วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เอาใจคนไทยครม.เว้นภาษีรถยนต์-กองทุน-นิทรรศการ





ทั้งรถยนต์คันแรก-กองทุนโรงเรียนเอกชน-เอกชนจัดนิทรรศการ
วันนี้ ( 5 มิ.ย.) นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ ที่ได้รับจากรัฐจากการซื้อรถยนต์คันแรก เป็นจำนวนเท่ากับภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ซื้อแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้เฉพาะรถยนต์คันแรกที่ซื้อระหว่างวันที่ 16ก.ย. 54 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 55 ซึ่งเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ


นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบ ตามที่กระทรวงการคลัง  เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป เพื่อสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชนประเภทในระบบให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ รวมทั้งการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะครั้งนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีกทั้งการเงินและงบประมาณของประเทศ แม้จะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีบ้างแต่เป็นจำนวนไม่มากนัก

นายภักดีหาญส์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ครม.ยังเห็นชอบให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.55-30 มิ.ย.55 มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100 % นอกเหนือจากปัจจุบันที่กระทรวงการคลังมีมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างส่วนนิติบุคคลที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 100% ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง ค่าประกันภัย ค่าระวาง หรือค่าขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ ที่ใช้ในการเข้าร่วมงานออกร้านงานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้าดังกล่าว โดยเป็นรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 13ต.ค.53- 31 ธ.ค. 54

โรลส์-รอยซ์ เล็งตั้งไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน





โรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์สำหรับอากาศยานของอังกฤษ สนใจไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ชี้ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่ม
วันนี้ ( 8 มิ.ย.) นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริษัท โรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตรถยนต์และผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน จากประเทศอังกฤษ สนใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสนใจในธุรกิจพลังงาน โดยผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษา และคาดว่าบริษัทฯจะใช้ภาคตะวันออกเป็นฐานการผลิต




“บริษัทฯมีความสนใจขยายการลงทุนในประเทศกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยและสิงคโปร์ ส่วนประเทศจีน แม้จะมีความสนใจเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ยังมีปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรอยู่มาก ส่วนการดำเนินธุรกิจในไทยนั้น บริษัทฯ จะได้รับการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ซึ่งการลงทุนในไทยครั้งนี้ จะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น”



นายวิฑูรย์ กล่าวว่า การผลิตชิ้นส่วนอากาศยานต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความละเอียด แม่นยำเป็นอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทฯได้รับความร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตบุคคลากรด้านอากาศยานและการบินกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจอากาศยานและการบินของประเทศไทยในอนาคต โดยทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนยันว่ามีความพร้อมด้านบุคลากร ด้วยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์อากาศยาน ที่ผลิตบุคลากรตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 15 รุ่น หรือประมาณ 450 คน

กนง.ตรึงดอกเบี้ยตามตลาดคาด





กนง.ตรึงดอกเบี้ยนโยบาย3% หวั่นเศรษฐกิจโลกผันผวนฉุดการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย
วันนี้ ( 13 มิ.ย.)  นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาจากเศรษฐกิจในยุโรป โดยกนง.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับนโยบายการเงินให้มีความเหมาะสม สำหรับปีนี้ กนง.ยังมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้ยังขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 6%


 “ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน จากความไม่แน่นอนในการแก้ไขปัญหากรีซในกลุ่มประเทศยูโรและปัญหาภาคสถาบันการเงินในสเปน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโดยรวมมีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้ และอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน แต่ทั้งนี้ความต้องการใช้จ่ายในประเทศกลุ่มภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวดีและสามารถใช้นโยบายการเงินการคลังเพิ่มเติมได้หากจำเป็น จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกได้ในระดับหนึ่ง และในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ กนง.จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เป็นครั้งแรก เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับเสถียรภาพการเงินและตลาดการเงิน”


สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ขยายตัวได้ดีสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ที่ระดับ 0.3% และคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย สินเชื่อภาคเอกชนยังขยายตัวได้สูง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ทั้งนี้ต้องติดตามการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้วทวีความรุนแรงขึ้น โดยครั้งนี้กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจยุโรปจะติดลบมากขึ้นที่ระดับ 0.7% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 0.5%


 ส่วนแรงกดดันของเงินเฟ้อจากต้นยทุนการผลิตเริ่มลดลงตามราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลลงด้วย แต่เศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวได้ดีและต่อเนื่องส่งผลให้การปรับราคา จากต้นทุนของสินค้าและบริการทำได้ง่ายขึ้น ขณะที่การปรับจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาและการปรับโครงสร้างพลังงานในอนาคต ทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนยังคงอยู่ในระดับสูง

ค่าเอฟทีบิลค่าไฟฟ้ามิ.ย. เพิ่ม 30 สต.ต่อหน่วย






สิ้นเดือน มิ.ย. ชาวบ้านหนาว ! ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่ม 30 สต.ต่อหน่วย และลดการใช้ไฟฟ้าฟรีจาก 90 หน่วยเหลือ 50 หน่วย เป็นเดือนแรก
วันนี้ ( 13 มิ.ย.) นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ค่าไฟรอบบิลตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค. จะมีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เพิ่มขึ้นอีก 30 สต. ต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามมติ กกพ. ที่ประกาศค่าเอฟทีขึ้นอีก 30 สต.ต่อหน่วยในรอบบิล พ.ค. – ส.ค. 55 แต่ในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา กกพ. ได้ตรึงค่าเอฟทีให้ 1 เดือน เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนจากค่าครองชีพที่สูง รวมถึงได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนว่าในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อนมีปริมาณใช้ไฟสูง


 ทั้งนี้ในช่วงการตรึงค่าไฟเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับภาระดังกล่าว และเมื่อร่วมภาระค่าเอฟทีที่กฟผ.ต้องตรึงช่วงที่ผ่านมารวมเป็นเงิน 14,000 ล้านบาทแล้ว


 นอกจากนี้ ในเดือนมิ.ย. เป็นเดือนแรกที่เริ่มนโยบายช่วยเหลือค่าไฟหรือใช้ไฟฟ้าฟรีได้เพียง  50หน่วย โดยเป็นการปรับลดจากเดิมที่ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าฟรี  90 หน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรม รับภาระเข้ามาอุดหนุนค่าไฟฟ้าลดลงจากเดิม 12,000 ล้านบาทต่อปี เหลือ 3,000ล้านบาทต่อปี แต่ถ้ามองในตัวของประชาชนที่ได้รับสิทธิจากนโยบายนั้นปรับลดลงน้อยกว่า คือลดลงจาก7 ล้านครัวเรือน เหลือ 5 ล้านครัวเรือนเท่านั้น


