วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

จากธนูถึงครูอังคณา - 1001




ก่อน

อื่นผมต้องกราบขออภัยที่จำเป็น ต้องอ้างอิงถึงครูอังคณาซึ่งกำลังกลายเป็นบุคคลที่สามผู้โด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย
เรื่องราวทั้งหมดใน 1001 วันนี้ มิได้มีเจตนาในทางลบต่อกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด หากแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับคำว่า ไวรัลลิตี (Virality) ซึ่งสามารถใช้อธิบายเหตุการณ์ของวลี “จนกระทั่งโดนธนูปักที่หัวเข่า” มาจนถึง “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่”
คำว่า ไวรัลลิตี นี้เป็นคำที่ยืมมาจากทางการแพทย์ หมายถึง ปรากฏการณ์ที่ของบางอย่าง เช่น ข้อความ อีเมล วิดีโอ หรือรูปภาพ แพร่กระจายตัวเหมือนไวรัส คือ ก๊อบปี้ตัวเองจากคนคนหนึ่งไปปรากฏในกระบวนความคิดของอีกคนหนึ่ง ไม่ว่าจะผ่านสื่อใดก็แล้วแต่ คำ ๆ นี้ถูกใช้มากในวิธีการทางการตลาดที่เรียกว่า ไวรัลมาร์เกตติ้ง (Viral Marketing) ซึ่งเป็นเทคนิคทางการตลาดอาศัยการสื่อสารออนไลน์เป็นหลัก
แต่เดิมนั้น (และแม้กระทั่งเฟซบุ๊กเอง) มักจะวัดอัตราการแพร่กระจายนี้ด้วยอัตราการแชร์ หรือจำนวนคนที่เข้ามาดูเนื้อหานั้น ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่หลายคนอยากรู้ในโครงข่ายของโซเชียลมีเดียเหล่านี้ คือ ใครเป็นผู้กระจายข่าวสารที่มีพลังมากที่สุด เพราะหากเรารู้ เราก็จะสามารถส่งสื่อโฆษณา หรือสิ่งที่ต้องการให้แพร่กระจายไปยังคนเหล่านี้ เพื่อให้ข่าวสารเหล่านั้นแพร่กระจายไปด้วยธรรมชาติของโซเชียลมีเดียเอง
แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดโน้มเอียงไปอีกทางหนึ่ง คือ กลุ่มนี้มีแนวคิดว่า สิ่งที่จะสามารถกระจายออกไปได้ เพราะตัวของมันเอง ซึ่งแนวคิดนี้เกิดมาไม่นานนี้ ตัวอย่างของงานวิจัยจากกลุ่มนี้ ก็มีเช่น งานวิจัยเมื่อปีที่แล้วของมาร์โค จิวรินิ, คาร์โล สแตรปปาราวา และ เกิซเด ออสบาล ซึ่งตีพิมพ์ในการประชุมวิชาการทริปเปิลเอไอ (AAAI) เกี่ยวกับเว็บบล็อกและสื่อสังคม ที่ระบุว่า จริง ๆ แล้ว เราอาจจะสามารถระบุได้ว่า ตัวเนื้อหาใด จะได้รับความนิยมและแพร่กระจายไปได้ในสังคมออนไลน์ โดยพิจารณาจากตัวเนื้อหาเอง ไม่ต้องพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้
ในงานของจิวรินิและชาวคณะนั้นได้ใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องโดยรับข้อมูลเป็นคำต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหา แล้วนำคำเหล่านั้นมาใช้แยกแยะว่า เนื้อหานั้นจะเป็นที่ชื่นชอบหรือไม่ จะมีคนคอมเมนต์หรือกระจายตัวมากหรือไม่ จะมีการโต้แย้งกันหรือไม่ หรือจะมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันมากหรือไม่
จากผลการทดลองของงานวิจัยนี้สรุปได้ว่า เพราะตัวเนื้อหาเองที่ทำให้มันกระจายตัวออกไปได้ ไม่ต่างจากการที่มีเพื่อนเห็นและแบ่งปันหรือส่งต่อในโซเชียลมีเดีย
วลียอดฮิตก่อนหน้านี้ที่ว่า “I took an arrow in the knee” เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สามารถสนับสนุนแนวคิดของงานวิจัยนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเกิดการใช้คำนี้แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทยที่กลายเป็นวลียอดฮิตว่า “จนกระทั่งโดนธนูปักที่หัวเข่า” ซึ่งตัววลีนี้เองไม่ได้มีการแชร์ผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ แต่การแพร่กระจายเกิดจากการที่มีผู้ใช้ต่อ ๆ กันมาโดยเริ่มจากทวิตเตอร์แล้วจึงมาเป็น เฟซบุ๊ก และในที่สุดก็กลายเป็นคำที่ใช้กันโดยทั่วไป
สำหรับกรณีของ “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ก็คล้ายกันตรงที่การกระจายตัวของข้อความเกิดจากการใช้งานของตัวมันเอง แม้จุดเริ่มต้นของวลีนี้จะต่างกัน ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นจากยูทูบก่อน แล้วจึงแพร่กระจายไปตามสื่อสังคมออนไลน์ทั่วไปอย่างรวดเร็ว
ก็ไม่แน่นะครับ เราอาจจะได้เห็นวลี “Kru Angkhana will definitely find out about this.” แพร่กระจายในโลกออนไลน์บ้างก็ได้
ถ้าถึงเวลานั้นก็ขอให้มองว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีใครผิด ไม่ได้มีใครถูก ไม่ได้สะท้อนความเหลวแหลกของสังคมใด ๆ
“มันก็แค่ปรากฏการณ์สนุก ๆ เรื่องหนึ่งในโลกออนไลน์...เท่านั้นเอง”.
สุกรี สินธุภิญโญ
(sukree.s@chula.ac.th)
ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
http://www.facebook.com/1001fanpage

