“ป๋าเปรม” ร่วมงานครบรอบ 12 ปี ผู้ตรวจการฯ เรียกร้องคนไทยยึดหลักคุณธรรม-จริยธรรม ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน จี้ผู้ใช้อำนาจรัฐมีมโนธรรม
วันนี้( 3 เม.ย.) ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้จัดงานสัมมนาวิชาการและบรรยายพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 12 ปีผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เดินทางมาร่วมงานพร้อมกับมอบรางวัลเกียรติยศ “คนดีแห่งแผ่นดิน” เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่นายดุสิต นนทะนาคร อดีตประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานหอการค้าไทย คนที่ 21 และนายชาญชัย จารุวัสตร์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) ซึ่งบุคคลทั้งสองมีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับจากสาธารณชน พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการเพื่อสร้างความโปร่งใสและต่อต้านคอร์รัปชันมายาวนานและเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม
ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้กล่าวบรรยายพิเศษมีใจความตอนหนึ่งว่า ตนมีความคิดเห็นว่าหากมีการพูดถึงเรื่องจริยธรรมแล้ว ต้องพูดถึงเรื่องคุณธรรมด้วย เพราะถ้าพูดสองคำไปพร้อมๆกันจะทำให้มีความสมบูรณ์ของความหมาย ที่ผ่านมาตนพูดเสมอว่าเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ซึ่งตนเป็นคนคิดเองและมาพูดในที่สาธารณะมา 23 ปี อีกทั้งวันนี้ก็ยังชอบพูดประโยชน์นี้อยู่มากๆ แต่คิดว่าไม่ค่อยมีคนชอบฟังมากเท่าไหร่ คำว่าการเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินนั้นอธิบายได้สองวิธี คือแบบสั้นหมายความว่าคิดทำความดี เพื่อให้แผ่นดินมีความสงบ คนในแผ่นดินมีความสุข ช่วยกันสร้างคนดีในแผ่นดิน อีกทั้งไม่ทำให้แผ่นดินมีปัญหา ไม่ทำให้คนในแผ่นดินเดือดร้อน ซึ่งเฉพาะคนดีเท่านั้นถึงจะทำได้ คนไม่ดีทำไม่ได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ทำยากมาก แต่ก็ทำได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยากกว่านั้นคือการรักษาความดีให้คงอยู่กับผู้ทำตลอดไปจนกระทั่งตาย มีหลายคนในประเทศของเราเคยทำความดีให้ปรากฏจนกระทั่งได้รับการยกย่องสรรเสริญได้รับความศรัทธา แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถรักษาความดีที่ตนทำไว้ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า สำหรับการอธิบายแบบยาวนั้น 1.ต้องมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ 2.ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ จงรักภักดี 3.ผู้บังคับบัญชาต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา มีความเมตตา เป็นคนไทยต้องมีความเป็นไทย มีความเป็นธรรม เป็นนายคนต้องมีแต่ให้ จะรับได้อย่างเดียวคือรับความทุกข์ ความลำบากยากเข็ญของคนอื่นนำมาพิจารณาแก้ไข เหมือนอย่างที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง 3 คนกำลังดำเนินการอยู่ 4. ปัญหาชาติบ้านเมืองที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดคือความยากจน เพราะฉะนั้นเราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน หาทางขจัดความยากจนในแผ่นดินของเรา 5.เราต้องยึดถือและปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 6.ภาครัฐ เอกชน หรือภาคไหนๆ ต้องทำงานให้คุ้มค่า คุ้มเวลา คุ้มความเป็นคน ที่น่าจะเข้าใจได้ง่ายว่าเกิดมาเป็นคนต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตนใช้วิธีทำงานต้องยึดถือ 3 อย่างคือ สะดวก เรียบง่าย ประหยัด ถ้าทุกคนนำไปใช้ก็คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์ 7.ต้องดำรงวัฒนธรรมไทย เช่นการละเล่นท้องถิ่นภาคต่างๆ การพูดภาษาท้องถิ่น ไม่ควรจะลอกเรียนฝรั่งจนไม่เหลือความเป็นไทยก็น่าเสียดายความเป็นไทย 8 .ผู้ใหญ่ต้องถือว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะดูแลยุวชนและเยาวชน เพราะความสำคัญของเด็กเป็นความสำคัญของชาติบ้านเมือง ต้องถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราต้องรับผิดชอบดูแลให้เด็กเติบโตมาเป็นคนดีของชาติบ้านเมืองให้ได้ 9. ศ.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิตที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องภาษาไทย ได้ให้คำชี้แจงกับตนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งหมายถึงความดีที่มีอยู่ในใจของตน ทำให้ผู้มีคุณธรรมประพฤติดี ปฏิบัติดี คุณธรรมเป็นธรรมะที่ควบคุมจิตใจของคนให้คิดให้พูดในสิ่งที่เป็นคุณ โดยเฉพาะเป็นผลดีต่อผู้อื่น คุณธรรมเป็นความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นเอง หรือเกิดจากการอบรมสั่งสอน ที่เมื่อยึดมั่นเป็นคุณธรรมฝั่งในจิตใจ คนดีมีคุณธรรมจะต้องซื่อสัตย์ สุจริต คิดดี ทำดี พูดดี คิดตรง ทำตรง พูดตรง มีเมตตาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่คดโกงแม้ว่าไม่มีผู้รู้เห็น จะไม่เอารัดเอาเปรียบ ข่มแหงผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ทุจริต ส่วนเรื่องจริยธรรม หมายถึงความประพฤติทางกายและวาจาที่แสดงออกถึงธรรมะที่อยู่ในใจ จริยธรรมหมายถึงการปฏิบัติในทางดีควบคู่กับคำว่าศีลธรรมที่มีการชี้แจงชัดเจน จริยธรรมบังคับได้แต่กายวาจา บังคับใจไม่ได้ ส่วนคุณธรรมบังคับใจ ความดีที่มีอยู่ในใจ คุณธรรมคือเรื่องของใจ จริยธรรมเรื่องของกายและวาจา
“ผมได้อ่านประมวลจริยธรรม เช่นของส.ส. ส.ว. ซึ่งเป็นเรื่องดีมากและเป็นประโยชน์มาก หากรวมคุณธรรมเข้าไปด้วย ผมสังเกตว่าในประมวลจริยธรรมหากไม่ปฏิบัติก็ไม่มีบทลงโทษ เพราะฉะนั้นคิดว่าจะตัดสินได้อย่างไร ซึ่งก็ต้องใช้มโนธรรมและกติกาในใจของตนเองเป็นมาตรการในการตัดสิน มโนธรรมคือการรู้สึกผิดชอบชั่วดี แยกความดีจากความชั่วได้ อย่างไรก็ตามผมขอพูดนอกเรื่องว่า ผมเชื่อมั่นว่าชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครมีสิทธิยึดถือเป็นของตนเองได้ เชื่อว่าพระสยามเทวาธิราชมีจริง จะปกป้องคนดีและสาปแช่งคนไม่ดี สาปแช่งคนทรยศต่อชาติบ้านเมืองให้พินาศ ผมเชื่ออย่างนั้น ผู้มีเกียรติจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมจริยธรรมของแต่ละคน” พล.อ.เปรม กล่าว
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น