“ ขอชี้แจงว่าค่าเอฟที ที่ขึ้น 30 สต.ต่อหน่วยนั้นข้อเท็จจริงเราจะต้องขึ้นในรอบ 4 เดือนคือ พ.ค.-ส.ค. 55 แต่เพราะประชาชนมีค่าครองชีพที่แพงจึงช่วยเหลือตรึงค่าเอฟที เดือนพ.ค.ให้ 1 เดือนเพื่อช่วยประชาชน ส่วนการลดใช้ไฟฟรีเหลือ 50 หน่วยก็เพื่อให้เกิดการใช้ประหยัดมากขึ้น และบรรเทาผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่จะต้องจ่ายค่าไฟแพงเพื่อช่วยเหลือครัวเรือน”

“ขันเงิน” เปิดหมดทุกห้องหัวใจ มีไว้ให้งานกับผู้หญิงที่ชื่อ “ศรีริต้า” - หนุ่มฮอต หนุ่มฮิพ





ได้ชื่อว่าเป็น 3 เจ้าพ่อ “ฮิปฮอป” ของเมืองไทย สำหรับ “ไทยเทเนี่ยม” ที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงดนตรี ถึงวันนี้ชื่อพวกเขา “ขันเงิน-เดย์-เวย์” ก็สามารถก้าวมาอยู่แถวหน้าในกลุ่มนักร้องคุณภาพได้อย่างสมศักดิ์ศรี วันนี้โอกาสนี้เราก็ขอคว้าตัว 1 ใน 3 อย่าง “ขันเงิน เนื้อนวล” มาพูดคุยแบบหมดเปลือกเปิดทุกหัวใจทั้งเรื่องงานและ “ความรัก” กับนางเอกสาว “ริต้า-ศรีริต้า เจนเซ่น” ขอบอกว่าห้ามพลาด

“งานชุก”

ขออัพเดทงานล่าสุดที่ทำอยู่ในตอนนี้ ได้ข่าวงานเยอะมาก?

“สำหรับของวงไทยเทเนี่ยม ล่าสุดตอนนี้ก็มีอัลบั้มคาราโอเกะครับ ก็เป็นอัลบั้มคาราโอเกะชุดที่ 2 ของไทยเทเนี่ยมแล้วครับ มีแฟนเพลงชอบบอกว่าอยากร้องเพลงของพวกเราได้บ้าง บางคนก็บอกว่าเอ็มวีเราหาดูยาก ก็เลยคิดที่จะรวมเอ็มวีในรูปแบบคาราโอเกะออกมาครับ นอกจากนั้นผมก็มีพวกงานเพลงโฆษณา ล่าสุดที่เพิ่งออกไปก็มีเพลงโฆษณาโช้คอัพ เควายบี ที่มีบัวขาว เป็นพรีเซ็นเตอร์ และก็มีเพลงประกอบโฆษณาเมเจอร์เมกา ซีนีเพล็กซ์ บางนาครับ เรียกว่างานชุกเลยทีเดียว”

ได้ข่าวว่า “โกอินเตอร์” ด้วย?

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ นอกจากนั้นก็มีงานใหม่ ๆ ที่บอกมาข้างต้น เราไปทำกับต่างประเทศครับ ล่าสุดก็เพิ่งไปทัวร์ที่ญี่ปุ่น กับ ออสเตรเลีย แฟนเพลงให้การตอบรับดีมากครับ แล้วก็ยังคงเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ครับ นอกจากนั้นหลัก ๆ ก็ดูแลค่ายไทยเทเนี่ยม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ค่ายเพลงของพวกเราไทยเทเนี่ยมนี่ละครับ ก็มี น้อง ๆ เซาท์ไซด์ ที่อยากจะฝากไว้ด้วย”

“อินเตอร์”

เห็นบอกว่าเราฮอตมากที่ประเทศญี่ปุ่น?

“ที่ญี่ปุ่น ก็จะหนักไปทางแฟนเพลงญี่ปุ่นมากกว่าคนไทยนะครับ เพราะที่นั่นเราเพิ่งมีโปรเจคท์พิเศษกับเพื่อนแร็พเปอร์ที่โอซากา ชื่อโปรเจคท์ว่า ต้มยำซามูไร เป็นการรวมเอา 2 วัฒนธรรมจาก 2 ฝั่งมาไว้ด้วยกัน ซามูไร แน่นอนเราจะเข้าใจทันทีว่าหมายถึงญี่ปุ่น เช่นกันครับ ต้มยำ รสชาติรุนแรง เผ็ดร้อน ก็หมายถึงชาวไทย ก็เป็นโปรเจคท์เล็ก ๆ ที่เราทำร่วมกับเพื่อน ๆ เหมือนเป็นการชิมลางในตลาดเพลงมากกว่า แต่ผลตอบรับกลับได้ดีเกินคาดซึ่งพวกเราก็พอใจมากครับในจุดนี้ แล้วอีกที่ที่ไปทัวร์ก็คือ ออสเตรเลีย อันนี้สนุกมาก ได้เจอกับแฟนคลับชาวไทยที่โน่นอีกหน หลังจากที่เราไปเล่นเมื่อครั้งก่อนเมื่อ5 ปีที่แล้ว แฟนเพลงที่โน่นก็ยังสนุกเหมือนเดิม เต็มที่เหมือนเดิม ก็ต้องขอขอบคุณแฟน ๆ ที่โน่นด้วยนะครับ”

มีโครงการอะไรที่วางไว้มั้ย เพราะดูเหมือนว่าเราจะเป็นคนทำงานแบบจริงจัง?

“เร็ว ๆ นี้ ผมมีโครงการทำงานเพลงกับศิลปินในเอเชียครับ มีโปรเจคท์ของไทยเทเนี่ยม อันนี้เป็นอัลบั้มของพวกเราเองเลย ที่จะทำไปออกที่ญี่ปุ่นครับ ก็มีฟีเจอริ่งกับศิลปินที่โน่น ไปถ่ายเอ็มวีที่ญี่ปุ่นกับที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ก็ถ่ายทำเรียบร้อย อยู่ในช่วงการตัดต่อครับ ปีนี้คงเป็นอีกปีนึงที่พวกเราต้องเดินทางกันเยอะนิดนึงครับ เพื่อไปทำงานที่โน่นด้วย แต่ยังไงก็ยังไม่ทิ้งงานที่เมืองไทยแน่นอนครับ นอกจากนั้นสำหรับผมเองก็มีงานโปรดิวซ์ให้ศิลปินอื่นด้วยครับ ส่วนของผมเอง เร็ว ๆ นี้ก็จะมีเพลงพิเศษออกมาให้ได้ฟังกันด้วยครับ”

“แบ่งเวลา”

ทำงานเยอะขนาดนี้ มีวิธีแบ่งเวลาพักผ่อนยังไงบ้าง?

