วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

สรรพากรสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มนิติบุคคลฉวยโอกาสสวมรอย


วันนี้ (23 เม.ย.) นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ได้กำชับให้สรรรพากรพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล งวดที่จะถึงเดือนพ.ค.นี้  เนื่องจากเกรงว่าจะมีผู้ประกอบการบางส่วนที่ฉวยโอกาสจากวิกฤตน้ำท่วมมาใช้ประโยชน์ในการยื่นภาษีให้ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือแจ้งขาดทุนทั้ง ๆ ที่ขณะนี้มองว่าหลายธุรกิจฟื้นตัวได้เร็ว และบางธุรกิจได้ประโยชน์ในช่วงน้ำท่วมด้วยซ้ำ หรือพยายามหาช่างทางลดหย่อนภาษีตามประเภทต่าง ๆ ที่รัฐบาลลดภาระให้ ไม่ว่าค่าเสื่อมราคา รายได้จากการชดเชยค่าสินไหม  การบริจาค  จึงมอบนโยบายให้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เดือดร้อนได้รับประโยชน์จริง และไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาส
ทั้งนี้ จากจำนวนบริษัทที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 400,000 รายนั้น มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 4,000 ราย ครอบคลุมวงเงินภาษี 50% โดยในปีงบประมาณ 55 นี้ กรมสรรพากรได้ตั้งเป้าหมายจัดเก็บภาษีนิติบุคคลไว้ 599,800 ล้านบาท คาดว่าจะเก็บได้ตามเป้าหมาย แม้จะมีผู้ประกอการได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีจำนวนมากก็ตาม
ปีนี้กรมสรรพากรมีนโยบายให้นิติบุคคลหันมายื่นภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต เหมือนบุคคลธรรมดาด้วย จึงมีมาตรการจูงใจให้ยื่นได้ล่าชากว่าปกติ 8 วัน และหากชำระภาษีผ่านบัตรเครดิต จะมีเวลาที่ไม่ต้องจ่ายเงินจริงถึง 59 วัน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนิติบุคคลที่ยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ตจาก 1-2% เป็น 70-80% ภายใน 2 ปีนี้ เพื่อลดประมาณงาน และเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งปีนี้นิติบุคคลยังต้องเสียภาษี 30% สำหรับภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดานั้นพบว่า ได้ชำระภาษีผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือน ม.ค. 500 ราย มาก.พ.เพิ่มเป็น 2,600 ราย และมี.ค.เพิ่มเป็นกว่า 20,000 ทำให้คาดว่าเดือนเม.ย.นี้น่าจะเพิ่มอีกมากเช่นกัน
“ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปหาผู้ประกอบการ เพื่อชี้แจงถึงผลดีในการยื่นภาษีทางอินเตอร์เน็ต เพราะบางพื้นที่มีไม่กี่รายจาก ก่อนหน้านี้ที่จะยื่นทางเอกสาร เพราะต้องการจ่ายเป็นเช็ค จะได้มีเวลาเคลียริ่งเช็ค 3-4 วัน ดังนั้นจึงให้ขยายเวลาการยื่นได้ถึง 8 วัน และหากชำระผ่านบัตรเครดิต ก็ยิ่งมีระยะปลอดการเรียกเก็บอีก 51 วัน จึงน่าจะจูงใจให้ผู้ประกอบการหันมาทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งการยืดเวลาอีก 8 วันนี้มีผลกับทุกภาษีที่ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ตโดยจะทดลองใช้ 2 ปี”
อย่างไรก็ตามกรมฯ ได้ประเมินผลการจัดเก็บภาษีช่วง 6  เดือนแรกของปีงบประมาณ 55 พบว่า ยังจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 10.06% ถือว่าสอบผ่านตามนโยบายการเข้าสู่งบสมดุลระยะ 5 ปีของกระทรวงการคลัง และครึ่งปีหลังนี้ น่าจะมีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัว จึงมองว่าทั้งปีน่าจะเก็บภาษีสูงกว่าเป้าหมายได้ 19.3%
ส่วนแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีนั้น เดือนเม.ย.นี้จะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณากรณีการแยกยื่นภาษีระหว่างสามีและภรรยาเพื่อให้นำเข้าครม.ต่อไป เพื่อให้การชำระภาษีมีความถูกต้อง แม้ว่ากรมจะสูญเสียรายได้ 2,000-3,000 ล้านบาทก็ตาม ส่วนการปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ขึ้นอยู่กันโยบายรัฐบาลแต่กรมฯได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว พร้อมกันนี้จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีคณะบุคคล เพื่อแก้ปัญหาการเลี่ยงภาษีของผู้มีรายได้หลายทาง หรือผู้มีรายได้สูงด้วย
นายสาธิต กล่าวว่า กรมฯ ได้เตรียมปรับโครงสร้างภาษี เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อาทิ ภาษีการควบรวมกิจการ ภาษีเงินปันผล ภาษีส่วนต่างกำไรซื้อขายหุ้น และภาษีระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยออกไปลงทุน ใช้วัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างคุ้มค่า เพราะตลาดจะเพิ่มจาก 60 ล้านคนเป็น 600 ล้านคน รวมทั้งขยายฐานภาษีไปยังธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะอี-คอมเมิร์ซ์ ที่ ต้องการให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ทำธุรกิจค้าขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเข้าสู่ระบบการเสียภาษีมากขึ้น เพราะปัจจุบันเริ่มเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว รัฐบาลต้องการส่งเสริมกลุ่มดังกล่าวไปทำตลาดในประเทศอาเซียน รองรับเออีซีด้วย
ขณะเดียวกัน กรมสรรพากรได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณายกเว้นจัดเก็บภาษีกับผู้ถูกรางวัลเลขท้าย 3  ตัว 2 ตัว(หวยบนดิน) และผู้จำหน่ายหวยบนดิน ที่มีรายได้จากการขาย เนื่องจากเวลาดังกล่าวนั้นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างเข้าใจตรงกันว่าได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งถือว่ามีความบริสุทธิ์ใจไม่ได้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีแต่อย่างใด.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น