วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

กกต. พร้อมจัดการเลือกตั้งส.ส.ร. เผยเตรียมงบฯเบื้องต้น900 ล้านบาท


วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ....มอบหมายให้กกต.เป็นผู้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า เท่าที่ทราบทางคณะกรรมาธิการฯพร้อมที่จะให้กกต.ใช้กฎหมายในจัดการเลือกตั้งส.ส.ร. และกำหนดบทลงโทษ ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นการออกระเบียบ เพราะการใช้ระเบียบอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการบังคับใช้ แต่การยกร่างกฎหมายใหม่ต้องใช้เวลายกร่างประมาณ 3-4 เดือน ทั้งนี้กกต.พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปทำงานร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกาในการยกร่างกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะและการดำเนินการยกร่างระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่มีนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต.ทำหน้าที่เป็นประธานฯ เพื่อเตรียมการยกร่างไว้แล้ว หากคณะกรรมาธิการฯเห็นว่าควรออกเป็นกฎหมายก็พร้อมทำงานทันที
 
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า แต่ถ้าคณะกรรมาธิการฯต้องการใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่นพ.ร.บ.การเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ทางกกต.ก็อยากจะขอความชัดเจนดังนี้  1.เรื่องบทลงโทษว่าจะให้นำบทลงโทษของการเลือกตั้งท้องถิ่นและกฎหมายอาญามาบังคับใช้ด้วยหรือไม่ และระบุกำหนดโทษทางอาญาอย่างไร  2.การสั่งเลือกตั้งใหม่ การเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 3.ถ้านำพ.ร.บ.การเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ควรจะมีการระบุคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ชัดเจน ว่าจะคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายฉบับใด เพราะหากยึดตามพ.ร.บ.การเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 จะต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 1 ปี และ 4.การคัดค้านการเลือกตั้งหากใช้พ.ร.บ.การเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ก็จะเกิดปัญหา เนื่องจากมีระยะเวลาในการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง 30 วัน ทางกกต.ต้องการให้เขียนระบุชัดเจน เช่นกำหนดว่าสามารถร้องคัดค้านได้ 3 วันและให้กกต.ดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เสร็จภายใน 15 วัน
 
“กกต.ยินดีจัดการเลือกตั้งส.ส.ร. ส่วนข้อเสนอของเราก็เสนอตามหน้าที่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไร นอกจากนี้กกต.ได้เตรียมงบประมาณเบื้องต้นในการจัดการเลือกตั้งส.ส.ร.ไว้แล้ว 900 ล้านบาท เราพร้อมหมดแล้วทั้งด้านการเงิน และบุคลากร” นายประพันธ์ กล่าว

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
 

“ประพันธ์” ระบุ ปรองดองไม่ใช่เรื่องง่าย


วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎรที่จะนำญัตติเรื่องการปรองดองเข้าที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ว่า ตนมองว่าเนื่องแนวทางการปรองดองเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเหมือนกับเป็นการสมานแผลหัวใจ ไม่ใช่เพียงแค่อออกเป็นกฎหมายหรือมติแล้วจะเกิดการปรองดองได้ เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่ถ้ายังมีความขัดแย้งเช่นนี้อยู่ ความปรองดองก็เกิดขึ้นได้ยาก รวมทั้งจะไปเร่งดำเนินการก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย  ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่มติหรือกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะปรับตัวและความรู้สึกเข้าหากัน ไม่ควรเพิ่มข้อจัดแย้งให้มากขึ้น

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ส.ว.ข้องใจ แท็บเล็ตจีนขัดม.190


วันนี้ ( 2 เม.ย.)   ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภาได้พิจารณากระทู้ถามด่วนเรื่อง นโยบายการจัดซื้อแท็บเล็ตกับการพัฒนาการศึกษาของไทย  ที่นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ถามนายกรัฐมนตรีว่า  นโยบายนี้มีประเด็นที่ต้องทำความชี้แจงให้ชัดเจน คือ ระหว่างการทำสัญญาจัดซื้อในรูปแบบจีทูจีหรือรัฐต่อรัฐกับการจัดซื้อโดยรูปแบบการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ เอ็มโอยู รัฐบาลมีแนวทางที่จะทำสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตในครั้งนี้มีข้อดีและข้อเสียต่างกันอย่างไร "บันทึกข้อตกลงในการจัดซื้อแท็บเล็ตถือเป็นการทำข้อผูกพันระหว่างประเทศก่อผลผูกพันงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญควรต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190
 
นายตวง กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากรทางการศึกษาและสถานศึกษาเพื่อรองรับการเรียนการสอนโดยใช้แท็บเล็ตเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาด้านการศึกษาในขณะนี้อย่างไร แท็บเล็ตที่รัฐบาลจัดหามานั้นจะมีความเป็นมาตรฐานรองรับกับแอพพลิเคชั่นใหม่ๆมากน้อยเพียงใด รวมทั้งรัฐบาลจะมีแผนการที่จะบรรจุเนื้อหาสาระในแท็บเล็ตที่รองรับการศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1อย่างไร นโยบายนี้เป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคามในเวลาเดียวกัน ด้านหนึ่งเป็นการเรียนรู้แบบก้าวกระโดดสร้างโอกาสในการเรียนรู้แบบใหม่ให้กับนักเรียน ขณะที่อีกกด้านหนึ่งจะเป็นภัยคุกคาม ทำให้เด็กติดเกม การพนันยาเสพติด เพราะในรอบ 2 ปีเกิดอาชญากรรมจากพฤติกรรมเลียนแบบในเกมแทบทั้งสิ้น
 
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ  รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชี้แจงว่า นโยบายนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยและจีนภายใต้กรอบของเอ็มโอยูไม่ใช่จีทูจีเพราะรัฐบาลจีนมีความประสงค์ให้บริษัทเอกชนเป็นผู้ลงนามแทน ซึ่งกระบวนการจัดหาเป็นการร่วมมือระหว่างประเทศแม้ว่าในกฎหมายหรือระเบียบระบุชัดเจนว่าการดำเนินการระหว่างประเทศดังกล่าวจะต้องเป็นไปในลักษณะจีทูจีหรือรัฐต่อรัฐหรือไม่ก็ตามแต่ถ้าการเจรจาของทั้งสองประเทศไม่ขัดแย้งกับกฎหมายของสองประเทศก็ให้ดำเนินการได้ ซึ่งตรงนี้ได้มีการตรวจสอบทางกฎหมายแล้ว  สำหรับระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ตได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น4.0 ซึ่งเป็นระบบล่าสุดในปัจจุบัน โดยการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนถูกออกแบบและเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตในรูปแบบถนนอิเลกทรอนิกส์เส้นพิเศษหรือเรียกว่าถนนสีขาว เพื่อกำหนดให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้เฉพาะที่กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสรรไว้ให้แล้วโดยจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนอกเหนือจากนี้ได้โดยเฉพาะสื่อลามกอนาจาร
ด้านนายสุชาติ ธาดาธํารงเวช รมว.ศึกษาธิการ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าการเรียนการสอนด้วยแท็บเล็ต ผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจด้วย ทั้งนี้มีเครื่องแท็บเล็ตสำหรับครูจำนวน 6 หมื่นเครื่องจะส่งมาให้ครูได้ทดสอบและเรียนรู้ก่อนนำไปสอนเด็กประมาณวันที่ 4-5 เม.ย.นี้ จากนั้นจะให้มีวิทยากรจำนวน 549 คนอบรมครูที่สอนในระดับชั้นป. 1 โดยใช้อัตราส่วน  1ต่อ100 ดังนั้นจะทำให้ครูมีความรู้เรื่องนี้ 5.4หมื่นคน ทั้งนี้การใช้แท็บเล็ตเมื่อมีครูสอน ทำให้เด็กและครูฉลาดขึ้นมาก เราจะพยายามปรับเมมโมรีให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่วนประเด็นแอพพลิเคชั่น ทางกระทรวงศึกษาจะไม่สั่งซื้อ จะไม่จำกัดว่าเป็นของใคร เพราะอาจเกิดความไม่โปร่งใส  ดังนั้นจึงให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียนและครูผู้สอนที่จะจัดหา ตนเชื่อว่าผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนดี รักเด็ก และจะดูแลนักเรียนได้เป็นอย่างดี


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

"มาร์ค" หนุน “ปู” ลงใต้ ให้กำลังใจขรก.-ประชาชน


วันนี้ (2 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ลงพื้นที่ภาคใต้หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ว่า เป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชน นอกจากนี้ยังจะได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะคนที่รับผิดชอบในระดับหลักๆที่จะสามารถทำให้นโยบายเป็นเอกภาพ ส่วนที่กล่าวอ้างว่าจะไม่ได้ไปทุกจุดเพราะเกรงใจเจ้าหน้าที่ที่จะมาดูแลนายกฯเป็นพิเศษนั้น ตนมองว่ามันอยู่ในวิสัยที่จะจัดระบบได้ โดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางไปเพิ่ม สำหรับเรื่องที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯด้านความมั่นคงออกมายอมรับว่า การก่อเหตุในครั้งนี้อาจเกิดจากความไม่พอใจในเรื่องการเจรจากับกลุ่มหนึ่งโดยอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้เจรจาด้วยนั้น ที่ผ่านมาตนย้ำตลอดว่า การแก้ปัญหาต้องอาศัยความละเอียดอ่อนเข้าใจถึงสถานการณ์การจะตัดสินใจทำอะไรหรือพูดอะไรให้สัมภาษณ์อย่างไรต้องระวัง หลายเรื่องที่ผ่านมาไม่ควรพูด ตนอยากให้รัฐบาลทบทวนโยบายในเรื่องของสถานการณ์ โดยเฉพาะจุดที่คิดว่ามีปัญหาทั้งหมด และเมื่อรองนายกฯออกมายอมรับว่ามีบางจุดที่ต้องไปทบทวนก็ควรทำ

เมื่อถามว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ บอกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นภายใน 3 เดือน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นจุดหนึ่งที่อยากให้ระมัดระวังคำพูด และอย่าไปทำอะไรที่คิดว่าจะไปเป็นปฏิกริยาตอบโต้และเข้าสู่วงจรของความรุนแรง แต่ทางตรงกันข้ามคือต้องตั้งหลักให้ดี และทบทวนนโยบาย และเราต้องยืนยันต่อไปว่าเป็นปัญหาภายในประเทศ เพราะถ้าไม่ยืนยันอย่างนี้ก็จะเกิดความซับซ้อนและเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งตนก็มีความกังวลว่า ที่ผ่านมาเวลาเราติดตามงานในสภาฯยังเห็นว่าการติดตามปัญหานี้อย่างเกาะติดยังไม่ได้เกิดขึ้นในระดับนโยบาย เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะรัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ลำดับความสำคัญผิด เพราะมัวแต่ไปหมกมุ่นอยู่กับหลายเรื่องที่ไม่ควรไปใช้เวลาตรงนั้น ควรมาดูแลปัญหาประชาชนมากกว่าอย่างเช่นการไปเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จวาระ 2 ก่อนเทศกาลสงกรานต์ รายงานปรองดองต้องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯให้ได้ในวันที่ 4 เม.ย. ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ได้ศึกษากรณีปัญหาภาคใต้เสร็จแล้ว แต่กลับมีเพียงรายงานแนบไปเฉย ๆ ถือว่าไม่ค่อยเหมาะสม เพราะคณะกรรมิการฯ ไม่ได้นำมาพิจารณาให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่กลับกล่าวอ้างเพื่อเร่งรัดในสิ่งที่ตัวเองอยากได้

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“มาร์ค”เตือนปธ.สภาฯ ต้องเป็นกลาง แนะฟังสภาส.ปกเกล้าฯ


ที่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ ( 2 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการที่รัฐบาลเร่งรัดแผนทางการเมืองอ้างสร้างความปรองดองว่า เวลานี้แนวที่ทำอยู่มันไม่ใช่การปรองดอง แต่เป็นการใช้เสียงข้างมากที่จะนำไปสู่เป้าหมายการล้างความผิดให้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ตนเชื่อว่าขณะนี้ผู้ที่ทำวิจัยหรือผู้ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในหลายขั้นตอนก็มองเห็นว่า ไม่ได้มีการนำเอาเจตนารมณ์ของการปรองดองไปสานต่ออย่างแท้จริง ส่วนที่ น.ส.ถวิลวดี บุรีกุล ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาสถาบันพระปกเกล้าฯ เรียกร้องให้ถอนผลวิจัยออกนั้น ถือว่าตรงกับสิ่งที่ตนเสนอมาตลอดถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดสถาบันและผู้วิจัยต้องปกป้องตัวเองด้วยการถอนออกมา และคิดว่าความชอบธรรมในการที่จะไปอ้างก็จะไม่มี เราก็จะได้ไม่ต้องนำไปสู่ปัญหาของความขัดแย้งและถ้าเข้าไปสู่ความขัดแย้งก็ต้องเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาล
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย คิดว่าประธานสภาเอง ควรได้คำนึงถึงสถานะของความเป็นกลางที่เป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งในการประชุมสภาสถาบันพระปกฯในวันที่ 3 เม.ย. ก็คิดว่าประธานสภาฯควรจะฟังกรรมการสภาและยังไม่ทราบด้วยว่าในการประชุมเขาจะคุยกันอย่างไรและถ้าหากประธานไม่ฟังกรรมการก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะสถาบันก็จะได้รับผลกระทบด้วย ส่วนตนจะเสนอแนะอะไรบ้างนั้นคงจะต้องรอฟังกรรมการคนอื่นๆประกอบด้วย เพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาได้ว่ามีแต่ฝ่ายการเมือง อย่างไรก็ตามตนคิดว่า ควรจะได้ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและผลกระทบที่กำลังตามมา


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ซัด “ปู” ทำงานไม่เป็นลงใต้ตามรอย “มาร์ค”



วันนี้ ( 2 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ด่วนว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สาเหตุที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปครั้งนี้เป็นเพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน เดินทางลงพื้นที่ไปก่อนเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งถือว่า ถ้าผู้นำฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ให้เป็นตัวอย่าง นายกฯคงทำงานไม่เป็น  ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจที่รัฐบาลเอาความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องมือ หวังเพื่อเอาเสียงเอาหน้าประชาชน ทั้งนี้การที่รัฐบาลและส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ตนอยากบอกว่า เมื่อทำงานไม่เป็นก็อย่าตีรวน อย่าถึงมือของผู้ที่จะยื่นไปช่วยเหลือประชาชนออกมา และอย่าเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศนี้ ถ้าทำงานไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ เพราะยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ได้เคยเตือนไว้แล้วว่า อาจจะมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นในเขตเมือง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รัฐบาลไม่ใส่ใจ นำไปวางมาตรการแก้ไข เมื่อเกิดเหตุก็ไม่มีทิศทางแก้ปัญหาชัดเจน ดังนั้นขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า นอกจากจะลงไปดูแลพื้นทีอย่างใกล้ชิดแล้วก็ควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วยและรัฐบาลกล้าประกาศหรือไม่ว่า จะชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหมือนผู้ที่ชุมนุมทางการเมืองที่ได้รับเงินชดเชย 7.5 ล้านบาท

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

โฆษกปชป. ยุ “เสื้อแดง” ตาสว่าง


วันนี้ ( 2 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไประน้ำดำหัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่ประเทศลาวและกัมพูชา ว่า  ที่ประเทศลาวจะมีการจัดงาน”ม่วนซื่น”จึงอยากเตือนให้รำลึกว่า ในวันที่ 10เม.ย. 2553 เกิดเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่สี่แยกคอกวัว จนพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และคนเสื้อแดงได้รับความสูญเสีย จากนั้น 10 เม.ย. 2554 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล คนเสื้อแดงชุมนุมรำลึกความสูญเสียที่สี่แยกคอกวัว  นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง พูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ซึ่งการชุมนุมในครั้งนั้น สาเหตุเพียงเพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ และเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก 10 เม.ย. 2555 นายจตุพร ฉลอง 10 เม.ย.ด้วยการเดินทางไปกัมพูชารดน้ำพ.ต.ท.ทักษิณ ตนจึงอยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงตาสว่าง ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ทำเพื่อการเข้าสู่อำนาจ นิรโทษกรรมให้ตนเองพ้นผิด และมีทรัพย์สินเงินทอง ส่วนศพคนเสื้อแดงและคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกไม่ได้อยู่ในสายตาแล้ว แต่สิ่งที่อยู่ในสายตาคือการ “ม่วนซื่น”ในลาวและกัมพูชา

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปชป.ดักคอ “สามารถ” นัดประชุมข้ามคืน




วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์  ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการฯพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์  แถลงว่า จากท่าทีของนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมาธิการฯ มีท่าทีรวบรัดประชุมให้เสร็จภายสัปดาห์นี้ และเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ในสัปดาห์หน้า  เพื่อให้สอดรับกับสมัยประชุมที่จะเลื่อนไปถึงสิ้นเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตถึงการเพิ่มเวลาการประชุมพิเศษ เป็นประชุมวันพุธ-วันพฤหัสบดีเต็มวัน และยังเพิ่มวันอังคาร โดยวันอังคารจะประชุมตามปกติ วันพุธ-วันพฤหัสบดี จะเป็นการเชิญผู้สงวนคำแปรญัตติมาชี้แจง เกรงว่าจะมีการทำผิดระเบียบข้อบังคับหรือไม่ เนื่องจากต้องทำหนังสือเชิญผู้มาชี้แจงล่วงหน้า อยากให้ประธานรอบคอบมากกว่าทำตามใบสั่ง ให้แก้รัฐธรรมนูญเสร็จภายในเดือนเม.ย. จึงน่าจับตาการประชุมพิจารณาในวาระ 2 ที่ต้องการแปรญัตติให้เสร็จก่อนวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งในการประชุมในวันที่ 10-12 เม.ย. คงจะใช้โอกาสนี้พิจารณาทั้งวันทั้งคืนและใช้ช่วงสงกรานต์บีบให้ประชุมเสร็จโดยเร็ว

นายเทพไทกล่าวอีกว่า มีข้อพิจาณาจากกกต.ที่ต้องการให้ออกพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.ร.แทนการออกระเบียบตามที่รัฐบาลได้ตั้งธงไว้ซึ่งไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น และไม่ควรที่จะมัดมือชกออกพ.ร.บ.โดยการตั้งคณะกรรมาธิการฯเต็มสภาพิจารณา 3 วาระรวด หรือหาช่องออกเป็นพ.ร.ก.โดยอ้างเรื่องความมั่นคง เพราะจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ใช้เสียงข้างมากลากไปทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมระบุเรื่องการขยายสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติออกไปไม่ใช่เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่เป็นเพราะมีกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณา ถือเป็นการหลอกลวงประชาชนเพราะรัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญต่อการออกกฎหมายนอกจากกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

นายเทพไทกล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลมี 4 เรื่องที่ควรทำ และ4 เรื่องที่ไม่ควรทำ  4 เรื่องที่ควรทำคือ 1. แก้ปัญาปากท้องของประชาชนโดยเร็ว 2. แก้ปัญหาพืชผลเกษตรตกต่ำ 3. แก้ปัญหาราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยให้สินค้าราคาแพง 4. แก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้  ส่วน 4 ข้อที่ไม่ควรทำ ได้แก่ 1.ควรถอนญัตติและผลการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าออกจากการพิจารณา  2. ไม่ควรใช้วิธีลักไก่ให้ส.ส.21 คนยื่นญัตติพ.ร.บ.ปรองดองช่วยพ.ต.ท.ทักษิณตามที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ออกมาโยนหินถามทาง 3.ไม่ควรเร่งรัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมัดมือชกให้เสร็จภายในสมัยประชุมนี้ และ 4.ไม่ควรไปรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศลาวและกัมพูชา แต่ควรเอาเวลาไปดูแลแก้ไขให้ประชาชน


ชาวบ้านสังขละบุรีขู่ผูกคอตายหน้าทำเนียบฯ จี้นายกฯสั่งกรมอุทยานฯกันที่ดินออกจากแนวอุทยาน (มีคลิป)



ที่หน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งถนนพิษณุโลก  วันนี้ ( 2 เม.ย.) ได้มีนายสุรินทร์ สุรินก้อน ชาวบ้านหมู่ 2 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นำเสื้อมาผูกติดกับกำแพงรั้วทำเนียบรัฐบาล เพื่อประท้วงกรณีที่ที่ดินของนายสุรินทร์และชาวบ้านระแวกใกล้เคียง เข้ามาอยู่อาศัยและทำประโยชน์ก่อนการประกาศแนวเขตพื้นที่อุทยาน ตั้งแต่ปี 2527 ถูกอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประกาศแนวเขตพื้นที่อุทยานทับที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของตนและชาวบ้านใน อ.สังขละบุรี และทองผาภูมิ เมื่อปี 2534 
โดยนายสุรินทร์ กล่าวว่า ทางอุทยานฯได้เข้าจับกุมชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อปี 2535 แต่ปรากฏศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว เพราะมีหนังสือรับรองจากนิคมสหกรณ์ทองผาภูมิ ฉบับวันที่ 15 พ.ค.2535 รับรองว่า เป็นที่ดินที่สามารถทำประโยชน์และพักอาศัยได้ อย่างไรก็ตาม ทางอุทยานแห่งชาติดังกล่าวยังบังคับไม่ให้ประชาชนทำกินและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ทำให้ตนและชาวบ้านใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน จึงมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เพื่อขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กันเขตพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ก่อนประกาศแนวเขตพื้นที่อุทยาน แต่ถ้านายกฯหรือรัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตนจะยกระดับการประท้วงมากขึ้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) โดยขู่ว่าจะผูกคอตาย

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ครม. มีมติ เห็นชอบขยายเวลาประชุมสภาฯไม่มีกำหนดเวลา


วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า ที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบการขยายเวลาประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติที่จะครบกำหนด 120 วัน ในวันที่ 18 เม.ย. 55 นี้ แต่ร่างพ.ร.บ.ต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของทั้งสองสภา จึงเห็นสมควรให้ขยายเวลาออกไปโดยไม่กำหนด ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 127,128 และ 187 สามารถขยายเวลาต่อเนื่องได้

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ตั้ง"อุดม มั่งมีดี "เป็นกรรมการป.ป.ท.


 
วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า   ที่ประชุมครม.เห็นชอบแต่งตั้ง นายเสถียร  วิพรมหา    ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง  ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ   ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2555 เป็นต้นไป  และให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แต่งตั้งนายอุดม  มั่งมีดี  เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ   ( ป.ป.ท.) โดยให้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับต่อไป   นอกจากนั้นยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง นายชาย พานิชพรพันธุ์ ข้าราชการบำนาญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย  เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2555 เป็นต้นไป และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  นายชัยเกษม  นิติสิริ  เป็นประธานกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  แทนนางสาวนวพร  เรืองสกุล  ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระ  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2555 โดยอาศัยความตามม. 8 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ 
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า  ที่ประชุมครม.อนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร จำนวน 12 คน  เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนด2 ปีตามวาระ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2554 แล้ว   ซึ่งมีรายชื่อดังต่อไปนี้  1.  นายมงคล รักษาพัชรวงศ์  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ  สาขาวิศวกรรมศาสตร์   2.นายบุญสนอง รัตนสุนทรากุล  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ  สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม   3.  นายพงศ์พันธ์ อนันต์วรณิชย์  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ  สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  4.  นายสำเริง  จักรใจ  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ  สาขาวิศวกรรมศาสตร์  5.  นายอุดมเกียรติ  นนทแก้ว  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ  สาขาวิศวกรรมศาสตร์  6.  นายธีรยศ  เวียงทอง  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน  สาขาวิศวกรรมศาสตร์  7.  นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน  สาขานิติศาสตร์  8.  นายอำพล  ไมตรีเวช  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ  สาขาเภสัชศาสตร์  9.  นายชำนาญ ภัตรพานิช  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน  สาขาเภสัชศาสตร์  10.  นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน  สาขาเศรษฐศาสตร์    11.  นายวิชาธิติประเสริฐ  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน  สาขาเกษตรศาสตร์  12.  นายพงษ์ศักดิ์   วิบูลย์จันทร์  ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน  สาขาวิทยาศาสตร์    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.2555 เป็นต้นไป
 
นอกจากนั้นที่ประชุมครม.เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) เสนอ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ดังนี้  1) พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช  เป็นประธานกรรมการ 2)  นายถาวร  ชลัษเฐียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3) นางอัญชลี  ชวนิชย์  เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2555 เป็นต้นไป และเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ทก.) เสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการการจัดระบบสถิติประเทศไทย 3 ด้าน (ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย คือ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยโดยมีอำนาจหน้าที่ตามเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2555 เป็นต้นไป

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“9 ปชป.” รอฟังมติพรรค ออก-ไม่ออก


วันนี้ (2เม.ย.)นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ  ส.ส.พัทลุง   พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ...กล่าวว่า ตนกับเพื่อนส.สพรรคประชาธิปัตย์ 3-4 คน ยังยืนยันว่ามีความอึดอัดในการประชุมกมธ.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีการทบทวนมติกลับไปกลับมาทั้งๆที่ทำไม่ได้ โดยการใช้เสียงข้างมาก ซึ่งการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงบ่ายวันที่ 3 เม.ย.นี้ ตนจะขอหารือต่อเพื่อขอลาออกจากการเป็นกมธ. เพราะพวกตนได้รับมติพรรคให้เข้ามาเป็น กมธ. เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ถ้าพรรคเห็นว่าขอให้ทำหน้าที่ต่อไปพวกตนทั้ง 9 คนก็พร้อมทำงานจนกว่าจะจบภารกิจ
เมื่อถามว่า หากลาออกไปตรงนี้จะทำให้การพิจารณาของกมธ.เสียงข้างมากทำได้เร็วขึ้น  นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า  คงไม่เกี่ยวกันเพราะพวกตนอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เขาทำงานได้ล่าช้าลง การทำงานตรงนี้ต้องเป็นไปตามจังหวะ มีช้า มีเร็ว เพราะหากช้ามากก็ไม่ดี  แต่สิ่งที่พวกตนรับไม่ได้ยืนยันว่ามีเพียงเรื่องเดียวคือการทบทวนมติกลับไปกลับมา ซึ่งมันทำไม่ได้

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th