วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“ธาริต”แจงซ้ำสั่งไม่ฟ้อง“จตุพร”ปราศรัยหมิ่น


 วันนี้ ( 14 พ.ค.)  ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต  เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีการสั่งไม่ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กรณีกล่าวคำปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2554 ในคดีความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐด้วยการล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ว่า การมีความเห็นดังกล่าวมากจากการสอบสวนร่วมกันของพนักงานสอบสวนดีเอสไอและพนักงานอัยการโดยเป็นการสั่งคดีตามพยานหลักฐาน ซึ่งมีการสอบพยาน 3 กลุ่มคือ นักภาษาศสาสตร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการสื่อสารด้วยถ้อยคำ นักสื่อสารมวลชนให้ความเห็นเกี่ยวกับการรับรู้ของผู้ฟังและพยานกลางกลุ่มที่เข้าฟังการปราศรัยว่าเข้าใจเนื้อหาการปราศรัยดังกล่าวอย่างไร ทั้งประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ โดยในกลุ่มนี้มีพยานเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเป็นอดีตอธิบดีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา และเป็นนักประชาธิปไตยร่วมชุมนุมทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองและกลุ่มเสื้อแดงร่วมด้วย
นายธาริต กล่าวอีกว่า การพิจารณาได้แยกการวินิจฉัยออกเป็น 3 ประเด็นคือความหมายของคำพูด และพนักงานสอบสวนเห็นว่าจากการวิเคราะห์พยานทั้ง 3 กลุ่ม จะต้องพิจารณาการปราศรัยทั้งหมดไม่ใช่ตัดตอนเฉพาะข้อความว่า กระสุน...ก็จะสามารถรับรู้ว่าผู้พูดต้องการอธิบายโดยเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบว่า การส่งหน่วยทหารออกมาทำให้เข้าใจผิดว่า ใครอยู่เบื้องหลังและไม่เป็นความจริง รวมถึงต้องพิจารณาเป้าหมายของตัวบุคคลที่ผู้พูดต้องการกล่าวโจมตี โดยเมื่อดูทั้งหมดจะพบว่านายจตุพร กล่าวพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จึงเห็นว่าไม่มีส่วนใดปรากฏว่าพาดพิงมุ่งร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง ส่วนการพิจารณาถึงเจตนาการกระทำความผิดของนายจตุพรนั้น หากพิจารณาเนื้อหาการปราศรัยตั้งแต่ต้นจนจบและสภาพแวดล้อมในการชุมนุมจะเห็นว่านายจตุพร มีเจตนามุ่งหมายต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันอย่างใด แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรนำคำพูดดังกล่าวไปเผยแพร่หรือพูดต่อ เพราะหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมจะหมิ่นเหม่และเข้าข่ายความผิดได้
ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข  รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอถอดเทปคำปราศรัยทั้งหมดแตกต่างจากการนำเสนอของสื่อที่มีการตัดตอนบางประโยคและเมื่อพิจารณาทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบพบว่าที่ผ่านมาผู้ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงมักเป็นผู้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและได้ดำเนินคดีเป็นรายบุคคล แต่ในส่วนของนายจตุพรไม่พบว่าเคยมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบัน ทั้งนี้ที่ผ่านมาการสอบสวนของพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่มีการเปลี่ยนวิธีการและบุคคลที่ตั้งเป็นที่ปรึกษาของคดีดังกล่าว รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาในคดีล้มเจ้าตามแผนผังศอฉ.ด้วย.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น