วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผบ.ตร.ยังสั่งล่าตัวผกก.ไทรงาม ส่งป.ร่วมภ.1ตามจับ รองผบ.ตร.ลงพื้นที่สภ.ไทรงามพรุ่งนี้





ผบ.ตร. สั่งล่าตัวอดีต ผกก.ไทรงาม ส่งกองปราบปราม ร่วมตำรวจภูธรภาค 1 ตามจับ รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่ สภ.ไทรงามพรุ่งนี้
วันนี้ (29 พ.คฉ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)  กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุม พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ อดีต ผู้กำกับการสภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร และ ส.ต.อ.นารายณ์   ทิพย์ปรีชาธร ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาในคดีปล้นรถขนเงินว่า  พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท ผบก.ป. นำทีมกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับทีมของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ออกไล่ล่าติดตามจับกุมให้ได้ ขณะนี้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าอยู่ในประเทศ หรือหลบหนีออกไปแล้ว จะยืนยันได้ว่าออกนอกประเทศไปอยู่ไหนก็ต่อเมื่อมีหลักฐานยืนยัน ว่ามีการพบตัว พบความเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนติดตามจับกุมดักทุกทาง  ทั้งนี้ยืนยันอีกครั้งว่าตำรวจไม่ได้ช่วย ไม่ได้อุ้มกัน หรือปล่อยหลบหนี ผบ.ตร.สั่งการตามจับตัวให้ได้ เพราะถือว่าตำรวจที่เป็นโจรเสียเอง เลวยิ่งกว่าโจร

โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า ในบ่ายวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.  จะเดินทางไปมอบนโยบายที่ บช.ภ.6 จ.พิษณุโลก และจากนั้น จะเดินทางต่อไปยังสภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เพื่อตรวจเยี่ยม และประชุมเร่งรัดคดี.

คุกอ่วม 4 โจ๋ปล้นร้านเกมส์ ระบบจีพีเอสในมือถือทำให้ถูกรวบตัวได้





คุกคนละ 18 ปี 4 โจ๋ บุกปล้นร้านเกมส์ย่าน ซอยลาดพร้าว 101 ตอนใกล้รุ่ง กวาดทรัพย์สินไปร่วมแสน แต่ไม่รอดระบบดาวเทียมนำร่องหรือจีพีเอสในมือถือ
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (29 พ.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์ที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายอนุวัฒน์ รักไคร่ อายุ 29 ปี นายวีรศักดิ์ หรือแบงก์  ต๊กควรเฮง อายุ 22 ปี นายรุ่งอนันต์ หรือโด้  บุญช่วยธรรมกิจ อายุ  21 ปี และนายสมศักดิ์  หรือตอฮา ตงสาลี อายุ 25 ปี  เป็นจำเลยที่ 1 -  4 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ  และใช้ยานพาหนะ,พกพาอาวุธมีดไปในเมืองและทางสาธารณะ  ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า


เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 54  เวลา 04.00 น. จำเลยทั้งสี่ได้นั่ง รถ จยย. 2 คัน สวมหมวกนิรภัยทุกคน พร้อมอาวุธมีดปลายแหลม 2 เล่มบุกเข้าไปใช้มีดจี้ลำคอ นายอิทธิณพ จันทรานิมิต เจ้าของร้านเกมส์  กันซีด ออนไลน์  เลขที่ 2945 -  2547  ปากซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ  และกวาดทรัพย์สินของลูกค้าอีกหลายรายที่มาใช้บริการในร้านรวม 11 รายการ มูลค่าประมาณ 99,060 บาท ขึ้น จยย.หลบหนีไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ติดตามจับกุมพวกจำเลยได้ พร้อมของกลาง อาทิ โทรศัพท์มือถือ ที่ผู้เสียหายเปิดระบบจีพีเอส(ระบบนำทาง)ไว้  จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายมาเบิกความยืนยันสอดคล้องในสาระสำคัญ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง  โดยพวกจำเลยมีพฤติการณ์แบ่งงานกันทำ เชื่อว่ากระทำผิดจริง พิพากษา ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ฯ จำคุกจำเลยคนละ 18 ปี ,ฐานพกพาอาวุธมีด ฯ ปรับคนละ 90 บาท เป็นจำคุกคนละ 18 ปี ปรับคนละ 90 บาท  โดยให้เพิ่มโทษนายสมศักดิ์  จำเลยที่ 4  อีก 1 ใน 3 ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี พิพากษาลงโทษจำคุก คดีชิงทรัพย์เป็นเวลา 5 ปี แต่กลับมากระทำผิดซ้ำอีกภายในเวลา 5 ปี จึงให้จำคุก นายสมศักดิ์เป็น 24 ปี ปรับ 120 บาท  คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 -  3 ไว้คนละ 8 ปี ปรับคนละ 45 บาท ส่วนจำเลยที่ 4 คงจำคุก 12 ปี ปรับ 60 บาท.

เปิดใช้ ไว - ไฟ ฟรีในปั๊ม ปตท.





“ไอซีที-พลังงาน” ทำไว-ไฟฟรีให้ประชาชนใช้ในปั๊ม ปตท. วันละ 2 ชั่วโมง/คน รวม 1,000 ปั๊มใน 5 เดือน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า โครงการ พีทีที ฟรี ไว-ไฟ บาย ทีโอที (PTT Free Wi-Fi by TOT) ที่เปิดให้ประชาชนสมัครและใช้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (ไว-ไฟ) ฟรีวันละ 2 ชั่วโมง/ยูสเซอร์ เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ติดตั้งจุดให้บริการไว-ไฟ (ไว-ไฟฮอตสปอต) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หน่วยงานภายใต้กระทรวงพลังงาน และผู้เช่าใช้ฮอตสปอต เพื่อบริการไว-ไฟฟรีแก่ประชาชนในปั๊มน้ำมันปตท. โดยโครงการดังกล่าวเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.นี้เป็นต้นไป

“โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์ของรัฐบาล ที่จะส่งเสริมให้คนไทยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2558”

