วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

“ทนายแดง” ขอศาลส่งศาลรธน.ตีความ กม.อาญา ม.112 ขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่


วันนี้ ( 24 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 908 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำ อ.2962/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตย และอดีตบรรณาธิการหนังสือ วอยซ์ ออฟ ทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  กรณีเมื่อวันที่ 1-15  มี.ค.53 นิตยสาร VOICE OF TUKSIN : เสียงทักษิณ  ปีที่ 1 ฉบับที่  15 ปักษ์หลัง ก.พ. 53 ได้ลงบทความในคอลัมน์คมความคิดของผู้ใช้นามปากกาว่า  จิตร  พลจันทร์  เรื่อง แผนนองเลือด  กับยิงข้ามรุ่น หน้าที่  45–47  โดยเนื้อหาของบทความมีเนื้อหาแสดงความเกลียดชัง  และมุ่งปองร้าย ต่อสถาบันกษัตริย์
 
โดยก่อนสืบพยานวันนี้ ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องให้ศาลส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดกับรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 หรือไม่ และกฎหมายมาตรา 112 สอดคล้องกับประชาธิปไตยตามหลักสากลหรือไม่  เนื่องจากเห็นว่าความผิดตามมาตรา 112 มีอัตราความผิดใกล้เคียงกับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ตามประมวลกฎหมายอาญา 326  แต่มาตรา 112 กลับไม่มีการบัญญัติเหตุยกเว้นความผิดไว้ ซึ่งเท่ากับไม่ให้โอกาสฝ่ายผู้ถูกกกล่าวหาได้พิสูจน์ความจริงว่าไม่ได้กระทำผิด จึงเป็นการจำกัดสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญฯ
อีกทั้งไม่ควรจัดความผิดฐานหมิ่นประมาทในมาตรา 112 มาบัญญัติไว้ในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ เพราะความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงควรเป็นเรื่องที่กระทบต่อการดำรงอยู่ของประเทศเท่านั้น และมาตรา 112 กำหนดโทษไว้ 3–5 ปี ทำให้ศาลไม่สามารถใช้ดุลพินิจในการลงโทษขั้นต่ำน้อยกว่า 3 ปี ได้ ทั้งที่เป็นการหมิ่นประมาทบุคคลคล้ายกับกฎหมายอาญา มาตรา 326  ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักพอสมควรแก่เหตุ
 
ท้ายคำร้องระบุด้วยว่า ขอให้ศาลอาญาจำหน่ายคดีนี้ไว้ชั่วคราวก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด เนื่องจากเห็นว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมผูกพันทุกองค์กรรวมทั้งศาลที่พิจารณาคดีนี้ด้วย อีกทั้งการสืบพยานจะเป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆในคดี จึงอาจทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทได้  ขณะที่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ให้รับคำร้องไว้พิจารณาโดยศาลจะมีคำสั่งเรื่องนี้พร้อมคำพิพากษาคดีนี้ต่อไป และให้สืบพยานต่อไปโดยยังไม่มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เห็นชอบร่างพรบ.ป้องกันปราบปรามสนับสนุนก่อการร้าย


วันนี้ (24 เม.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) พ.ต.อ. ดร.สีหนาท  ประยูรรัตน์  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2555 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและมีมติเห็นชอบในร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... และแนวทางการถอนรายชื่อประเทศไทยออกจาก Public Statement ซึ่งประกอบด้วยแนวทางสำคัญ 4 ประการได้แก่ 1.ยกร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย 2.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 3. เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้สามารถประกาศใช้กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เห็นชอบแล้ว) และ 4. เร่งรัดปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของสำนักงาน ปปง. ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
เลขาธิการ ปปง.กล่าวต่ออีกว่า มติคณะกรรมการ ปปง. ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ Financial Action Task Force (FATF) พิจารณาถอดชื่อประเทศไทยออกจาก Public Statement ซึ่งสำนักงาน ปปง. จะพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามมติของคณะกรรมการ ปปง. โดยเร็วต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ชงซูโดเกาหลี-คอลเซ็นเตอร์เป็นคดีพิเศษ