“ก็แบ่งเวลาได้นะครับ เพราะผมตื่นเช้าอยู่แล้ว ตื่นมาออกกำลังนิดหน่อย แล้วก็มาทำงาน บ่ายไปทำเพลงที่สตูดิโอ ผมจะใช้ชีวิตในสตูดิโอถึงมืด ๆ ถ้าวันไหนมีงานก็จะไปเล่นคอนเสิร์ต ไม่มีก็กลับบ้านพักผ่อน วันอาทิตย์ก็จะเป็นวันพักผ่อนเต็ม ๆ ถ้าไม่ได้มีงานอะไรก็จะไปวัด ทำบุญ ไหว้พระ แต่ถ้ามีโอกาสหยุดยาว ๆ จะหาเวลาไปพักผ่อนต่างจังหวัด ผมชอบไปเที่ยวทะเล ส่วนมากที่ไปบ่อย ๆ เลยก็เป็นที่ภูเก็ตครับ”

มีสิ่งที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้างมั้ย?

“ยังนึกไม่ออกตอนนี้นะ มีโอกาสอะไรให้ลองทำ ผมก็ลองหมดนะ ลองทำทีวี ลองทำคอนเสิร์ต ลองทำเพลงแปลก ๆ ลองทำงานใหม่ ๆ ให้กับหลาย ๆ ศิลปิน ลองทุกอย่างนะครับ ถ้ามีโอกาสมาให้เราลองทำ และผมมีเวลาพอที่จะทำด้วยครับ”

“ศรีริต้า”

อัพเดทเรื่องความรักได้มั้ย เพราะปกติ “ขันเงิน” ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่?

“ได้ครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูดหรืออะไรนะครับ เพราะว่าผมก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ปิดบังหรือเปิดเผยอะไร ไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง ถ้าเกิดว่ามีเวลาตรงกัน ไปกินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าบางครั้งพี่ ๆ นักข่าวไม่เห็นก็เท่านั้นเอง อย่างที่ผมเคยพูดเสมอ ๆ เราเป็นเพื่อนกันนะครับ ตอนนี้สนิทกันมากขึ้น เค้าเป็นคนน่ารักครับ ทุกอย่างก็ดีครับ อยากจะบอกที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนะครับ เพียงแต่เราเป็นคนพูดน้อยมากกว่า ใครถามอะไรผมก็ตอบเสมอนะครับ”

ถือว่า “ความรัก” ณ วันนี้ลงตัวมั้ย?

“ผมจะบอกยังไงดี (เขิน) ก็ดีครับ ทุกอย่างอยู่ในช่วงที่เราพูดคุยกันอยู่ ศึกษากันไป ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถามว่าลงตัวมั้ย มันก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชีวิตผมถือว่าทุกอย่างลงตัว ทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว ขอตอบเป็นกลาง ๆ แบบนี้แล้วกันนะครับ”

ฝากอะไรทิ้งท้ายถึงแฟน ๆ “เดลินิวส์” หน่อย?

“ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนนะครับ ที่ติดตามผลงานของผม และ ไทยเทเนี่ยม พร้อมทั้งศิลปินในสังกัด ไทยเทเนี่ยม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่าง เซาท์ไซด์ ด้วยนะครับ เร็ว ๆ นี้มีอะไรสนุก ๆ มาให้ฟังกันแน่นอนครับ”

ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าหนุ่มคนนี้เขาฮอตทั้งเรื่องงานและเรื่องรักจริง ๆ เรียกว่าลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟมากมายจริง ๆ ส่วนเสาร์หน้าแน่นอนว่าเรายังมีหนุ่มหล่อมานั่งคุยกับเราตรงนี้แน่นอน แต่จะเป็นใครต้องติดตามกันนะจ๊ะ.

กาญจนา สิทธิเม่ง

แต่งสายตรวจชิงทรัพย์เซเว่นฯ





โจรแสบแต่งสายตรวจบุกจี้ร้านเซเว่นฯ หนีลอยนวล


วันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.ท.บุญเลิศ ภิรมย์เอี่ยม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ สาขาปากทางเข้าหมู่บ้านชวนชื่น ถนนกาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล สน.ธรรมศาลา กำลังเจ้าหน้าสายตรวจและตำรวจฝ่ายสืบสวน


ที่เกิดเหตุพบ น.ส.เอ๋ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 20 ปี พนักงานแคชเชียร์ ของร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตระหนก พร้อมให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 03.45 น.ที่ผ่านมาซึ่งขณะนั้นภายในร้านไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อของ ส่วนตนกำลังเข้าเวรยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน จู่ๆ มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูงประมาณ 170-175 เซนติเมตร ลักษณะการแต่งกายใส่เสื้อคลุมสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีกากี และใส่รองเท้าหนังสีดำ ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าและสวมหมวกนิรภัยตราโล่สีทองคล้ายหมวกของตำรวจสายตรวจ ทีแรกตนคิดว่าเป็นตำรวจมาตรวจตามปกติ แต่จากนั้นชายดังกล่าวก็ปรี่มาหาตนที่เคาน์เตอร์พร้อมชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดออกมาโชว์บังคับให้นำเงินในลิ้นชักเก็บเงินออกมาให้ ด้วยความกลัวตนจึงหยิบเงินสดที่มีทั้งหมดให้ไป 2,800 บาท ก่อนที่คนร้ายจะเดินหนีออกไปช้าๆ อย่างใจเย็น


ด้าน พ.ต.ท.จิระพันธุ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำเพื่อเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายอย่างละเอียดแล้ว และจะต้องแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าจะใช้หลบหนี เนื่องจากกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อไม่สามารถจับภาพยานพาหนะของคนร้ายเอาไว้ได้เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