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ระบบดูแลผู้สูงอายุผ่านมือถือ






จนได้ออกมาเป็นเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจและเครื่องตรวจสอบการล้มของผู้สูงอายุ

จากข้อมูลพบว่า แนวโน้มผู้สูงอายุในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สำหรับในประเทศไทย  แนวโน้มของผู้สูงอายุมีสถิติเพิ่มสูงขึ้นทุกปีโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 20 หลาย ๆ ประเทศจึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุมากขึ้น

ที่ผ่านมา พบว่า ปัญหาโดยส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุ คือปัญหาเรื่องของสุขภาพ ส่งผลให้ผู้สูงอายุอาจได้รับความกระทบกระเทือน เจ็บปวด หรืออาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น การคำนึงถึงวิธีการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ดร.เทอดศักดิ์ ลิ่วหาทอง อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ผู้พัฒนาระบบดูแลสุขภาพผู้สูงอายุทางไกลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล่าวว่า โดยทั่วไปการตรวจสุขภาพของผู้สูงอายุ จะมีการตรวจวัดความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ และการวัดเบาหวาน ซึ่งบางครั้งการเดินทางไปโรงพยาบาลอาจสร้างความลำบากให้กับผู้สูงอายุ นอกจากนี้การหกล้มยังเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตของผู้สูงอายุ

จึงมีแนวคิดพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ได้ออกมาเป็นเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจและเครื่องตรวจสอบการล้มของผู้สูงอายุ ใช้ดูแลสุขภาพเบื้องต้นของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวในระหว่างวันที่บ้านได้

เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ผู้สูงอายุสามารถตรวจวัดความดัน อัตราการเต้นของหัวใจได้ที่บ้านโดยไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ถึงโรงพยาบาล และเอาค่าที่วัดได้ส่งไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลได้ทันที ซึ่งแพทย์สามารถนำค่าที่ได้มาวินิจฉัยว่าตอนนี้สุขภาพของผู้สูงอายุเป็นอย่างไรบ้าง

ส่วนเครื่องตรวจสอบการล้มของผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุมักอยู่ที่บ้านตามลำพัง ลูกหลานออกไปทำงาน เรียนหนังสือนอกบ้าน ซึ่งจะมีปัญหาว่า หากหกล้มขึ้นมาไม่มีใครพาส่งโรงพยาบาล ซึ่งผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีอาการกระดูกพรุน กระดูกเปราะ ถ้าเกิดล้มขึ้นมาก็จะกระดูกหักได้ หากส่งโรงพยาบาลช้า อาจกลับมาเดินอีกไม่ได้ หรือถึงขึ้นเสียชีวิต

สำหรับการทำงานเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ใช้ง่าย เพียงสอดนิ้วเข้าไปด้านในเครื่องที่มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่  เริ่มต้นการทำงานด้วยการกดปุ่มสีแดง เพื่อที่จะให้เครื่องมือเริ่มต้นนับอัตราการเต้นของหัวใจ จนครบ 10 ครั้ง ผลจะถูกแสดงออกมาบนหน้าจอว่าผู้สูงอายุมีอัตราการเต้นของหัวใจเท่าไหร่ กี่ครั้งต่อนาที