ดร.มนต์ชัย หนูสงค์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า  บริการไว-ไฟฟรีในปั๊มน้ำมันปตท.คาดว่าจะใช้เวลาติดตั้งฮอตสปอตในปั๊มปตท.ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดแล้วเสร็จ 1,000 ปั๊ม ภายใน 5 เดือน โดยความเร็วไว-ไฟที่ให้บริการอยู่ที่ 2 เมกะบิต/วินาที ประชาชนที่จะใช้งานต้องลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์เพื่อขอรหัสผ่าน จากนั้นระบบจะส่งรหัสผ่านเพื่อใช้ล็อกอินเข้าใช้งานมาให้ ซึ่งรหัสผ่านที่สมัครแต่ละครั้งจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือน โดยรหัสผ่านดังกล่าวสามารถใช้งานไว-ไฟได้วันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง และใช้งานได้ต่อเนื่องครั้งละไม่เกิน 30 นาที

สำหรับฮอตสปอตไว-ไฟที่ติดตั้งในปั๊มจะรองรับการเข้าใช้งานไว-ไฟได้พร้อมกัน 16 ยูสเซอร์ ซึ่งแต่ละปั๊มจะมีการติดตั้งฮอตสปอตประมาณ 1-2 จุดขึ้นอยู่กับขนาดของปั๊มน้ำมัน  ส่วนสัญญาที่ปตท.เช่าใช้งานฮอตสปอตของทีโอทีเพื่อให้บริการไว-ไฟฟรีที่ปั๊มปตท.มีระยะเวลา 3 ปี ค่าเช่า 3 เดือนแรกอยู่ที่จุดละ 2,000 บาท เดือนต่อไปอยู่ที่จุดละ 1,000 บาท.

แท็บเล็ตป.1 จำนวน 2,000 เครื่องถึงไอซีทีบ่ายนี้





รมว.ไอซีที เผยแท็บเล็ตป.1ล็อตแรก 2,000 เครื่อง ถึงสนามสุวรรณภูมิ 8 โมงเช้าพร้อมส่งตรวจเช็คสเปกที่ไอซีทีบ่ายนี้
วันนี้ ( 23 พ.ค.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวถึงการเซ็นสัญญาโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือ โครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 กับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลาประมาณ 08.00 น. แท็บเล็ตล็อตแรกจำนวน 2,000 เครื่อง ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยสายการบิน ยูพีเอส (UPS) จากนั้นแท็บเล็ตจะถูกลำเลียงไปตามกระบวนการคลังสินค้า  โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการ หรือ ศธ. และ กระทรวงไอซีที เป็นผู้ตรวจสอบและเซ็นรับสินค้า ก่อนนำมาที่กระทรวงไอซีที เพื่อตรวจเช็คสเปกของแท็บเล็ตอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาตรวจสอบสเปกเสร็จภายในวันที่ 27 พ.ค. 2555 ก่อนจะส่งหนังสือให้สโคปเพื่อผลิตจำนวน 4 แสนเครื่องต่อไปซึ่งจากนั้นจะส่งมาให้ 4 แสนเครื่องภายใน 60 วัน

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนแท็บเล็ต 2,000 เครื่อง หลังจากตรวจสอบสเปกเสร็จแล้ว กระทรวงไอซีที จะส่งต่อให้กระทรวงศึกษาฯ ไปดำเนินการต่อไป โดยแท็บเล็ตจำนวน 2,000 เครื่องนี้ เป็นส่วนที่ใช้ในการอบรมคุณครูในการใช้งานก่อนนำไปถ้ายทอดความรู้ให้เด็กต่อไป

แท็บเล็ตป.1 จำนวน 2,000 เครื่องสำหรับอบรมครูมาแล้ว





มาแล้ว! แท็บเล็ตป.1ล็อตแรกจำนวน 2,000 เครื่อง ไอซีทีขอเวลาตรวจสเปก 4 วันก่อนส่งให้ก.ศึกษาธิการนำไปอบรมการใช้งานแก่คุณครู
วันนี้ ( 23 พ.ค.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวถึงการเซ็นสัญญาโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือ โครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 กับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลาประมาณ 08.00 น. แท็บเล็ตล็อตแรกจำนวน 2,000 เครื่อง ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยสายการบิน ยูพีเอส (UPS) จากนั้นแท็บเล็ตจะถูกลำเลียงไปตามกระบวนการคลังสินค้า  โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการ หรือ ศธ. และ กระทรวงไอซีที เป็นผู้ตรวจสอบและเซ็นรับสินค้า ก่อนนำมาที่กระทรวงไอซีที เพื่อตรวจเช็คสเปกของแท็บเล็ตอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาตรวจสอบสเปกเสร็จภายในวันที่ 27 พ.ค. 2555 ก่อนจะส่งหนังสือให้สโคปเพื่อผลิตจำนวน 4 แสนเครื่องต่อไป


น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนแท็บเล็ต 2,000 เครื่อง หลังจากตรวจสอบสเปกเสร็จแล้ว กระทรวงไอซีที จะส่งต่อให้กระทรวงศึกษาฯ ไปดำเนินการต่อไป โดยแท็บเล็ตจำนวน 2,000 เครื่องนี้ เป็นส่วนที่ใช้ในการอบรมคุณครูในการใช้งานก่อนนำไปถ้ายทอดความรู้ให้เด็กต่อไป


สำหรับโครงการจัดซื้อแท็บเล็ตป.1ปลัดไอซีทีซํนสัญญาจัดซื้อกับผู้บริหารของสโคปเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 1 ล้านเครื่องโดยตามสัญญาจะต้องส่งแท็บเล็ตจำนวน 4 แสนเครื่องภายใน 60 วัน หรือ 10 ก.ค.นี้


ส่วนสเปกแท็บเล็ตป.1  เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 หน่วยประมวลผล 1.2 กิกะเฮิร์ตซ  หน่วยความจำหลัก 1 กิกะเฮิร์ตซ แบตเตอรี่ลิเธี่ยม 3600 แอมป์ หน้าจอ 7 นิ้ว  มี 4 สี คือ แดง น้ำเงิน บรอนซ์เงิน และบรอนซ์ทอง รับประกันสินค้า 2 ปี ดำเนินการตามมาตรฐานสากล ราคา 82 เหรียญ หรือ ประมาณ 2,400 บาท


ทั้งนี้เนื้อหาที่บรรจุลงแท็บเล็ต มีทั้งหมด 5 กลุ่มวิชาเรียน คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ และ 8 สาระวิชา  โดยแบ่งเป็นการเรียนเทอม 1 เทอม 2 และ มีเนื้อหาที่เข้าใช้งานได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์

ครม.ไฟเขียวธอส.กู้เงินซอฟต์โลน 6,000 ล้านบาท





ครม.ไฟเขียวธนาคารอาคารสงเคราะห์ กู้เงินเงินซอฟต์โลน จากธนาคารแห่งประเทศไทย 6,000 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ (29 พ.ค.) ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลน จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้กู้ยืมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 54 ที่ผ่านมา ทั้งบุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

อย่างไรก็ตามวงเงินที่ธปท.จัดสรรให้ธอส.จำนวน 6,000 ล้านบาทนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.55 เป็นต้นไป ขณะที่ธอส. เองจะสมทบเงินของธอส. ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปล่อยกู้ ทำให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ ธอส.จะดำเนินการให้กู้ยืมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 54 รวมเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ในเงื่อนไขการช่วยเหลือนั้น จะให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไม่เกิน 30 ล้านบาท และบุคคลธรรมดาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยแต่ละราย จะได้รับความช่วยเหลือเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่ ธปท. รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินจะต้องยื่นคำขอกู้ยืมเงินต่อ ธปท. ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 56 และจะต้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธปท. มีกำหนดชำระไม่เกินวันที่ 31ธ.ค.61 ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ธปท. คิดอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปีจากสถาบันการเงิน และสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ต่อปีจากผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย.

ททท.เตรียมจัดไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส





ททท.เตรียมจัดไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส ดึงต่างชาติมาเจรจาซื้อขายสินค้าท่องเที่ยวกับไทย
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. เปิดเผยว่าททท. จะจัดงานไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2012 วันที่ 6-8 มิ.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ให้ผู้ซื้อจากต่างชาติและผู้ขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวในไทย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านแถบลุ่มน้ำโขงได้เจรจาซื้อขายกัน โดยแนวคิดการจัดงานปีนี้ คือ คัสตอมไมซ์ ยัวร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เน้นให้มาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ตามความชอบของแต่ละคนในไทย นำเสนอสินค้าเฉพาะกลุ่ม 4 ด้าน ได้แก่ กอล์ฟ, ฮันนีมูน, บริการการแพทย์และสปา และสินค้าท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ททท. จึงเน้นเชิญผู้ซื้อและผู้ขายที่ทำตลาดเฉพาะกลุ่ม 4 กลุ่มนี้เข้าร่วมงานมากขึ้น


สำหรับการจัดงานครั้งนี้ใช้งบ 35 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบของ ททท. 20 ล้านบาท ที่เหลือมาจากรายได้การขายบูธให้ผู้ขาย และค่าลงทะเบียนของผู้ซื้อ โดยมีผู้ซื้อลงทะเบียนเข้าร่วมแล้ว 418 ราย จาก 52 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นผู้ซื้อที่ทำตลาดเฉพาะ 4 กลุ่มที่ททท. เน้น 20% ขณะเดียวกันในจำนวนผู้ซื้อทั้งหมดมีผู้ซื้อที่มาจากตลาดใหม่ๆ ด้วย เช่น บังคลาเทศ อาเจนตินา บราซิล ชิลี เอสทัวเนีย ลิธัวเนีย คาซัคสถาน เซอร์เบีย และอุรุไกว ส่วนผู้ขาย มี 380 ราย

ไฟเขียวเว้นภาษี





ครม.ไฟเขียวให้ยกเว้นเก็บภาษีการโยกย้ายเงินออมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
วันนี้ (29 พ.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการโอนย้ายเงินออมในระบบการออมระยะยาว สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากลูกจ้างออกจากงานเพราะตาย ทุพพลภาพ หรือเมื่อมีอายุครบ55ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี

นอกจากนี้ยังให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่มีสิทธิได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากลูกจ้างออกจากงานในกรณีอื่นนอกจากตาย ทุพพลภาพ หรือมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แต่เมื่อออกจากงานแล้วได้คงเงินหรือผลประโยชน์นั้นไว้ทั้งจำนวนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต่อมาได้รับเงินหรือผลประโยชน์หลังจากลูกจ้างผู้นั้นตาย ทุพพลภาพ หรือเมื่อมีอายุครบ 55 ปี บริบูรณ์ และเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยการยกเว้นภาษีครั้งนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป

ทั้งนี้กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการออมเพื่อการชราภาพ ที่จะให้ลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีเงินไว้ใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพเพิ่มมากขึ้น สมควรปรับปรุงให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกรณีลูกจ้างออกจากงานเมื่อมีอายุไม่ต่ำกว่า55ปีบริบูรณ์ หรือออกจากงานก่อนอายุครบ55ปีบริบูรณ์ แต่ได้คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุของการเกษียณอายุ.

จับตาใกล้ชิดกรณีหนี้สินกรีซ





โต้งไม่หวั่นหนี้กรีซ แต่สั่งให้จับตาอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (29 พ.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายลิน ค๊อก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ว่า ได้หารือร่วมกันถึงปัญหาวิกฤติหนี้ของประเทศกรีซ โดยเห็นตรงกันว่าปัญหานี้ต้องไม่ปล่อยให้มีการยืดเยื้อเพราะหากยืดเยื้อจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ แต่หากมองให้ลึกแล้วเห็นว่ายังเป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นในกลุ่มสหภาพยุโรป (ยูโร) ที่เชื่อว่ายูโรจะสามารถดูแลจัดการได้ โดยยืนยันว่าระบบเศรษฐกิจของอียูนั้นเป็นระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ ดังนั้นจึงมั่นใจว่ายูโรจะดูแลบริหารจัดการได้แน่นอน อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างเห็นว่าวิกฤติในกรีซที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีผลกระทบเป็นวงกว้างก็ตาม..

