วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

อภิสิทธิ จัดประชุมใหญ่ย้ำประชาชนเบื่อการเมือง


วันนี้ ( 31 มี.ค.) ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี พรรคประชาธิปัตย์จัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555  ในหัวข้อ "จับมือรวมพลังออกแบบประเทศไทย"  โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุม โดยก่อนการประชุมได้มีการจัดงานแสดงจากเยาวชนพรรคประชาธิปัตย์ หัวข้อ "รวมพลังออกแบบประเทศไทย" ทั้งนี้ในการประชุมมีตัวแทนจากกลุ่มสมัชชา 8 คน กล่าวถึงผลสรุปแนวคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม ที่จะร่วมมือกันออกแบบประเทศไทย
โดยนายอภิสิทธิ์  กล่าวว่า วันนี้พวกเราทุกคนมาจับมือรวมพลังเพื่อประชาชน ในการอออกแบบประเทศไทยอย่างที่เราอยากเห็น ตลอดเวลา 66 ปี พรรคประชาธิปัตย์ ทำงานคู่กับประชาชนมาตลอด ด้วยความยากลำบากในการต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม ตั้งแต่ต่อสู้กับเผด็จการรัฐประหาร จนมาถึง เผด็จการรัฐสภา สิ่งใดไม่ถูกต้อง สร้างความทุกข์ความเดือนร้อนให้กับประชาชน ตนยืนยันว่าเราจะต่อสู้อย่างต่อเนื่องไม่ย้อท้อ ตอนนี้ประชาชนเดือนร้อนของแพงทั้งแผ่นดิน ประชาชนผิดหวังกับระบบการเมือง  หากการเมืองเป็นการเมือง เป็นการเมืองเพื่อพรรคการเมือง การเห็นแก่ผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม การล้างผิดให้กับคนบางคน คนไทยไม่อยากเห็นประเทศไทยตกอยู่ในวังวนแบบนี้ เราต้องคืนการเมืองให้ประชาชนอีกครั้ง เราพร้อมจะสู้ไปกับประชาชนทุกกลุ่ม
นางวิไลวรรณ แซ่เตีย กลุ่มองค์กรแรงงาน กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนมีปัญหาเรื่องปากท้อง เพราะเป็นปัญหาสำคัญมากที่สุด ประชาชนต้องรับภาระอย่างมาก ปัญหาการว่างงาน การปรับค่าจ้าง 300 บาท มีการคาดการณ์ว่า แรงงานจะว่างงานสูง นโยบายรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชน เราพูดถึงเรื่องประกันสังคม ตอนนี้ยังไม่เห็นความจริงใจในการนำ พรบ.มาหารือ และกองทุนสตรี ที่มีข้อจำกัดและมีเงื่อนไข การจัดแรงงานไทยไปต่างประเทศมีค่าหัวคิวสูงมาก รัฐบาลควรต้องดูแลปัญหาต่างๆให้เรียบร้อย
นายกฤตภาส คุรธนะวัฒน์ ตัวแทนกลุ่มธุรกิจ กล่าวว่า เรามีมุมมองหลายด้าน การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ภัยธรรมชาติ ความไม่พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่ตนขอยกปัญหาที่สำคัญจริงๆ คือ ปัญหาการศึกษา เราต้องเริ่มจากครูก่อนในการคัดกรองคุณภาพของครู เน้นภาคปฏิบัติมากกว่าทฤษฎีทั้งสายสามัญและอาชีวะ การอ่านต้องเพิ่มมากขึ้น อยากให้มีบทเรียนเรื่องพลเมืองดี