เรียกว่าเป็นอีกหนุ่มที่ฮอตตั้งแต่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันสำหรับ หน่อง-ธนา ฉัตรบริรักษ์ น้องชายแท้ ๆ ของหนุ่ม บอย-ปกรณ์ ที่ล่าสุดวันนี้มีทั้งซีรีส์เรื่องแรก "จุดนัดภพ" แถมยังเตรียมจ่อด้วยบทพระเอกรองใน "บ้านนอกเข้ากรุง" อีก แหม...! งานเข้าซะขนาดนี้ เราเลยต้องรีบคว้าตัวเขามานั่งเปิดใจคุยกันสักหน่อย
ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชาย…ต้องพิสูจน์ตัวเอง
รู้สึกยังไงบ้างที่เราถูกจับตามองตั้งแต่ก่อนจะเป็นนักแสดงเต็มตัว?
“จากที่พี่ผมมีชื่อเสียง มันก็เลยเป็นที่จับตามอง แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบบ้าง บอกว่าผมเข้ามาตรงนี้เพราะพี่ผมบ้าง มันก็จริงแหละ เพราะไม่มีพี่ผมคงไม่มีโอกาสถึงตรงนี้ เขาก็คอยดันผม บางทีคนก็คาดหวังที่ผมเป็นน้องของบอย-ปกรณ์ แต่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกกดดันนะ ซึ่งการที่พี่บอยพาผมเข้าวงการมา มันก็ยิ่งเป็นการที่ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำดีแค่ไหน คนถึงพอใจ ผมรู้แค่ว่าผมจะทำดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และพยายามพัฒนามาเรื่อย ๆ ครับ แล้วให้คนรอดูผลงานดีกว่าว่าดีหรือไม่ดียังไง”
นอยด์มั้ยเวลาถูกเปรียบเทียบ?
“ผมก็รู้สึกท้อนะ คือผมเข้าไปอ่านที่เขาเปรียบเทียบในอินเทอร์เน็ตแล้วก็รู้สึกเราเป็นอย่างนั้นเหรอ หลัง ๆเลยเลิกอ่านไปเลย เพราะอ่านแล้วเก็บมานั่งคิดก็เสียสุขภาพจิตตัวเองเปล่า ๆ คือปกติผมเป็นคนแบบใครพูดอะไรมาก็ช่างมัน แต่บางทีเรื่องแบบนี้มันก็มากระทบผมบ้าง”
ข่าวก็หนักข้อถึงขั้นว่าเราทะเลาะกัน แข่งกันดัง?
“มันเริ่มมาจากที่ผมไปตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า “อย่ารังแกธนา ด้วยคำว่าบอย-ปกรณ์ เลย” ต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่องของการตั้งสเตตัส ผมตั้งเป็นปีแล้วเกี่ยวกับพี่บอยว่าให้แฟนคลับช่วยทำเสื้อสกรีนว่าผมไม่ใช่บอย-ปกรณ์ อะไรแบบนี้ ก็ตั้งเล่นของผมนั่นแหละ แต่มันเพิ่งมาเป็นประเด็นว่าผมกับพี่บอยว่าทะเลาะกันหรือเปล่า คือเรื่องทะเลาะกันระหว่างผมกับพี่ ใครจะดังกว่า มันไม่มีหรอก เราส่งเสริมกันมากกว่าครับ ถ้าจะทะเลาะจะเป็นเรื่องเล็กน้อย งอนกันไปมามากกว่า”
“จากที่พี่ผมมีชื่อเสียง มันก็เลยเป็นที่จับตามอง แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบบ้าง บอกว่าผมเข้ามาตรงนี้เพราะพี่ผมบ้าง มันก็จริงแหละ เพราะไม่มีพี่ผมคงไม่มีโอกาสถึงตรงนี้ เขาก็คอยดันผม บางทีคนก็คาดหวังที่ผมเป็นน้องของบอย-ปกรณ์ แต่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกกดดันนะ ซึ่งการที่พี่บอยพาผมเข้าวงการมา มันก็ยิ่งเป็นการที่ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำดีแค่ไหน คนถึงพอใจ ผมรู้แค่ว่าผมจะทำดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และพยายามพัฒนามาเรื่อย ๆ ครับ แล้วให้คนรอดูผลงานดีกว่าว่าดีหรือไม่ดียังไง”
นอยด์มั้ยเวลาถูกเปรียบเทียบ?
