกิดที่ป้ายรถเมล์หน้าอาคารช่างการบินไทยนั้น
ล่าสุด ที่สน.ดอนเมือง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น.เดินทางมาประชุมเหตุดังกล่าวที่สน.ร่วมกับ พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น. 2 พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.บก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ. สำราญ นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง โดยใช้เวลาการประชุม 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.สำเริง ให้สัมภาษณ์พร้อมทั้งนำภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณริมถนนวิภาวดีรังสิตและถนนกำแพงเพชร 5 ที่สามารถจับภาพผู้กลุ่มผู้ต้องสงสัยไว้ได้ จำนวน 6 คนมาเผยแพร่ว่า โดยจุดแรกเป็นกล้องบนสะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต เป็นจุดที่รถเมล์ สาย 59 วิ่งมาจอดป้าย ฝั่งตรงข้าม อาคารช่างการบินไทย จังหวะที่รถกำลังออกตัว ได้มีคนร้ายสวมเสื้อดำกางเกงสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำใช้อาวุธปืนลูกซอง ไทยประดิษฐ์ยิงขึ้นไปบนรถเมล์คันดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 6ราย ได้วิ่งตามรถเมล์ ไปสักระยะหนึ่ง จากนั้นทางคนยิงที่ก่อเหตุได้วิ่งข้ามสะพานลอยไปยังฝั่งตรงข้าม และอีก 5 คน ได้เดินข้ามทางรถไฟมายังถนนกำแพงเพชร 5
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า ตอนนี้ทราบตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว เป็นกลุ่มนักเรียนโรงเรียนช่างเทคนิคดอนเมือง ซึ่งเป็นคู่อริกับกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ซึ่งเป็นโรงเรียนของนายวันชัย ผู้ตาย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการนำตัวผู้ต้องสงสัยมาซักถามทำประวัติทั้งหมด 5 คนก่อนปล่อยไปเพราะยังไม่มีพยานยืนยัน แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่ากลุ่มคนร้ายบางคนก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ และบางคนก็ถูกไล่ออกไปแล้ว ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเชิงลึกประสานอาจารย์ในเรื่องข้อมูลประวัตินักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดพบว่ากลุ่มนักเรียนไทยวิจิตรศิลป์ขึ้นรถสายดังกล่าว 3 คน แนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบแผนประทุษกรรมคนร้ายแล้ว เป็นพฤติกรรมการรักษาพื้นที่ของกลุ่มนักเรียน หากมีคู่อริเข้ามา เจ้าถิ่นก็ต้องจัดการเป็นการยิงเข้าใส่ทันทีที่พบคู่อริไม่มีการเตือน ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ทางผ่านขึ้นลงรถประจำทาง และจุดรอพักรถ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทราบว่าเป็นปืนลูกซอง
ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนป้องกัน ส่งตำรวจไปประจำป้ายจุดขึ้นลงรถของกลุ่มต่าง ๆ โดยวางแผนในช่วงเช้าและเย็น ก่อนโรงเรียนเข้าและหลังเลิกเรียน ทั้งนี้ได้ประสานไปยังอาจารย์ของโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์และโรงเรียนช่างเทคนิคดอนเมืองเพื่อป้องกันการล้างแค้น และประสานผู้ปกครองคอยสอดส่องบุตรหลาน และให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ได้กำชับมา 2 ข้อว่า ห้ามเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกและต้องจับคนร้ายให้ได้ ส่วนผู้บาดเจ็บล่าสุดพบว่าน.ส.กาลสินี ซึ่งถูกลูกหลงเข้าไปที่แขน ได้ออกจากรพ.ไปแล้ว ส่วนนายชัยสิทธิ์ ถูกลูกหลงเข้าที่หลังอาการยังสาหัสอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กก.สส.น.2 ได้ ทำการควบคุมตัว ผู้ต้องสงสัย จำนวน 6ราย ซึ่ง เป็นกลุ่มนักเรียนโรงเรียนช่างเทคนิคดอนเมืองและบางคนได้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว มีอายุระหว่าง 15-20 ปี โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัย มีบ้านพักอยู่ย่านรังสิตคลอง 2 จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาทำการสอบสวนพร้อมทั้งทำประวัติหลังจากนั้นได้ปล่อยตัวไป ขณะเดียวกันจะได้นำพยานมาทำการสอบเพิ่มเติมพร้อมทั้งให้ดูรูปกลุ่มผู้ต้องสงสัย
ทั้งนี้คนยิงหลังจากก่อเหตุได้ขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามและโบกรถแท็กซี่ตรงถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย อย่างไรก็ดีทางสน.ดอนเมืองได้ประชาสัมพันธ์หากมีใครเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวให้เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุต่อไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)