ส่วนการทำงานของเครื่องตรวจจับการล้มของผู้สูงอายุ ประกอบด้วยอุปกรณ์ 3 ชิ้น ได้แก่ เซ็นเซอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง  โดยเซ็นเซอร์ ใช้ตรวจจับความเคลื่อนไหว ซึ่งจะผูกติดอยู่ที่เอวของผู้สูงอายุตลอดเวลา หากหกล้ม  ตัวเซ็นเซอร์ก็จะส่งข้อมูลการล้มมาที่โทรศัพท์มือถือที่อยู่กับตัวผู้สูงอายุ

โทรศัพท์มือถือที่ติดอยู่กับตัวผู้สูงอายุจะลิงก์ข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์ส่งผ่านมายังบลูทูธ โดยโทรศัพท์เครื่องนี้จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณเอสเอ็มเอสไปยังโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ที่โรงพยาบาล จากนั้นโทรศัพท์เครื่องที่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็จะอ่านข้อมูลจากเอสเอ็มเอส ที่ส่งมาจากโทรศัพท์ของผู้สูงอายุและทำการค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูลได้ว่าอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ ที่ไหน อย่างไร  และสามารถส่งรถพยาบาลไปรับมารักษาได้ทันท่วงที หรือส่งข้อมูลไปยังญาติของผู้สูงอายุ
   
ทีมผู้วิจัย บอกว่า การพัฒนาระบบดูแลสุขภาพผู้สูงอายุทางไกลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นหนึ่งในโครงการที่นักศึกษาของคณะฯ  3 คน ได้ร่วมวิจัยและพัฒนาขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ความสามารถในการใช้งานอยู่ในระดับดี

ในอนาคต จะพัฒนาให้เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจมีขนาดเล็กลง เพื่อสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ส่วนเครื่องตรวจสอบการล้มของผู้สูงอายุ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาต่อยอด จะไม่ใช้ โทรศัพท์ 2 เครื่อง เพื่อให้การใช้งานสะดวกมากขึ้นเช่นกัน.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ซื้อมือถือซัมซุงค่ายทรูมูฟได้เงินคืน100%


นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ธุรกิจโมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ทรูมูฟ เอช ได้ขยายฐานลูกค้าแบบเติมเงินบนสมาร์ทโฟน ผ่านโปรโมชั่น รับค่าเครื่องคืน 100% เป็นครั้งแรกของวงการโทรคมนาคมไทยที่จำหน่ายสมาร์ทโฟน 3จี พร้อมซิมเติมเงิน และคืนโบนัสใช้งานเต็มจำนวนเท่ากับมูลค่าเครื่องที่ลูกค้าซื้อไป
   
โดยร่วมมือกับ บริษัท ซัมซุง นำ ซัมซุง กาแล็กซี่ วาย ราคา 4,790 บาท ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก มาจำหน่ายพร้อมกับซิมทรูมูฟ เอช 3จีพลัส แบบเติมเงิน โดยทุกครั้งที่เติมเงิน ลูกค้าจะได้รับโบนัสคืนเท่ากับมูลค่าที่เติมเงินในแต่ละครั้ง จนครบ 4,790 บาท ซึ่งสามารถใช้เป็นทั้งค่าโทรฯ เอสเอ็มเอส เอ็มเอ็มเอส และดาต้า ได้เต็มมูลค่า จึงเหมือนลูกค้าได้รับค่าเครื่องคืน 100% เช่น เติมเงิน 100 บาท จะได้โบนัสสมทบอีก 100 บาท ไปจนครบ 4,790 บาท
ภายในเวลา 1 ปีนับจากวันที่ซื้อเครื่อง
   
นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือได้ขยายไปสู่การใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งงานและส่วนตัว  ซัมซุงคาดว่า กาแล็คซี่ วาย  จะเจาะกลุ่มวัยรุ่นและผู้เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟน ความร่วมมือกับทรูมูฟ เอช ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศได้มากขึ้น.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไอบีเอ็มเผยแนวโน้มภัยคุกคามออนไลน์ มุ่งเป้าสังคมออนไลน์และมือถือมากขึ้น