“ผมก็รู้สึกท้อนะ คือผมเข้าไปอ่านที่เขาเปรียบเทียบในอินเทอร์เน็ตแล้วก็รู้สึกเราเป็นอย่างนั้นเหรอ หลัง ๆเลยเลิกอ่านไปเลย เพราะอ่านแล้วเก็บมานั่งคิดก็เสียสุขภาพจิตตัวเองเปล่า ๆ คือปกติผมเป็นคนแบบใครพูดอะไรมาก็ช่างมัน แต่บางทีเรื่องแบบนี้มันก็มากระทบผมบ้าง”
ข่าวก็หนักข้อถึงขั้นว่าเราทะเลาะกัน แข่งกันดัง?
“มันเริ่มมาจากที่ผมไปตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า “อย่ารังแกธนา ด้วยคำว่าบอย-ปกรณ์ เลย” ต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่องของการตั้งสเตตัส ผมตั้งเป็นปีแล้วเกี่ยวกับพี่บอยว่าให้แฟนคลับช่วยทำเสื้อสกรีนว่าผมไม่ใช่บอย-ปกรณ์ อะไรแบบนี้ ก็ตั้งเล่นของผมนั่นแหละ แต่มันเพิ่งมาเป็นประเด็นว่าผมกับพี่บอยว่าทะเลาะกันหรือเปล่า คือเรื่องทะเลาะกันระหว่างผมกับพี่ ใครจะดังกว่า มันไม่มีหรอก เราส่งเสริมกันมากกว่าครับ ถ้าจะทะเลาะจะเป็นเรื่องเล็กน้อย งอนกันไปมามากกว่า”
ตัวตนแท้จริงและชีวิตหลังเข้าวงการ
เห็นมาดกวน นิสัยส่วนตัวเราเป็นยังไง?
“จะเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อาย แต่ถ้าได้รู้จักกับคน ๆ นึง ก็จะคุยกันสนุกสนาน คือคนที่ไม่รู้จักผมก็จะไม่คุย เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไร มันจะเกร็ง ซึ่งพอเข้าวงการพอผมพูดว่าขี้อายทุกคนก็งงนะ (ยิ้ม) ถามว่าต้องปรับตัวยังไงมั้ย ผมก็พยายามทำจุดด้อยให้เป็นจุดเด่น เจอใครก็ทัก ก็เล่นด้วย แต่ทุกวันนี้ก็เริ่มโอเคแล้วครับ”
บอยมีเตือนเรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
“เขาก็สอนเรื่องการวางตัว เวลาคุยกับนักข่าว พี่เขาจะเน้นเรื่องมารยาท การพูดจา เพราะเขารู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่ค่อยแคร์ความคิดคนอื่น พูดจาไม่เพราะ เขาก็คอยเตือน ผมก็เก็บมา คือมันเปลี่ยนเลยไม่ได้หรอก แค่เอามาปรับให้ดีขึ้น คือด้วยความที่พี่บอยเขาถูกจับตามองมาก่อนแล้ว ผมก็รู้สึกดีนะที่เขามีคนมาชอบ จนมาถึงวันนี้ก็มีคนเริ่มมาสนใจผมบ้างแล้ว ผมก็รู้สึกดีและภูมิใจที่ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง ทำให้แม่ภูมิใจด้วย”
พอมีชื่อเสียง ชีวิตส่วนตัวก็จะหายไป เตรียมตัวรับมือยังไงบ้าง?
