วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

ทนุศักดิ์ เล็งขยายเวลาโครงการรถยนต์คันแรก


วันนี้ (11 เม.ย.)  นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า โครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้กลับมาคึกคักได้อย่างดี โดยมียอดจองซื้อรถยนต์จำนวนมากหลังงานมอเตอร์โชว์กว่า 50,000 คัน และคาดว่าจะมีผู้ที่เข้ามาขอใช้สิทธิโครงการคืนภาษีรถคันแรกเพิ่มขึ้นมาก จากปัจจุบันกว่า 10,000 ราย ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงมีแนวคิดที่จะนำเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการออกไป จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เนื่องจากได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการส่งมอบรถยนต์จากผู้ขาย ที่อาจส่งมอบไม่ทันตามเวลา 31 ธ.ค.นี้ โดยคาดว่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในเดือนพ.ค.นี้
ทั้งนี้แนวทางในการขยายโครงการฯ ออกไป สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ ขยายเวลาสิ้นสุดโครงการจาก 31 ธ.ค. 55 ออกไปอีก 6 เดือน- 1 ปี ตามความเหมาะสม โดยออกมติครม.ขยายเวลาออกมาอีกหนึ่งฉบับ หรืออาจปรับคำจำกัดความ ผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ จากเดิมที่กำหนดว่าต้องส่งมอบรถยนต์และโอนทะเบียนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 55  ผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ ต้องจองซื้อรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 55 แทน
“ตามความเห็น ผมคิดว่า การขยายสิทธิ์น่าจะใช้แนวทางที่ 2 มีความเหมาะสมมากกว่า เพราะเท่ากับเป็นการให้สิทธิตามโครงการเดิมที่ตกลงไว้ แต่ขยายเวลาในส่วนการส่งมอบรถออกไป เนื่องจากปัญหาเรื่องการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีปัญหา และได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปลายปี 54 ทำให้ผลิตไม่ทัน มีสต๊อกตกค้างเยอะ เกิดความล่าช้าในการส่งมอบรถให้ลูกค้า ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความผิดของผู้บริโภค เป็นเรื่องผลกระทบจากภัยธรรมชาติ แต่ทั้งนี้คงต้องขึ้นกับความเห็นของที่ประชุมครม.ว่าจะเห็นชอบกับแนวทางใด”
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตยังยืนยันว่าให้สิทธิผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ ตามเดิม โดยไม่ได้จำกัดว่า เมื่อครบ 500,000 คัน หรือเต็มวงเงิน 30,000 ล้านบาทแล้ว จะปิดโครงการแต่อย่างใด และหากผู้บริโภคเกรงว่าจะเข้าร่วมโครงการไม่ทัน จากปัญหาการส่งมอบรถไม่ทันนั้น ไม่ต้องกังวล ให้ตัดสินใจซื้อรถไปได้เลย เพราะขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ได้กลับมาผลิตเกือบเต็มกำลังทั้งหมดแล้ว โดยจากนี้ไปมีกำลังการผลิตเดือนละ 180,000 คัน กว่าจะถึง 31 ธ.ค.ยังมีเวลาอีกกว่า 6 เดือน เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการส่งมอบรถไม่ทันแน่นอน..

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น