เด้ง"ร.ต.อ.-ด.ต.”ช่วยราชการภาค 3เอี่ยวโกงสอบตำรวจ





"พล.ต.ท.ภาณุ" ลงนามคำสั่งเด้ง "ร.ต.อ.-ด.ต." ช่วยราชการประจำสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 หลังพบพัวพันเอี่ยวขบวนการโกงสอบเข้าตำรวจ
วันนี้( 14 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รอง ผบช.ภาค 3 หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนภูธรภาค 3 ในคดีทุจริตสอบนายสิบตำรวจในพื้นที่ภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า คดีทุจริตสอบตำรวจในส่วนของภูธรภาค 3 ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว หลังมีการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการโกงข้อสอบไปแล้ว 6 ราย ประกอบด้วย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ อายุ 45 ปี ครู ร.ร.อนุบาลศรีสะเกษ  นายธนากร วิเศษ อายุ 36 ปี นางศตพร วิเศษ อายุ 37 ปี นายปัญญาศักดิ์ นิลเพ็ชร อายุ 30 ปี และนายสมชาย แสงทอง อายุ 49 ปี และสามารถยึดเงินสดที่เรียกรับจากผู้สมัครเข้าสอบรวม 10,936,000 บาท ก่อนให้การซัดทอดถึงและนำไปสู่การจับกุม นายดาชัย อุชุโกศลการ อายุ 42 ปี ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง ประธานสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท ประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล พร้อมกันนี้ยังได้ออกหมายจับ นายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร อายุ 29 ปี ลูกน้องคนสนิทของนายดาชัย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีด้วย โดยคดีนี้  พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภาค 3 จัดตั้งทีมพนักงานสอบสวน เพื่อคลี่คลายคดีนี้ถึง 30 นาย ชุดสืบสวนอีก 40 นาย ดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยวันนี้ได้ส่งทีมชุดสืบสวนสอบสวน 2 ชุด ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อำนาจเจริญ เพื่อหาข้อมูลแห่ลงต้นตอของขบวนการทุจริต ที่จะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้บงการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่น ๆ ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่านี้แน่นอน

ขณะเดียวกันในวันเดียวกันนี้เอง พล.ต.ท.ภาณุ  ยังได้ลงนามคำสั่ง เรียกตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เข้ามาช่วยราชการประจำสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 เป็นเวลา 30 วัน คือ ร.ต.อ.สนั่นพล กัลยานาม รอง สวป.สภ.เมืองศรีสะเกษ และ ด.ต.วชิรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ลูกน้องในสังกัดเดียวกัน และเป็นสามีของนางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูสาวที่เป็นแกนนำร่วมขบวนการใหญ่กลุ่มนี้ โดยตำรวจทั้ง 2 นาย ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตโกงข้อสอบ เกรงว่าหากปล่อยให้อยู่ในพื้นที่ จะมีผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่

นอกจากนี้ในส่วนของการรวบรวมพยานหลักฐาน จะสืบสวนเจาะลึกไปยังตัวเด็กและผู้ปกครองที่กระทำการทุจริต เพื่อค้นหาร่องรอยหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะการตรวจสอบกระดาษคำถาม ที่มีการบันทึกรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบ ซึ่งผู้ที่ทุจริตจะใช้เป็นกระดาษทดเลขที่มีการเขียนตัวเลขหรือถอดรหัสตัวเลขต่าง ๆ ในกระดาษคำถาม ที่จะเชื่อมโยงกับการส่งคำถามและคำตอบของขบวนการโกงข้อสอบอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกัน นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูสาวโรงเรียนใน จ.ศรีสะเกษ หัวหน้าขบวนการโกงสอบตำรวจ ได้เดินทางมาพร้อมกับ ด.ต.วชิรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ สามี หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกเรียกตัวมาประจำสำนักงานตำรวจภาค 3 เข้าพบกับ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภาค 3 เพื่อรายงานตัวและให้ข้อมูล หลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโกงสอบตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นที่เชื่อมโยงไปสู่การติดตามยึดเงินสดมากกว่า 10 ล้านบาท

ขณะที่ ร.ต.อ.สนั่นพล กัลยานาม อยู่ระหว่างเดินทางมารายงานตัว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเบื้องลึกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโกงสอบตำรวจชั้นประทวนอย่างไร เพียงขอเวลาให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนให้มีความชัดเจนก่อน.

ตามล่ามือยิง2ศพบนรถเมล์-วงจรปิดมัดตัว




ตำรวจดอนเมืองนำเด็กช่างกลมาสอบคดียิง 2 ศพบนรถเมล์ คาดเป็นฝีมือพวกช่างกลในพื้นที่ ทั้งกลุ่มเรียนและศิษย์เก่า ได้ภาพวงจรปิดออกไล่ล่าตัวแล้ว
วันนี้ ( 14 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีเหตุกลุ่มนักเรียนนักเลงก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่รถเมล์สาย 59 วิ่งระหว่าง รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นเหตุให้นายวันชัย ทองสองแก้ว อายุ 21 ปี นักศึกษาปวช.ปี 1 สถาบันแห่งหนึ่งเสียชีวิต และนางยุพา พลายงาม อายุ 48 ปีถูกลูกหลงเสียชีวิตด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายคือนายชัยสิทธิ์ ท้ายเมือง อายุ 22 ปีอาการสาหัสและน.ส.กาลสินี เจียนจิตภู่ อายุ 18 ปีทั้งสองถูกนำตัวส่งรพ.ภูมิพล เหตุเกิดที่ป้ายรถเมล์หน้าอาคารช่างการบินไทยนั้น

ล่าสุด ที่สน.ดอนเมือง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น.เดินทางมาประชุมเหตุดังกล่าวที่สน.ร่วมกับ พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2  พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น. 2 พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.บก.สส.บก.น.2  พ.ต.อ. สำราญ  นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง โดยใช้เวลาการประชุม 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.สำเริง ให้สัมภาษณ์พร้อมทั้งนำภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณริมถนนวิภาวดีรังสิตและถนนกำแพงเพชร 5 ที่สามารถจับภาพผู้กลุ่มผู้ต้องสงสัยไว้ได้ จำนวน 6 คนมาเผยแพร่ว่า โดยจุดแรกเป็นกล้องบนสะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต เป็นจุดที่รถเมล์ สาย 59 วิ่งมาจอดป้าย ฝั่งตรงข้าม อาคารช่างการบินไทย จังหวะที่รถกำลังออกตัว ได้มีคนร้ายสวมเสื้อดำกางเกงสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำใช้อาวุธปืนลูกซอง ไทยประดิษฐ์ยิงขึ้นไปบนรถเมล์คันดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 6ราย ได้วิ่งตามรถเมล์ ไปสักระยะหนึ่ง จากนั้นทางคนยิงที่ก่อเหตุได้วิ่งข้ามสะพานลอยไปยังฝั่งตรงข้าม และอีก 5 คน ได้เดินข้ามทางรถไฟมายังถนนกำแพงเพชร 5

พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า ตอนนี้ทราบตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว เป็นกลุ่มนักเรียนโรงเรียนช่างเทคนิคดอนเมือง ซึ่งเป็นคู่อริกับกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ซึ่งเป็นโรงเรียนของนายวันชัย ผู้ตาย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการนำตัวผู้ต้องสงสัยมาซักถามทำประวัติทั้งหมด 5 คนก่อนปล่อยไปเพราะยังไม่มีพยานยืนยัน แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่ากลุ่มคนร้ายบางคนก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ และบางคนก็ถูกไล่ออกไปแล้ว ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเชิงลึกประสานอาจารย์ในเรื่องข้อมูลประวัตินักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง

ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดพบว่ากลุ่มนักเรียนไทยวิจิตรศิลป์ขึ้นรถสายดังกล่าว 3 คน แนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบแผนประทุษกรรมคนร้ายแล้ว เป็นพฤติกรรมการรักษาพื้นที่ของกลุ่มนักเรียน หากมีคู่อริเข้ามา เจ้าถิ่นก็ต้องจัดการเป็นการยิงเข้าใส่ทันทีที่พบคู่อริไม่มีการเตือน ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ทางผ่านขึ้นลงรถประจำทาง และจุดรอพักรถ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทราบว่าเป็นปืนลูกซอง

ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนป้องกัน ส่งตำรวจไปประจำป้ายจุดขึ้นลงรถของกลุ่มต่าง ๆ โดยวางแผนในช่วงเช้าและเย็น ก่อนโรงเรียนเข้าและหลังเลิกเรียน ทั้งนี้ได้ประสานไปยังอาจารย์ของโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์และโรงเรียนช่างเทคนิคดอนเมืองเพื่อป้องกันการล้างแค้น และประสานผู้ปกครองคอยสอดส่องบุตรหลาน และให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ได้กำชับมา 2 ข้อว่า ห้ามเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกและต้องจับคนร้ายให้ได้ ส่วนผู้บาดเจ็บล่าสุดพบว่าน.ส.กาลสินี ซึ่งถูกลูกหลงเข้าไปที่แขน ได้ออกจากรพ.ไปแล้ว ส่วนนายชัยสิทธิ์ ถูกลูกหลงเข้าที่หลังอาการยังสาหัสอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กก.สส.น.2 ได้ ทำการควบคุมตัว ผู้ต้องสงสัย จำนวน 6ราย ซึ่ง เป็นกลุ่มนักเรียนโรงเรียนช่างเทคนิคดอนเมืองและบางคนได้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว มีอายุระหว่าง 15-20 ปี โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัย มีบ้านพักอยู่ย่านรังสิตคลอง 2 จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาทำการสอบสวนพร้อมทั้งทำประวัติหลังจากนั้นได้ปล่อยตัวไป ขณะเดียวกันจะได้นำพยานมาทำการสอบเพิ่มเติมพร้อมทั้งให้ดูรูปกลุ่มผู้ต้องสงสัย

ทั้งนี้คนยิงหลังจากก่อเหตุได้ขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามและโบกรถแท็กซี่ตรงถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย อย่างไรก็ดีทางสน.ดอนเมืองได้ประชาสัมพันธ์หากมีใครเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวให้เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุต่อไป

“ในหลวง”ทรงชุดจอมทัพไทยเสด็จฯจากศิริราชไปทุ่งมะขามหย่อง





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินจากรพ.ศิริราช ไปยังทุ่งมะขามหย่อง
เมื่อเวลา 16.44 น. วันที่ 25 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราชเพื่อไปสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นการส่วนพระองค์ ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อม ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และคณะแพทย์พยาบาล ตามเสด็จฯ  ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ในฉลองพระองค์ชุดกองทัพไทย

“ในหลวง”ถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์ฯสมเด็จพระสุริโยทัย





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์ฯสมเด็จพระสุริโยทัย ท่ามกลางพสกนิกรจำนวนมากที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯ ต่างปลื้มปีติในพระบารมีเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" กึกก้องท้องน้ำมะขามหย่อง
วันนี้ (25 พ.ค.) เวลา 18.00 น. รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนขบวนมาถึงพระราชนุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระราชานุสาวรีย์ฯ เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญพวงมาลัยเข้าถวาย แล้วพระราชทานไปถวายสักการะที่โต๊ะหมู่หน้าพระราชานุสาวรีย์ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงคม จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรบริเวณโดยรอบพระราชานุสาวรีย์ฯ ก่อนที่จะเสด็จฯ ไปยังศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและผลิตผลทางการเกษตร พระราชานุสาวรีย์ฯ ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่สวยงามตั้งอยู่ติดบึงน้ำภายในทุ่งมะขามหย่อง เมื่อเสด็จฯ ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ และทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีน้อมเกล้าฯ ถวายโฉนดที่ดินเลขที่ 5009 ตำบลบ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่หน้าทุ่งมะขามหย่องและเป็นที่ดินแปลงนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยเกี่ยวข้าวเมื่อปี 2539  รวม 7 ไร่2 งาน 14 ตารางวา ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเป็นชื่อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในการนี้ นางวาสินี ผิวผ่อง นากยกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นางวิภาดา สีตบุตร ภริยาแม่ทัพภาคที่ 1 ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ และนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข นายสุระ อนันต์สุขเสรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พลโท อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เฝ้าฯ รับเสด็จ  โดยนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เข้าห้องรับรองประทับพักพระอิริยาบถตามพระราชอัธยาศัย ก่อน เสด็จออกจากห้องรับรองไปยังศาลาพลับพลากลางน้ำ ที่ตกแต่งเรียบง่าย และสวยงามด้วยผ้าขาวม้าทอพื้นเมืองของกลุ่มอาชีพแม่บ้านในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลือแนะนำอาชีพมาก่อน จนชาวบ้านนำแนวพระราชดำรัสไปตั้งเป็นกลุ่มทอผ้าขาวม้าและผ้าพื้นเมืองจนประสบความสำเร็จ ในการนี้ ทรงทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม ชุดทุ่งมะขามหย่อง ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เวลาในการแสดงทุกประเภทรวม 45 นาที โดยการแสดงชุดทุ่งมะขามหย่องผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของทุ่งมะขามหย่องและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงให้สร้างอ่างเก็บน้ำบริเวณพื้นที่โดยรอบพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุรีโยทัย เพื่อรองรับน้ำในช่วงน้ำท่วม และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงน้ำแล้ง มีการแสดงชุดทุ่งมะขามหย่องผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เริ่มตั้งแต่ขบวนแห่ช้างและขบวนทหารกองเกียรติยศ สวนสนามเลียบอ่างเก็บน้ำมายังพลับพลาพิธีเพื่อถวายพระเกียรติ โดยช้างทั้ง 9 เชือกที่เข้าร่วมพิธีรับเสด็จ ได้ผ่านพิธีปักษะปะพรมน้ำมนตร์ทั้งช้างและควาญช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยช้างเชือกแรกนำพานพุ่มให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการผู้ใหญ่ 36 ท่าน ถวายบังคม จากนั้นการแสดงชุดแรก การแสดงเพลงเห่เรือ 6 ลำ  ซึ่งจะขับเพลงเห่เรือประจำถิ่นที่สื่อความหมายถึงการสรรเสริญเทิดพระเกียรติที่พระองค์ท่านทรงทำให้ถิ่นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ มีน้ำใช้ในหน้าแล้งและที่เก็บน้ำในหน้าฝน ซึ่งในปัจจุบันเป็นพื้นที่รองรับน้ำท่วมให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ ซึ่งล้วนมาจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ. 2538 ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ปล่อยน้ำเข้าพื้นที่โดยรอบพระราชานุสาวรีย์และให้กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งตามโครงการพระราชดำริ ในวันที่ 23 ม.ค. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดคันบังคับน้ำปล่อยน้ำเข้าสู่ท่อส่งน้ำให้แก่เกษตรกร และในวันที่ 14 พ.ค. 2539 ทรงเกี่ยวข้าวในนาข้าวด้วยพระองค์เอง