“ปกติผมจะเป็นคนเรื่อย ๆ สบาย ๆ ออกมาข้างนอกก็แต่งเสื้อยืด รองเท้าแตะ แต่พอเป็นที่จับตามอง ก็ต้องวางตัวให้มันดีขึ้น ทั้งการแต่งตัว บุคลิก การใช้ชีวิตกับเพื่อนฝูง ซึ่งตอนนี้ก็ยังต้องปรับไปเรื่อย ๆ ยังไม่ถือว่าโอเคครับ”
“จะเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อาย แต่ถ้าได้รู้จักกับคน ๆ นึง ก็จะคุยกันสนุกสนาน คือคนที่ไม่รู้จักผมก็จะไม่คุย เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไร มันจะเกร็ง ซึ่งพอเข้าวงการพอผมพูดว่าขี้อายทุกคนก็งงนะ (ยิ้ม) ถามว่าต้องปรับตัวยังไงมั้ย ผมก็พยายามทำจุดด้อยให้เป็นจุดเด่น เจอใครก็ทัก ก็เล่นด้วย แต่ทุกวันนี้ก็เริ่มโอเคแล้วครับ”
บอยมีเตือนเรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
“เขาก็สอนเรื่องการวางตัว เวลาคุยกับนักข่าว พี่เขาจะเน้นเรื่องมารยาท การพูดจา เพราะเขารู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่ค่อยแคร์ความคิดคนอื่น พูดจาไม่เพราะ เขาก็คอยเตือน ผมก็เก็บมา คือมันเปลี่ยนเลยไม่ได้หรอก แค่เอามาปรับให้ดีขึ้น คือด้วยความที่พี่บอยเขาถูกจับตามองมาก่อนแล้ว ผมก็รู้สึกดีนะที่เขามีคนมาชอบ จนมาถึงวันนี้ก็มีคนเริ่มมาสนใจผมบ้างแล้ว ผมก็รู้สึกดีและภูมิใจที่ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง ทำให้แม่ภูมิใจด้วย”
พอมีชื่อเสียง ชีวิตส่วนตัวก็จะหายไป เตรียมตัวรับมือยังไงบ้าง?
“ปกติผมจะเป็นคนเรื่อย ๆ สบาย ๆ ออกมาข้างนอกก็แต่งเสื้อยืด รองเท้าแตะ แต่พอเป็นที่จับตามอง ก็ต้องวางตัวให้มันดีขึ้น ทั้งการแต่งตัว บุคลิก การใช้ชีวิตกับเพื่อนฝูง ซึ่งตอนนี้ก็ยังต้องปรับไปเรื่อย ๆ ยังไม่ถือว่าโอเคครับ”
วัยเด็ก...สนิทแม่และพี่ชาย
ชีวิตในวัยเด็กเป็นยังไงบ้าง?
“ผมใช้ชีวิตกับคุณแม่มาตั้งแต่ประมาณ 10 ขวบ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่แยกกันอยู่ แม่ก็ดูแลกันมาอย่างนี้ และผมจะสนิทกับพี่บอย เพราะจะเล่นอะไรเหมือนกัน ชีวิตวัยเด็กของผมกับพี่บอยก็อยู่ด้วยกันมาตลอด แต่พอช่วงหลังที่พี่บอยเริ่มเข้าวงการก็จะไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว แล้วพอผมเข้าวงการมาอีกคนเวลาก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เวลาให้แม่ก็น้อยไปด้วย ดังนั้นพอว่างปุ๊บทั้งผมและพี่บอยก็อยากเอาเวลาให้แม่ครับ”
อาชีพนักแสดงคือความใฝ่ฝันของเรามั้ย?