ปัญหาเรื่องจริยธรรม ตอนนี้สังคมไม่ดำหรือขาว เราต้องชี้ให้เห็นความดีหรือไม่ดี เราไม่ประนีประนอมกับความไม่ดี เช่น การทำค่ายพระพุทธศาสนา ตอนนี้การบังคับใช้กฎหมายไม่ดีเพราะมีเส้นสายกันมาก คนไม่เคารพกฎหมาย เราต้องให้คนหันมาเคารพกฎหมาย ข้อมูลข่าวสารที่มีหลายช่องทางในการให้ข้อมูลกับสังคม บางครั้งอาจจะให้ข้อมูลผิดทำให้สังคมวุ่นวายเราต้องสอนให้คนรู้จักวิเคราะห์ เรื่องการทุจริตคอรับชั่น มาจากผลพวงจากปัญหาข้างตนทั้งหมด เราต้องให้คนรู้ถึงข้อดีและข้อเสียของการคอรับชั่นด้วย
นางรัชนี มงคลอินทร์ ตัวแทนจากกลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า มีปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ขอให้รัฐบาลประกันรายได้ เราไม่เอานโยบายรับจำนำ เพราะส่งผลกระทบทำให้การทุจริตที่หลากหลายรูปแบบ ควบคุมราคาน้ำมัน ปุ๋ย ตนขอฝากเรื่องนี้กับรัฐบาลให้ช่วยดูแลปัญหา
นางอาภาณี มิตรทอง กลุ่มตัวแทนจากคนพิการ ความเลื่อมล้ำทางสังคมทำให้เขาเข้าไม่ถึงสิทธิและงบประมาณ ต้องสร้างเวทีให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม นอกจากนี้สังคมไทยจะมีผู้สูงอายุมาก ท่านก็อยากได้รับการดูแล เช่น การจัดอาสาสมัครไปดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และต้องมีกองทุนผู้สูงอายุ และกลุ่มคนต่างด้าวที่มีปัญหาที่ดินทำกิน การทำมาหากิน ควรให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในการหารือเรื่องการขอสัญชาติ ความหลากหลายทางเพศ เรื่องของสุขภาพ เช่น โรคเอดส์ ต้องมีงบประมาณให้มีการรณรงค์ กลุ่มคนพิการ ปัญหาเราคือ เราไม่สามารถดำรงชีวิตในสังคมเราเข้าไม่ถึงบริการของรัฐและเอกชน รัฐต้องมีสวัสดิการที่ดีให้กับเรา เช่น การเดินทาง เพราะคนพิการอยู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทย กลุ่มชนเผ่ารัฐต้องลงไปดูแลด้วย
นายโพธิ์สยาม ตัณติวานิชกุล กลุ่มตัวแทนคนทำงาน กล่าวว่า ปัญหาของมนุษย์เงินเดือน คือ เรื่องปากท้อง ที่มีราคาแพง ค่าแรงขึ้นค่าครองชีพก็ขึ้นชักหน้าไม่ถึงหลัง เราต้องใช้ความพอเพียง รัฐควรเข้ามาช่วยในการมีร้านค้าร้านอาหารราคาถูกให้แต่ละอาชีพ ปรับฐานเงินเดือนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ  เราเหมือนเป็น ลูกเมียน้อย คือเรื่องสิทธิประโยชน์ที่ไม่เท่าเทียมกัน เราเจ็บป่วยใช้ได้แค่ประกันสังคม รัฐต้องจัดระบบประกันสังคมครอบคลุมทั่วถึงเป็นระบบ งานเราไม่เจริญก้าวหน้าเพราะเราไม่เคยได้รับการพัฒนาดูงาน เราได้แต่ทำงานแต่รัฐไม่เคยจัดสวัสดิการให้เราเลย และขอให้เลิกระบบพวกพ้องโดยทุจริต คนทำงานรู้สึกน้อยใจเวลาข้าราชการเวลาปรับตำแหน่งก็ได้รับตำแหน่งแต่พนักงานข้าราชการกลับไม่ได้รับตำแหน่ง