จากนั้น เข้าสู่การแสดงชุด 16 ปีแห่งความหลัง ณ ทุ่งมะขามหย่อง โดย อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี บรรเลงขลุ่ยเพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุด แล้วเข้าสู่การแสดงชุดหลั่งเลือดทาบทา ปกปักษ์รักษาแผ่นดิน พร้อมด้วยการฉายวีดีโอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของทุ่งมะขามหย่องที่พระมหาจักพรรดิต่อสู่กับกองทัพพม่า เพื่อไม่ให้เข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ รวมทั้งวีดีโอเรื่องราวของสมเด็จพระสุริโยทัย ถ่ายทอดความเสียสละของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่างฉายวีดีโอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระสุริโยทัย รอบข้างเวทีได้นำเสนอภาพช้างบำรุงงา โดยควาญช้างผู้มากด้วยประสบการณ์ (การฝึกช้างยุทธหัตถี ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งการฝึกช้างให้รู้จักประสานงา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพระราชสงคราม สมเด็จพระสุริโยทัย ในทุ่งมะขามหย่อง สมัยกรุงศรีอยุธยา) ที่นำแสดงโดยช้าง 6 เชือก จากวังช้างอยุธยาแลเพนียด ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่แต่งกายสวยงามตามโบราณประเพณี ด้วยผ้าหลากสีสันสดใสทั้งสีทอง แดง และเหลือง ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความเป็นนักสู้ สีทอง คือ สีแห่งความรุ่งเรือง มองแล้วสว่างไสวขับกับสีผิวของช้าง ต่อด้วยการแสดงชุดสายน้ำหลั่งไหล น้ำตาหลั่งริน ชีวีสูญสิ้น โดยมี อ.ธนิสร์ บรรเลงเสียงขลุ่ย ประกอบขับบทกลอนจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่สื่อความหมายถึงความทุกข์ยากของประชาชนที่เกิดจากการประสบอุทกภัยในหลายครั้งหลายครา จากนั้นเป็นชุดการแสดงน้ำพระทัยขับไล่น้ำตา เป็นวีดีโอประมวลภาพ ผวจ.พระนครศรีอยุธยาและชาวบ้านที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตามด้วยชุดการแสดง บทกวีเทิดพระเกียรติ เป็นการขับบทกวีจาก นางจิระนันท์ พิตรปรีชา ที่กล่าวสรรเสริญพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ

จากนั้นเป็นการแสดงรื่นเริงในรูปแบบตลาดน้ำ แสดงวิถีชีวิตชาวบ้าน ในชุดการแสดง “ระบำสายน้ำ ลำน้ำแห่งแผ่นดินทอง” โดยมีไฮไลท์จากเรือ 6 ลำ เป็นพ่อเห่ แม่เห่ ได้แก่ เรือท้องพระคลัง เรือกล้วยทอดนายก เรือฟ้าเปลี่ยนสี (ย้อมผ้า) เรือตู้ทองเคลื่อนที่ (ขายทองหยิบ-ทองหยอด) เรือก๋วยเตี๋ยวเรือกรุงเก่า และเรือย้อนยุคกรุงเก่า รวมถึงมีเรือของชาวบ้านมาสมทบอีกกว่า 100 ลำ เพื่อจำลองบรรยากาศบึงน้ำที่ชาวอยุธยาใช้ประกอบสัมมาอาชีพ ย้อนภาพตลาดน้ำในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จแล้วทอดพระเนตรเห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านมีความสุขจากพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับจากพระองค์ ต่อด้วยการแสดงขับร้องบทเพลงเทิดพระเกียรติจากนักร้องชื่อดัง แอ๊ด คาราบาว ทำการขับร้องในบทเพลง “ปิดทองหลังพระ” ก่อนปิดท้ายการแสดงด้วยเพลงสดุดีมหาราชา เพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงทรงพระเจริญ โดยการแสดงทั้งหมดเป็นประชาชนของ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งหมด 662 คน เรือพื้นบ้าน 240 ลำ เรือเหล่านี้เป็นเรือที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระตำหนักสิริยาลัย ในฝั่งเกาะเมืองพระนครศรี อยุธยาติดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม เพื่อเสวยพระกระยาหารค่ำ ตามพระราชอัธยาศัย โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จัดทำกระทงสาย จำนวน 2,500 กระทง เพื่อลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะไหลผ่านหน้าพระตำหนักสิริยาลัย เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ได้ทอดพระเนตร จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ รพ.ศิริราช

ทั้งนี้ระหว่างทุกพระองค์เสด็จขึ้นประทับยังรถยนต์พระที่นั่ง ทันใดนั้นได้เกิดมีฝนตกโปรยปรายลงมาทันที สร้างความอัศจรรย์ใจให้เหล่าพสกนิกร จนต่างรู้สึกปีติและหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว

"ในหลวง"เสด็จฯทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.8





ในหลวงเสด็จฯ ไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพสกนิกรแห่เฝ้าฯเนืองแน่น แม้จะมีฝนตกอย่างหนักก็ตาม
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 9 มิ.ย.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ณ พระบรมราชานุสาวรีย์  เชิงสะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อม ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล

ครั้นเสด็จฯถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  นางสาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา  ภริยาผู้ว่าฯ กทม. ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นางนันทพร วีรกุลสุนทร ภริยานายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภา กทม. ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จากนั้นประทับรถนั่งเสด็จฯ เข้าโถงชั้นล่างของพระบรมราชานุสาวรีย์

นายกฯ กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผู้ว่าฯกทม. กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของพระบรมราชานุสาวรีย์ พร้อมทั้งทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานสภากทม. ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  จากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

จากนั้นเสด็จฯขึ้นสู่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ชั้นบนโดยลิฟท์ เพื่อเสด็จฯไปทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมพระบรมรูปฯ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ทหารกองเกียรติยศ  ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก ก่อนเจ้าพนักงานพระราชพิธีถวายพุ่มดอกไม้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯไปวางที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ จากนั้นเสด็จลงโถงชั้นล่าง โดยลิฟท์ แล้วประทับรถพระที่นั่งเข้าพลับพลาพิธี

เจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องสักการะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปวางที่โต๊ะหมู่บูชา

เจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องทองน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปวางที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์  และพระฉายาลักษณ์  เจ้าพนักงานศุภรัตอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์ 10 รูปสวดพระพุทธมนต์   เจ้าพนักงานศุภรัตนิมนต์ พระธรรมเจดีย์  วัดกัลยาณมิตร ขึ้นนั่งยังธรรมาสน์  เจ้าพนักงานฯ ถวายเทียนดูหนังสือเทศน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์ และพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์

ต่อมาเจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องทรงธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม และพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปตั้งที่หน้าพระราชอาสน์  เจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องทองน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปวางที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ แทนพระบรมอัฐ และพระอัฐ ทรงธรรม ทรงศีล ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์อนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงคมไปยังที่หน้าเครื่องนมัสการพระพุทธรูป หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ และพระฉายาลักษณ์  ก่อนประทับรถนั่งเสด็จออกจากพลับพลาพิธี  ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับเมื่อเวลา 19.15 น.

อนึ่งในช่วงเช้าวันเดียวกัน   ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  ผู้ว่าฯกทม.  ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร   โดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณวิบูลย์ เวทย์บรมหงษ์ พรหมพงศ์พฤฒาจาริย์ หัวหน้าคณะพราหมณ์ เป็นผู้อ่านโองการบวงสรวง จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร     ออกจากหอพระภายในศาลาว่าการ กทม.  เพื่อนำไปประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชาในพลับพลาพิธี   เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานทรงอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

ส่วนทางด้านนอกมีประชาชนจำนวนมากมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ และชื่นชมพระบารมี โดยส่วนใหญ่สวมเสื้อสีชมพู ถือธง ภปร. และธงชาติท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ก่อนที่ทั้งสามพระองค์จะเสด็จฯมาถึงบริเวณพิธี

ถวายสิทธิบัตร "ในหลวง"





ในหลวง โปรดเกล้าฯให้กระทรวงพาณิชย์ ทูลเกล้าถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยรางพืชร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ”
วันนี้ ( 11 มิ.ย.)  ที่ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับการประดิษฐ์ “ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยรางพืชร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ”

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ แถลงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรีชาสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นเป็นที่ประจักษ์ และทรงให้ความสำคัญต่อระบบทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างมาก ได้ทรงยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์ต่างๆของพระองค์ ซึ่งทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรแล้วรวม 11 ฉบับ แต่ละฉบับได้ใช้ในโครงการพระราชดำริต่างๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนชาวไทย

สำหรับสิทธิบัตรระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยรางพืชร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ฉบับนี้ต่อยอดมาจากกังหันน้ำชัยพัฒนาและเครื่องกลเติมอากาศอัดอากาศและดูดน้ำ ซึ่งเป็นสิทธิบัตร 2 ฉบับแรกที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายเป็นการประดิษฐ์จากพระราชดำริในการพัฒนาระบบการปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้พืชที่มีคุณสมบัติในการดูดซับของเสียได้ดี ทำงานร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ทูลเกล้าฯถวายจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรเลขที่ 29091 เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 53

นอกจากนี้ เนื่องในโอกาส 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ วันที่ 5 ธ.ค.54 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานสิทธิบัตรระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยรางพืชร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ ฉบับนี้ให้มูลนิธิพระดาบสร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา นำไปติดตั้ง ณ สระมุจจลินท์ วัดพระศรีมหาโพธิมหาวิหาร พุทธคยา ประเทศอินเดีย ที่น้ำกำลังจะเน่าเสีย เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

จับเพิ่มอีก 4 ขบวนการโกงสอบตำรวจ





ตำรวจโคราชตามจับเพิ่มอีก 4 ขบวนการโกงสอบตำรวจ รับสารภาพทำหน้าที่หาลูกค้า ขณะ รองผู้การเมืองย่าโมลั่นไม่นายได้ตัว”วิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร”
วันนี้( 16 มิ.ย.)  พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พร้อมทีมพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้สอบปากคำ พันจ่าอากาศ สามารถ  ออกช่อ อายุ 40 ปี สังกัดกรมพลาธิการ กองทัพอากาศ  นายชัชวาลย์ สอนชัยภูมิ อายุ 29 ปี พนักงานราชการสังกัดเดียวกัน  น.ส.จุฬาลักษณ์ ศรีพรมมาศ อายุ 24 ปี น.ส.ณิภาภรณ์  ใจบุญ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันโกงสอบตำรวจ  โดยสืบทราบว่า นายชัชวาลย์ สอนชัยภูมิ ที่เป็นนายหน้าหาผู้สมัครสอบมาร่วมขบวนการทุจริต ซึ่งเชื่อมโยงกับนายวิบูลย์ศักดิ์  แสนจักร อายุ 29 ปี ลูกน้องคนสนิท นายดาชัย อุชุโกศลการ อายุ 45 ปี ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง

เบื้องต้นนายชัชวาล รับสารภาพว่า  ได้รับการติดต่อจากนายวิบูลย์ศักดิ์ ให้หาลูกค้าผู้สมัครสอบ อ้างว่าจะหาข้อสอบให้ทำก่อนและใช้วิธีการรับส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ในการโกงข้อสอบ โดยตนหาลูกค้ามาได้ 2 คน มีการจ่ายเงินก่อนคนละ 12,000 บาท และหลังจากสอบได้จะต้องจ่ายอีก 3 แสนบาท

