วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

"มาร์ค"สวน “สนธิ” ความปรองดองต้องเริ่มจากความจริง


วันที่ 23 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สถาบันพระปกเกล้าออกแถลงการณ์ระบุหากใช้เสียงข้างมากกับผลวิจัยปรองดอง จะถอนผลวิจัยและไม่ให้ใช้อ้างอิงว่า เป็นเรื่องดี และตนในฐานะกรรมการของสถาบันฯคนหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะโครงการวิจัยนี้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้อนุมัติ หากมีการนำไปใช้ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ ก็จะกระทบกลับมาที่คณะผู้วิจัย และทางสถาบัน ซึ่งตนเห็นร่างรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ก็ค่อนข้างชัดว่ามีการหยิบเอาข้อเสนอบางส่วน และมีการระบุว่ามีคนเห็นด้วยกี่คน ไม่เห็นด้วยกี่คน แล้วสรุปว่าสิ่งที่คณะกรรมาธิการฯมีความเห็นให้ส่งรัฐบาลรับไปดำเนินการต่อโดยเร็ว หากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ตรงกับที่คณะผู้วิจัยได้ชี้แจงไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และจะส่งผลกระทบ และจากรายงานของคณะกรรมาธิการฯที่ตนเห็น คิดว่าประธานคณะกรรมาธิการฯจำเป็นต้องทบทวน
สำหรับเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติคนที่ใช้เสียงข้างมากในการสร้างความปรองดองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจะเตือนสติได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็ไม่สามารถนำรายงานฉบับนี้เป็นข้ออ้างว่าที่ต้องทำ เพราะมีคนเสนออย่างนี้ ต่อข้อถามที่ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการฯระบุจะปรองดองได้ต้องลืมอดีต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้พล.อ.สนธิ ไปอ่านรายงานของสถาบันพระปกเกล้า และรายงานของคณะกรรมาธิการฯเอง เพราะทุกฝ่ายเห็นว่าการจะปรองดองต้องเริ่มจากเรื่องของความจริง ทีนี้คำว่า "ความจริง" คงไม่สอดคล้องกับคำพูดที่ว่าให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง  เพียงแต่การมองอดีตกับสภาพปัจจุบัน เราจะทำกันอย่างไรมากกว่าที่จะมาเป็นตัวชี้ว่าปรองดองหรือไม่ปรองดอง ส่วนที่ว่าลืมอดีตทั้งหมด ไม่ใช่สูตรที่จะทำให้เกิดความปรองดองได้
เมื่อถามว่าพล.อ.สนธิ ยืนยันที่จะไม่พูดถึงเงื่อนไขการทำรัฐประหารรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะทำให้แก้ปัญหาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.สนธิ มีจุดยืนว่าจะไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับอดีต คงจะทำอะไรพล.อ.สนธิไม่ได้ แต่ประเด็นคือความจริงเป็นส่วนสำคัญ ในการที่จะทำให้เกิดการยอมรับความปรองดอง เพราะทั้งสื่อสารมวลชนและกลุ่มมวลชนต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหว ต่างต้องการความจริงเช่นกัน ส่วนที่ตอนนี้มีการขยายผลคำพูดไม่กี่คำของพล.อ.สนธิ เกี่ยวกับเรื่องรัฐประหารแพร่กระจายไปทั่วในเว็บไซด์คนเสื้อแดงจะมีผลอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่า พล.อ.สนธิต้องรู้ว่าสิ่งที่ทำหรือไม่ทำ พูดหรือไม่พูดจะส่งผลต่อสังคม หากไม่ทราบควรให้ใครรายงานให้ทราบว่าการแสดงท่าทีของพล.อ.สนธิถูกเผยแพร่ไปในทางไหน จะเป็นปมเพื่อความขัดแย้ง ดังนั้นหากจะปรองดองก็ต้องแก้ไข
เมื่อถามว่าพล.อ.สนธิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯยังอยู่ในฐานะที่จะนำความปรองดองมาสู่ประเทศได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูท่าทีว่ามีความเข้าใจกับสิ่งที่มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันเมื่อวันที่ 21 มี.ค.กับที่สังคมได้มีการแสดงออกในช่วง 2-3 วันแค่ไหน หากมีท่าทีที่รับฟัง และนำมาปรับปรุง ก็จะเป็นบทบาทที่ดี แต่หากยังเดินหน้าต่อ และเสมือนกับว่าไม่มีการแสดงความคิดเห็น และเพิกเฉยกันไป ตนคิดว่าพล.อ.สนธิกำลังจะกลายเป็นปมความขัดแย้งในอีกรอบหนึ่ง
ต่อข้อถามว่าพล.อ.สนธิจะกลายเป็น "แพะรับบาป" แทนนายวัฒนา เมืองสุข รองประธานคณะกรรมาธิการฯในซีกรัฐบาลที่ขับเคลื่อนเรื่องกรรมาธิการมาโดยตลอด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พล.อ.สนธิเป็นประธานและเป็นคนทำต้องรับผิดชอบ โดยควรใช้อำนาจของประธานในการที่จะให้มีการทบทวนเรื่องต่าง ๆ ให้เหมาะสม และเห็นว่าควรที่จะมีการทบทวนในเรื่องนี้ เพราะสภาผู้แทนราษฎรขยายเวลาการทำงานให้แล้ว อย่างไรก็ตามหากไม่มีการทบทวนจะกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ที่เกิดขึ้นจากงานของคณะกรรมาธิการ.

แหล่งที่มาของข้อมูล www.dailynews.co.th   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น