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

นายกฯวอนเห็นใจแรงงานให้ขึ้นค่าแรง1เม.ย.นี้


วันนี้ (31 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ตอนหนึ่ง ในประเด็นการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาท ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ว่า เท่าที่สำรวจพบว่าบริษัทใหญ่ยังไม่กระทบมากนัก เพราะบางบริษัทจ่ายค่าแรงสำหรับแรงงานที่มีฝีมือมากกว่า 300 บาท ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงานเข้าดูแลธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะแผนพัฒนาฝีมือแรงงาน ยอมรับว่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ จึงต้องเข้าทำงานอย่างใกล้ชิด และรายกรณีให้มากขึ้น รวมทั้งได้พูดคุย และร่วมมือนักลงทุนในการพัฒนาฝีมือแรงงานไทยในภาคส่วนต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมา ค่าแรงของคนไทยไม่ได้เพิ่มขึ้นมาหลายปีแล้ว ขณะที่ ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น ขอให้เห็นใจผู้ใช้แรงงานที่มีรายจ่ายสูงขึ้น แต่รายรับไม่ได้เพิ่มขึ้นก็อยู่ไม่ได้ เมื่อคำนวณรายได้ต่อเดือนเทียบกับค่าครองชีพไม่ได้มาก และในระบบบัญชีถือว่าค่าแรงเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการประกอบการ แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมจะเห็นว่าค่าแรงไม่ได้สูงมากขึ้น รัฐบาลจึงต้องขอความกรุณา และความเห็นใจจากทั้งภาคผู้ใช้แรงงาน และภาคธุรกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือในการประคองช่วยเหลือกันในเรื่องนี้ เพราะเมื่อผู้ใช้แรงงานมีรายได้มากขึ้น ก็จะมีเงินจับจ่ายใช้สอย สุดท้ายแล้วรายได้เหล่านั้นก็จะกลับมาสู่ร้านค้า บริษัท และรัฐบาล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเชื่อมั่นว่าถ้าเราเข้าไปแก้ไขจากฐานล่างที่มีคนส่วนใหญ่อยู่เป็นจำนวนมากให้มีรายได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่จะส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วน และเกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ และเราจะได้ไม่ต้องพึงพาเศรษฐกิจต่างประเทศเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ว่า ต้องไปทำภารกิจเจรจากับประเทศต่าง ๆ เพื่อให้มีการลงทุน และการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้ ยังเป็นตามธรรมเนียมที่เป็นรัฐบาลใหม่ต้องเดินทางไปเยือนคารวะ และแนะนำตัว โดยเริ่มจากลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นการสร้างความแข็งแรงในความร่วมมือในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย
"ทุกครั้งที่มีการเดินทางไปต่างประเทศ ได้มีการติดตาม ฝากงาน และมี รมต.ดูแลงานอย่างใกล้ชิด ไม่ได้ละเลยปัญหาปากท้องของคนในประเทศ เพราะหลายคนอาจจะเกิดคำถามว่าทำไมต้องเดินทางในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ แต่เดินทางไปต่างประเทศมีความจำเป็น เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี เมื่อมีความเชื่อมั่น มีการลงทุนแล้ว สุดท้ายจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อให้แข่งขันกับต่างประเทศ ยืนยันทุกครั้งที่จะไปต่างประเทศว่าเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศ โดยเฉพาะช่วงอุทกภัย และต้องยกเลิกการเดินทางหลายครั้ง อย่างเช่น เดินทางไปจีน ที่ต้องเลื่อนเดินทางไปวันที่ 17-19 เม.ย.นี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า เราจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม ซึ่งเป็นการประชุมว่าด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ ที่กรุงเทพฯ โดยการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้ต่างประเทศเห็นว่าวันนี้ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะรับนักลงทุน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งจัดเวทีให้นักธุรกิจทั่วโลกได้พบกับนักธุรกิจไทย ขณะนี้ไทยอยู่ในฐานะที่ทุกประเทศให้ความสนใจลงทุน เราได้รับการตอบรับที่ดี และพอใจแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ซึ่งเราจะมีระบบติดตามการตอบรับของต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อการค้าการลงทุนกับไทย


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เพื่อไทยไม่ห้าม ส.ส. ร่วมรดน้ำสงกรานต์ “แม้ว”



วันนี้ ( 31 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)  แถลงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-13 เม.ย.55ที่ประเทศลาว และ วันที่ 14-15 เม.ย.55 ที่ประเทศกัมพูชา ว่า ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้กำชับอะไรกับส.ส.ในพรรคเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากใครต้องการเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นสิทธิเสรีส่วนบุคคลของส.ส.แต่ละคน ทั้งนี้กำหนดการของพ.ต.ท.ทักษิณนั้นในวันที่ 11-12 เม.ย. 55จะเดินทางไปที่นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว ส่วนวันที่ 13 เม.ย.55 จะไปนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว และวันที่ 14-15 เม.ย.55 จะเดินทางไปที่นครเสียมราฐ  ประเทศกัมพูชา 
ทั้งนี้ตนทราบข่าวมาว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะมีการพูดคุยกับสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงเรื่องการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกตัดสินจำคุกอยู่ในเรือนจำเปรซอว์ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาด้วย จึงขอส่งสัญญาณไปยังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมตัวรับฟังข่าวดีกรณีนายวีระ และน.ส.ราตรี จากประเทศกัมพูชาในวันที่ 16 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่นำคนไทยกลับด้วยวิธีการต่างๆอาจจะเป็นการแลกตัวนักโทษ หรือการเจรจาความกับรัฐบาลกัมพูชา อย่างไม่เลือกปฏิบัติเหมือนกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
 
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนทราบข่าวมาจากคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของพรรคเพื่อไทย ว่า มีส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางคนที่เคยมีอำนาจเกิดอาการจิตตกไปสั่งการให้หน่วยความมั่นคงบางหน่วยงานไปตรวจสอบ กรณีที่คนจะใส่หน้ากาก พ.ต.ท.ทักษิณ 20,000 คน และสวมเสื้อเหมือนกัน เดินข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย จากประเทศลาวมาประเทศไทยในวันที่ 14 เม.ย.นั้น เพราะเกรงว่าจะมีพ.ต.ท.ทักษิณร่วมเดินปะปนมาด้วย คนที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีจะกลับประเทศทั้งทีต้องสวยงามต้องปูพรมรับ เพราะฉะนั้นอย่าตื่นเต้นมากต้องจัดคนไปยื่นบนสะพานฯและดูที่ละคนว่าคนไหนพ.ต.ท.ทักษิณ ตัวจริง คนไหนพ.ต.ท.ทักษิณตัวปลอม ฝ่ายค้านอาการหนักระวังจะตาลาย

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เพื่อไทยเตรียมยื่นสอบจริยธรรม ส.ส.ปชป.ล้อม “บิ๊กบัง”


วันนี้ ( 31 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นไปรุมล้อมพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ  ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎรระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมานั้นว่า  พรรคเพื่อไทยได้หารือกันว่าถึงแม้ว่าทางพรรคประชาธิปไตยใหม่ได้ยื่นต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบประมวลจริยธรรมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนแล้ว พรรคเพื่อไทยมองว่ากรณีดังกล่าวเป็นการไม่ให้เกียรติสภาฯ และถือเป็นยุคตกต่ำทางจริยธรรมของสภาฯในยุคที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งต่างจากสมัยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯที่มีความสุภาพมากกว่า แต่ในยุคนี้ดูเหมือนจะไร้ระเบียบวินัย
 
“ขอเรียกร้องผู้นำฝ่ายค้านควรวางกฎเกณฑ์เรื่องมารยาทมากกว่านี้  โดยส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติตนของส.ส.ฝ่ายค้านจะร่วมกันลงชื่อในสัปดาห์หน้าเพื่อให้สภาฯได้สอบประมวลจริยธรรม และขอเรียกร้องให้รัฐสภานำเทปบันทึกภาพและเสียงมาพิจารณาด้วย เนื่องจากในวันดังกล่าวมีเสียงของส.ส.สุภาพสตรีที่มีภาพของความสง่าเรียบร้อยแสดงออกถึงความไม่เหมาะสมออกมา จึงเรียกร้องฝ่ายค้านว่าหากวันนี้ยังไม่เคารพสภาฯ เกิดความแตกแยกในสภาฯ ข้างนอกก็จะวุ่นวายด้วย” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

รัฐบาลเร่งเพิ่มคุณภาพแรงงานไทย


วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.)  ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบกรอบการเพิ่มผลิตภาพกำลังแรงงานไทยให้มีมาตรฐานสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อวันที่ 2 เม.ย.พ.ศ. 2553 ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรม โดยมีศาสตราจารย์ ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน เป็นประธาน รองศาสตราจารย์ ดร.พินิต รตะนานุกุล เป็นรองประธาน และคณะอนุกรรมการ ฯ มีจำนวน 14 คน ร่วมจัดทำกรอบการพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรม เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และร่วมกันศึกษาแนวทางการฝึกอบรมนำร่องฯ
 
ทั้งนี้การจัดทำหลักสูตรตามความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไป กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มธุรกิจบริการทั่วไป อีกทั้งยังกำหนดรายละเอียดหลักสูตรที่จะนำมาเพิ่มสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยให้เน้นทักษะการสื่อสารเป็นหลัก และใช้วิทยากรที่มีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เพื่อจะได้สามารถสื่อสารภาษาของแต่ละประเทศได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามประเพณีและวัฒนธรรม (เน้นวัฒนธรรมนำภาษา) สามารถรู้ศัพท์ในวิชาชีพของตนเองเป็นอย่างดี และเน้นให้ศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ซึ่งมีหลักสูตรดังต่อไปนี้ กลุ่มท่องเที่ยว หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานโรงงาน ระดับปฏิบัติการ เช่น พนักงานต้อนรับ แม่บ้าน พนักงานประกอบอาหาร พนักงานบริการอาหาร และหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานโรงแรม ระดับหัวหน้างาน กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต หลักสูตรภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารในงานช่างเทคนิค ระดับต้น กลุ่มบริการ หลักสูตรการสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้น หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับงานบริการ หลักสูตรการพัฒนาทักษะภาษาและวัฒนธรรมสำหรับพนักงานจัดส่งสินค้า เช่น อังกฤษ จีน กัมพูชา และเวียดนาม.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

"ประสิทธิ์"เผย“ปู”เซ็นคำสั่งให้“ยงยุทธ”เป็นปธ.กรรมการแก้ปัญหาม็อบ


วันนี้ 30 มี.ค. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณถนนพิษณุโลก  กลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) และสภาประชาชน 4 ภาค ยังคงปักหลักชุมนุมเป็นวันที่ 5 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาที่ดินทำกินและอยู่อาศัย หนี้สินเกษตรกร และผลกระทบที่ได้รับจากการการบุกเผาไล่ที่ดิน  ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ขึ้นเวทีเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยนพ.ประสิทธิ์  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามอนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งมาแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ซึ่งนายยงยุทธจะลงนามแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาได้ใน 1-2 วัน แล้วจะมีการนัดประชุมในสัปดาห์หน้า ตนยืนยันว่านายกฯรักประชาชนและอยากแก้ไขปัญหาให้กับทุกคนโดยเร็ว ดังนั้นขอให้ทุกคนยุติการชุมนุมแล้วติดตามการแก้ปัญหาผ่านทางตัวแทนกลุ่มที่ร่วมเป็นกรรมการชุดนี้ เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่มีงานพิธีสำคัญๆ ซึ่งต้องใช้ถนนเส้นทางนี้ด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เพราะในวันนี้ มีการจัดงานกาชาดที่สวนอัมพร ซึ่งมีการใช้เส้นทางสัญจรโดยรอบค่อนข้างหนาแน่น และในวันที่ 9 เม.ย.นี้จะมีงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งต้องมีการซ้อมใหญ่ของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ โดยต้องใช้เส้นทางนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือจากทุกคนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยเราได้จัดเตรียมรถประจำทางของบริษัท บขส. จำกัด มารับผู้ชุมนุมไปส่งตามจุดต่างๆตามสมควร 
ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ปรบมือแสดงความพอใจ แต่บางส่วนซักถามถึงความชัดเจนของการออกคำสั่งดังกล่าว ขณะที่ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมแจ้งว่าจะรอหารือกับนายประภาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาค ก่อนตัดสินใจยุติการชุมนุมในช่วงค่ำ

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“หมวดเจี๊ยบ”หวังเลือกตั้งซ่อมพม่ายุติธรรม


วันนี้( 31 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย  แถลงว่า ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ จะมีการเลือกตั้งซ่อมที่ประเทศพม่า  ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งที่ต่อสู่เพื่อความเป็นธรรม ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มีความยินดีและสนับสนุนที่จะได้เห็นการเลือกตั้งซ่อมในประเทศพม่า และหวังว่าจะเห็นกระบวนการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เคารพเสียงประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยชื่นชมที่ทุกฝ่ายในประเทศพม่า ให้ความสำคัญ เพราะจะเป็นการเริ่มต้นสู่กระบวนการปรองดอง สะท้อนให้เห็นความสามัคคีของคนในชาติ รองรับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งยังหวังที่จะเห็นบรรยากาศปรองดองเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปชป.เตรียมหาช่องจัดการดีเอสไอ


วันนี้ ( 30 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งไม่ฟ้องครอบครัวชินวัตร จากกรณีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นชินคอร์ป ซึ่งมีการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานในรายงานซื้อขายหลักทรัพย์เป็นของบริษัทชินฯ และข้อมูลจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ขณะนี้พรรค กำลังอยู่ในระหว่างการหารือในข้อกฎหมาย เพื่อหาช่องดำเนินการต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปธ.สภาชี้รายงานกมธ.ปรองดองฯจ่อวาระ4เม.ย.นี้


วันนี้ 31 (มี.ค.) นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าภายหลังจากที่ที่ประชุมรัฐสภา มีมติอนุญาตให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานแนวทางการสร้างความปรองดอง ของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ (กมธ.ปรองดอง) ในสมัยสามัญนิติบัญญัติได้แล้ว ขณะนี้รายงานฉบับดังกล่าวได้บรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุม ที่ 4 เม.ย. นี้ โดยอยู่ในลำดับที่ 4.2 เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ ส่วนจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาทันทีที่เปิดประชุมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะให้ความเห็นร่วมกัน
 
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่าตนต้องขอความร่วมมือสมาชิกในสภาฯ ให้รักษากฎ ระเบียบการประชุมด้วย เพราะสิ่งใดที่ไม่ได้ดั่งใจ จะมาโวยวายไม่ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายวารินทร์ อัฐนาค รองหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ได้ยื่นเรื่องถึงตน ฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมฯให้สอบเรื่องจริยธรรมของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่เข้าไปล้อมพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ฐานประธานกมธ.ปรองดอง เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา แสดงว่าเป็นการกระทำที่คนมองเห็นว่าไม่เหมาะ ไม่ถูกต้อง
 
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หารือว่าในการประชุมสภาฯ วันที่ 4 เม.ย. จะขอเลื่อนวาระพิจารณารายงานของกมธ.ปรองดอง ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นประเด็นที่ต้องหารือเร่งด่วน ส่วนตัวมองว่าหากมีแนวทางที่จะสร้างความปรองดอง หรือ ทำประโยชน์ได้จะรั้งรออะไรอีก อย่างไรก็ตามกระบวนการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มีผลผูกมัดว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องไปดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมทันที
 
นายอุดมเดช กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยกับกรณีที่พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล แห่งสถาบันพระปกเกล้า ระบุว่าหลังจากที่สภาฯ เห็นชอบรายงานกมธ.ปรองดองแล้ว ก่อนการนำไปปฏิบัติ ควรเปิดสานเสวนาประชาชนทุกจังหวัดก่อน ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวนั้น กมธ.ปรองดอง ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร จึงไม่สามารถทำได้ ต้องให้ที่ประชุมสภาฯ เป็นผู้พิจารณา ว่าให้รัฐบาล หรือหน่วยงานใดจัดเสวนาต่อไป อย่างไรหรือไม่ หรือฝ่ายรัฐบาลอาจให้ทางสภาฯ เดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อไป
 
นายอุดมเดช ในฐานะกมธ.ปรองดองฯ กล่าวว่า เพื่อให้การชี้แจงในสภาฯ เป็นไปอย่างเรียบร้อยและยุติความวุ่นวาย  เป็นหน้าที่ของพล.อ.สนธิ และ นายชวลิต วิทยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะเลขากมธ.ปรองดอง ต้องไปหารือกัน อย่างไรก็ตามตนมองว่าประเด็นความวุ่นวายที่จะเกิดนั้น เป็นเพราะสมาชิกสภาฯ คิดไกลเกินไป ผลในทางปฏิบัติใดๆ ยังไม่เกิดขึ้น

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เดลินิวส์คว้ารางวัลสื่อมวลชนส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน


(วันนี้ 30 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น.  น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand energy awards 2011 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทนในระดับประเทศ โดยทางกระทรวงพลังงาน ได้จัดต่อเนื่องมา 12 ปี และปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลผลงานดีเด่นทั้งสิ้น 91 รางวัล จากการประกวด 5 ด้าน ได้แก่ ด้านพลังงานทดแทน ด้านการอนุรักษ์พลังงาน บุคลากรดีเด่นด้านพลังงาน ด้านพลังงานสร้างสรรค์ และด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน นอกจากนี้ยังสามารถไปคว้ารางวัลโครงการดีเด่นในระดับอาเซียนสูงถึง 13  รางวัล ซึ่งถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยครองความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้รับรางวัลดีเด่น ประเภทสื่อมวลชน (สื่อสิ่งพิมพ์) ด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนด้วย
 
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายประหยัดพลังงาน เพราะวันนี้โลกได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกประเทศทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย ต่างให้ความสำคัญและพูดถึงความมั่นคงทางด้านพลังงาน ดังนั้นทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ติดขัด หากพวกเรายังคงใช้พลังงานต่อไปเรื่อย ๆ ก็เกิดปัญหา และส่งผลกระทบได้ ทั้งต่อต้นทุนการผลิต และผู้บริโภค เรื่องนี้จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลตระหนักดีถึงปัญหานี้ จึงได้พยายามหามาตรการที่จะทำอย่างไรให้ปัญหาด้านพลังงานส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และผู้บริโภคให้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตามต้องมีการบูรณาการและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างจริงจัง ในส่วนของรัฐบาล ยืนยันที่จะให้การสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงานให้เกิดเป็นรูปธรรม  ทั้งระดับภาคโรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงภาคครัวเรือน นอกจากนี้นโยบายการปลูกป่าเพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ก็เป็นนโยบายทรี่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“กมธ.รธน.ปชป.” ประณามพท.หักคอกลับมติที่มาส.ส.ร.


วันนี้ ( 30 มี.ค.)นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวถึงกรณีที่มีการประชุมกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการประชุมกรรมาธิการฯที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะการกลับมติที่มีการลงมติโดยกรรมาธิการฯเสียงข้างน้อยที่ได้รับชัยชนะไปแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ได้รับสัญญาณจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ามาดำเนินการมัดมือชก และกลับมติทั้งหมด โดยเฉพาะการเดินเกมของ 3 คนคือ นายวัฒนา เมืองสุข รองประธานกมธ. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล และนายพิชิต ชื่นบาน  โดยมีการเดินเกมอย่างไม่ประนีประนอมและใช้วิธีการหักคอทุบโต๊ะให้ยืนต่างร่างของครม.เป็นหลัก  ดังนั้น เชื่อว่าหากกรรมาธิการฯชุดนี้จะลุแก่อำนาจ และต้องการให้ทันเวลาที่นายใหญ่ต้องการ ตนขอเสนอว่าเวลา 2 วันที่เหลือให้ใช้ร่างครม.เป็นหลัก และให้ผ่านการรับรองทั้งฉบับจะได้จบสิ้นไปเลย ทั้งนี้ กรรมาธิการฯของพรรคประชาธิปัตย์จะใช้โอกาสในวาระ 2 ในการแปรญัตติใช้สิทธิอภิปรายอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นเอกสิทธิที่รัฐบาลหรือกรรมาธิการฯเสียงข้างมากไม่สามารถปิดปากได้
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ครม.มีมติถอนพ.ร.ฏ.ปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น ถือเป็นนัยยะสำคัญทางการเมือง โดยเฉพาะการไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ จึงพยายามเปิดไว้เพื่อที่จะรอการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จเสียก่อน เพราะไม่สามารถคาดการว่าการใช้เวลาอภิปรายในวันที่ 11-12 เม.ย.จะทันหรือไม่ และอาจต้องทอดยาวไปหลังเทศกาลสงกรานต์ จึงอยากเรียกร้องว่ารัฐบาลไม่ควรที่จะเลื่อนพ.ร.ฏ.ออกไป ควรจะให้ปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 เม.ย.ตามกำหนดเดิม และหากภารกิจที่นายใหญ่ต้องการคือ การปรองดอง นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่เสร็จตามเป้าหมายก็ให้ใช้สิทธิเปิดประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องเหล่านี้ แต่เชื่อว่ารัฐบาลนี้โดยเฉพาะนายกฯ ที่หนีสภามาตลอด อาจจะไม่ใช้ช่องทางการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพราะจะเปิดช่องให้พรรคฝ่ายค้านสามารถยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการช่วงของการเปิดประชุมสมัยวิสามัญได
“ขอท้าว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้ถ้าไม่กลัวการตรวจสอบก็ขอให้ปิดสมัยประชุมตามกำหนด และให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญขึ้นมา โดยเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำการตรวจสอบตามหนทางระบอบประชาธิปไตย โดยเรามีคณะทำงานหลายชุดที่สามารถสรุปประเด็นการทำงานของรัฐบาล ผมเชื่อว่ามีหลายรปะเด็นมาก แม้กระทั่งเรื่องวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ เรื่องจริยธรรม คุณธรรม ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มาก และน่าจะเป็นประเด็นหนึ่งที่สามารถวิพากษ์วิจารณได้นอกจากความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินในห้วงเวลา 8 เดือนที่ผานมา” นายเทพไทกล่าว.


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th