วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

“มาร์ค”ทำจม.เปิดผนึกฉบับที่3ร้องพระปกเกล้าถอนผลวิจัย


วันนี้ ( 25 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า  ตนได้ทำจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 ในเรื่องกระบวนการสร้างความปรองดอง เพราะตนมองว่าขณะนี้กระบวนการสร้างความปรองดองเดินทางมาถึงจุดที่เรียกว่าแขวนอยู่บนเส้นด้าย เนื่องจากกำลังมีการหยิบร่างงานวิจัยฉบับย่อเรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ไปบิดเบือนเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนบางกลุ่ม และจะใช้เสียงข้างมากมาทำเรื่องนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองจะเดินไปไม่ได้ ตนได้เห็นร่างรายงานของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ที่หยิบยกร่างงานวิจัยฉบับนี้มาสรุปเป็นข้อเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ โดยมุ่งเน้นการนิรโทษกรรมทุกคดี รวมถึงการล้มคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และไม่ให้มีการนำมาพิจารณาใหม่ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะผู้วิจัย  ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดถึงเรื่องนี้ในลักษณะรับลูกสั้นๆว่าจะให้เรื่องนี้ยุติในเวทีสภาผู้แทนราษฎร แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดตามข้อเสนอของคณะผู้วิจัย ถือเป็นการโยนความรับผิดชอบให้พ้นตัว จึงขอให้นายกฯต้องอ่านรายงานและฟังที่ผู้วิจัยชี้แจง ก่อนที่รวบรัดตัดตอนว่าเป็นเรื่องของสภาฯ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จดหมายของตนจึงมีข้อเรียกร้องไปถึง 3 ฝ่าย คือ 1.ฝ่ายคณะผู้วิจัยซึ่งตนขอให้ถอนรายงานผลวิจัย  2.ฝ่ายคณะกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ต้องประชุมเพื่อกำหนดท่าทีที่ชัดเจนโดยเร็ว และ 3.พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธาน กมธ.ปรองดอง ที่ไม่ยอมให้มีการประชุมกมธ.อีก และปล่อยให้คนไม่กี่คนเขียนรายงานของกมธ. ซึ่งอาจจะรู้กันเฉพาะพล.อ.สนธิ กับนายชวลิต จะทำให้เกิดการบิดเบือนงานของคณะผู้วิจัย และกลายเป็นกมธ.ปรองดองกำลังสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ ตนจึงขอให้เรียกประชุมกมธ.วเพื่อทบทวน
เมื่อถามว่าถ้ามีการนิรโทษกรรมและล้มคดี คตส. จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาอย่างเท่ๆตามที่ปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ.สุรินทร์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีการล้มคดี ทุกอย่างก็กลับมาได้โดยไม่ต้องรับผิด ส่วนจะเท่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะคนที่ถูกศาลตัดสินว่าทำผิดและยังมีคดีที่ค้างคาอีกมาก แต่ไม่พิสูจน์ว่าตัวเองทำผิดหรือไม่ จะเท่ได้อย่างไร และทำไมฝ่ายต่างๆจึงไม่มองให้เห็นว่ามีความพยายามนำคำว่า “ปรองดอง” มาบังหน้าเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้ต้องคดี แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ของสังคม
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ากำลังพูดคุยกับผู้พิพากษาอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยิ่งตอกย้ำว่าขณะนี้เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ถูกแทรกแซงได้ ไม่มีความเป็นกลาง และแสดงว่ากระบวนการยุติธรรมในความหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก คือต้องให้พวกของตัวเองเป็นคนตัดสินเอง  อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าฝ่ายตุลาการน่าจะทำความเข้าใจกับสังคมในเรื่องการทำงานในระบบตุลาการ อย่าให้ประชาชนเข้าใจในทางที่ผิด มิฉะนั้น ต่อไปนี้เท่ากับว่าถ้าใครไม่พอใจคำตัดสินของฝ่ายตุลาการ แต่มีอิทธิฤทธิ์ในทางการเมืองจะด้วยวิธีใดก็มาล้มล้างได้ ใครมีอำนาจก็สามารถเขียนได้กำหนดได้ว่าใครถูกใครผิด ซึ่งมันไม่ใช่ประชาธิปไตย.

แหล่งที่มาของข้อมูล www.dailynews.co.th     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น