วันนี้ (24 เม.ย.)  นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) รับคดีพิเศษเพิ่ม 2 คดี ประกอบด้วยคดีลักลอบนำเข้าซูโดอีเฟดรีนออกจากประเทศเกาหลีใต้หลังจากสำนักงานอาหารและยา (อย.)ประเทศเกาหลีระบุว่ามีบริษัทเอกชน  2 บริษัทของไทยสั่งนำเข้าซูโดเอฟรีดีนโดยการสำแดงเท็จจำนวน 40 ตัน โดยเป็นการสั่งซื้อและลักลอบนำเข้าล็อตใหญ่
 โดยคดีดังกล่าวจำเป็นต้องเสนอเป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นคดีที่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับการลักลอบนำยาแก้หวัดออกจากระบบของโรงพยาบาล นอกจากนี้จะเสนอให้รับคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน-ไต้หวัน 22 ราย ที่เข้ามากระทำความผิดเช่าบ้านพักย่านเมืองทองธานีเพื่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเหยื่อโดยเป็นการขยายผลให้เป็นคดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ดีเอสไอจับกุมก่อนหน้านี้หลายคดี  ซึ่งที่ผ่านมาดีเอสไอได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และอาชญากรรมข้ามชาติ  ทั้งนี้ หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ดีเอสไอจะประสานกับทางการจีนและไต้หวันเพื่อสอบสวนว่าเครือข่ายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอนเซ็นเตอร์ในประเทศจีนและไต้หวันหรือไม่ด้วย

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่รอดหนีคดี 11 ปี ถูกตร.รวบได้


วันนี้ ( 24 เม.ย. ) พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.จักรภพ สุคณธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม สั่งการให้ พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม นำกำลังจับกุมตัว นายกมล บุญเจริญ อายุ 40 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จับกุมได้ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินขณะขับรถแท็กซี่มารอรับผู้โดยสาร
 
ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2544 นายกมล ผู้ต้องหาเคยร่วมกันกับพวกก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทง นายประทีป ไกรเทพ จนถึงแก่ความตายในร้านคาราโอเกะ หมู่ 3 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ จากนั้นหลบหนีเข้ามากบดานโดยยึดอาชีพขับแท็กซี่ในกรุงเทพ ยาวนานถึง 11 ปี เมื่อชุดจับกุมทราบข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ของผู้ต้องหา จึงวางแผนติดต่อว่าจ้างให้ช่วยขับรถพาเดินทางไป จ.ชลบุรี เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายพบกันตามนัดหมายที่หน้าศาลฎีกา ท้องสนามหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำหมายจับให้ดูและเชิญตัวมาสอบสวน เบื้องต้นนายกมลยอมรับสารภาพว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและใช้มีดแทงจนเสียชีวิตจริง จึงควบคุมตัวส่งร้อยเวรเจ้าของท้องที่ดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

รพ.ตำรวจพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดเพื่อปลูกกระดูกอ่อน






