วันนี้ (4 เม.ย.)ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนิติบัญัติ มีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องที่กรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาเสร็จแล้ว เรื่องรับทราบ รายงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ โดยทันทีที่เข้าวาระ นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พยายามชิงขอหารือที่ประชุม แต่นายเจริญก็ตัดหน้าด้วยการแจ้งระเบียบวาระดังกล่าวก่อนที่ นพ.สุกิจจะได้หารือ โดยได้ติงถึงเกณฑ์การบรรจุวาระประชุมว่า กมธ.ชุดใดเสนอเรื่องมาก่อนก็ควรได้รับการบรรจุก่อน แต่ตามระเบียบวาระดังกล่าวกลับได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระก่อน
นายเจริญชี้แจงเพียงว่าตามข้อบังคับการบรรจุระเบียบวาระเป็นอำนาจและดุลพินิจของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ทำให้ นพ.สุกิจกล่าวว่า ฟังชี้แจงแล้วไม่ได้รับคำตอบ หรือคิดว่าถ้าเป็นประโยชน์กับรัฐบาลหรือใครบางคนก็บรรจุก่อนอย่างนั้นหรือ จากนั้นนายเจริญตัดบทพิจารณาต่อโดยแจ้งมีการถ่ายทอดช่อง 11 และวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยตลอดการอภิปรายจนจบวาระ ด้านนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน แจ้งวิธีการอภิปรายของฝ่ายค้านโดยจะใช้วิธีการยกมือ
จากนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธาน กมธ. ได้นำเสนอรายงานดังกล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ความรุนแรงในประเทศอันนำมาสู่ความสูญเสียอย่างประมาณค่ามิได้ ทำให้สังคมไทยที่เคยมีแต่ความรักสามัคคี มีคุณธรรม กลายเป็นสังคมที่มีแต่การเอาชนะ ความหวาดระแวง กระทบเศรษฐกิจ เป็นภยันอันตรายต่อความเป็นชาติ เพราะปัญหาร้าวลึกมานานยากที่หน่วยงานใดจะแก้โดยลำพังได้ ด้วยเป็นปัญหาความขัดแย้งทางความคิด ทั้งนี้จากการศึกษาของกมธ.พบว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายต่อประเทศในขั้นสูงสุด ทำให้ประเทศขาดความมั่นคง จำเป็นที่ประเทศไทยต้องเข้าสู่กระบวนการปรองดองให้เร็วที่สุด ปัจจัยสำคัญที่นำพาชาติก้าวข้ามความขัดแย้งครั้งนี้ไปสู่การปรองดอง คือการใช้หลักเมตตาธรรม ให้อภัยซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานหลักนิติธรรม ด้วยการคืนความถูกต้องชอบธรรมให้ทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง ตามที่นานาประเทศใช้เป็นเครื่องมือยุติความขัดแย้ง จะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายและเป็นหนทางสู่ความปรองดองในที่สุด
“กมธ.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายสร้างบรรยากาศปรองดอง ระมัดระวังไม่กระทำการใดๆที่กระทบกระเทือนปรองดองประเทศ ทุกฝ่ายต้องอยู่ในกรอบวันติวิธี เคารพความเห็นต่างๆ การสร้างความปรองดองจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่ความสงบ รู้รักสามัคคี เมตตาธรรม และพร้อมให้อภัยซึ่งกันและกัน เพื่อความผาสุกความเจริญของชาติต่อไป โดยกมธ.ได้พิจารณาศึกษาเสร็จแล้ว จึงเสนอให้สภาฯพิจารณา โดยมุ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากสภาช่วยหาแนวทางสร้างความปรองดอง เพื่อเสนอเป็นแนวทางในการสร้างความปรองดองต่อไป”พล.อ.สนธิกล่าว
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น