“ไม่ใช่ครับ ตอนแรกก็แค่คิดว่าจะถ่ายแค่โฆษณาแล้วก็จบ จากนั้นก็ตั้งใจไปเรียนต่อโท คือผมไปเรียนภาษาที่จีนมา แล้วช่วงระหว่างปิดเทอม 2 เดือน ก็มีคนติดต่อเล่นเรื่องบันทึกกรรม ก็เลยคุยกับแม่ว่าเอายังไง ผมอยากกลับ แต่แม่อยากให้อยู่ สุดท้ายผมก็เชื่อแม่ เพราะแม่บอกว่าโอกาสเข้ามาแล้วนะ เราก็รับเล่น จากนั้นก็เริ่มสนุก พองานอะไรเข้ามาปุ๊บผมก็รับหมดเลย พอบันทึกกรรมเสร็จ ก็มีหนังดังสุดสัปดาห์เข้ามาต่อ จากนั้นทางช่องก็เรียกเข้าไปเซ็นสัญญาครับ ก็บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมติดใจงานในวงการแล้วครับ (ยิ้ม)”
“ผมใช้ชีวิตกับคุณแม่มาตั้งแต่ประมาณ 10 ขวบ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่แยกกันอยู่ แม่ก็ดูแลกันมาอย่างนี้ และผมจะสนิทกับพี่บอย เพราะจะเล่นอะไรเหมือนกัน ชีวิตวัยเด็กของผมกับพี่บอยก็อยู่ด้วยกันมาตลอด แต่พอช่วงหลังที่พี่บอยเริ่มเข้าวงการก็จะไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว แล้วพอผมเข้าวงการมาอีกคนเวลาก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เวลาให้แม่ก็น้อยไปด้วย ดังนั้นพอว่างปุ๊บทั้งผมและพี่บอยก็อยากเอาเวลาให้แม่ครับ”
อาชีพนักแสดงคือความใฝ่ฝันของเรามั้ย?
“ไม่ใช่ครับ ตอนแรกก็แค่คิดว่าจะถ่ายแค่โฆษณาแล้วก็จบ จากนั้นก็ตั้งใจไปเรียนต่อโท คือผมไปเรียนภาษาที่จีนมา แล้วช่วงระหว่างปิดเทอม 2 เดือน ก็มีคนติดต่อเล่นเรื่องบันทึกกรรม ก็เลยคุยกับแม่ว่าเอายังไง ผมอยากกลับ แต่แม่อยากให้อยู่ สุดท้ายผมก็เชื่อแม่ เพราะแม่บอกว่าโอกาสเข้ามาแล้วนะ เราก็รับเล่น จากนั้นก็เริ่มสนุก พองานอะไรเข้ามาปุ๊บผมก็รับหมดเลย พอบันทึกกรรมเสร็จ ก็มีหนังดังสุดสัปดาห์เข้ามาต่อ จากนั้นทางช่องก็เรียกเข้าไปเซ็นสัญญาครับ ก็บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมติดใจงานในวงการแล้วครับ (ยิ้ม)”
สาวข้างกายต้องผ่านการสกรีนจากคุณแม่
หัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ไม่มีใครเลยครับ เพราะว่าถ่ายละคร 7 วัน คิดว่าจะคุยกับใคร ณ ตอนนี้คงจะไม่ดี เพราะเหมือนเราให้เวลาเขาไม่ได้ แต่ถ้ามีโอกาสจริง ๆ ก็ลองคุย ๆ แหละ”
เห็นก่อนหน้านี้บอกว่ามีแฟนแล้วเพิ่งเลิกไป สาเหตุมาจากการที่เราเข้าวงการหรือเปล่า?
“ไม่เกี่ยวครับเราเลิกก่อนที่จะมาตรงนี้นะ เหมือนมันอิ่มตัว คุยต่อไปอาจจะยิ่งแย่ลง ก็ตัดสินใจที่จะเลิกคุยกันดีกว่า ถามว่าตอนนี้เราเปิดใจมั้ย ผมเปิดใจหมด แต่ก็ต้องเป็นคนดีและต้องผ่านแม่ ให้แม่ตรวจสอบ ถ้าผ่านก็โอเค”
ไม่เคยปรึกษาเรื่องความรักกับบอยเลยเหรอ?
“ไม่มีครับ เหมือนกับว่าเราเขินกันและบางทีก็ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่อยากคุย คือทุกอย่างคุยได้ แต่เรื่องนี้ไม่คุยกัน พี่บอยก็เคยเอาเรื่องนี้มาคุยกับผมบ้างนะ แต่ว่าก็น้อยมากครับ คือส่วนตัวเรายุ่งกันเว้นแต่เรื่องความรักนี่แหละครับ”
เราวาดฝันผู้หญิงในอุดมคติยังไงมั้ย?
“ก็ไม่ได้วาดไว้นะ แต่ต้องเป็นคนดี เข้าใจเราและงานของเรา ว่าทำงานตรงนี้มีเวลาให้น้อย และนักแสดงก็มีฉากเลิฟซีน ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย ต้องไม่มีนิสัยงอแงเป็นเด็ก ๆ ส่วนสเปกที่เป็นรูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ที่จะเห็น คือผมเน้นหน้าตาก่อนนะ พอเห็นหน้าตาปุ๊บค่อยไปศึกษานิสัยครับ”
สาวคนไหนอยากอยู่ข้างกายหนุ่มหน่อง ก็ต้องรีบไปฝากตัวกับคุณแม่นะจ๊ะ.
“ตอนนี้ไม่มีใครเลยครับ เพราะว่าถ่ายละคร 7 วัน คิดว่าจะคุยกับใคร ณ ตอนนี้คงจะไม่ดี เพราะเหมือนเราให้เวลาเขาไม่ได้ แต่ถ้ามีโอกาสจริง ๆ ก็ลองคุย ๆ แหละ”
เห็นก่อนหน้านี้บอกว่ามีแฟนแล้วเพิ่งเลิกไป สาเหตุมาจากการที่เราเข้าวงการหรือเปล่า?
“ไม่เกี่ยวครับเราเลิกก่อนที่จะมาตรงนี้นะ เหมือนมันอิ่มตัว คุยต่อไปอาจจะยิ่งแย่ลง ก็ตัดสินใจที่จะเลิกคุยกันดีกว่า ถามว่าตอนนี้เราเปิดใจมั้ย ผมเปิดใจหมด แต่ก็ต้องเป็นคนดีและต้องผ่านแม่ ให้แม่ตรวจสอบ ถ้าผ่านก็โอเค”
ไม่เคยปรึกษาเรื่องความรักกับบอยเลยเหรอ?
“ไม่มีครับ เหมือนกับว่าเราเขินกันและบางทีก็ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่อยากคุย คือทุกอย่างคุยได้ แต่เรื่องนี้ไม่คุยกัน พี่บอยก็เคยเอาเรื่องนี้มาคุยกับผมบ้างนะ แต่ว่าก็น้อยมากครับ คือส่วนตัวเรายุ่งกันเว้นแต่เรื่องความรักนี่แหละครับ”
เราวาดฝันผู้หญิงในอุดมคติยังไงมั้ย?
“ก็ไม่ได้วาดไว้นะ แต่ต้องเป็นคนดี เข้าใจเราและงานของเรา ว่าทำงานตรงนี้มีเวลาให้น้อย และนักแสดงก็มีฉากเลิฟซีน ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย ต้องไม่มีนิสัยงอแงเป็นเด็ก ๆ ส่วนสเปกที่เป็นรูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ที่จะเห็น คือผมเน้นหน้าตาก่อนนะ พอเห็นหน้าตาปุ๊บค่อยไปศึกษานิสัยครับ”
สาวคนไหนอยากอยู่ข้างกายหนุ่มหน่อง ก็ต้องรีบไปฝากตัวกับคุณแม่นะจ๊ะ.
วันวิสาข์ ดอกเงิน รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น