รพ.ตำรวจเจ๋ง พัฒนานวัตกรรมเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดเพื่อปลูกกระดูกอ่อน รักษาโรคกระดูกอ่อนเสื่อมในเข่า
วันนี้ (24 เม.ย.) ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษามหาราชินี  รพ.ตำรวจ  พ.ต.อ.ธนา  ธุระเจน  นายแพทย์ สบ 5  กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์  แถลงข่าวการพัฒนานวัตกรรมของเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดเพื่อการปลูกถ่ายกระดูกอ่อนผ่านกล้องวีดีทัศน์ว่า  รพ.ตำรวจ ได้วิจัยพัฒนาเพื่อการรักษาโรคกระดูกอ่อนของข้อเข่าที่มีการบาดเจ็บและข้อเสื่อมระยะต้น  เนื่องจากก่อนหน้านี้การรักษามีค่าใช้จ่ายสูงและมีข้อจำกัดหลายประการ จึงมีแนวคิดการนำเซลต้นกำเนิดจากเลือด ซึ่งค้นคิดโดยทีมแพทย์ไทยและเป็นเลือดของผู้ป่วยเอง ไม่จำเป็นต้องเจาะไขกระดูกเชิงกราน  และสามารถปลูกถ่ายกระดูกอ่อนผ่านกล้องในครั้งเดียว  เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ทำให้ประหยัด ผู้ป่วยนอนรพ.เพียง 1-2  วัน  ให้ไม้เท้าประมาณ 2 สัปดาห์  ก็สามารถเดินได้ปกติ  ซึ่งปัจจุบัน การพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวอยู่ระหว่างการเผยแพร่ตีพิมพ์และรับรองจากแพทยสภา  โดยรพ.ตำรวจได้ทดลองนวัตกรรมดังกล่าวกับผู้ป่วยไปแล้ว 40 ราย ยังมีโควตาเหลืออีก 20 ราย เท่านั้น

พ.ต.อ.ธนา กล่าวด้วยว่า ในอนาคตโรคของประดูกอ่อนและการเสื่อมจะพบบ่อย ด้วยเทคนิคการเก็บเซลต้นกำเนิดที่สามารถเก็บเซลต้นกำเนิดนี้ เพื่อใช้ในอนาคตได้ คาดว่าการรักษาในการสร้างกระดูกอ่อนน่าจะมีผลดีในระยะยาว  ลดการทำงายและเพิ่มการสร้างกระดูกอ่อน ในอนาคต  ประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับรักษาประชาชนทั่วไป อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ตองพึ่งยาจากต่างประเทศ คาดว่าจะลดการผ่าตัดข้อเข่าเทียมในอนาคตเพราะกระดูกอ่อนที่ดีที่สุดคือกระดูกอ่อนของตัวเรา


ม็อบสลากรวมตัวไล่ปลัดคลัง










ม็อบสลากกว่า 200 คน รวมตัวประท้วงขับไล่ "ปลัดกระทรวงการคลัง" หลังมีคำสั่งเลิกจ้าง "ผอ.สลาก" หากไม่คืบจะยื่นหนังสือถึงนายกฯ
วันนี้ (25 เม.ย.)ที่กระทรวงการคลัง กลุ่มพนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกว่า 200 คน รวมตัวประท้วงขับไล่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล หลังมีคำสั่งเลิกจ้างนายสมชาติ วงศ์วัฒนาศานต์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการนำรถเคลื่อนที่ขยายเสียงตั้งเป็นเวทีปราศรัย และมีตัวแทนสหภาพฯ ขึ้นสลับกันปราศรัยโจมตีอย่างดุเดือด ก่อนม็อบพนักงานทั้งหมดจะมายืนเขย่าประตูเพื่อพังเข้ากระทรวงหวังบุกถึงห้องปลัดกระทรวงการคลัง หากไม่ยอมลงมาเจรจาด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลกว่า 100 นาย ต้องรีบมาตรึงกำลังที่หน้าประตูเพื่อป้องกันไม่ให้พังประตูเข้ามา ส่วนการจราจรบริเวณด้านหน้ากระทรวงการคลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำแผงเหล็กมากั้นไม่ให้รถวิ่งผ่าน เพื่อป้องกันรถติด