ต่อมา ตำรวจขยายผลสามารถจับกุม พันจ่าอากาศสามารถ ทหารในสังกัดเดียวกับนายชัชวาลย์ พร้อมเครือข่ายอีก 2 คน คือ น.ส.จุฬาลักษณ์ และ น.ส.ณิภาภรณ์ ซึ่งเป็นเครือญาติกัน โดยจับกุมได้ที่บ้านพักที่ จ.ลพบุรี  โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ก็ได้รับการติดต่อเชื่อมโยงกับนายวิบูลย์ศักดิ์ ให้หาลูกค้ามาร่วมทุจริตสอบ โดยกลุ่มนี้หาผู้สมัครสอบได้ 7 คน มีการจ่ายเงินล่วงหน้าคนละ 12,000 บาท หลังสอบเสร็จก็จะจ่ายอีก 3 แสนบาทเช่นกัน ขณะที่ น.ส.จุฬาลักษณ์ และ น.ส.นิภาภรณ์ ก็เป็นผู้สมัครสอบตำรวจ แต่เป็นนายหน้าหาลูกค้ามาให้ จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

พ.ต.อ.วชิรวิชญ์   เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างการติดตามตัว นายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลนครราชสีมา คาดว่าน่าจะได้ตัวในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้หากจับกุมนายวิบูลย์ศักดิ์ได้ ก็น่าจะทำให้เห็นภาพของเครือข่ายขบวนการทุจริตสอบตำรวจชัดเจนมากขึ้น โดยเครือข่ายนี้น่าจะเป็นการหลอกลวงผู้สมัครสอบ โดยนำเอาระบบไอที.มาทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนทั้งหมด ยังไม่พบว่ามีการนำข้อสอบออกมาให้ทำก่อน ข้อสอบยังไม่รั่วไหล เป็นเพียงพฤติกรรมการตกเบ็ด หลอกลวงผู้สอบมากกว่า

ล็อคสอ.จอมตุ๋นหลอกเงิน4ล้านฝากเข้าทหาร





สุดทนฮือเข้าทำร้าย ส.อ.จอมตุ๋น อดีตทหารกองทัพภาคที่ 3 หลอกเงินชาวบ้านร่วม 4 ล้านอ้างฝากเข้าทหาร
ที่ห้องประชุม สภ.เมืองพิษณุโลก วันนี้ (16 มิ.ย.) พล.ต.ต.ธรรมนูญ  เพชรบุรีกุล ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก แถลงการณ์จับกุม ส.อ.  ธนากร  หรือ นายเมธา องอาจ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 697/1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงทรัพย์โดยการหลอกเงินประชาชนหลายจังหวัดในภาคเหนือ โดยอ้างว่าสามารถฝากบุตรหลาน เข้ารับราชการทหารตั้งแต่ยศนายสิบถึงนายร้อยได้  ซึ่งระหว่างแถลงข่าวมีผู้เสียหายที่แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก  16 ราย ที่ถูกฉ้อโกงรวม 4,877,900 บาท ได้เดินทางมาร่วมชี้ตัวและเข้ารุมทำร้ายร่างกาย ส.อ.ธนากร ด้วย

ทั้งนี้คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี             2553-2554        ขณะนั้น ส.อ.ธนากร  องอาจ  ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็นนายเมธา  องอาจ เคยรับราชการอยู่ที่ศูนย์ควบคุมการส่งกำลังบำรุง กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมืองพิษณุโลก   ได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่ไปหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายในเขตจังหวัดพิษณุโลก และอีกหลายจังหวัดในเขตภาคเหนือ โดยวิธีการแอบอ้างว่ารู้จักกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งสามารถช่วยเหลือให้เข้ารับราชการทหารทั้งชั้นนายสิบ และนายร้อยได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ และยินยอมจ่ายเงินให้กับ ส.อ.ธนากร  รายละ 200,000-500,000 บาท โดยทำหนังสือสัญญาเงินกู้ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่สุดท้ายเรื่องก็แดง พบว่าถูกหลอกจึงรวมตัวกันแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพิษณุโลก และก่อนหน้านี้ ส.อ.ธนากร ก็โดนต้นสังกัด สั่งให้ออกจากราชการไปแล้ว สุดท้ายไม่รอดถูกจับได้ที่จังหวัดลำปาง

หน่วยกู้ชีพช่วย “ลินด์เซย์ โลฮาน” หมดสติในห้องพักโรงแรมหรู





หน่วยกู้ชีพนครลอสแอนเจลิสเร่งช่วยชีวิตดาราสาว "ลินด์เซย์ โลฮาน"ที่นอนหมดสติในห้องพัก โฆษกส่วนตัวยันไม่ได้เสพยา แค่ทำงานหนักจนร่างกายอ่อนเพลีย
วันนี้ ( 16 มิ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอส แองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพของนครลอส แองเจลิส เข้าช่วยเหลือ และให้การปฐมพยาบาล ลินด์เซย์ โลฮาน นักแสดงสาววัย 25 ปี ที่ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง หลังได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า พบเธอนอนหมดสติอยู่ในห้องจากอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นายโทนี อิมเบร็นดา โฆษกหน่วยดับเพลิงเทศบาลนครลอส แองเจลิส ให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้แจ้งเหตุ พบหญิงสาวรายหนึ่ง อายุอยู่ในช่วงระหว่าง 20 ปี นอนหมดสติอยู่ในห้องพักโรงแรม ริตซ์-คาร์ลตัน ในเขตมารีนา เดล เรย์ หน่วยกู้ชีพจึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ หลังตรวจอาการเบื้องต้นพบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวมีอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรง และขาดน้ำ อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธที่จะเดินทางไปยังโรงพยาบาล

ทั้งนี้ แม้จะไม่มีการระบุชื่อ และรูปพรรณสัณฐาน แต่สถานีโทรทัศน์ เอบีซี รายงานว่า หญิงสาวผู้นี้ คือ ลินด์เซย์ โลฮาน ซึ่งอยู่ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ เรื่อง “ลิซ แอนด์ ดิก” ที่โรงแรมแห่งนี้ ขณะที่ สตีฟ โฮนิก โฆษกส่วนตัวของโลฮาน เปิดเผยผ่านรายการข่าวบันเทิง “อี! นิวส์” ว่า อาการของโลฮานเกิดจากการที่เธอทำงานหนักตลอด 48 ชั่วโมง โดยไม่ได้พักผ่อน พร้อมทั้งยืนยันว่า นักแสดงสาวไม่ได้เสพยาเสพติด หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ โฮนิกยังกล่าวด้วยว่า โลฮานทุ่มเทให้กับการรับบท เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่า เธอจะสามารถหวนกลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างใสสะอาด หลังต้องเผชิญกรณีอื้อฉาวมากมายตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา