วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อังกฤษติดรูปควีนขนาดยักษ์ริมแม่น้ำเทมส์




รัฐบาลเมืองผู้ดีนำภาพถ่ายขนาดยักษ์ของ "ควีนเอลิซาเบธ" กับพระราชวงศ์ ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ในโอกาสทรงครองราชย์ครบ 60 ปี
วันนี้ ( 26 พ.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษว่า ทางการอังกฤษทำการติดตั้งพระฉายาลักษณ์ขาว-ดำ ของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามี รวมถึงพระราชโอรส และพระราชธิดา เสด็จออกมาทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกร ณ ระเบียงมุข พระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งได้รับการบันทึกไว้เมื่อปี 2520 อันตรงกับวาระเฉลิมฉลองที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี หรือพระราชพิธีรัชดาภิเษก บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


พระฉายาลักษณ์ที่นำมาติดตั้งนี้ ถือเป็นพระฉายาลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้วยความสูงถึง 70 เมตร กว้าง 100 เมตร หนัก 2 ตัน  ใช้เวลาติดตั้งนานกว่า 45 ชั่วโมง โดยใช้คนงานจำนวน 8 คน และจะจัดแสดงไว้ใกล้กับสะพาน แบล็คไฟรเออร์ส ใจกลางกรุงลอนดอน จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษเตรียมจัดงานพระราชพิธีพัชราภิเษกสมโภช ระหว่างวันที่ 2-5 มิ.ย.นี้ โดยจะมีทั้งการแสดงดนตรีภายในบริเวณพระราชวังบักกิงแฮม ขบวนพาเหรดตระการตา รวมถึงกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคกลางแม่น้ำเทมส์ โดยจะใช้เรือในพระราชพิธีกว่า 1,000 ลำ...

แสดงความคิดเห็น

คุณยายวัย 73 ปี ยอมรับว่า “แก่” เป็นครั้งแรก หลังพิชิตเอเวอร์เรสต์สำเร็จ





คุณยายแดนซามูไรทำลายสถิติผู้หญิงอายุมากที่สุดที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์สำเร็จในวัย 73 ปี พร้อมกับยอมรับว่า "ชราภาพ" เป็นครั้งแรก
วันนี้ ( 26 พ.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ว่า นางทามาเอะ วาตานาเบะ นักไต่เขาหญิงชาวญี่ปุ่น วัย 73 ปี ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าตัวเองรู้สึก “เหนื่อยล้า” เป็นครั้งแรก หลังสามารถทำลายสถิติเดิมของตัวเอง ในการเป็นผู้หญิงอายุมากที่สุด ที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะมีอายุได้ 73 ปี 6 เดือน


ทั้งนี้ นางวาตานาเบะ ผู้เคยสร้างสถิติ เป็นหญิงอายุมากที่สุดในโลก ที่ที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2545 กล่าวอย่างติดตลกว่า การปีนขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ในครั้งนี้ ยากกว่าครั้งที่ผ่านมา  เนื่องจากอุณหภูมิบริเวณยอดเขาที่อุ่นขึ้นกว่าครั้งก่อน นอกจากนี้ เธอยังรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้า และอ่อนแรงเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นไปได้ว่า เธออาจเพิ่งรู้ตัวว่า ตนเองเข้าสู่วัยชราแล้วจริงๆ


ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. นักไต่เขากว่า 200 คน พยายามปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ แต่ 4 รายเสียชีวิตก่อนถึงยอดเขา ซึ่งคณะแพทย์เชื่อว่า มีสาเหตุจากความเหนื่อยล้า และการต้องเผชิญความสูง และสภาพอากาศอันโหดร้ายเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 8,000 เมตร


สำหรับเจ้าของสถิติชายอายุมากที่สุด ที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ คือนายมิน บาฮาดูร์ เชอร์จัน ชาวเนปาล ทำไว้เมื่อปี 2551 ขณะมีอายุได้ 76 ปี..

ตัวเต็งปธน.อียิปต์วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์รอบสองให้มากที่สุด





ตัวเต็งปธน.อียิปต์วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์รอบสองให้มากที่สุด
วันนี้ ( 26 พ.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ว่า แกนนำพรรคภราดรภาพมุสลิมของอียิปต์ แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบชิงดำ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 มิ.ย. นี้ ให้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากระบอบการปกครองแบบเผด็จการของนายฮอสนี มูบารัก อดีตผู้นำที่ถูกโค่นอำนาจเมื่อเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว โดยสมบูรณ์
แถลงการณ์ของพรรคภราดรภาพมุสลิม ระบุว่า นายโมฮัมเหม็ด มูร์ซี ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 จากผลการเลือกตั้งรอบแรก ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 25.3 โดยมีนายอาเหม็ด ชาฟิก นายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายในคณะรัฐบาลของนายมูบารัก ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 24 และนายฮัมดีน ซาบาฮี จากพรรคสังคมนิยม ได้รับคะแนนเสียงตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ร้อยละ 22
ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 หรือการเลือกตั้งรอบชิงดำ ระหว่างนายมูร์ซี และนายชาฟิก จะเป็นตัวบ่งชี้อนาคตของอียิปต์ และกำหนดทิศทางของประเทศทั้งในด้านการเมือง และเศรษฐกิจ หลังการลุกฮือประท้วงของประชาชนในปรากฏการณ์ "อาหรับสปริง” เพื่อขับไล่นายมูบารัก เมื่อ 15 เดือนก่อน
ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของอียิปต์เผยยอดผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. ว่าอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั่วประเทศ นอกจากนี้ คณะกรรมการจะประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 29 พ.ค. นี้
ด้านท่าทีของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐ นางฮิลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ กล่าวชื่นชมที่การเลือกตั้งผู้นำอียิปต์รอบแรกผ่านพ้นไปด้วยดี โดยรัฐบาลวอชิงตันพร้อมที่จะทำงาน และให้ความสนับสนุนรัฐบาลอียิปต์ชุดใหม่ในทุกด้าน..

รัฐสภาเวียดนามลงมติขับ ส.ส.หญิงมหาเศรษฐีพ้นสภาพ





สมาชิกรัฐสภาเวียดนาม ลงมติเป็นเอกฉันท์ ถอดถอน นางดั่งถิหว่างเอี๋ยน ส.ส.หญิงวัย 53 ปี พ้นสภาพ ส.ส. ฐาน "ไม่ซื่อสัตย์" ปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับสามี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง รวมทั้งปกปิดข้อมูลส่วนตัว และซื้อเสียงเลือกตั้ง ส.ส.
วันนี้ (26 พ.ค.) การประชุมรัฐสภาเวียดนาม ในกรุงฮานอย ที่ประชุมมีการอภิปรายและลงมติ ให้ถอดถอน นางดั่งถิหว่างเอี๋ยน ส.ส.หญิงมหาเศรษฐีวัย 53 ปี จากจังหวัดลองอาน ฐาน “ไม่ซื่อสัตย์” จงใจปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับนายจิมมี่ เจิ่น สามีคนที่ 2 ของเธอ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง ที่ทางการเวียดนามต้องการตัวไปดำเนินคดี นอกจากนั้นเธอยังถูกกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลส่วนตัว การเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ และซื้อเสียงผู้มีสิทธิลงคะแนน ขณะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปีที่แล้ว โดยเสียงสนับสนุนให้ถอดถอนเธอพ้นสมาชิกสภาพ ส.ส. มี 457 เสียง จาก ส.ส. ทั้งหมด 500 คนของรัฐสภา

นางเอี๋ยน ประธานบริษัทพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เติ่น เตา กรุ๊ป ใน จ.ลองอาน ทางใต้ของประเทศ ติดกับเมืองโฮจิมินห์ และยังเป็นประธานสภามหาวิทยาลัยเติ่น เตา ใน จ.ลองอาน ด้วย นางเอี๋ยนได้รับการจัดอันดับให้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดของเวียดนาม และติดอันดับ 1 ใน 10 มหาเศรษฐีของเวียดนามระหว่างปี             2551 – 2553       ก่อนจะหล่นลงอันดับ 37 ในปีที่แล้ว นางเอี๋ยนแต่งงานกับนายเจิ่นวัย 57 ปี ซึ่งปัจจุบันนายเจิ่นพักอาศัยอยู่ที่อเมริกา โดยนายเจิ่นถูกกระทรวงความมั่นคงภายในเวียดนามยื่นฟ้องศาล ในข้อหาฉ้อโกงเมื่อเดือน ก.ย. 2553 จากการใช้อำนาจโยกย้ายทรัพย์สินของบริษัท ซึ่งขณะนั้นนายเจิ่นดำรงตำแหน่ง ผอ. สำนักงานพัฒนาชุมชนเมือง จ. ลองอาน

นางเอี๋ยนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เขตจังหวัดลองอาน เมื่อเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว ในนามของพรรคแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม แทนที่จะเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ที่เธอเป็นสมาชิก และส่วนหนึ่งของข้อมูลประวัติส่วนตัว ที่เธอกรอกในใบสมัครระบุว่า สามีคือนายเหงียนจิฮาย เสียชีวิตในปี 2532 โดยไม่ได้ระบุถึงนายจิมมี่ เจิ่น สามีคนปัจจุบัน
ภายใต้กฎหมายของเวียดนาม ส.ส. สามารถถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้ หากปกปิดหรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ในใบสมัครรับเลือกตั้ง.

คืบหน้าคดีไล่ล่ามินิคูเปอร์





เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถมินิคูเปอร์ชนคนแล้วหนีแล้ว ถูกส่งมาซ่อมในอู่รถย่านเอกมัย แต่ยังไม่ทราบตัวคนขับ

  จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ Wong Cartoon ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของน้องสาว ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์มินิคูเปอร์ ล้อแม็กซ์สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน 4721 พุ่งชน ขณะที่ตนเองพร้อมเพื่อนอีก 3 คนลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากเหตุรถชนกันบนสะพานพระราม 9 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเด็นดังในสังคมออนไลน์ ล่าสุดทางตำรวจได้พยายามหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถยนต์คันนี้ขับผ่านไป และตรวจสอบไปยังศูนย์นำเข้ารถยนต์มินิคูเปอร์แล้ว แต่การตรวจสอบเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะกล้องวงจรปิดตามทางด่วนอยู่ในมุมสูงไม่สามารถจับป้ายทะเบียนรถได้ อีกทั้งป้ายทะเบียนเป็นป้ายแดงซึ่งอาจเป็นเพียงป้ายสวมทะเบียนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้บาดเจ็บยังไม่ได้สติ สมองถูกกระทบกระเทือน ขาหัก มีเลือดออกในช่องท้อง พักรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
  ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (26 พ.ค.) พ.ต.ท.ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2.บก.จร เปิดเผยว่า ขณะนี้เราได้รถมินิคูเปอร์คันต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุมาจากอู่ซ่อมรถย่านเอกชัย ซึ่งเป็นรถมินิคูเปอร์หมายเลขทะเบียน ฆก 5232 กทม. ซึ่งรถคันดังกล่าวมีร่องรอยการถูกชนและกระจกด้านหน้าแตก รวมทั้งกันชนหน้าได้รับเสียกาย ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้ทางพ.ต.ท.กันตภณ สินธวาชีวะ พงส.สบ.3 สน.ทางด่วน 2 เป็นเจ้าของคดีดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานมาทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝง รวมทั้งเส้นผม และคราบเลือดที่อยู่ภายในรถไปทำการตรวจ นอกจากนี้จากการตรวจสอบภายในรถพบเอกสารใบรายงานผลการเรียนของโรงเรียนฐานปัญญา ระบุชื่อ นายชลวิทย์ หิรัญชัชวาลย์ และมีนางหงส์ แซ่ลี้ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/1 หมู่ 2 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง เป็นเจ้าของรถ ในส่วนภาพวงจรปิดในวันเกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ทราบเพียงว่าหลังเกิดรถคันดังกล่าวมุ่งหน้าลงด่านพระราม 2 แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ารถคันดังกล่าวขึ้นมาจากด่านอะไร
  รองผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2.บก.จร กล่าวอีกว่า ในส่วนของแนวทางการสอบสวนนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้สอบพยานไปหลายปากแล้ว รวมทั้งได้เรียกเจ้าของอู่รถมาทำการสอบปากคำ โดยทางเจ้าของอู่ได้ให้การว่า รถคันดังกล่าวมีรถยกนำมาทิ้งไว้ที่อู่ซ่อมรถ และมีเจ้าของโทรศัพท์มาแจ้งให้ซ่อม รวมทั้งเมื่อวานนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียก นายพงษ์ หิรัญชัชวาล ซึ่งเป็ยพ่อของนายชลวิทย์ มาทำการสอบปากคำ ซึ่งเบื้องต้น นายพงษ์ให้การว่า รถคันดังกล่าวเป็นของนางหงส์ จริง ซึ่งนางหงส์นั้นมีศักดิ์เป็นย่าของนายชลวิทย์และได้ซื้อให้นายชลวิทย์ขับ อย่างไรก็ตามในส่วนวันเกิดเหตุนั้นไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าบุตรชายเป็นคนขับจริงหรือไม่ เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อบุตรชาย รวมทั้งนางหงส์ได้ ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการออกหมายเรียกทั้งสองให้เข้ามาทำการสอบปากคำซึ่งคาดว่าภายใน1-2 วันนี้ ทั้งสองจะเดินทางเข้าพบทางพนักงานสอบสวน..

กรมศุลฯจับขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ





กรมศุลกากร จับกุมแก๊งลักลอบขนตัวนิ่มส่งประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่ากว่าล้านบาท ตรวจสอบพบลอบขนจากสงขลา มาเตรียมส่งออกฝั่งโขงจ.หนองคาย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(26พ.ค.) ที่กรมศุลกากร นายนิมิตร แสงอำไพ ผอ.การส่วนสืบสวนปราบปราม 2 สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร แถลงจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทตัวนิ่ม รวมมูลค่ากว่าล้านบาท โดยนายนิมิตร กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่กรมศุลกากรมีนโยบายสำคัญในการเร่งรัดปราบปรามสกัดกั้น ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า ภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)

โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2555 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากรหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 ได้นำกำลังเข้าสกัดจับกุมขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติที่ลักลอบนำสัตว์ป่าฯที่ บริเวณปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร) ใกล้สี่แยกปฐมพร ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร และได้ทำการตรวจค้นรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กล 6544 สงขลา มีนายประชา ราหมาย อายุ 22 ปี เป็นคนขับรถ ภายในพบตัวนิ่มมีชีวิต หรือลิ่นชวา (MANIS JAVANICA) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินโดนีชัย บรรจุอยู่ในตะกร้าพลาสติก จำนวน 138 ตัว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไปทำการสอบปากคำ

สอบสวนนายประชา ให้การสารภาพว่า ได้ขนส่งตัวนิ่มจากอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อนำไปส่งที่จ.หนองคาย โดยรับซื้อตัวนิ่มจากประเทศมาเลเซีย ในราคาเฉลี่ยตัวละ 2,000 บาท หากลักลอบนำส่งข้ามไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) จะขายได้ตัวละ 10,000 บาท และมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีหรือของต้องห้าม ของต้องกำกัด หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรหรือซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม หรือข้อกำกัด อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 และมาตรา 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16,17 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482, พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ยึดของกลางพร้อมผู้ต้องหา โดยสัตว์ทั้งหมดนำส่งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป..

รวบเดนคุกฆ่าข่มขืนชิงทรัพย์แม่เฒ่าวัย 74 ปี





ตำรวจจับทันควันเดนคุก เมาฆ่าข่มขืนแม่เฒ่าวัย 74 เจ้าของร้านขายของชำ ขณะย่องเข้าไปขโมยเหล้า แต่เหยื่อตื่นมาพบเลยก่อเหตุ สารภาพหน้าซื่อเมาถูกกัดมือเลยเผลอบีบคอตายก่อนข่มขืน
เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้(26พ.ค.) พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ เหิงขุนทด สารวัตรเวร สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตในบ้านเลขที่ 47ถนนแก้วเสนา ชุมชนเกตุแก้ว ต.วารินชำราบ รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ศรีบุตตะ ผกก. พ.ต.ท.ชินโชติ พึ่งแสง รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.อัครพล รัศมีสว.สส. ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายของชำ พบศพนางบุญล้อม มรดก อายุ 74 ปี เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนด้านหลังร้าน สภาพศพมีร่องรอยถูกบีบคอจนเป็นรอยฟกช้ำ และร่องรอยการถูกข่มขืน อีกทั้งยังพบคราบอสุจิเปื้อนบริเวณอวัยวะเพศของผู้ตาย ส่วนที่หัวเตียงนอนและบริเวณชั้นวางของในร้านมีร่องรอยของการรื้อค้นกระจัดกระจาย จึงมอบให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บหารอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย ก่อนส่งศพไปให้แพทย์นิติเวชผ่าชันสูตร เบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นการเสียชีวิตจากขาดอากาศหายใจ และถูกข่มขืน


สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 20น.เศษของเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เห็น นายยุทธนา หรือหน่อย นิลดา อายุ 38 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 63/3 ชุมชนบ้านมั่นคง ต.วารินชำราบ ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกับที่เกิดเหตุ มาป้วนเปี้ยนอยู่หลายรอบ จนมาพบผู้เสียชีวิตดังกล่าว พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้าน นายยุทธนา พบนอนหลับอยู่บนเตียง และที่กางเกงขาสั้นที่นายยุทธนาสวมใส่มีรอยเลือด ใกล้กันยังพบขวดสุราขาว 40 ดีกรี 2 ขวดบุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง ที่คาดว่านำมาจากร้านของคนตาย จึงควบคุมตัวมาสอบสวน นายยุทธนาให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้าขาวกับเพื่อนคนงานก่อสร้างเมื่อเหล้าหมดได้มาที่ร้านของคนตายเพื่อขอซื้อเหล้าไปดื่มต่อ พบว่าร้านปิดจึงแอบปีนเข้าไปหลังร้านและพบผู้ตายที่อยู่บ้านคนเดียวตื่นขึ้นมาพบ จึงใช้มือบีบไปที่ลำคอและถูกคนตายกัดนิ้วมือ ทำให้ออกแรงบีบคออย่างแรงจนแน่นิ่งไป จากนั้นด้วยความเมาจึงทำการข่มขืนศพไป 2 ครั้ง ก่อนรื้อค้นได้เงินสด 20,000 บาทสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และคว้าเอาเหล้าขาวกับบุหรี่หลบหนีออกมา ก่อนไปเที่ยวตามแหล่งบันเทิงในตัวจังหวัด กระทั่งกลับมานอนพักจนถูกเจ้าหน้าที่ตามมาจับตัวไว้ได้


จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาในทะเบียนอาชญากรรมของเจ้าหน้าที่ พบว่าเคยก่อคดีลักทรัพย์มากว่า 10 ครั้ง ล่าสุดศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือนเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียงเดือนเศษก็มาก่อเหตุขึ้นอีก เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงที่มิใช่ภรรยา และฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ก่อนคุมตัวดำเนินคดีต่อไป.. 



ก.พลังงานจ่อขึ้นราคาพลังงานอีก รอจุฬาฯทำวิจัยเสร็จ




กระทรวงพลังงานจ่อขึ้นราคาพลังงานในอีก 2 เดือน หลังจากจุฬาฯทำวิจัยเสร็จ คาดผู้ประกอบการคงจะเข้าใจ ส่วนภาคครัวเรือนยันรัฐจ่ายชดเชยให้ตามปกติ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (26 พ.ค.) ที่สถานีโทศทัศน์ช่อง 11 ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการเรื่องนโยบายพลังงานว่า ตนขอยืนยันว่าการขึ้นราคาพลังงานไม่มีส่วนในการทำให้สินค้าหรือข้าวแกงแพงขึ้นอย่างที่หลายคนคิด เพราะการขึ้นราคาพลังงานมีผลน้อยมากในต้นทุนกับข้าว แต่ก็มีการขายกับข้าวในราคาที่แพง ส่วนการปรับค่าเอฟทีมากเพราะเราใช้พลังงานมาก พลังงานที่เราใช้เริ่มต้นเป็นก๊าซ แต่พอใช้ไฟกันมากเราต้องนำน้ำมันเบนซินมาร่วมผลิตไฟฟ้า ทำให้ราคาส่วนต่างแพงมากขึ้น แต่ในช่วงนี้เราจะไม่ปรับราคาไฟฟ้าพื่ม เพราะเห็นว่าหน้าร้อนปีนี้ร้อนมากเช่นในวันที่ 16 เม.ย. ก็พบว่ามีการใช้ไฟมากที่สุด ค่าไฟก็แพงมากที่สุดในวันนี้ ดังนั้นเราก็จะไปเริ่มปรับค่าเอฟทีในเดือนมิ.ย.และต่อไปเราอาจจะต้องนำถ่านหินมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น แต่เราจะใช้ถ่านหินที่สะอาดจะไม่ทำให้้เกิดมลภาวะเป็นพิษ และทำให้ค่าไฟถูกลง แต่เราต้องทำให้คนเข้าใจว่าการใช้ถ่านหินไม่เป็นอันตราย ส่วนเรื่องการนำนิวเคลียร์มาผลิตไฟฟ้าเราคงลืมไปได้เลย

นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายมองว่าทำไมราคาก๊าซถึงแพง เพราะเราผลิตเองได้ จึงอยากขอชี้แจงว่าเรานำก๊าซธรรมชาติมาใช้ 40% แต่ยังไม่เพียงพอเราจึงต้องนำเข้าอีก 60% ส่วนน้ำมันดิบเรานำเข้า 80% อย่างไรก็ตามราคาแอลพีจีในปีนี้ไม่แพงจากปีที่แล้ว เราสามารถเช็คราคาได้ชัดเจน แต่ต่อไปนี้เราอาจจะต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้้เหมาะสมกับความเป็นจริง  เพราะที่ผ่านมาเราใช้เงินกองทุนน้ำมันมาชดเชย เพื่อให้ราคาพลังงานคงที่ ทำให้กองทุนน้ำมันติดลบประมาณ 22,000ล้านบาท แต่ถือว่ายังไม่มาก เพราะเราเคยติดลบถึง 80,000 ล้านบาท เราจึงต้องมีการปรับโครงสร้างราคาให้เหมาะสม

นายอารักษ์ กล่าวว่า สำหรับก๊าซที่ใช้ในภาคธุรกิจและครัวเรือน เราตรึงราคามานานนับ 10 ปี จนราคาก๊าซประเทศเพื่อนบ้านเราแพงกว่าเราถึง 4 เท่าตัว ทำให้มีการลักลอบขายก๊าซ อย่างไรก็ตามเราต้องปรับโครงสร้างราคาให้มีความเหมาะสม โดยเราไปเชิญมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มาวิจัยในเรื่องนี้ หากผู้ประกอบการไม่พอใจในผลวิจัยจะให้เข้ามาเป็นกรรมการร่วมกันเพื่อหาทางออก ทั้งนี้สำหรับภาคครัวเรือนและพ่อค้าแม่ค้าขายของเราอาจจะต้องไปดูแลและชดเชยให้ตามปกติ แต่ภาคธุรกิจเราก็ต้องคุยให้ราคามันมีความเหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่ คิดว่าทุกส่วนคงเข้าใจ โดยจะใช้เวลาวิจัยประมาณ 2 เดือน ในช่วงนี้เราจะไม่มีการปรับขึ้นราคา จนกว่าผลวิจัยจะเสร็จและเราหารือร่วมกันก่อน ส่วนหากจะปรับเราคงต้องทยอยปรับราคา   ไม่อย่างนั้นอาจจะเหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่ปรับเลยทันทีจนมีการประท้วงกัน  นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังประกาศให้ทำโครงการลดการใช้พลังงานลง 10%  และตนยืนยันว่ากระทรวงพลังงานและปตท.ไม่ใช่พวกเดียวกัน เพราะเราจะกำกับดูแลปตท. ให้ดำเนินการตามนโยบายของเรา เนื่องจากหน้าที่เราคือการเตรียมหาพลังงานให้กับประเทศไทยไว้ใช้ได้ตลอด เพื่อให้สมกับคำว่าพลังงงานที่ยั่งยืนในราคาที่เป็นธรรม..

“พสิษฐ์”นำทีมบุกตรวจห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรัชดา พบคลินิกเสริมความงามเถื่อน 2 แห่งไม่มีใบอนุญาต





“พสิษฐ์”นำทีมบุกตรวจห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรัชดา พบคลินิกเสริมความงามเถื่อน 2 แห่งไม่มีใบอนุญาต ดำเนินคดี 2 ข้อหาพร้อมตักเตือนคลินิกดัง 2 แห่งอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตแต่ลักไก่เปิดให้บริการ
เมื่อตอนบ่ายวันนี้ (26 พ.ค.) นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข  ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี( ดส.) และเจ้าหน้าที่ประมาณ 60 คนได้เข้าตรวจสอบคลินิกเสริมความงามทุกแห่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านพระราม 9


นายพสิษฐ์ เปิดเผยผลการตรวจสอบว่า พบว่ามีคลินิก 2 แห่งเป็นคลินิกเถื่อน ไม่มีใบอนุญาต เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรม พ.ศ.2525 ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ และทำผิดพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในคลินิกเถื่อน 2 แห่งนี้มีแห่งหนึ่งที่มีแพทย์อยู่ แต่กลับปล่อยให้คนที่ไม่ใช่แพทย์เป็นคนรักษาคนไข้โดยใช้เครื่องเลเซอร์ กรณีนี้ถือว่าแพทย์คนดังกล่าวปล่อยปละละเลยมีความผิด จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"สถานบริการเถื่อนทั้ง 2 แห่ง ต้องหยุดการให้บริการทันที จนกว่าจะขออนุญาต  ความจริงก่อนเปิดคลินิกต้องเตรียมการขออนุญาตก่อนห้างสรรพสินค้าจะเปิดตัว อย่างไรก็ตามผมได้รับรายงานว่ามีคลินิกเสริมความงามลักษณะนี้อีกประมาณ 60แห่งใน กทม.และปริมณฑล ดังนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน พ.ค.นี้ ที่น่าเป็นห่วงและกังวลคือ การฉีดยาให้คนไข้ หากทำโดยคนที่ไม่ใช่แพทย์ถือว่าอันตรายมาก"นายพสิษฐ์ กล่าว

นายพสิษฐ์ กล่าวด้วยว่า  จากการตรวจสอบคลินิกทุกแห่งยังพบอีกว่า มีคลินิกเสริมความงามชื่อดัง 2 แห่งก็ยังไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างกระบวนการขอใบอนุญาตดังนั้นระหว่างนี้ก็ไม่ควรเปิดให้บริการเช่นกัน ซึ่งทาง นพ.ธารา คงจะมีการตักเตือนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าตรวจคลินิกในครั้งนี้ได้ใช้วิธีล่อซื้อจากเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันพบว่า มีคลินิกเถื่อนบางแห่งยังให้บริการทำเลเซอร์ให้กับลูกค้าหญิงรายหนึ่งอยู่ โดยคนที่ทำให้เป็นพนักงานหญิงให้ข้อมูลว่าจบเพียง ปวส.เท่านั้น อย่างไรก็ตามคลินิกบางแห่งได้ข่มขู่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ว่า จะฟ้องร้องด้วย.


“ชูวิทย์”อัด “บิ๊กบัง”เละ เชื่อ อนาคตโดน “ทักษิณ”ถีบหัวส่งเหมือนคนเสื้อแดง





“ชูวิทย์”อัด “บิ๊กบัง”เละ ทำนายอนาคต โดน “ทักษิณ”ถีบหัวส่งเหมือนคนเสื้อแดง ขย่มซ้ำต่างตอบแทนคนการเมือง แนะจับตางบทหารปี 56
วันนี้ (26 พ.ค.) นายชูวิทย์  กมลวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรค และส.ส.ระบบัญชีรายชื่่อพรรครักประเทศไทย  กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ  บุญยรัตกลิน  ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญปรองดอง ยื่นร่างพ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภา ซึ่งมีเนื้อหาสาระเพื่อล้างคดีให้กลุ่มบุคคลต่างๆ ว่า  เป็นขบวนการที่ทำเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทน ที่พล.อ.สนธิ ยอมเปลืองตัวรับหน้าเสื่อเป็นประธานคณะกรรมธิการปรองดองฯ มีนายวัฒนา เมืองสุข รองประธานกรรมาธิการปรองดอง ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มทุนในพรรคเพื่อไทยกลุ่มหนึ่ง ที่รับหน้าที่ประสานงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาโดยตลอด แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธแต่คนในวงการเมืองเขาต่างรู้เรื่องนี้ดี และเมื่องานสำเร็จ พรรคเพื่อไทยก็มอบตำแหน่งกรรมาธิการงบประมาณปี 56 ให้

“ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้ว  มีความพยายามที่จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นใหม่อีกชุดคือ ชุดทหารที่คุมงานกลาโหมของกองทัพทั้งหมดเป็นอนุฯชุดที่ 8  เดิมคาดว่าจะตั้งให้พล.อ.สนธิเป็นประธาน แต่เมื่อมีข้อมูลออกเป็นข่าว ก็อาจจะคลาดเคลื่อนไม่ให้มันชัดเจนมากไป แต่ฟันธงว่า สุดท้ายพล.อ.สนธิจะเป็นหนึ่งในคณะอนุกมธ.ทหารในกมธ.งบปี 56  เพราะที่ผ่านมา  เมื่อมีการพิจารณางบประมาณของกองทัพ ไม่เคยมีส.ส.หน้าไหนกล้าตัดงบทหาร  แต่ปีนี้คาดการณ์ได้ว่าจะมีการตัดงบลง เพื่อเคาะกะลา ฝ่ายหนึ่งเป็นทหารลูกน้องเก่า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นพ่อค้าอาวุธ ล้วนคนคุ้นหน้า เข้าตำราวัวเคยขาม้าเคยขี่รู้ทางกันดี   ทางการเมืองพูดแค่นี้คงเข้าใจว่า ทำไมต้องได้เป็นกมธ.งบ 56” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า วันหนึ่งพล.อ.สนธิ ก็จะถูกถีบส่งแบบเดียวกับกรณีคนเสื้อแดง  ซึ่งทางรัฐศาสตร์เรียกการขับเคลื่อนของมวลชนนี้ว่า  โพลิติเคิล แมชชีน หรือเครื่องจักรทางการเมือง ที่นักการเมืองต่างใช้เครื่องมือนี้ในยามที่ไม่สามารถใช้กระบวนการทางสภาได้ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วกับคนเสื้อแดง  เพราะเมื่อมวลชนเติบโตจนคุมไม่ได้ ระบบมันรวนก็ต้องตัดออก  มันก็เข้าตำรา เสร็จนาฆ่าโคถึก  เสร็จศึกฆ่าขุนพล  วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องใช้คนเสื้อแดงแล้วหันมาใช้กระบวนการทางสภาเพราะมีเสียงส.ส.ในมือ มีน้องสาวเป็นนายกฯ ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนยังเชื่อว่าที่สุดกระบวนการปรองดองจะผ่านไปได้ โดย 1.ในส่วนที่เป็นคดีความทั้งในส่วนของการชุมนุมของสีต่างๆ จะไม่เกิดความรุนแรงเพราะสังคมไทยเบื่อหน่ายกับความไม่สงบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งบอบช้ำมาก  2. คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ.ต.ท.ทักษิณ อ่อนแรง  ขาดผู้นำ  คนที่เคยต่อต้านอยู่ในภาวะช็อค  และ 3. ในการตั้งม็อบ จัดมวลชนต้องใช้ทุน เวลานี้ ไม่มีเจ้าภาพที่กล้าทุ่มทุนอีกแล้ว เพราะมีตัวอย่างให้เห็น  ดังนั้นเมื่อขาดคน ขาดแรง ขาดทุนก็ไม่เกิดแรงต้านจนถึงขั้นปะทะอย่างอดีต  แต่น่าสนใจว่าในส่วนของมาตรา 3 ที่ระบุถึงคดีที่ศาลมีคำสั่งพิพากษาไปแล้ว ให้มีผลเสมือนไม่เคยมีผลตัดสินวินิจฉัย  เขียนแบบนี้อันตรายเพราะไปลดทอนอำนาจของสถาบันตุลาการ  เป็นการจงใจทำลาย 1 ใน 3 เสาหลักของระบอบประชาธิปไตยของชาติไทย  จะเป็นปัญหา ไม่รู้ว่าคนที่เขียน เขียนไปเอาใจนายมากไปโดยไม่ดูสภาพความเป็นจริง เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุค “บริหารนิติบัญญัติภิวัฒน์ข่มฆ่าตุลาการ” เพราะก่อนหน้านี้เคยมียุค “ตุลาการภิวัฒน์” มาจัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ  ก็ถูกเอาคืนบ้าง  ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วงที่สุดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องดูกันต่อไป..