ตัวแทนกลุ่มสหภาพฯ กล่าวว่า วันนี้เราได้เดินทางมาทวงถามนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.กระทรวงการคลัง ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลคณะกรรมการสลากโดยตรงหลังยื่นหนังสือเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้มีการทบทวนมติคณะกรรมการสลากกรณี ผอ.กองสลาก ถูกเลิกจ้างก่อนกำหนด โดยมีผลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.55 ที่มีหนังสือแจ้งเลิกจ้าง 2.ขอให้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการสลากกรณีเกิดความขัดแย้งภายใน 3.ขอให้แก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ไปแล้วนั้น แต่คำตอบที่ได้รับไม่ตรงกับคำถามที่สหภาพฯ และพนักงานต้องการ วันนี้เราต้องการความชัดเจนมากกว่านี้ หรือท่านไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ดูแลความสงบเรียบร้อยของสำนักงานฯ ได้หรือมีอุปสรรคใดขวางกั้นมิให้ท่านทำได้ ทางสหภาพฯ เห็นว่า รมช.ต้องแสดงความกล้าหาญให้สังคมได้รับทราบว่า ท่านยังคงมีจริยธรรมตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนไทยและคนทั้งโลกได้เห็น หากไม่ดำเนินการใดๆ ทางสหภาพฯจะยังคงปักหลักประท้วงที่กระทรวงการคลัง และจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

รวบนายหน้าแสบตุ๋นคนทำงานโอมานเสียหายกว่า 4 ล้าน








บก.ปคม.ซิวแก๊งแสบหลอกพาชาวบ้านทำงานต่างประเทศ พอได้เงินแล้วกลับเชิดหนี ระบุตัวการมี 4 คน จับได้แค่ 2 กำลังตามจับกุมสมาชิกที่เหลือ
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(บก.ปคม.) พล.ต.ต.เชิด ชูเวท รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ประคัลภ์ แสงส่องฟ้า รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ยุทธภูมิ ปั้นลายนาค ผกก.2 ปคม. ร่วมกันแถลงการจับกุม 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ประกอบด้วย  นายวิฑูรย์ สงวนธรรม อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 23/2555 น.ส.วิมล จุลรัตน์พันธ์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 24/2553 ข้อหาร่วมกันจัดหาคนงานเพื่อเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 
สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2552 กลุ่มผู้ต้องหา ได้เดินทางไปยังจังหวัดหนองคาย เพื่อหาคนไปทำงานที่ประเทศโอมาน ลักษณะงานคือการสร้างสนามบิน โดยแต่ละรายให้เงินกับกลุ่มผู้ต้องหาคนละ 50,000 - 60,000  บาท แต่กลับไม่ได้ไปทำงานที่ประเทศโอมาน อีกทั้งมีคนงานหลงเชื่อเป็นจำนวนกว่า 30 ราย  รวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาทและต่อมาเมื่อเดือน ธ.ค. 2552 ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย เพื่อชักชวนคนไปทำงานที่ประเทศโอมานอีก ลักษณะงานคือการสร้างสนามบินเช่นเดิม โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทบังหน้าใช้ชื่อบริษัท ว่า บีอาร์ ไทย-ทีม จำกัด ซึ่งมีคนงานหลงเชื่อกว่า 54 คน โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาร่วม 2 ล้านบาทเศษ แต่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ รวมมีผู้เสียหายทั้งสิ้นกว่า 84 ราย มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 4 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องด้วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จึงได้ติดตามสืบสวน และสามารถจับกุมได้ในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 2 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เชียงกงพระรามสามติดป้ายประท้วงค้านกฎหมายนำเข้าตัวถัง






พ่อค้าเซียงกงยั๊ว ขึ้นป้ายโชว์หลากลางถนนพระราม 3 ยานนาวา ประท้วงรัฐบาลออกกฎหมายนำเข้าตัวถัง ชี้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.40 น.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่เซียงกงพระรามสาม ซอย 52 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา  พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าอุปกรณ์รถต่าง ๆ ได้ติดป้ายการคัดค้านกฎหมายนำเข้าตัวถัง ตามนโยบายของรัฐบาล จำนวนทั้งหมด 3 ป้าย  โดยในป้ายมีข้อความว่า “ด่วนมาก ร่วมคัดค้านกฏหมายนำเข้าตัวถัง นโยบายรัฐบาล ห้ามนำเข้า ชิ้นส่วน อะไหล่ รถยนต์เก่า  ใครได้-ใครเสีย ผลประโยชน์รถยนต์เก่าจะหาซื้ออะไหล่ที่ไหน เบี้ยประกันต้องแพงขึ้นเท่าไหร่ รถจะหายอีกเท่าไหร่ เพื่อจะได้เป็นอะไหล่ ประกันประเภทที่ 3 ต้องชดใช้ด้วยอะไหล่ใหม่ ”ซึ่งติดอยู่บริเวณหน้าปากซอยทางเข้า และภายในซอยดังกล่าว 