“เฟซบุ๊ค” เตรียมออกสมาร์ตโฟนของตัวเองภายในปีหน้า





เฟซบุ๊ค เครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ผลิตสมาร์ตโฟนของตัวเอง วางจำหน่ายภายในปีหน้า
วันนี้ (29 พ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า เฟซบุ๊ค เครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก อยู่ระหว่างวางแผนผลิตสมาร์ตโฟนภายใต้ชื่อของตัวเอง โดยเตรียมวางจำหน่ายภายในปีหน้า ตั้งเป้าแย่งส่วนแบ่งในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

รายงานของหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์” ฉบับวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวรายหนึ่งว่า เฟซบุ๊คได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ และวิศวกรด้านคอมพิวเตอร์เกือบสิบราย ที่มีส่วนในการผลิต ไอโฟน ให้กับบริษัทแอปเปิ้ล นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังอ้างคำกล่าวของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของเฟซบุ๊ค ว่า บริษัทจำต้องเร่งพัฒนาสมาร์ตโฟนเป็นของตัวเอง เพื่อไม่ให้ เฟซบุ๊ค กลายเป็นเพียงหนึ่งในแอพพลิเคชันสำหรับสมาร์ตโฟนยี่ห้ออื่นในอนาคต อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ค ยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ค เปิดตัว แอพพลิเคชัน เซ็นเตอร์ เป็นของตัวเอง เพื่อให้สมาชิกสามารถเลือกดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน ซึ่งมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ไปติดตั้งผ่านทางสมาร์ตโฟน และบนเว็บไซต์ได้ตามสะดวก.

นักศึกษาควิเบกขีดเส้นตายข้อตกลงขึ้นค่าเล่าเรียน





คาดรัฐบาลควิเบก จะสามารถเจรจากับกลุ่มนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงได้ภายในวันนี้
วันนี้ ( 29 พ.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรัฐควิเบก ประเทศแคนาดาว่า การเจรจาระหว่างตัวแทนกลุ่มนักศึกษาจากทั่วรัฐควิเบก กับตัวแทนจากทางการ เพื่อบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับขึ้นค่าเล่าเรียน ที่ก่อให้เกิดการประท้วงรุนแรงยืดเยื้อนานกว่า 3 เดือน  อาจได้ข้อสรุปภายในวันนี้


นาย กาเบรียล นาโด-บูดัวส์ โฆษกกลุ่มนักศึกษา “คลาสเซ่อ” ให้สัมภาษณ์สั้นๆภายหลังเสร็จสิ้นการเจรจาที่ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง กับนางมิเชล คอเชสเน รมว.กระทรวงศึกษาธิการรัฐควิเบกว่า การเจรจาซึ่งถือเป็น “โอกาสสุดท้าย” ที่จะแก้ปัญหาน่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้ แต่หากนางคอเชสเนปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าเล่าเรียนจากภายใน 5 ปี เป็น 7 ปี และกฎหมายมาตรา 78 การเจรจาถือเป็นอันสิ้นสุด


ทั้งนี้ กฎหมายมาตรา 78 ที่ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภารัฐควิเบกเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ระบุว่า หากกลุ่มบุคคลใดมีความประสงค์ต้องการจัดการชุมนุม จำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจล่วงหน้าอย่างน้อย 8 ชั่วโมง พร้อมรายละเอียดของสถานที่ และระยะเวลาที่คาดว่าจะใช้ในการจัดชุมนุม หากฝ่าฝืน ต้องเสียค่าปรับสถานหนัก


อย่างไรก็ตาม ขณะมีการเจรจา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนักศึกษา 84 ราย ที่มาชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าอาคารที่เป็นสถานที่เจรจา ฐานกีดขวางการจราจร โดยแต่ละคนต้องชำระค่าปรับ 400 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 12,000 บาท ) ก่อนได้รับการปล่อยตัว..

อิตาลีแผ่นดินไหวซ้ำรอยเดิม 5.8 ริคเตอร์





แผ่นดินไหว 5.8 ริคเตอร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ซ้ำรอยเดิมเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ ส่วนครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ประชาชนกว่า 7,000 คน ต้องอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ
วันนี้ ( 29 พ.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลีว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 5.8 ริคเตอร์ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 6 ศพ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

รายงานเบื้องต้นของสถาบันธรณีฟิสิกส์แห่งอิตาลี ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 7.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล ( 14.00 น. วันเดียวกัน ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยแรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ทั่วทั้งภาคเหนือ และภาคกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพ และบาดเจ็บอีก 1 ราย นอกจากนี้ แรงสั่นไหวที่เกิดขึ้นส่งผลให้อาคารบางแห่งที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริคเตอร์ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ได้รับความเสียหาย และมีชิ้นส่วนพังทลายเพิ่มขึ้นอีก

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งก่อน กว่า 7,000 คน ยังคงต้องอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ ขณะที่ยังคงเกิดแผ่นดินไหว และแผ่นดินไหวตาม ( อาฟเตอร์ช็อค ) ในบริเวณนี้อยู่เป็นระลอก..

แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าอิตาลีดับ9ศพ





แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าอิตาลี 5.8 ริคเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ
สำนักงานธรณีวิทยาของเมืองโมเดน่าในประเทศอิตาลีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงกระหน่ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศในวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 9 ศพ ภายหลังเคยเกิดแผ่นดินไหวในภูมิภาคเดียวกันเมื่อ 9 วันก่อน คร่าชีวิตผู้คนและสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน

โดยแผ่นดินไหวล่าสุดวัดได้ 5.8 ริคเตอร์ เกิดขึ้นห่างจากเมืองปาร์มา ไปทางตะวันออกราว 60 กิโลเมตร  หลังจากเคยเกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.0 ริคเตอร์ในเขตอุตสาหกรรมทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีเมื่อวันที่  20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพไปพักอาศัยที่เต็นต์ชั่วคราว เนื่องจากบ้านและอาคารเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์พังราบกลายเป็นเศษหิน

ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์สกาย ทีจี24 ในเมืองซานต์ อกอสติโน่ว่า เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เราได้กลับเข้าบ้าน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก จนกระทั่งมาเกิดแผ่นดินไหวอีกระลอกในวันนี้ นอกจากนั้น แผ่นดินไหวล่าสุด ยังส่งความรู้สึกไปทั่วภาคเหนือและภาคกลางของอิตาลี  เป็นเหตุให้สิ่งปลูกสร้างหลายแห่งที่เคยเผชิญแผ่นดินไหวคราวที่แล้ว ได้พังทลายลงมา ขณะที่ ประชาชนในเมืองมิลาน เมืองโบโลญญ่า และอาออสต้า วัลเลย์ ที่ติดพรมแดนฝรั่งเศสนั้น ต่างพากันตกใจต่อแผ่นดินไหว ได้วิ่งออกจากร้านค้าและสำนักงานต่างๆ ลงมายังท้องถนน.

รวบขี้เหล้าหื่น




ตำรวจสน.ห้วยขวาง ตามรวบขี้เหล้าหื่น ข่มขืน-ชิงทรัพย์สาว หลังหลบหนีไปกบดานที่จ.สระบุรี
เมื่อเวลา 15.15 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบก.น.1และ พ.ต.ท. กฤษณ์พนธ์  เพ็ชรสดศิลป์ สว.สส.สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายรุ่งโรจน์ กิจที่พึ่ง อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่             2250/2550       ลงวันที่ 20 ก.ค. 2550 ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และชิงทรัพย์ โดยจับกุมตัวได้ที่ลานจอดรถโรงพยาบาลวิหารแดง ต.บ้านลำ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี


พล.ต.ต.พชร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2550 ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุข่มขืนผู้เสียหายภายในห้องพักเลขที่ 306 ชฏาอพาร์ทเม้น ซอย ส.ธรณินทร์ แยก 10 แขวงและเขตห้วยขวาง ก่อนจะหลบหนีไป กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวางติดตามจับกุมตัวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันในท้องที่ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยเมาสุราและพยายามจะเข้าไปข่มขืน พร้อมกับชิงทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกออกหมายจับ ผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม ทุกครั้งที่ดื่มสุราจนมึนเมา ก็จะไปข่มขืนหญิงสาวและชิงเอาทรัพย์สินไป


พล.ต.ต.พชร กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับของ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ในข้อหา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ เมื่อปี 2550 หมายจับสภ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เมื่อปี 2553 และหมายจับ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ข้อหา บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น และพยายามข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย หลังจากนี้จะควบคุมตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีต่อไป


สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นช่างปั่นไฟให้กับกองถ่ายหนังแห่งหนึ่ง แต่เมื่อก่อเหตุข่มขืนในท้องที่สน.ห้วยขวาง ก็หลบหนีไปอยู่ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง เพียงแค่เลี้ยงไก่หาเงินซื้อเหล้ากิน สาเหตุที่ทำไปเพราะทุกครั้งที่เมาสุราจะเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงก่อเหตุดังกล่าว..

รวบอดีตทหารเกณฑ์รุมฆ่าครูฝึก





ตำรวจมักกะสัน ตามรวบอดีตทหารเกณฑ์ก่อเหตุรุมตีครูฝึกดับ เหตุไม่พอใจถูกกลั่นแกล้ง
เมื่อเวลา 15.15 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ บก.น.1  พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์  ผบก.น.1 พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รองผบก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน แถลงการจับกุม นายศุภกฤต สมกิจกมล หรือบอล อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1753/2554 ลงวันที่ 5 พ.ย. 2554 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จับกุมตัวได้ที่บริเวณชุมชนจารุรัตน์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง


โดยสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2554 เวลา 03.00 น. นายศุภกฤต พร้อมกับพวกได้ร่วมกันรุมทำร้าย นายจักรพงษ์ พันธ์มณี อายุ 25 ปี ครูฝึกทหารจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ย่านชุมชนจารุรัตน์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ แขวงห้วยขวาง หลังจากก่อเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้หลบหนีไป กระทั่งศาลได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 8 คน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถตามจับกุมตัวได้แล้ว 5 คน กระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมตัว นายศุภกฤตได้ ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2555 เวลา 22.00 น.


สอบสวน นายศุภกฤต หรือบอล ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกก่อเหตุรุมทำร้าย นายจักรพงษ์ จนเสียชีวิต เนื่องจากมีความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว เพราะถูกผู้ตายซึ่งเป็นครูฝึกทหารในช่วงที่ประจำการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 1 กลั่นแกล้ง และสร้างความไม่พอใจ กระทั่งตนปลดประจำการออกมา และในคืนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากับพรรคพวก และพบเห็นผู้ตายจึงชักชวนกันไปรุมทำร้าย จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขู่ และเข้ารุมทำร้ายทันที โดยใช้อิฐตัวหนอนทุบตีจนเสียชีวิตก่อนหลบหนีไป


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย พร้อมกับพกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ดำนเนินคดีต่อไป..

อธิบดีกรมบังคับคดีเผยติตตามทรัพย์คดีบีบีซีจากสวิสฯคืนงวดแรกกว่า 415 ล้านบาท





อธิบดีกรมบังคับคดีเผยติตตามทรัพย์คดีบีบีซีจากสวิสฯคืนกลับไทยงวดแรกได้กว่า 415 ล้านบาท
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม  นายวิศิษฎ์  วิศิษฎ์สรอรรถ  อธิบดีกรมบังคับคดี  แถลงถึงความคืบหน้าการติดตามทรัพย์สินในคดียักยอกทรัพย์บริษัท กรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี จาก นายเกริกเกียรติ  ชาลีจันทร์ และนายราเกซ สักเสนา และกลุ่มผู้บริหารบีบีซีประเทศสมาพันธรัฐสวิส เพื่อติดตามทรัพย์อันเป็นของบีบีซีนำกลับมาประเทศไทยเพื่อแบ่งให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งกรมบังคับคดีร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ติดตามทรัพย์สินที่ถูกนำไปซุกซ่อนในบัญชีเงินฝากของผู้บริหารบีบีซี  ทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับเงินจากการบังคับคดีที่ประเทศสมาพันธ์รัฐสวิส โดยในงวดแรกสามารถติดตามทรัพย์สินคืนได้จำนวน 12,569,025.14 ฟรังค์สวิส คิดเป็นเงินไทยจำนวน 415,028,710.12 บาท  และคาดว่ายังมีเงินงวดที่ 2 จำนวนกว่า 100 ล้านบาทที่จะส่งกลับคืนประเทศไทยเพื่อนำไปมอบให้เจ้าหนี้  พร้อมกันนี้ กรมบังคับคดียังอยู่ระหว่างติดตามเงินที่ถูกซุกซ่อนอยู่ที่ประเทศแคนนาดาอีกจำนวนหนึ่งด้วย


นายวิศิษฏ์  ยังกล่าวถึง การนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระคืนให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ส่วนใหญ่คือสถาบันการเงินว่าขณะนี้มีเงินที่รอส่งคืนให้สถาบันการเงินจำนวน 14 แห่ง เป็นเงินรวมกว่า 686 ล้านบาท ซึ่งกรมบังคับคดีขอให้สถาบันการเงินเหล่านี้ติดต่อขอรับเงินคืนเพื่อไม่ให้มีทรัพย์สินคงค้าง และมีการหมุนเวียนทางการเงิน..

บุกเดี่ยวชิงทรัพย์108ช็อปกลางวันแสกๆ





เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้(29พ.ค.) ร.ต.อ.เชาว์รักษ์ สาระรัมย์ รอง สวป.สน.มีนบุรี กำลังออกตรวจอยู่ในพื้นที่ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเมืองมีนบุรี ว่ามีคนร้ายใช้อาวุธมีปลายแหลมจี้ชิงทรัพย์พนักงานร้าน 108 ช็อป สาขารามคำแหง ตั้งอยู่ภายในซอยรามคำแหง 187 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ อินทรปราสาท รอง ผบก.น.3 และฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี

ที่เกิดเหตุตั้งอยู่ห่างจากปากซอยรามคำแหง 187 ประมาณ 200 เมตร ก่อนถึงทางแยกเข้าวัดบำเพ็ญ บริเวณตึกแถว 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างเปิดเป็นมินิมาร์ท108 ช็อป ภายในร้านหน้าเคาเตอร์เจ้าหน้าที่พบ น.ส.ไพรจิตร คงประดิษฐ์ อายุ 21 ปี และ น.ส.ศรีสุดา มีลักษณ์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131หมู่ 1 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งทั้ง 2 เป็นพนักงานของร้าน กำลังยืนรอตำรวจด้วยอาการตกใจ

โดยน.ส.ไพรจิตร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณเที่ยง กำลังจัดของเรียงเข้าตามชั้นวางของ ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ลักษณะสูงผอม แต่งกายสวมกางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาว สวมรองเท้าผ้าใบ สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มศรีษะ เดินเข้ามาในร้านก่อนหยิบมีดปลายแหลมออกมาจากกระเป๋ากางเกงจับตนล็อคก่อนใช้มีดจี้ลำคอแล้วพูดตะคอกให้อยู่เฉยๆพร้อมกับขู่ น.ส.ศรีสุดา ที่อยู่หน้าเคาเตอร์เก็บเงินให้หยิบเงินมาให้ทั้งหมดกว่า 1หมื่นบาท ก่อนคนร้ายหลบไปขึ้นรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนที่จอดหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.อำนาจ อินทรปราสาท รอง ผบก.น.3 เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานคนร้ายกับพนักงานหญิงที่ถูกคนร้ายเอามีดจี้คอ รวมทั้งขอตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดของร้านดังกล่าว พบว่าภาพในกล้องวงจรปิดเห็นภาพคนร้าย ใช้มือขวาล็อคคอ น.ส.ไพรจิตรแล้วใช้มือซ้ายจับมีดปลายแหลมจี้เข้าที่ลำคอ

เบื้องต้นได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สน.มีนบุรีตรวจวงจรปิดในร้านย้อนหลังไปประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมาดูความเคลื่อนไหวภายในร้านก่อนกลับไปสวมไอ้โม่งเพื่อปกปิดใบหน้าแล้วกลับเข้ามาลงมือก่อเหตุ  และเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามแหล่งใกล้เคียงเพื่อสืบหัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.

บุกจับกลางป่าทับลานลักลอบตัดพะยูงมูลค่ากว่า1ล้าน ขบวนการตัดไม้30คนหนีกระเจิง






เพียงคนเดียวพร้อมไม้ของกลาง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันี้ที่ (29 พ.ค.) นายประพัฒน์พงษ์ สุขุประการ หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 3 (คลองน้ำมัน) บ้านมาบกราด ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุ่มวัฒน์ รัตน์อาภา ผกก.สภ.ครบุรี  และ พ.ต.ท.ไท สกุลสันติรักษ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของกองกัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 นำกำลังตำรวจ  และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ เข้าตรวจพื้นที่ ที่เขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ 3 ( คลองน้ำมัน ) บ้านมาบกราด ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา หลังจากสามารถ จับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงภายในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ขณะกำลังตัตต้นไม้ และเตรียมที่ลำเลียงออกจากป่า โดยขบวนการลักลอบตัดไม้  ลงมือตัดไม้ที่  บริเวณป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิโลเมตรที่ 17 ในเขต ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมของกลางหลายรายการ

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม  คือ นายสิทธิศักดิ์ ส่องกระโทก อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 139 บ้านมาบกราด หมู่ที่ 22 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี  โดยยึดของกลางเป็นไม้พะยูงต้นขนาด 3 คนโอบความสูงประมาณ 30 เมตร อายุกว่า 100 ปี ซึ่งถูกตัดออกเป็นท่อนๆแล้ว 3 ท่อนเตรียมที่จะทำการแปรรูปเพื่อขนย้ายออกจากพื้นที่ ซึ่งมีมูลค่าในตลาดซื้อขายกว่า 1.5 ล้านบาท   นอกจากนี้ยังตรวจยึดพร้อมอาวุธสงครามปืนอาก้า 1 กระบอก เลื่อยยนต์ 1 ชุด พร้อมอุปกรณ์ประกอบการขนย้ายไม้อีกจำนวนมาก

การจับกุมครั้งนี้  สืบเนื่องจาก ก่อนหน้า  เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สืบทราบมา มีขวนการลักลอบตัดไม่พะยูง  ในพื้นที่ดังกล่าว  จึงกระจายกำลัง  เดินเท้าเข้าตรวจหา จนพบผู้ขบวนการลักลัอบตัดไม้คาดว่ามีประมาณ 30 คน  กำลังลักลอบตัดไม้ บริเวณป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิโลเมตรที่ 17 อุทยานแห่งชาติทับลาน ในท้องที่ ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม  กลุ่มคนร้ายจึงวิ่งหนีแตกกระเจิงคนละทิศละทาง ก่อนที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่ชาติทับลานจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้  1 คนคือ นายสิทธิศักดิ์  จากนั้นจึงควบคุมมาสอบสวนขยายผล และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนที่จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ดังกล่าว

จากการสอบสวนนายสิทธิศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนๆในหมู่บ้านซึ่งมีประสบการณ์ในการแปรรูปไม้อีก 10 คน  รับจ้างตระเวนสำรวจป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานเพื่อตัดไม้พะยูง  โดยได้รับจากว่าจ้างจาก  เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันที่ว่าจ้างให้เข้าตัดไม้พะยูงต้นดังกล่าว โดยมีคนชี้เป้าไว้ก่อนแล้ว ซึ่งกลุ่มของนายสิทธิศักดิ์ มีหน้าที่ตัดไม้พะยูง และแปรรูป  ก่อนที่จะมีคนอีกกลุ่มประมาณ 19 คน  ที่มีหน้าที่มาช่วยลำเลียง เป็นช่วง ๆ เพื่อนำออกจากป่า  และเฝ้าเส้นทางดูต้นทางให้ โดยใช้วิทยุสื่อสารในการติดต่อสือสาร แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่เดินทางเข้ามาจึงไม่มีใครแจ้งและถูกจู่โจมเข้าจับกุมดังกล่าว

จากการสอบถามนายสิทธิศักดิ์ บอกอีกว่า ลักลอบตัดไม้พะยูงมาแล้ว 3 ครั้ง  ได้ค่าจ้างคนละประมาณ 2-3  หมื่นบาท แล้วแต่ขนาดของไม้โดยมี นายศราวุธ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งน่าจะมีคนมารับซื้อต่ออีกทอดซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร  จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเค้นสอบ  จนนายสิทธิศักดิ์  ให้ข้อมูลกลุ่มลักลอบตัดไม้ที่เข้าก่อเหตุด้วยกันทั้งหมด 11  คน  ส่วนที่เหลือที่เป็นเครื่อข่ายที่เข้าร่วมอีก 19 คน  นั่น มีคนพามาร่วมสมทบทำงานด้วยจึงไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหนบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ถูกแจ้งความดำเนินคดีรวม 5 ข้อกล่าวหาหลัก คือ 1.ร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16 ( 2 ) ฐานเก็บหานำออกไป หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นการเสื่อมสภาพซึ่งป่าไม้ , 2. พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ฐานทำไม้หวงห้ามใดยไม่ได้รับอนุญาต , 3. พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ห้ามมิให้บุคคลใดทำไม้เก็บหาของป่า หรือทำด้วยประการใดๆให้เป็นการเสื่อมสภาพป่าสงวนแห่งชาติ , 4. พ.ร.บ.อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และ 5. พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2535 มาตรา 4 ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวทั้งหมดแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ส่วนสถานการณ์การลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าว  พบว่า ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน พื้นที่อำเภอครบุรี รวมถึงพื้นที่อำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ได้ประสานการทำงานร่วมกันเข้าจับกุมได้แล้วรวม 15 ครั้ง สามารถยึดของกลางได้มูลค่ารวมกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังพยายามที่จะประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมของขบวนการเหล่านี้อย่างเข้มงวดต่อไป.

อธิบดีกรมอุทยานฯ ลุยใต้พบสร้างถนน – ตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงผ่านอุทยาน สั่งตั้งกก.สอบและย้ายอดีตหัวหน้าอุทยานฯ 2 รายรวด




อธิบดีกรมอุทยานฯ ลุยใต้พบสร้างถนน – ตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงผ่านอุทยาน สั่งตั้ง กก.สอบและจ่อย้ายอดีตหัวหน้าอุทยานฯ 2 รายรวด


วันนี้ (29 พ.ค.) นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติภาคใต้เพื่อประชุมและตรวจราชการ โดยคณะได้เดินทางไปยังพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ(หาดในยาง) จ.ภูเก็ต หลังได้รับร้องเรียนว่ามีการตัดถนนผ่านอุทยานฯ และตั้งเสาไฟฟ้ารวมทั้งออกเอกสารทับพื้นที่อุทยานฯ โดย นายจิรพล อ่ำขำ หัวหน้าอุทยานฯ สิรินาถ รายงานว่า ขณะนี้มีการทำผิดกฎหมายอุทยาน คือ มีการตัดถนนผ่านพื้นที่อุทยานฯ  ในท้องที่หมู่ที่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 3 จุด จุดแรกยาว 807 เมตร จุดที่สอง 1,346 เมตร และจุดที่สาม 593 เมตร ซึ่งอุทยานฯ ได้แจ้งความคดีอาญากับองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เชิงทะเล และบริษัทเอกชน ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง อบต.เชิงทะเล ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักอัยการ จ.ภูเก็ต

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการทางอำนาจปกครองของอุทยานฯให้ อบต.เชิงทะเลทำลายสิ่งปลูกสร้าง คือ ถนนลาดยาง ให้พ้นจากอุทยาน และให้ปรับพื้นที่คืนสภาพให้อุทยานเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีการสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งอุทยานฯได้ดำเนินคดีอาญา แต่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจาก หัวหน้าอุทยานฯ สิรินาถคนก่อนหน้านี้ คือ นายนนทวิช จตุราบัณฑิต ซึ่งปัจจุบันประจำอยู่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5(นครศรีธรรมราช) เป็นผู้อนุญาตให้สร้าง ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาผิดได้

นายดำรงค์ กล่าวว่า การทำผิดกฎหมายอุทยานฯทั้งสองกรณี ถือว่า เป็นความบกพร่องของหัวหน้าอุทยาน ที่ไม่มีจิตสำนึกในการปกป้องทรัพยากร ดังนั้นตนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายสุขขี คำนวณศิลป์ อดีตหัวหน้าอุทยานฯ สิรินาถ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงที่ปล่อยให้มีการสร้างถนน พร้อมกับให้ย้าย นายนนทวิช จตุราบัณฑิต อดีตหัวหน้าอุทยานฯ สิรินาถ ไปประจำกรมอุทยานฯและตั้งกรรมการสอบ ซึ่งกรณีของ นายนนทวิช ถือเป็นความผิดร้ายแรง เพราะอำนาจในการอนุญาตให้ตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงนั้นเป็นอำนาจของอธิบดี ตามมาตรา 19 แต่ นายนนทวิช กลับใช้อำนาจของตัวเองอนุญาตโดยพลการ

จากนั้น นายดำรงค์ และคณะได้เดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณหมู่ที่ 2 หมู่ 3 หมู่ 5 และหมู่ที่ 6 ต.เชิงทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานฯ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เชิงเขา แต่มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งบ้านพักและรีสอร์ทขนาดใหญ่ เมื่อคณะ นายดำรงค์ไปถึงปรากฏว่ามีตัวแทนของชาวบ้านจากหมู่ที่ 2 นำโดย นายเหล็ม เกาะหัว เดินทางมาดักพบ นายดำรงค์ เพื่อไม่ให้เข้าไปตรวจสอบ พร้อมทั้งขอทราบวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้ของ นายดำรงค์

โดย นายเหล็ม กล่าวว่า มาพบนายดำรงค์ เพราะได้รับแจ้งว่านายดำรงค์จะมารื้อถนนและเสาไฟ ซึ่งชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าการเกษตร ไม่อยากให้รื้อถนนเสาไฟฟ้า ด้านนายดำรงค์ กล่าวชี้แจงว่า ตนไม่ได้มารื้อถนนและเสาไฟฟ้า แม้ว่าทั้ง 2 สิ่งจะผิดกฎหมาย เพราะทำในพื้นที่อุทยานฯ  ที่ไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้าง แต่ตนจะมาตรวจสอบการออกหลักฐานและเอกสารสิทธิทับที่อุทยานฯ ของบรรดารีสอร์ท และบ้านพักขนาดใหญ่ โดยจะมีการทำพิกัดแผนที่ ส่วนชาวบ้านที่อยู่มาก่อนมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ก็สามารถทำมาหากินได้เหมือนเดิม ไม่มีผลกระทบ และชาวบ้านที่อยู่หลังจากนั้น แต่ไม่มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่ม หรือขายต่อในนายทุนเอาไปทำรีสอร์ทก็สามารถอยู่ต่อได้ การดำเนินการวันนี้เพื่อไม่ให้คนรวยเอาเปรียบคนจน ทั้งนี้นายเหล็ม กล่าวว่า ได้ฟังข้อเท็จจริงจากอธิบดีตนก็สบายใจ และจะนำเรื่องทั้งหมดไปแจ้งกับชาวบ้านที่เหลือต่อไป

ต่อมา นายดำรงค์ ได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณริมหาดในทอน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะ และด้านที่ติดกับสวนสาธารณะมีโรงแรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชะง่อนผาติดทะเล อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โรงแรมแห่งนี้เป็นของบริษัทเทียนสิน สร้างอยู่บนพื้นที่ 90 ไร่ เจ้าของอ้างว่าสร้างในพื้นที่ที่มีโฉนด ทั้งนี้นายดำรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า จะให้เจ้าหน้าที่สั่งระงับการก่อสร้างและตรวจสอบการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวสร้างโรงแรม และจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านศาลและกฎหมายเข้ามาตรวจสอบ และนำหมายศาลเข้ามาขอค้น ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้จะมาตรวจสอบแผนที่ จะใช้เวลาอีก 30 วันนับจากนี้ ถ้าผิดกฎหมายก็จะฟ้องร้อง รื้อถอนและทุบทิ้งต่อไป

อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวว่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติในภาคใต้ที่ผ่านมานั้น ตนได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในเรื่องความไม่สะดวกและการบริการโดยเฉพาะเรื่องห้องสุขา  ดังนั้นตนขอให้อุทยานฯ ทางใต้เปลี่ยนตัวส้วม จากส้วมที่นั่งยองๆมาเป็นชักโครกให้หมด เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว และขอให้รักษาความสะอาดให้มาก เพราะอุทยานฯ ทางภาคใต้หลายแห่งมีพื้นที่ติดทะเล ที่สำคัญที่อุทยานฯหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ตนได้แจ้งหัวหน้าอุทยานฯว่าให้นำวัวออกจากพื้นที่อุทยานฯภายใน 7 วัน เนื่องจากที่ผ่านมาหาดเจ้าไหมเต็มไปด้วยขี้วัว จนนักท่องเที่ยวทนไม่ไหวร้องเรียนมาที่กรมอุทยานฯ ดังนั้นภายใน 7 วัน หากยังไม่สามารถนำวัวออกมาได้หัวหน้าอุทยานฯจะต้องถูกย้ายออกมาประจำกรมอุทยานฯแทน เพราะไม่สามารถจัดการปัญหาในพื้นที่ได้..


ในหลวงพระราชทานตราสัญลักษณ์งาน 80 พรรษาราชินี และครบ 5 รอบสมเด็จพระบรมฯ





ในหลวงพระราชทานตราสัญลักษณ์งาน 80 พรรษาราชินี และครบ 5 รอบสมเด็จพระบรมฯ สั่งหน่วยราชการเตรียมประดับตราสัญลักษณ์ทั่วประเทศ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น.ตอนบ่ายวันนี้ (29 พ.ค.) ว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  ได้ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 12 ส.ค.2555 และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ในวันที่ 28 ก.ค. 2555 ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติทั้ง 2 งาน และครม.ได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานทั่วทั้งประเทศ ได้เตรียมการประดับตราสัญลักษณ์ และติดธงสัญลักษณ์นี้ในสถานที่ราชการทุกแห่ง ส่วนพสกนิกรชาวไทย ทั่วประเทศสามารถซื้อหรือจับจองมาติดในบ้านได้ตามร้านจำหน่ายตราสัญลักษณ์หรือธงทั่วไป แต่คงต้องรออีกระยะหนึ่ง

ต่อมา เว็ปไซด์ทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th ได้เผยแพร่ข่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบเรื่อง ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 และตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอ

โดยแบบตราสัญลักษณ์มีความหมายดังนี้ 1. แบบตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ประกอบด้วย อักษรพระนามาภิไธย ส.ก. อยู่ภายในวงรี ด้านบนวงรีเป็นพระมหามงกุฎ ภายในพระมหามงกุฎเป็นพระแสงจักรและพระแสงตรีศูล มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์โบราณมงคลพระมหาสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ล้อมรอบวงรี ขนาบข้างด้วยพระสัปตปฎลเศวตฉัตร ด้านล่างวงรีเป็นเลขไทย 80 อยู่ในรูปทรงของเพชรด้านล่างเลขไทย 80 เป็นผ้าแพรแถบอักษรข้อความ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาสมเด็จพระราชินี เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี แล้วพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์

2. แบบตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555  ประกอบด้วย อักษรพระนามาภิไธย ม.ว.ก. อยู่ภายในวงรี แนวนอน ด้านบนเป็นพระอนุราชมงกุฎ สำหรับประกอบพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระอนุราชมงกุฎอยู่ด้านหน้าพระสัปตปฎลเศวตฉัตร ประกอบพระราชอิสริยยศ ด้านล่าง อักษรพระนามาภิไธย ม.ว.ก. เป็นเลขไทย 60 ถัดเลข 60 ลงมาเป็นผ้าแพรแถบ รองรับองค์ประกอบทั้งหมด ภายในผ้าแพรแถบเป็นอักษรข้อความ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555..