ไอบีเอ็มเผยรายงานแนวโน้มภัยคุกคาม พบการรักษาความปลอดภัยบนเน็ตดีขึ้นทำให้อาชญากรไซเบอร์คิดกลยุทธ์ใหม่มุ่งเป้าสังคมออนไลน์และมือถือมากขึ้น

รายงานข่าวจากไอบีเอ็ม แจ้งว่า ไอบีเอ็มได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มและความเสี่ยง เอ็กซ์-ฟอร์ซ ประจำปี 2554 ซึ่งเป็นรายงานประเมินภาพรวมประจำปีเกี่ยวกับสถาน
การณ์ด้านความปลอดภัยต่อภัยคุกคามทางออนไลน์ โดยรวบรวมข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลอัจฉริยะต่าง ๆ ทั่วโลก  ซึ่งจากรายงานดังกล่าวพบว่า การรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตมีการพัฒนาที่ดีขึ้นในหลายด้าน เช่น การลดลงของช่องโหว่ในการรักษาความปลอดภัยบนแอพพลิเคชั่น การใช้คำสั่งโจมตีช่องโหว่ และสแปม จากผลดังกล่าวพบว่าบรรดาอาชญากรไซเบอร์กำลังถูกบังคับให้ต้องคิดถึงกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการโจมตี จึงต้องเบนเข็มตั้งเป้าหมายไปที่ช่องโหว่ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น และมุ่งไปที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เครือข่ายสังคมออนไลน์และอุปกรณ์มือถือมากขึ้น

ทั้งนี้ จากไอบีเอ็มเอ็กซ์-ฟอร์ซ  พบว่า อาชญากรไซเบอร์พัฒนาเทคนิคในปี 2554 มีการคุกคามเพิ่มขึ้นใน 3 ด้านหลักคือ 1. การโจมตีช่องโหว่ของระบบผ่านทางเชลล์ คอมมานด์  มากขึ้นกว่าสองเท่า 2. การเดารหัสผ่านแบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  และ 3. การโจมตีแบบฟิชชิ่ง โดยการหลอกลวงว่าเป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์และบริการพัสดุไปรษณีย์มีมากขึ้น

นอกจากนี้เทคโนโลยีใหม่  ๆ  เช่น อุปกรณ์มือถือ และคลาวด์ คอมพิวติ้ง ยังคงสร้างความท้าทายต่อระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กร ทำให้เกิดวิธีการโจมตีแบบใหม่ โดยพบรายงานการโจมตีอุปกรณ์มือถือเพิ่มขึ้น 19% ในปี 2554 มีอุปกรณ์มือถือจำนวนมากในมือของผู้บริโภค ที่ไม่ได้รับการติดตั้งการปิดช่องโหว่ของระบบจากการถูกโจมตี ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้กับอาชญากรไซเบอร์ทั้งหลาย ตลอดจนการนำอุปกรณ์มือถือเหล่านี้มาใช้ภายในองค์กร ซึ่งผู้บริหารด้านไอทีควรเตรียมตัวรับมือให้ดีกับความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มขึ้นนี้ ส่วนการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับสื่อสังคมออนไลน์เพิ่มจำนวนขึ้น เนื่องจากผู้คนในยุคสื่อสารข้อมูลจำนวนมากที่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและวิถีการใช้ชีวิตบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นให้ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญต่ออาชญากรไซเบอร์ก่อนที่จะเริ่มโจมตีหรือแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ภาพหลุด “ฮิลลารี คลินตัน” เที่ยวไนต์คลับแดนซ์กระจาย


วันนี้ ( 17 เม.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคาร์ตาเกนา ประเทศโคลอมเบียว่า เมื่อเอ่ยถึง นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงภาพของสตรีผู้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างแข็งขันทัดเทียมนักการเมืองชาย บนเวทีการเมืองระดับโลก โดยปราศจากข่าวอื้อฉาวที่นอกเหนือจากเรื่องการงาน แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นางคลินตันขอใช้เวลาผ่อนคลายที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งในโคลอมเบีย หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำอเมริกา
โดยหลังเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นที่ทางการโคลอมเบียจัดขึ้นที่รีสอร์ตคาร์ตาเกนา มีผู้พบเห็นนางคลินตันในชุดสูทสีดำ ปรากฏกายในคาเฟ่ ฮาวานา ใกล้กับรีสอร์ต ร่วมกับทีมงานอีกหลายคนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยนางคลินตันพูดคุยในวงสนทนาอย่างออกรส พร้อมทั้งดื่มเบียร์ และเต้นอย่างสนุกสนาน
ขณะที่นายมาร์ค โทเนอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ให้สัมภาษณ์สั้นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นางคลินตันเพียงเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหนึ่งในทีมผู้ช่วยของเธอเท่านั้น โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า การกระทำดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

สยอง! ตำรวจบราซิลจับสมาชิกลัทธิกินเนื้อมนุษย์


วันนี้ ( 14 เม.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลว่า ตำรวจบราซิลจับกุมชาย 1 คน และหญิงอีก 2 คน ซึ่งต้องสงสัยฆาตกรรมหญิงสาวอย่างน้อย 2 คน และนำเนื้อของพวกเธอมารับประทานเป็นอาหาร โดยอ้างว่าเพื่อการชำระล้างจิตวิญญาณ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
 
นายเดโมคริโต้ โฮโนราโต้ โฆษกสำนักงานตำรวจเมืองกัวรันฮันส์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ แถลงว่า  ผู้ต้องสงสัยทั้งสามเรียกตัวเองว่ากลุ่ม “คาร์เทล” มีสมาชิกคือ นายจอร์เก้ และ นางเอลิซาเบธ ปิเรส ดา ซิลเวรา วัย 51 ปี และน.ส. บรูนา ดา ซิลเวรา วัย 25 ปี มีจุดมุ่งหมายที่จะสังหารผู้หญิงปีละ 3 คน  แล้วรับประทานเนื้อของเยื่อเพื่อชำระบาป และทำให้จิตใจบริสุทธิ์ โดยจะใช้วิธีลงโฆษณารับสมัครพี่เลี้ยงเด็กเพื่อหาเหยื่อ  ก่อนจะเลือกสังหารเมื่อ “จิตใต้สำนึก” บอกว่า เหยื่อรายไหนเป็นคนชั่วร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ค้นพบรายละเอียด และขั้นตอนทั้งหมดในหนังสือความยาว 50 หน้า ชื่อ “ ความสัมพันธ์ของผู้ป่วยจิตเภท” ที่เขียนขึ้นโดยนาย ดา ซิลเวรา
 
ส่วนศพของเหยื่อทั้ง 2 รายที่ถูกพบในสวนของบ้านของผู้ต้องสงสัย คือ น.ส. อเล็กซาดร้า ฟาลเคา วัย 20 ปี และน.ส. กิเซเล ดา ซิลวา วัย 30 ปี ซึ่งทั้งคู่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง และก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งชื่อของทั้งสองในคดีคนหายด้วย ทั้งนี้ กุญแจสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ คือ ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตของผู้ตาย ที่ผู้ต้องสงสัยนำไปใช้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้
 
นอกจากนี้ ระหว่างเข้าตรวจค้นบ้าน เจ้าหน้าที่ยังพบเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ซึ่งอาจเป็นบุตรของหนึ่งในผู้เสียชีวิต และขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์แล้ว เพื่อหาผู้อุปการะต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ตะลึง!ทารก 6 ขาวอนรัฐช่วยเหลือ


วันนี้ (15 เม.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซุคกูร์ ประเทศปากีสถาน ว่า เด็กทารกเพศชายชาวปากีสถาน ถือกำเนิดที่โรงพยาบาลพลเรือนซุคกูร์ จังหวัดสินธ์ ทางใต้ของประเทศ เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 13 เม.ย. สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่ทารกที่คลอดมีลักษณะพิเศษ คือมี 6 ขา สร้างความงุนงงแก่แพทย์พยาบาล รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าว ขณะที่นายอิมราน ผู้เป็นพ่อของเด็กทารกรายนี้ เผยว่า แต่งงานเมื่อ 4 ปีก่อน เพิ่งจะมีลูกคนนี้เป็นคนแรก

นายอิมราน ระบุว่า ก่อนคลอดทราบคร่าวๆ จากแพทย์ ลูกในครรภ์ภรรยามีปัญหาด้านอวัยวะ และแพทย์แนะนำให้เดินทางไปผ่าคลอด ที่โรงพยาบาลในเมืองการาจี ที่มีอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัยกว่า แต่ตนและภรรยาไม่มีเงิน เนื่องจากตนเองมีอาชีพเป็นช่างเทคนิกเอ็กซ์เรย์ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือนแค่ 6,000 รูปี จึงขอให้แพทย์ทำคลอดที่โรงพยาบาลเมืองซุคกูร์ หลังลูกเกิดมาพิการ ตนและภรรยาคงไม่มีปัญญาเลี้ยงดูแลลูก จึงอยากขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ฮือฮาต้นกล้วยคล้ายใบหน้าผู้หญิง


วันนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสมควร สินเจริญ อายุ 34 ปี ว่ามีต้นกล้วยในวัดทวีการะอนันต์ ซอยเทพกุญชร 22 หมู่ 11 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีใบหน้าที่โค่นต้นคล้ายใบหน้าผู้หญิง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายสมควรกำลังยืนรออยู่จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวไปดูต้นกล้วยประหลัดที่อยู่หลังวัด ข้างพระอุโบสถ โดยดงกล้วยดังกล่าวมีทางเดินแคบ ๆ และต้นหญ้าราบลู่คล้ายมีคนเดินผ่านเข้าออกเป็นประจำ ที่บริเวณโค่นต้นกล้วยต้นหนึ่งมีผ้าสามสีพันรอบ แต่ผู้สื่อข่าวพยายามตรวจสอบตามรอบลำต้นไม่พบรอยประหลาดที่นายสมควรระบุว่ามีรูปใบหน้าคล้ายผู้หญิงที่โค่นต้นแต่อย่างใด โดยนายสมควรระบุว่าตนไม่ทราบเหมือนกันเพราะอะไร ที่พอแจ้งผู้สื่อข่าวให้มาตรวจสอบ รอยใบหน้าคล้ายผู้หญิงที่โค่นต้นกล้วยกลับหายไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่มาดูต่างเห็นเหมือนกันทุกคน
นายสมควรระบุอีกว่า อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้พระครูปทุมสีลโสภณ เจ้าอาวาสได้ใช้กล้องจากโทรศัพท์ถ่ายภาพบริเวณโค่นต้นกล้วยเอาไว้ ก่อนจะส่งต่อมาให้ตน จากนั้นนายสมควรได้เปิดมือถือให้ผู้สื่่อข่าวดูภาพดังกล่าว โดยในภาพที่โค่นต้นกล้วยจะมีใบหน้าคล้ายผู้หญิงทั้งตา หู จมูก และปากอย่างชัดเจน "เมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนมีประชาชนเดินทางมาทำบุญที่วัด ระหว่างนั้นมีญาติโยมคนหนึ่งมาเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ได้เดินไปให้อาหารปลาที่หลังวัดเห็นว่าต้นกล้วยตานีที่อยู่ด้านข้างพระอุโบสถคล้ายกับมีคนเดินเข้าออกได้ เจ้าตัวจึงได้ทำการประทับร่างทรงจนพบว่า มีนางตานีสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยดังกล่าว จากนั้นรุ่งขึ้นขณะที่หลวงพ่อกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในบริเวณวัด ได้ลองใช้โทรศัพท์มือถือทดลองบันทึกภาพต้นกล้วยที่มีประชาชนมาเล่าถึงความแปลกให้ฟัง ปรากฏว่าภาพที่บันทึกนั้นเป็นช่วงบริเวณลำต้นมีภาพใบหน้าสุภาพสตรีปรากฏขึ้นมา โดยมีอวัยวะตาหูจมูก และปากอย่างชัดเจน จึงได้มีการส่งบูลทู๊ดต่อ ๆ กันไป จนชาวบ้านแห่มาขอหวยกันเกือบทุกวัน.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

