วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

สธ.ลงนามประกาศยกระดับยาหวัดสูตร"ซูโดฯ"เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท2


เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (2 เม.ย.) นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการออกประกาศยกระดับซูโดอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ว่า ในวันนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เสนอประกาศมาแล้ว โดยทาง นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานให้ทราบแล้ว แต่เนื่องจากตนติดภารกิจที่ต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงยังไม่ได้ลงนามในประกาศดังกล่าว และยังไม่ได้ดูรายละเอียด คาดว่าจะเป็นวันที่ 3 เม.ย.น่าจะลงนามได้ ส่วนจะมีผลบังคับใช้ทันทีหรือไม่ขอดูรายละเอียดก่อน คือการประกาศจะต้องไม่กระทบกับคนที่ครอบครองอยู่ในขณะนี้ อาจมีเวลาให้เตรียมตัว
 
ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย. กล่าวว่า สำหรับประกาศที่เสนอต่อ รมว.สาธารณสุข จะให้มีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา อย่างไรก็ตามจะมีการอนุโลมให้ใช้ยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนไปประมาณ 1 ปี ทั้งนี้อย่าลืมว่ายาที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนประกอบไม่ได้มีเฉพาะ 3 สูตรที่มีปัญหาเท่านั้น ดังนั้นทาง อย.จะมาพิจารณากันอีกครั้งว่า ยาสูตรต่างๆ ที่มีซูโดอีเฟดรีนนั้นจะให้เหลือกี่สูตร ต้องมีการทบทวนอีกครั้ง
 
ส่วน รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธุ์ ประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการละเลยในการควบคุมยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน จนทำให้มีคนบางกลุ่มนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารเสพติด แต่เมื่อเรารู้และมีการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นก็น่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ส่วนตัวเห็นว่ากระทรวงน่าจะออกกฎในการควบคุมการใช้น่าจะดีกว่า ถ้าหากยกเลิกการใช้ยาตัวนี้ไปเลย เพราะขณะนี้น่าจะเรียกได้ว่ายาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนเป็นยาที่มีประสิทธิภาพที่ใช้มานานกว่า 30-40 ปีแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่มีตัวยาใดมีประสิทธิภาพเทียบเท่า อย่างเฟนิลเอฟรินจะมีฤทธิ์อ่อนกว่า อยู่ได้ไม่นานทำให้ผู้ป่วยอาจจะต้องรับประทานยาบ่อยขึ้น
 
“เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจรัฐบาลเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากจะประกาศยกเลิกการใช้ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนจริงๆ ก็สามารถยอมรับได้ หากยาตัวนี้จะจากเราไปจริงๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีเหตุผลอื่นๆ ด้วยหรือไม่เพราะผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการบ้านการเมืองเท่าไหร่ และก็เชื่อว่าหมอทุกคนยอมรับได้แม้จะมีผลกระทบกับคนไข้และวิชาชีพ และคงต้องค้นหายาตัวใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่” นพ.ภาคภูมิ กล่าวและว่า แต่หากยังสามารถใช้ได้และมีการควบคุมที่ดี คนไข้ยังสามารถเข้าถึงได้ตามความต้องการของโรค ก็น่าจะเป็นทางสายกลางที่ดีกับทุกฝ่าย

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปิดโผสตม.รอง ผบก.-สว. กว่า200 เก้าอี้




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2 เม.ย.พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม.ลงนามคำสั่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ 58 - 60 / 2555 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในระดับ รอง ผบก. – สว.ประจำปี 2554 ทั้งโยกปรับเปลี่ยนใน สตม.ตำแหน่งเลื่อนสูงขึ้น และโยกข้ามหน่วย รวมจำนวนกว่า 230 ตำแหน่ง

สำหรับรายชื่อโยกปรับเปลี่ยนใน สตม.ที่น่าสนใจ เช่น พ.ต.อ.ทิฆัมพร แก้วขาว รอง ผบก.ตม.2  (ดูท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) เป็น รอง ผบก.ตม.1  (ดูงานวีซ่า) ให้ พ.ต.อ.อดิฐษา ศิริชัย รอง ผบก.อก.สตม.เป็น รอง ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.วีรพล เจริญศิริ ผกก.1 บก.ตม.1 โยกคืนถิ่นเป็น ผกก.ฝ่ายตรวจลงตรา ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2  พ.ต.อ.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบก.ตม.5 เป็น รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.ธำรงค์ แสงวัฒนกุล รอง ผบก.อกสตม.เป็น รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.เจษฎา ใยสุ่น รอง ผบก.ตม.6 เป็น รอง ผบก.ตม.5 พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ ผกก.บริหารคนต่างด้าว บก.ตม.3 เป็น ผกก.ฝอ.1 บก.อก.สตม.พ.ต.อ.สิทธิ์ ศิริกังวานกุล ผกก.ตม.จว.หนองคาย บก.ตม.4 เป็น ผกก.ตม.จว.เชียงราย บก.ตม.5 พ.ต.อ.ชลิสร์ สโรบล ผกก.ฝอ.ศทส.ตม.เป็น ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ บก.ตม.5 พ.ต.อ.สงกรานต์ ศิริไพบูลย์ ผกก.บริการคนต่างด้าว บก.ตม.6 เป็น ผกก.ฝอ.บก.ตม.5 พ.ต.อ.วิศิษฐ ชำนาญไพร ผกก.ฝอ.4 บก.อก.สตม.เป็น ผกก.ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2  พ.ต.อ.ธีระยุทธ บุตรน้ำเพชร ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต บก.ตม.2 เป็น ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี บก.ตม.3

ส่วนรายชื่อเลื่อนสูงขึ้น ซึ่งพิจารณาจากบุคคลภายในเอง อาทิ เช่น พ.ต.อ.หญิง มัณฑนา ทวียนต์เนรมิต ผกก.ฝอ.บก.ตม.3 เป็น รอง ผบก.อก.สตม.พ.ต.อ.ณพัฒน์ศักย์ ธรรมรักษ์ ผกก.ฝอ.3 บก.อก.สตม.เป็น รองผบก.อก.สตม.พ.ต.อ.จักรทิพย์ ศตพิมลศักดิ์ ผกก.ฝ่ายตรวจลงตรา ด่านตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เป็น รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.สิทธิชัย โล่กันภัย ผกก.บริการคนต่างด้าว บก.ตม.เป็น รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผกก.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม. 2 เป็น รอง ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.วิบูลย์ กิติตแสงสุวรรณ ผกก.ฝ่าย ตม.ขาออกด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เป็น รอง ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.อธิสวิส กมลรัตน์ ผกก.1 < SPAN lang=TH>บก.สส.สตม.เป็น รอง ผบก.ตม.2

พ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ผกก.ตม.จว.สระแก้ว บก.ตม. 3 เป็น รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.พิชญวุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร บก.ตม.4 เป็น รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.รุ่งเกรียรติ สนแจ้ง ผกก.ตม.จว.นราธิวาส บก.ตม.6 เป็น รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.สงบ สันอุดร ผกก.ฝอ.บก.ตม .5 เป็น รอง ผบก.ตม.5 พ.ต.อ.ชูศักดิ์ พนัสอัมพร ผกก.ตม.จว.ชลบุรี บก.ตม.3 เป็น รองผบก.ตม.6 พ.ต.อ.พิชญา บุญขจร ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ บก.ตม.5 เป็น รอง ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.พุฑฒิพงศ์ มุสิกูล ผกก.ตม.จว.สงขลา บก.ตม.6 เป็น รอง ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.วีรพล  สวัสดี พงส.สบ.4  กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เป็น รอง ผบก.สส.สตม.พ.ต.อ.เฉลิมพล  จินตรัตน์ ผกก.2 สส.สตม.เป็น รอง ผบก.สส.สตม.

ขณะที่รายชื่อโยกข้ามหน่วยที่น่าสนใจ ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุวิชย์พล อิ่มใจรัชต์  รองผบก.ปคม. เป็นรองผบก.ตม. 4 (ดูพื้นที่อีสาน)  พ.ต.อ.ปรีชา  กลัดสวัสดิ์  รองผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็น รองผบก.ตม. 5 พ.ต.อ.ทักชัย  กาญจนเศรษฐ์  รองผบก.สลก.ตร. เป็น รองผบก.ตม. 6 พ.ต.อ.ชวาล  เพ็ญพานิช  ผกก. 3 บก.ปส. 4บช.ปส. เป็น ผกก.ฝอ.2 บก.อก.สตม. พ.ต.อ.หญิง วิรญา  พรหมายน ผกก.ผอ.งป. เป็น ผกก. 1บก.ตม. 1 พ.ต.อ.นรินทร์  คำแก่น ผกก.ฝอ.คด. เป็น ผกก. 2 บก.ตม 1  พ.ตอ.กานต์  ธรรมเกษม นว.(สบ4) พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา  รองผบ.ตร. เป็นผกก.ตม. จว.สงขลา บก.ตม. 6 พ.ต.อ.ระพีพงษ์  สุขไพบูลย์  ผกก.สภ. โคกโพธิ์ จว.ปัตตานี เป็น ผกก.บริการคนต่างด้าว บก.ตม. 6
พ.ต.ท.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี  รองผกก.วิเคราห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส. ภ. 9 เป็น รองผกก. ฝอ. 1 บก.อก.สตม. พ.ต.ท.พิพัฒน์ จตุรโกมล  รองผกก.ฝอ 10 บก.อก.บช.น. เป็นรอง ผกก.ฝอ. 3 บก.อก.สตม . พ.ต.ท.สุพล  นาคสุข  รองผกก.สส.สน.บางโพงพาง เป็นรองผกก.ฝอ. 7 บก.อก.สตม. พ.ต.ท.คมสันต์  รวมสนิท  รองผกก.ป.สน.บางเขน เป็นรองผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร บก.ตม. 3 พ.ต.ท.หญิง รัฐนันท์  จินดาศุข  รองผกก.ฝ่ายประชุม 1 ตป. เป็น รองผกก.บริการคนต่างด้าว บก.ตม. 3 พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สมใจประสงค์ รอง   ผกก.ฝอ . บก.น.  7 เป็นสวญ. ตม.จว.สมุทรปราการ บก.ตม.3

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ดวลปืนสนั่นแก๊งยานรก ดับ 2 ศพ ตำรวจเจ็บ



กลางดึกวันนี้ ( 2 เม.ย.)  ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์  ไตรราช ร้อยเวรสภ.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง รับแจ้งมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงต่อสู้กับคนร้ายแก๊งค้ายาบ้า บริเวณหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ถนนสุขุมวิท50 ซอยประปา 1   ส่งผลให้ ด.ต. บรรเจิด ทิพย์อุทัย ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดระยอง ถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่หน้าท้อง จำนวน 1 นัด นำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยอง และมีนางหทัยรัตน์ อินทร์จันทร์ อายุ 28 ปี ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล 
โดยยังมีคนร้ายถูกอาวุธปืนจากเจ้าหน้าตำรวจ หลบหนีเข้าไปหลบซ่อนในป่าละเมาะ ห่างจาก ที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร จึงรายงาน พล.ต.ต.ปรีชา  เจริญสหายานนท์ ผบก.ภ.จ.ระยอง พ.ต.อ.อิทธิเดช  เจริญสหายานนท์ รองผบก. พร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ทำการปิดล้อมโดยรอบ และกระจายกำลังกันออกติดตามพบคนร้ายนอนเสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะ ค้นในร่างกาย ทราบชื่อ นายนที กิ่งแก้ว หรือไมล์ พบยาบ้า บรรจุในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน ใส่ไว้ในกระเป๋าแขวน จำนวน 600 เม็ด และสามารถควบคุมตัว นายประธาน อินทร์จันทร์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่  229 /9 ม.5 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ในป่าละเมาะใกล้กับที่เกิดเหตุ
 
พ.ต.อ.สุรพณ  มงคลยุทธ  ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง ที่เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ดำเนินการให้สายลับร่วมกับตำรวจล่อซื้อยาบ้า และได้นัดหมายกับพ่อค้าบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ซึ่อ นายนที อินทร์จันทร์ ขับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีชมพู ทะเบียน กพ-172 ชลบุรี มาจอดริมถนน สุขุมวิท ซอยประปา 1 พร้อมกับได้เปิดประตูรถลงเพื่อจะส่งยาบ้าให้กับสายลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะจะส่งยาบ้า นายนที หรือไมล์ ได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในรถ จำนวน 2 นาย ได้ลงมาจากรถเพื่อจะเข้าจับกุม  นายนที จึงได้ตัดสินใจชักปืนสั้น ยิงใส่ ด.ต.บรรเจิด ทิพย์อุทัย กระสุนเข้าที่บริเวณหน้าท้องจำนวน 1 นัด แล้วขึ้นรถหนีไป
ส่วนทางด้าน ด.ต.กมล บัวผดุง ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ไล่ติดตามขับรถชนท้ายรถเก๋งของคนร้าย และใข้อาวุธปืนยิงใส่รถเก๋ง กระสุนปืนถูก น.ส.หทัยรัตน์ อินทร์จันทร์ ที่ร่วมมาในรถ ที่บริเวณขมับขวา 1 นัด เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วน นายนที หรือไมล์ ก็ถูกอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึง ได้ใช้อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางหนีเข้าไปในป่าละเมาะ พร้อมกับ นายประธาน  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับตัว นายประธานมาได้ ส่วนนายนที ได้หนีเข้าไปในป่าลึกในที่สุดก็ได้เข้าไปเสียชีวิตในป่าละเมาะ พร้อมอาวุธปืนของกลาง
หลังจากที่พบศพ นายนที หรือไมล์ จึงได้ประสานกับ แพทย์เวร รพ.ระยอง  อัยการจังหวัด ปลัดฝ่ายปกครอง วิทยาการ จ.ระยอง เข้ามาร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐาน โดยเฉพาะเขม่าปืนที่มือของ นายนที ที่ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ด้วย จากการสอบสวน นายประธาน อินทร์จันทร์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองและผู้ตายทั้ง 2 คน เดินทางมาจาก อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อมารับยาบ้าจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อดีตเคยรับราชการอยู่ที่หนองขาม ศรีราชา มาส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดระยอง โดยได้โทรนัดหมายกันเรียบร้อย โดยที่ไม่ทราบว่าสายลับโดนตำรวจให้สั่งซื้อยาบ้าในครั้งนี้  โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลถึงตัวตำรวจที่ถูกพาดพิงต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เตือนจยย.รับจ้างขับเร็วโดนยิงตาย


กลางดึกที่ผ่านมาวันนี้ ( 3 เม.ย.) ร.ต.อ.สายันต์ จันทะปัญญา พงส. (สบ1) สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในซอยรัชดาภิเษก 32 แยก 5-4 แขวงจันทรเกษม เขตจักตุจักร  ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สำเริง  สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
 
ที่เกิดเหตุพื้นบนถนน หน้าเพิงไม้สร้างไว้สำหรับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หน้าคอนโดชื่อ ไดม่อน 2 พบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายสนาม ภูสถาน อายุ 48 ปี คนขี่รถจยย.รับจ้างเสื้อวินสีส้มเบอร์ 73 ที่ใบหน้าพบรอยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณจมูกข้างขวา 1 นัด และกองเลือดจำนวนมาก ข้างกันยังพบมีดดาบยาว 70 ซม. และหมวกกันน็อคสีน้าเงิน 1 ใบตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และขวดโซดาแตกกระจายอยู่
 
จากการสอบสวนนายสมชาย จันทรเสน อายุ 38 ปี เพื่อนคนตาย ให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากันภายในวินหน้าคอนโด หลังจากนั้นได้พูดถึงการขับรถแบบหวาดเสียวของวินเบอร์ 20 ที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ จึงเรียกกันว่านายอ้วน ที่อยู่กลางซอยลาดพร้าว 23  ต่อมานายอ้วนได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาส่งผู้โดยสารพอดี ตนจึงได้เดินเข้าไปบอก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายอ้วน จึงกลับไปตามพรรคพวกมากัน 3 คนแล้วเข้ามาถามหาว่าใครไม่พอใจ
 
หลังจากนั้นจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น เมื่อนายอ้วนสู้ไม่ได้จึงล่าถอยกลับไปตามพรรคพวกมาใหม่อีก 7-8 คน หลังจากนั้นจึงเกิดการชกต่อยชุลมุนขึ้นอีกครั้ง ผู้ตายจึงเข้าไปห้ามปรามและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัดถูกคนตายดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจจะติดตามนายอ้วนกับพวกมาดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ตชด.เครียดยิงหัวตัวเองบนรถทัวร์


กลางดึกที่ผ่านมา ( 3 เม.ย.) ร.ต.ท.ฐาปกรณ์ ชูดละเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้ง จากนายโกศล รามัญอุดม อายุ 46 ปี พนักงานขับรถทัวร์ของบริษัทขนส่ง เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพจำกัด ว่า ได้มีผู้โดยสารเป็นเพศชายใช้อาวุธปืนจ่อยิงตัวเองเสียชีวิตคาเบาะนั่งบนรถทัวร์ ที่สถานีรถโดยสารประจำทางชุมพรเมืองใหม่ ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร จึงเดินทางรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสายชล
พบรถทัวร์สองชั้น ยี่ห้อวอลโว่ ทะเบียน 15-2789 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 992-1112 จอดนิ่งอยู่ รอบๆรถมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ ลงมายืนรุมดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่าง โดยบริเวณเบาะนั่งเลขที่ 9 ใกล้ประตูฉุกเฉินด้านขวาของรถ เจ้าหน้าที่พบศพ ส.ต.ต.ธีรเทพ ทองจันทร์ อายุ 32 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตำแหน่งผบ.หมู่ ตชด. ที่ 44 จ.ยะลา สภาพถูกยิงที่ศรีษะขมับด้านซ้าย มีอาวุธปืนสั้น ขนาด 357 มม.ตกอยู่ที่พื้นที่รถ
จากการสอบถามนายโกศล ให้การว่า รถคันดังกล่าวได้ออกจาก อ.หาดใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 2 เม.ย.55 โดยผู้เสียชีวิตได้ซื้อตั๋วและได้ที่นั่ง หมายเลขที่ 9 ตลอดระยะการเดินทางก็ไม่มีเหตุอะไรบ่งบอกว่าผู้เสียชีวิตแสดงอาการเครียดให้เห็นแต่อย่างใด แม้ขณะตอนรถแวะให้ผู้โดยสารได้รับประทานอาหารระหว่างการเดินทาง ผู้เสียชีวิตก็ลงมาทานข้าวเหมือนคนอื่น จนกระทั่งรถได้เดินทางต่อมาถึงเขตเมืองชุมพร ใกล้กับจุดลงเวลาในสถานีรถโดยสารประจำทางชุมพรเมืองใหม่ เพียง 1 กม.ได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืน ซึ่งครั้งแรกคิดว่ารถถูกกลุ่มกวนเมืองยิง
ต่อมาได้มีผู้โดยสารได้ลงมาบอกว่า มีผู้โดยสารคนหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงตัวตายอยู่ที่นั่งชั้นบน จึงได้จอดรถริมทางและขึ้นไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจริง จึงได้นำรถเดินทางต่อมาจอดที่สถานีฯ ก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานภายในตัว พบบัตรแสดงตัวเคยรับการบำบัดจาก รพ.จิตเวช และนอกจากยังนี้พบจดหมายฉบับหนึ่งที่ระบายถึงพันตำรวจโทนายหนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เกี่ยวกับการขอย้ายออกนอกพื้นที่ จ.ยะลา แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาทั้งที่ได้ทำหนังสือขอย้ายมาแล้วหลายครั้ง  เบื้องต้นสันนิฐานคาดน่าจะเครียดจากการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะประสานทางต้นสังกัดและญาติมารับศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

จับโจ๋มั่วยาคาบ้านพบปืนเพียบ


วัน (3เม.ย.)ที่สภ.นาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม  ร.ต.อ. ธรรม์ปทีป  วัฒนสุขชัย  รอง สวป. สภ.นาเชือก  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปรามปรามยาเสพติด  สถานีตำรวจภูธรนาเชือกได้ร่วมกันจับกุมนายกีรติ  สุทธิเภขา  อายุ 21 ปี  นายสันทัศน์  พลทุมมา  อายุ 25 ปี  และเยาวชนอายุ 17 ปี 1 คน ทั้งหมดเป็นชาวบ้านกุดรัง  ต.นาเชือก  อ.นาเชือก  จ.มหาสารคาม พร้อมของกลางยาบ้า 34 เม็ด อุปกรณ์การเสพ อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอกและ อาวุธปืนปากกา 2 กระบอก โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ต้องหากำลังทำการมั่วสุมเสพยาบ้าภายในบ้านเลขที่ 78  หมู่ 2  บ้านกุดรัง ต. นาเชือก  อ.นาเชือก จ. มหาสารคาม 
เบื้องต้นทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า  ได้ซื้อยาบ้ามาร่วมกันเสพยังบ้านหลังดังกล่าว  และ ได้นำอาวุธปืนออกมาเล่น ซึ่งอาวุธปืนทั้งหมดได้ซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่ง  เพื่อจะใช้ป้องกันตัวในช่วงออกไปเที่ยวงานวัด จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง  และ มียาบ้าเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ไว้ในครอบครอง  จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง  พ.ต.ต.ชัยสิทธิ์  คำยา  ร้อยเวรฯ สภ.นาเชือก  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

แฉหนุ่มสรรพสามิตหัวใจวายตาย


วันนี้(3 เม.ย.) พ.ต.อ.เชิดชาย สัตตบุศย์ ผกก.สน.ประชาชื่น เปิดเผยความคืบหน้ากรณีพบศพนายสุนทร ศรีหิรัญ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิต มีศักดิ์เป็นหลาน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. นอนหงายเปลือยกายเสียชีวิตบนที่นอน ภายในห้องพักเลขที่ 51/141 ชั้น 7 พิบูลย์คอนโด วิลล์ ถนนประชาชื่น ซอย28 แขวงและเขตบางซื่อ  โดยในห้องพบหลักฐานถุงยางอนามัยใช้แล้ว 1 ถุง ขวดโลออน 1 ขวด เหล้า 1 ขวด และแก้ว 3 ใบ อยู่ในห้องที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสอบพยานและ รปภ.อาคารดังกล่าวเห็นผู้ตายมากับชาย 2 คน รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในอาคารเห็นเพื่อนชาย 2 คน ออกจากห้องพักนายสุนทรช่วงเวลา 22.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาเพื่อนผู้ตายที่กรมสรรพสามิตมาตามหาที่ห้องพักเพราะเห็นไม่ไปทำงาน กระทั่งมาพบนอนเสียชีวิตบนเตียง

พ.ต.อ.เชิดชาย กล่าวต่อไปว่า คดีนี้แพทย์และเจ้าหน้าที่ พฐ. ได้ทำการตรวจอย่างละเอียด คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 16 ชั่วโมง โดยในห้องดังกล่าวพบยาปลุกเซ็กซ์ โลออน ถุงยางอนามัยใช้แล้ว 1 ถุง พร้อมทั้งพบคราบโลออนที่ทวารหนักผู้ตาย รวมทั้งไม่มีร่องรอยการต่อสู้ในห้องพัก และร่องรอยการทำร้ายร่างกายบนศพ แต่ปกติผู้ตายจะสวมสร้อยคอทองคำหนัก 2-3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง และแหวนทองคำหนึ่งวง แต่บนศพผู้ตายไม่พบ ซึ่งตำรวจกำลังให้ญาติผู้ตายตรวจสอบอยู่ว่าเก็บไว้ที่บ้านต่างจังหวัดหรือไม่ พร้อมให้ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ตามเพื่อนชาย 2 คน ของผู้ตายมาสอบปากคำอย่างละเอียดถึงสาเหตุการณ์เสียชีวิตรวมทั้งทรัพย์สินผู้ตาย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตแพทย์ให้น้ำหนักในเรื่องการช็อกจนทำให้เกิดหัวใจวายจนเสียชีวิต

ด้าน พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.สส.บก.น.2 กล่าวว่า คดีนายสุนทร ศรีหิรัญ เสียชีวิต จากพยานหลักฐานต่างๆ ไม่น่าใช่เหตุฆาตกรรม ซึ่งร่องรอยบนศพไม่มีบาดแผล ส่วนที่มีรายงานว่าพบผ้าอุดที่จมูกผู้ตายนั้น แพทย์ได้ตรวจสอบแล้วเป็นคราบน้ำลายหรือสารคัดหลั่งในร่างกายไหลออกมาทางรูจมูก ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต้องรอผลชันสูตรศพผู้ตาย พร้อมหลักฐานการตายจากแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ อย่างเป็นทางการจึงสรุปคดี โดยคดีนี้ได้รายงานให้ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. ทราบตลอด ซึ่งจากหลักฐานต่างๆ พล.ต.ต.อนันต์และญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิตว่าเกิดจากการฆาตกรรม
 

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ยกฟ้อง"พัชรวาท"โยกย้ายลูกน้องลงใต้มิชอบ


ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นี้  ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบก.ตชด.ภาค3 (ขณะนั้น) เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย อดีต ผบช.ภ.2 และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์ สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1 - 2  ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดตามกฎ ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่าง10 -14 พ.ย.51 ขณะโจทก์เป็นรองผบก.สปพ.  บช.น. หรือ 191 จำเลยที่1 เป็น ผบช.ตชด. จำเลยที่ 2 เป็น ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายโจทก์ไปเป็น รองผบก.ตชด.ภาค4 ทั้งที่โจทก์ไม่เคยมีประวัติเสียหาย ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย  รวมทั้งโจทก์ไม่มีประสบการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  และไม่มีเหตุจำเป็นที่จะโยกย้ายโจทก์ โดยอ้างว่า เพื่อทดแทนกำลังเดิมในภาคใต้
การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยได้กระทำไปตามขั้นตอนของกฎ ก.ตร.ปี พ.ศ.2549 ข้อ14(2) ซึ่งมีเหตุผลความจำเป็นเพื่อนำกำลังไปทดแทน จึงไม่มีเจตนาให้โจทก์ได้รับความเสียหาย  พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้ลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

หนูน้อยวัย6ขวบแฉนาทีระทึกรอดตายคาร์บอมบ์ยะลา


จากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ 2 จุด ในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต  10 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน อาคารบ้านเรือน ร้านค้า รวมทั้งรถยนต์และรถจยย.ของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายหลายสิบคัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้(3 เม.ย.) ขณะนี้มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น อีก 1 คน คือ น.ส.จุไร ลีลา อายุ 38 ปี แม่ค้าขายเสื้อร้านเลดี้แฟชั่น  สาขา 2 ที่มีบาดแผลถูกสะเด็ดระเบิดที่บริเวณศีรษะ ซึ่งทางคณะแพทย์ได้ทำการเปิดกะโหลกเพื่อนำเอาสะเก็ดระเบิดออก แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ 2 จุด ที่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ อีกจำนวน 25 คน ซึ่ง 1 ใน 25 คน นั้น เป็นเด็กหญิงอายุ 6 ขวบ ชื่อ ด.ญ.ศุภาพิชญ์ คคนางพงศ์ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเลดี้แฟชั่น สาขา 2  มีบาดแผลถูกไฟไหม้ที่บริเวณลำตัว และ มีสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว แพทย์ต้องให้นอนพักรักษาตัวภายในห้องปลอดเชื้อ (BURN UNIT) 
ด.ญ ศุภาพิชญ์ หรือ น้องไอซ์ เด็กน้อยผู้ที่รอดชีวิต แต่ต้องสูญเสีย ยาย น้าสาว และน้าชาย ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์จุดที่ 1 ที่บริเวณด้านหน้าร้านขายข้าวมันไก่  นางสมใจ ชูโลก ผู้เป็นยาย นายสมัย ลีลา น้าชาย และน.ส.จุไร ลีลา น้าสาว ได้พยายามรีบปิดประตูร้านขายเสื้อผ้าทันที ห่างกันประมาณ 15 นาที ได้เกิดระเบิดที่บริเวณเยื้องกับด้านหน้าร้านของตน แรงระเบิดทำให้บริเวณด้านหน้าของร้านขายเสื้อผ้า พังพินาศราบเป็นหน้ากลอง ยายโดนประตูเหล็กทับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส น้าชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช้นกัน ส่วนน้าสาว โดนสะเก็ดระเบิดเจาะเข้าที่บริเวณศีรษะ  ขณะที่ตนเองกระเด็นด้วยแรงระเบิด บริเวณร่างกายโดนไฟคลอก แต่ด้วยความที่มีสติ รีบเข้าไปช่วยยายที่โดนประตูเหล็กทับ แต่ประตูเหล็กหนักยกไม้ไหว จึงคลานตัวเองออกมาจากซากร้านที่พังยับเยิน ด้วยสภาพเสื้อผ้าโดนไฟคลอก ขาดเหลือแต่กางเกงใน จากนั้นได้นำเศษเสื้อผ้าที่ขาดฉีกออกมาเพื่อปิดหน้าของตัวเอง เพื่อป้องกันเขม่าควันไฟที่กำลังลุกไหม้ และ เรียกหาหน่วยกู้ภัย เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้น้องไอซ์ หมอได้ทำการผ่าตัดไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อนำสะเก็ดระเบิดออกมาจากร่างกาย และสิ่งที่สกปรกที่ฝังอยู่ภายในร่างกาย ล่าสุดอาการปลอดภัย แพทย์ต้องใส่ผ้าพันทั้งตัวตั้งแต่บริเวณหน้าอกลงมาถึงเท้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อยู่ภายในห้องปลอดเชื้อ แพทย์ดูแลอย่างใกลชิด ด้านสภาพจิตใจนั้น ทุกวันนี้ยังถามหายาย น้าสาว และน้าชาย อยู่ตลอดเวลา และพยายามที่จะให้แม่ของตนเอง น.ส.กฤษณพร คคนางค์พงศ์ พาไปเยี่ยมน้าสาว น้าชาย และยาย ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าทั้งหมดเสียชีวิตลงหมดแล้ว

น.ส.กฤษณพร คคนางค์พงศ์ แม่น้องไอซ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก สงสารลูก สงสารครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ต้องสูญเสียทั้งหมด  ตัวเองเคยโดนระเบิดมาแล้ว ที่หน้าร้านของตนเอง เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2554 ซึ่งตอนนั้นได้รับบาดเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และไม่คิดว่าครั้งนี้จะโดนกับลูกสาวของตนเอง อาการสาหัสมาก เจ็บมากที่โดนไฟคลอกทั้งตัว แต่โชคดีที่น้องไอซ์คลานออกมาได้ ก็อยากให้ลูกสาวหาย และภาครัฐเข้ามาดูแลเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจ ของชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในพื้นที่

ด้านนายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา เปิดเผยว่า จากเหตุคาร์บอมบ์ ทั้ง 2 จุด ที่บริเวณถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 11 ราย และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน สำหรับทรัพย์สินที่เสียหาย มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้ และ ถูกแรงระเบิด จำนวน 35 หลัง มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 11 คัน และ รถจักรยานยนต์  มีจำนวน 18 คัน ซึ่งทาง จ.ยะลา จะได้ดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือทั้งหมดต่อไป

ส่วนความคืบหน้าในคดี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายนำรถยนต์มาจอด จากนั้นได้มีรถจยย.มารับไป ส่วนเส้นทางของคนร้ายที่นำรถยนต์เข้ามา พบว่าผ่านมาทางมลายูบางกอก เข้ามาแยกเบอร์เส้ง ผ่านถนนสุขยางค์ ก่อนเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และ ตรวจสอบจุดที่คนร้ายนำรถยนต์ไปดัดแปลงเปลี่ยนสี เพื่อเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งจากพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ แกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ พร้อมพวก อีก 2 คน ซึ่งมีความชำนาญในการประกอบระเบิด และ ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่ จ.ยะลา และ พื้นที่ใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าก่อนก่อเหตุ ประมาณ 1 สัปดาห์ มีการประชุมวางแผนในพื้นที่บ้านไบท์ ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

จับโจรใจบาปขโมย"ระฆัง-ฆ้อง"วัดไปขาย






sโคราชจับซ่างซ่อมฆ้อง-ระฆังตามวัด แอบทำชั่วเองขโมยระฆังวัดไปชายหาเงินเสพยาบ้า คาดทำมาทั่วประเทศ เตรียมขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้อง
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่หน้าสำนักงานอาคารตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3 , พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา , พ.ต.อ.สมภพ พิทักษ์ประชาชน ผกก.สภ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งขโมยระฆัง และฆ้องตามวัดต่าง ๆ โดยมี นายนิเวศน์ มงคล อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 10 บ้านทรายมูล  ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี และ นายนิรันดร์ แต่งแดน อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 252 หมู่ 10 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี  ส่วนของกลางประกอบด้วย ระฆัง 3 ลูก ฆ้อง 13 ลูก ไม้ตีฆ้อง 13 อัน ค้อนตีตะปู 2 อัน รถยนต์อีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บย อุบลราชธานี 1 คัน นอกจากนี้ยังตรวจพบยาบ้ายภายในรถคันดังกล่าวอีกจำนวน 8 เม็ด
สำหรับการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.30 น. วันเดียวกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพวง รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีค้นร้ายแอบเข้าไปขโมยระฆังภายในวัดบ้านตูมหวาน ต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา โดยใช้รถกระบะสีนำเงินเป็นพาหนะในการหลบหนี  ไปยังเส้นทางถนนสายชุมพวง – พิมาย จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสกัดจับกุม บนเส้นทางสายดังกล่าว แต่เมื่อเรียกขอตรวจแล้วคนร้ายไม่ยอมหยุด พร้อมกับขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถไล่ตามประกบจนรถของคนร้ายเสียหลักตกถนน ถูกจับกุมพร้อมของกลางในที่สุด
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ปกติมีอาชีพรับซื้อขายและเปลี่ยน รวมทั้งรับซ่อมระฆังตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เมื่อเจอวัดที่เปลี่ยว มีระฆังห้อยอยู่โดยไม่มีการป้องกัน ก็จะหวนกลับไปขโมยมาขาย เพื่อหาเงินเที่ยวและซื้อยาบ้ามาเสพ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหายังยืนยันว่า ระฆัง  และฆ้องที่ถูกยึดทั้งหมด ไม่ใช้ของที่ขโมยมาทุกชิ้น มีของบางอย่างที่รับมาซ่อม และกำลังจะนำไปคือเจ้าของ
โดยในระหว่างที่ขับรถผ่านมาที่วัดบ้านตูมหวาน เห็นมีระฆังแขวนอยู่จึงแอบเข้าไปขโมยลงมาจากหอระฆัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงความคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปยังผู้อื่น ให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร

ด้าน พล.ต.ท.ภาณุ เกดลาภผล ผบช.ภ. 3 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาน่าจะเดินสายขโมยระฆังและฆ้องตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากเท่าที่ตรวจสอบมีรายชื่อวัดต่าง ๆ และเบอร์โทรของวัดมากมาย โดยผู้ต้องหาน่าจะทำทีเป็นขับรถเดินสายติดต่อรับซ่อมระฆังก่อน หากได้งานก็จะรับไปซ่อม แต่ถ้าเจอวัดไหนที่เปลี่ยวๆ มีพระอยู่น้อยก็ย้อนกลับมาขโมยของ จนกระทังมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว ซึ่งจะมีการขยายผลตรวจสอบว่า เอาของกลางที่ขโมยมาไปขายต่อที่ไหนให้ใคร เพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th