วันนี้ (26 มี.ค.) ที่โรงแรมล็อตเต้ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนา " Unbeatable Thailand Unparalleled Opportunitiesb: Business Environment and Investment Policies" ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนต่อนักลงทุนชาวเกาหลี และใช้เป็นเวทีหารือทางธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทย-เกาหลีใต้ เพิ่มปริมาณการค้าระหว่าง 2 ประเทศและลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุน โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นภาคเอกชนบริษัทชั้นนำและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของเกาหลี เช่น ซัมซุง แอลจี ฮุนได เควอเตอร์ เข้าร่วมรับฟัง พร้อมร่วมงานรับประทานอาหารกลางวันภาคธุรกิจไทย-เกาหลีใต้
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวสุนทรพจน์ว่า ที่ผ่านมาไทยและสาธารณรัฐเกาหลีมีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่แข็งแรง โดยมี 500 บริษัทของเกาหลีที่ดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุนในไทย ซึ่งในปี 54 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 15.1 พันล้านวอน ขณะที่การลงทุนเพิ่มขึ้น 51% การท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเกาหลีเข้าไทยกว่า 1 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวไทยเข้าเกาหลี 310,000 คน จึงจำเป็นต้องเร่งผลักดันการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้เติบโตต่อเนื่อง ส่วนปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีการลงทุนเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อป้องกันอุทกภัยช่วงฤดูฝนปีนี้ โดยมีการปรับอัตราการกักเก็บน้ำเพื่อให้เขื่อนเก็บน้ำได้มากขึ้นช่วงหน้าฝน ป้องกันเขตอุตสาหกรรมที่มีแนวกันน้ำรอบๆนิคมอุตสาหกรรม พร้อมจัดตั้ง ศูนย์สั่งการเดียว หรือ ซิงเกิล คอมมานด์ เข้ามาเสริมการทำงานแบบวันสตอปเซอร์วิส ในการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว และมีระบบการพยากรณ์ การเตือนภัย เชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน จึงมั่นใจว่าประเทศไทยไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังประสบภัยหาอุทกภัย เนื่องจากการส่งออกแข็งแกร่ง การใช้จ่ายโครงการบริหารจัดการน้ำ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 5.5 - 6.5% อีกทั้งด้วยสถานะทางการเงินการคลังที่แข็งแรง จะเป็นปัจจัยให้รัฐบาลสามารถขยายการลงทุนได้ สำหรับการดึงดูดการลงทุนต่างชาติได้ออกมาตรการช่วยเรื่องการลงทุนง่ายขึ้น ทั้งการลดภาษีรายได้ของบริษัทเหลือ 20% ในปี 56 และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย ที่สำคัญไทยจะมีการลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระยะเวลา 5 ปี ลงทุน 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ หรือ ศูนย์กลางสินค้า ผลิตภัณฑ์ในการเชื่อมโยงเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในการดึงการลงทุนเข้าประเทศ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนนักลงทุนเกาหลีใต้มาลงทุนในไทยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่า เช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า รถยนต์และอะไหล่ พลังงานทางเลือก และเกษตรแปรรูป พร้อมย้ำว่า ความเป็นหุ่นส่วนระหว่าง 2 ประเทศจะพัฒนามากขึ้น และภาคเอกชนเกาหลีใต้จะเป็นหลักสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนนี้ ขอให้มีความเชื่อมั่นในประเทศไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวสุนทรพจน์ว่า ที่ผ่านมาไทยและสาธารณรัฐเกาหลีมีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่แข็งแรง โดยมี 500 บริษัทของเกาหลีที่ดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุนในไทย ซึ่งในปี 54 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 15.1 พันล้านวอน ขณะที่การลงทุนเพิ่มขึ้น 51% การท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเกาหลีเข้าไทยกว่า 1 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวไทยเข้าเกาหลี 310,000 คน จึงจำเป็นต้องเร่งผลักดันการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้เติบโตต่อเนื่อง ส่วนปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีการลงทุนเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อป้องกันอุทกภัยช่วงฤดูฝนปีนี้ โดยมีการปรับอัตราการกักเก็บน้ำเพื่อให้เขื่อนเก็บน้ำได้มากขึ้นช่วงหน้าฝน ป้องกันเขตอุตสาหกรรมที่มีแนวกันน้ำรอบๆนิคมอุตสาหกรรม พร้อมจัดตั้ง ศูนย์สั่งการเดียว หรือ ซิงเกิล คอมมานด์ เข้ามาเสริมการทำงานแบบวันสตอปเซอร์วิส ในการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว และมีระบบการพยากรณ์ การเตือนภัย เชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน จึงมั่นใจว่าประเทศไทยไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังประสบภัยหาอุทกภัย เนื่องจากการส่งออกแข็งแกร่ง การใช้จ่ายโครงการบริหารจัดการน้ำ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 5.5 - 6.5% อีกทั้งด้วยสถานะทางการเงินการคลังที่แข็งแรง จะเป็นปัจจัยให้รัฐบาลสามารถขยายการลงทุนได้ สำหรับการดึงดูดการลงทุนต่างชาติได้ออกมาตรการช่วยเรื่องการลงทุนง่ายขึ้น ทั้งการลดภาษีรายได้ของบริษัทเหลือ 20% ในปี 56 และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย ที่สำคัญไทยจะมีการลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระยะเวลา 5 ปี ลงทุน 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ หรือ ศูนย์กลางสินค้า ผลิตภัณฑ์ในการเชื่อมโยงเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในการดึงการลงทุนเข้าประเทศ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนนักลงทุนเกาหลีใต้มาลงทุนในไทยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่า เช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า รถยนต์และอะไหล่ พลังงานทางเลือก และเกษตรแปรรูป พร้อมย้ำว่า ความเป็นหุ่นส่วนระหว่าง 2 ประเทศจะพัฒนามากขึ้น และภาคเอกชนเกาหลีใต้จะเป็นหลักสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนนี้ ขอให้มีความเชื่อมั่นในประเทศไทย
แหล่งที่มาของข้อมูล www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น