สาวประเภท 2 โชว์เปลือยอกมอบตัว




วันนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านางจินตนา สงวนนามสกุล อายุ 53 ปี ได้พาน้องมิกกี้ อายุ19 ปี สาวประเภท 2 ที่เปลือยอกเต้นโชว์เล่นน้ำสงกรานต์กลางเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา จนเป็นข่าวดังทั้งในเฟชบุ๊ก และทำให้กระแสสังคมวิจารณ์กันถึงความเหมาะสมนั้น ไดเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รองผบก. พ.ต.อ.ชัยณรงค์ สมเพราะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.ต.อนุรักษ์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนน้องมิกกี้รับสารภพว่า ภาพที่ปรากฎในเฟชบุกเป็นภาพของน้องมิกกี้เอง ในวันเกิดเหตุได้ขึ้นไปเต้นโชว์บนตู้ลำโพง ตามแรงเชียร์ของเพื่อน ๆ และกลุ่มวัยรุ่น ที่ยืนดูจำนวนมากจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำการอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล โดยการเปลือยร่างกาย(อนาจาร) ก่อนปรับเงิน 500บาท พร้อมขอฝากเตือนประชาชนที่เข้ามาเล่นน้ำภายในเกาะเมืองวันสุดท้าย ขอให้เล่นกันอย่างสุภาพให้ยึดหลักประเพณีอันดีงามของคนไทย หากพบการกระทำสิ่งที่ไม่ดีงามขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอฝากเตือนไปยังกลุ่มหนุ่มสาวประเภท 2 ซึ่งเป็นเพื่อนของน้องมิกกี้และทั่ว ๆ ไปการจะแสดงโชว์ขอให้ยึดหลักอันดีงามไม่ขัดต่อศีลธรรมและประเพณีโดยเฉพาะพื้นแผ่นดินอยุธยา
ด้านน้องมิกกี้เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุที่ขึ้นไปเต้นโชว์ได้รับแรงกระตุ้นจากกลุ่มเพื่อนสาวประเภท 2 ที่มาเต้นกันประมาณ 20 คน ประกอบกับดื่มแอลกอฮอล จึงขึ้นไปเต้นได้สักพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะมีภาพออกไปทางสื่ออย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ตนรู้สึกสำนึกผิดขอกราบขอโทษสังคม และชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ตนแสดงกริยาไม่ดีไม่งามในเทศกาลวันสงกรานต์ ขอบอกกลุ่มวัยรุ่นทั้งหญิงชายและสาวประเภท 2 อย่าทำเลียนแบบตน และขอประกาศว่าจะไม่ทำอนาจารแบบนี้อีกรวมทั้งการดื่มแอลกอฮอลด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่จะให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ น้องมิกกี้ของแต่งหน้าแต่งตาก่อน พร้อมกับกล่าวว่าอยากให้โลกรู้จักสาวประเภท 2 ของไทยมาก ๆ ขึ้น.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปตท.-บางจากปรับราคาเบนซิน 91 อีก 1.07 บาทต่อลิตร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันอย่างปตท. และบางจาก ประกาศปรับขึ้นราคานัำมันเบนซิน 91 เพิ่มอีกลิตรละ 1.07 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. 55 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบินซิน 91 อยู่ที่ 43.85 บาทต่อลิตร  ส่วนราคาน้ำมันประเภทดีเซล และแก๊สโซฮอล์ยังอยู่ในอัตราเดิม
ขณะเดียวกันก็จะปรับราคาแอลพีจีในภาคขนส่ง กก.ละ 75 สต. และ ปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์เอ็นจีวี อีก กก.ละ 50 สต.   ซึ่งการปรับราคาพลังงานครั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ต้องการลดภาระการอุดหนุนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและปรับโครงสร้างราคาพลังงาน

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

วิญญาณเฮี้ยนเข้าฝันเพื่อนอยากกลับบ้าน ล้างป่าช้าตะลึงเจอกระดูกเพื่อนจริง ๆ









ขนลุกล้างป่าช้าเจอเพื่อนเหลือแต่กระดูก มาเข้าฝันบอกให้พากลับบ้านด้วยทั้งที่ไม่เจอกันมา 18 ปี
วันนี้ (15 เม.ย.)  นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ ในฐานะประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.ศิริณัฏฐ์ อินทร์เพ็ง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/125 ม.6 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ที่มาร่วมเก็บศพไร้ญาติว่า ได้พบศพและเอกสารที่ระบุว่าเป็นเพื่อนของตนที่ไม่ได้พบกันมานานกว่า 18 ปี ภายในหลุมฝังศพที่ 609 ของสุสานเก็บศพไร้ญาติของมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ หลังจากที่เพื่อนได้มาเข้าฝันเมื่อคืน และบอกว่าให้ช่วยพากลับบ้านด้วย เนื่องจากได้รับความลำบากมาก และได้มาพบศพเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่า 18 ปีจริง ๆ อย่างปาฏิหาริย์  ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่ทราบข่าว
 