จากการสอบถามผู้ประกอบการร้านค้า เผยว่า ป้ายดังกล่าวทางผู้ประกอบการนำเข้าอะไหล่มือสองได้นำมาติดไว้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลเตรียมออกกฎหมายนำเข้าตัวถังรถ ทำให้ผู้ประกอบร้านต่าง ๆ เดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมองว่าการที่รัฐบาลออกกฎหมายนำเข้าตัวถังจะเกิดปัญหามากมายตามมาภายหลัง รวมทั้งผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้รถอาจต้องแบกรับภาระมากกว่าเดิม จึงอยากวิงวอนขอให้ทางรัฐบาลทบทวนร่างกฏหมายดังกล่าวอีกครั้ง

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

รวบแล้วมือยิงอริดับคาวงเวียน22


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.วิชัย สังช์ประไพ รองผบช.น. พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พลับพลาไชย 2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายภัคพล หรือเอิน ผุดประภากุล อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายจาตุรณต์ ผ่องสว่าง อายุ 18 ปี เสียชีวิต บริเวณวงเวียน 22 เมื่อกลางดึกวันที่ 25 เม.ย. โดยจับกุมตัวได้ภายในห้องพักเลขที่ 48 ตรอกกระทะ ถนนเยาวพานิช แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. พร้อมของกลาง เสื้อยึดแขนสั้น สีดำที่ใส่ในคืนก่อเหตุ มีดปลายแหลมยาว 17 นิ้ว จำนวน 2 เล่ม เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 20 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.ชนิดหัวธรรมดา จำนวน 25 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ชนิดหัวระเบิด 20 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด.22 มม.จำนวน 45 นัด แม็กกาซีนอาวุธืนขนา 9 มม.1 อัน และรถจยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ สีม่วงขาว หมายเลขทะเบียน สกข -413 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายจาตุรณต์  อายุ 18 ปี เสียชีวิต และมีเพื่อนได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย บริเวณวงเวียน 22 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า คนร้ายคือนายภัคพล จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัว พร้อมกับยึดของกลางได้หลายรายการโดยเฉพาะเครื่องกระสุนปืน สำหรับสาเหตุการสังหารในครั้งนี้เกิดจากการทะเลาะวิวาทกัน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้จะเร่งติดตามจับกุมตัวเพื่อนของผู้ตายที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนนายภัคพล ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จากนั้นเพื่อนก็โทรศัพท์มาตาม บอกว่ากำลังมีเรื่อง นัดชกต่อยกับคู่อริ ตนจึงรีบออกไปพร้อมกับอาวุธปืน เมื่อไปถึงก็พบว่าเพื่อนและคู่อริได้แยกย้ายกันไปแล้ว แต่จู่ๆก็มีรถจยย.ขับเข้ามา 2 คัน ซึ่งเพื่อนก็พยามตะโกนบอกว่า “นั่นแหละๆๆใช่เลย พวกนี้แหละ ที่ปาขวดปามีดเข้ามา” ตนจึงเข้าไปถามว่ามีอะไร มาทำไม และเด็กแถวไหน จากนั้นเพื่อนที่ไปกับตนได้ใช้อาวุธมีดฟัน เมื่อเห็นว่าผู้ตายพยายามจะต่อสู้ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ 2 นัด จากนั้นผู้ตายเหมือนจะลุกขึ้น จึงยิงซ้ำไปอีก 2 นัด ส่วนอาวุธปืนได้นำไปโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยาที่กลางสะพานพระปกเกล้าฯ

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“บางกอกแอร์เวย์”ชนะคดีได้คืนภาษี 117 ล้าน


วันนี้ (25เม.ย.) ที่ศาลภาษีอากรกลาง ถนนรัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษา คดีบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง เทศบาลเมืองเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลย เรื่อง ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือน และให้คืนเงินภาษีที่จ่ายจำนวน 117 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ตามฟ้องโจทก์ ระบุว่า
โจทก์เป็นเจ้าของกิจการสายการบิน “ บางกอกแอร์เวย์” และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.53 เทศบาลเมืองเกาะสมุย แจ้งว่าโจทก์ต้องจ่ายภาษีโรงเรือนและภาษีที่ดินปี 2550 - 2553  เนื่องจากโจทก์มีรายได้ จากการนำสนามบิน สมุย เนื้อที่ 449ไร่เศษ ประกอบด้วยสนามบิน ลานบิน อาคารจอดเครื่องบินและที่พักผู้โดยสาร เครื่องตรวจอาวุธและอื่นๆ ไประดมเงินทุนผ่าน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกองทุนรวมดังกล่าว ขายหุ้นได้เงิน 9,500 ล้านบาท
ต่อมาโจทก์ทำสัญญาเช่าสนามบิน 30 ปี โดยโจทก์ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้กองทุนรวม เดือนละกว่า 26 ล้านบาท โดยโจทก์ ไม่เห็นด้วยที่เทศบาลเมืองเกาะสมุยให้โจทก์ต้องเสียภาษีโรงเรือนและภาษีที่ดิน ตั้งแต่ปี 2550 – 2553 กว่า 100 ล้านบาท จากการที่โจทก์นำเอาทรัพย์สินของสนามบินสมุยไปทำสัญญาเช่าระยะยาวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย มีกำหนด 30  ปี  เพราะสัญญาเช่าระยะยาว ระหว่างโจทก์กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นเพียงกลไกส่วนหนึ่งของการระดมเงินทุนของโจทก์ผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการให้เช่าทรัพย์สินจึงไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและภาษีที่ดิน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว เห็นว่า การที่โจทก์นำทรัพย์สินทั้งหมดของสนามบิน สมุย ไปออกหน่วยลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  จำเลยไม่สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวมาคำนวณเพื่อกำหนดค่าภาษีโรงเรือน จึงพิพากษาให้จำเลยเพิกถอนการประเมินภาษีที่เรียกเก็บจากโจทก์ไปแล้ว 4 ปี รวมเป็นเงิน 117 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 คืนแก่โจทก์.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปคบ.เคลียร์ปัญหารถป้ายแดงรวน ส่งศูนย์ซ่อม 8 รอบไม่ดีขึ้น








สาวใหญ่โวยซื้อรถป้ายแดงจากงานมอเตอร์โชว์แล้วรถติดๆดับๆ ด้าน บก.ปคบ.จี้ บริษัทตรวจสอบรถป้ายแดง ชี้เกิดจากหลอดไฟหลวม และ สัญญาณกันขโมย
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. เชิญ น.ส.คัสฬส แก่นจันทร์ อายุ 44 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ต่อ บก.ปคบ. กรณีซื้อรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ทะเบียนป้ายแดง แล้วเกิดปัญหาระบบไฟฟ้าแต่ซ่อมกับศูนย์บริการหลายครั้งก็ยังซ่อมไม่ได้ และตัวแทนบริษัท ผู้รับผิดชอบรถคันดังกล่าว ได้มาทำบันทึกข้อตกลงเพื่อส่งมอบรถยนต์ ยี่ห้อดัง ทะเบียนป้ายแดง ศ 1810 กทม.ให้แก่ น.ส.คัสฬส หลังจากได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบต้นตอปัญหาที่แท้จริงของระบบไฟฟ้าภายในรถซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องนำรถไปซ่อมหลายครั้ง
 
สืบเนื่องจากน.ส.คัสฬส มีรถยนต์ส่วนตัวใช้อยู่แล้วแต่ต้องการเปลี่ยนรถคันใหม่จึงไปสำรวจหาข้อมูลต่างๆ ภายในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อปลายปี 2554 ระหว่างที่เดินเก็บข้อมูลในงานก็มาพบบูธของรถยนต์ยี่ห้อดัง ซึ่งพนักงานขายก็บอกว่าถ้าซื้อรถรุ่นนี้จะได้ประกันชั้นหนึ่ง ราคา 7 แสนกว่าบาท ถูกกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ในรุ่นใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังเป็นรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีที่บริษัทเป็นผู้ผลิตเอง และยังรับซื้อรถที่ตนใช้อยู่โดยให้ราคา 2 แสนกว่าบาท ซึ่งถือว่าสูงว่าบริษัทอื่นที่ตีราคาเพียง 1.7 แสนบาท เมื่อซื้อมาปรากฏว่า ตลอดเวลา 3 เดือนที่ใช้รถคันนี้ต้องพบกับปัญหาหลายอย่างเช่นสตาร์ทไม่ติด ระบบไฟฟ้าติดๆ ดับๆ โดยเฉพาะที่แผงหน้าปัดบอกความเร็วเมื่อเปิดไฟหน้ารถก็จะทำให้ไฟที่แผงหน้าปัดกะพริบ บางครั้งก็ทำให้วิทยุดับ ที่สำคัญ มีอยู่ครั้งหนึ่งหยุดรถรอสัญญาณไฟอยู่บนถนนพระราม 9 จู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับ จะเรียกให้รถที่ผ่านมาช่วยก็ไม่กล้า เพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ บางครั้งโชคดีที่รปภ.อยู่ใกล้ก็ให้ช่วยเข็น หรือเรียกรถคันอื่นให้มาช่วยชาร์จไฟ ที่ผ่านมา ก็นำรถเข้าศูนย์ซ่อมมาแล้วถึง 8 ครั้งแต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้
           
ด้านพล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ทาง บก.ปคบ.ได้ช่วยเหลือผู้เสียหายโดยประสานกับบริษัทรถยนต์เพื่อทำการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด กระทั่งพบสาเหตุที่แท้จริงและได้ทำการเปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหาให้เป็นที่เรียบร้อยจึงเชิญทั้งสองฝ่ายมาทำบันทึกข้อตกลงและส่งมอบรถคืนให้แก่ผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อย
           
ทั้งนี้จากการสอบถามตัวแทนบริษัทที่ผลิตรถคันดังกล่าวระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์คือหลอดไฟด้านขวาของแผงหน้าปัด (คอมิเนชั่น มิเตอร์) หลวม ทำให้เกิดแสงไฟกระพริบติดๆดับๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าของรถยนต์แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เกิดเครื่องดับระหว่างขับขี่นั้นตรวจสอบแล้วพบว่าน่าจะเกิดจากการต่อเพิ่มอุปกรณ์สัญญาณป้องกันการขโมย ซึ่งเป็นบริการเสริมที่ศูนย์จัดให้เมื่อครั้งตัวแทนจำหน่ายไปออกงานมอเตอร์โชว์ แต่หลังจากถอดอุปกรณ์ดังกล่าวออกแล้วก็ไม่เกิดปัญหาเดิมซ้ำ อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้เปลี่ยนแผงหน้าปัดให้ใหม่ทั้งหมด ส่วนกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการติดอุปกรณ์เสริมป้องกันขโมยนั้นได้ให้ตัวแทนจำหน่ายให้คำแนะนำลูกค้าในเรื่องดังกล่าวแล้ว.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th