วันนี้ (4 เม.ย.)ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์หลังมีเหตุคาร์บอมในภาค 3 จังหวัดภาคใต้ว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ดูแลงานด้านการข่าวก็ได้รวบรวมการข่าวเชิงลึกทั้งจาก สมช. สันติบาล ศรภ.การข่าวทหารและความมั่นคงจนตกผลึกเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ เมื่อถามว่า มีรายงานด้านการข่าวให้เฝ้าระวังเรื่องใดเป็นพิเศษ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี แต่ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภาคใต้เฝ้าระวังและตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่หายไปมีกี่คัน ใครเป็นเจ้าของ รวมไปถึงกรณีชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์เพื่อนำมาประมวลสถานการณ์
สำหรับในพื้นที่ กทม.ขณะนี้ยังเรียบร้อยดี แต่ไม่ประมาท เราประมาทไม่ได้ เมื่อถามต่อว่าการข่าวพบว่าเชื่อมโยงกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต่างประเทศทะเลาะกัน เราต้องยืนให้มั่น ต้องเป็นกลาง ไม่ยุ่งกับใคร แต่ใครจะทำผิดกฎหมายในบ้านเราไม่ได้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 6 เม.ย.เป็นวันอีสเตอร์ของอิสราเอล ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่เฝ้าระวังในจุดสำคัญที่คิดว่าเป็นพื้นที่ล่อแหลม แต่สถานการณ์ในภาพรวมยังไม่มีอะไร
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดกับกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละกลุ่ม เมื่อถามต่อว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างสองกลุ่มนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า วันนี้เราจับกลุ่มอิสบอเลาะห์ ชาวอิหร่าน ที่มีระเบิดไว้ในครอบครองได้แต่เราก็ต้องระวังระวังว่าจะมีเหตุอื่นๆ หรือไม่ ตนได้สั่งการให้ระมัดระวังและเน้นงานด้านตรวจคนเข้าเมือง ไม่เน้นเฉพาะสุวรรณภูมิ แต่ต้องเน้นทั้งที่ จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ เพราะมีสายการบินที่มีไฟท์บินตรงจากต่างประเทศเข้ามายังสนามบินเหล่านี้ แต่เน้นพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เมื่อถามว่าแสดงมีรายงานจะเกิดเหตุ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้นแต่เราต้องระมัดระวัง ไม่ประมาท เราต้องทำงานเชิงรุก เมื่อถามว่านอกจาก ถนนสุขุมวิท และ ถนนข้าวสารแล้วมีพื้นที่ใดต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษอีกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มี ซอยเดวิท ย่านสุขุมวิท และย่านรามคำแหง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดเหตุ แต่เราไม่ประมาท กำชับให้ตำรวจต้องตื่นตัวทำงานเชิงรุก จะตั้งรับไม่ได้ เมื่อถามว่าปัญหาขณะนี้แยกออกเป็นปัญหาใต้และการก่อการร้ายหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้นเพราะปัญหาใต้เกิดมานานแล้ว บางรัฐบาลเกิดเหตุเผาโรงเรียน 34 แห่ง
เมื่อถามต่อว่าถึงกรณีฝ่ายค้านขอเปิดประชุมร่วมตามรัฐธรรมนูญ ม.179 อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เพื่อร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาจังหวัดภาคใต้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ อยู่ที่ผู้มีอำนาจ เรื่องนี้มองได้สองแง่มุมคือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไข แต่อีกมุมมองได้ว่าเป็นการกระพือสถานการณ์ การแก้ไขเราจะประชุมกันเงียบๆ จะดีกว่าหรือไม่เพราะทุกคนก็รู้และเคยเป็นรัฐบาลกันมาก่อน การที่ตนไม่ค่อยได้ลงไปพื้นที่ภาคใต้เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยต้องมาคอยต้อนรับ ต้องเอาเฮลิคอปเตอร์มารับไปฟังบรรยายสรุปแล้วก็กลับ ต้องตัดสัญญาณโทรศัพท์เป็นการสร้างภาระให้เขา ตนอยู่ที่นี่ก็รับฟังข้อมูล ปัญหาภาคใต้ไม่ใช่จะแก้กันง่ายๆ พรรคประชาธิปัตย์แท้ๆ เป็นรัฐบาลมาสองปีเจ็ดเดือน ยังมีระเบิดระเบิดไม่เว้นวัน ดังนั้นจึงไม่มีใครที่จะเสนอสูตรสำเร็จได้ เมื่อถามว่าจะเชิญส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มาหารือหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไปเชิญเขาก็คงไม่มา ก็เล่นการเมืองของเขาไป ตอนเป็นรัฐบาลก็เกิดเหตุเหมือนกัน
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น