น.ส.ศิริณัฏฐ์ เล่าให้ฟังว่า  เมื่อคืนที่ผ่านมา น.ส.สร้อยสังวาล  ยินดี ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน และไม่ได้เจอกันมานานกว่า 18  ปีแล้ว ได้มาเข้าฝันบอกตนว่า ขอให้พากลับบ้าน เนื่องจากได้รับความลำบากมาก ซึ่งในฝันนั้น เพื่อนได้ขับรถบัสโดยสารมา และบอกว่ากลับบ้านไม่ได้ โดยไม่ทราบสาเหตุ บนรถโดยสารคันใหญ่แต่มีตนกับเพื่อนเพียง 2 คนเท่านั้นที่อยู่บนรถ กระทั่งวันนี้ได้เดินทางมาร่วมเก็บศพไร้ญาติ ล้างป่าช้าของมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ และในขณะที่กำลังทำความสะอาดกระดูกที่ขุดพบในป่าช้าอยู่นั้น ได้มีคนวิ่งมาบอกว่า พบศพที่ได้ระบุไว้ก่อนเดินทางมาเก็บศพในหลุมที่ 609 น่าจะเป็นเพื่อนของตนที่ได้มาเข้าฝัน และบอกให้ช่วยเหลือ จึงได้วิ่งมาดู ถึงกับตกใจเนื่องจากเป็นเพื่อนที่เธอฝันถึงเมื่อคืนจริง ๆ โดยในกระเป๋าเงินมีบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าของ สปสช. เลขที่  8966424002 ของ รพ.เขาสมิง จ.ตราด ออกให้เมื่อ 21 ธ.ค. 2552  มีบัตรประชาชนเลขที่ 5-3013-00010-41-8 อยู่บ้านเลขที่ 75/10 หมู่1 ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด และบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าของ สปสช. เลขที่ 8959971890  ของ  รพ.เมืองยาง  อ.เมืองยาง จ.นคราชสีมา  ระบุชื่อ นางสาวสร้อยสังวาล  ยินดี  อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1 ต.โนนอุดม อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา  โดยตนยืนยันว่า ชื่อ และที่อยู่ ที่ระบุเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน และก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเพื่อนได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก
 
ด้านนายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี ประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ กล่าวว่า ขณะที่เซียนซือท่านประทับทรง และได้ชี้มาที่หลุม 609 ให้ขุดตรงนี้และพบศพดังกล่าว ซึ่งเป็นความเชื่อของพวกเราว่า วิญญาณของผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้นำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วิญญาณจะล่องลอยเพื่อหาที่เกิดใหม่ และบังเอิญเป็นช่วงจังหวะของเราจริง ๆ ที่พบจึงถือว่าเป็นนิมิตรที่วิญญาณได้มาเข้าฝันให้เพื่อนมาเก็บกระดูกตรงนี้ ที่มีวิญญาณคอยอยู่ และเอกสารที่พบน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา และยังได้กล่าวอีกว่า การทำพิธีเก็บศพไร้ญาตินี้ ทางมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ (เม่ง เลี้ยก เซี๊ยง ตั้ว ) หรือเซียนซือสัตหีบ ได้ทำพิธีเก็บศพไร้ญาติเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งห่างจากครั้งแรกเมื่อปี  2536 ประมาณ 19 ปี  ซึ่งปัจจุบันมีศพไร้ญาติที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ การเจ็บป่วย หรืออื่น ๆ ที่ไม่มีญาติมาติดต่อขอรับศพ และได้ถูกนำมาเก็บฝังไว้ ณ สุสานแห่งนี้มากกว่า 1,200 ศพ  และจากการที่ได้ร่วมขุดศพไร้ญาติมาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 55 เป็นต้นมา ได้พบศพไร้ญาติแล้วกว่า 400 ศพ 
 
สำหรับในกรณีที่พบศพในลักษณะเช่นนี้ มีสาเหตุหลายประการ อาทิ อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุขนาดใหญ่ที่ เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อญาติแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และให้หน่วยกู้ภัยนำศพมาฝากฝังไว้ หรืออาจจะเสียชีวิตจากโรงพยาบาลด้วยโรคร้ายแรง และญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต หรือการเสียชีวิตในกรณีอื่นๆ ที่ญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต และให้หน่วยกู้ภัยนำศพมาฝังไว้ ณ สุสานฝังศพไร้ญาติของมูลนิธิฯ อาจเป็นไปได้ ซึ่งในกรณีนี้ จะได้มีการติดต่อหาญาติผู้ตายให้ได้รับทราบว่า ศพที่พบนี้เป็นศพของ น.ส.สร้อยสังวาล  ยินดี ที่ผู้เก็บศพไร้ญาติได้พบพร้อมเอกสาร ที่ได้ระบุชื่อไว้ในหลุมฝังศพที่ 609 หรือไม่ต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th