เลขากกต.แจงยิบกรณีตรวจสอบปมอีสต์วอเตอร์





เลขากกต.แจงยิบกรณีตรวจสอบปมอีสต์วอเตอร์  ยันทำตามขั้นตอน ไม่ได้ประวิงเวลา
วันนี้(26 พ.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวชี้แจงถึงกรณีตามที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความล่าช้าในการดำเนินการตรวจสอบ การรับเงินบริจาค 1 ล้านบาทจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสต์วอเตอร์ ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นการกล่าวอ้างที่ผิดจากข้อเท็จจริง โดยข้อเท็จจริงหลังจากที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้มีหนังสือถึงนายทะเบียนพรรคการเมืองจำนวน 2 ฉบับเมื่อวันที่ 5 และ วันที่ 11 ม.ค. 55 ให้ตรวจสอบประเด็นดังกล่าว นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองได้มอบหมายให้สำนักกิจการพรรคการเมืองฯ ตรวจสอบคำร้องว่าเข้าข่ายกระทำความผิด พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ จากนั้นจึงแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง และนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอความเห็นชอบ ในการประชุมครั้งที่ 18/2555 เมื่อวันที่ 21 ก.พ.55 ซึ่งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำเสนอต่อนายทะเบียนอย่างต่อเนื่อง โดยทำหนังสือเชิญนายเรืองไกรฯ มาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงในวันที่ 28 มี.ค.55 ต่อมาได้มีหนังสือเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำในวันที่ 19 เม.ย.55 คณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ดำเนินการจัดประชุมในประเด็นดังกล่าวมาโดยตลอด จนกระทั่งในวันที่ 17 พ.ค. 55 คณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาข้อกฎหมาย ประกาศที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินการกำหนดประเด็นข้อกล่าวหาตามคำร้องและมีมติให้ดำเนินการทำหนังสือถึงอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบสถานะของบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด(มหาชน)อีกทั้งมีหนังสือเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงมีหนังสือถึงผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขากระทรวงพลังงาน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการรับจ่ายเงินของพรรคประชาธิปัตย์ และมีหนังสือถึงสำนักกิจการพรรคการเมืองฯ เพื่อให้จัดส่งเอกสารเกี่ยวกับการรับบริจาคและงบการเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อตรวจสอบการรับบริจาคการจัดทำงบการเงินของพรรคการเมืองโดยคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ประสานกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมให้ข้อเท็จจริงในวันที่ 31 พ.ค.นี้อีกครั้ง นายภุชงค์ กล่าวต่อว่า ในกรณีดังกล่าวทางสำนักงานกกต.ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดไม่ได้ประวิงเวลาหรือนิ่งเฉยอย่างที่มีการกล่าวถึงแต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย..

กรมศิลปากร บันทึกประวัติศาสตร์ ในหลวง-ราชินี เสด็จฯทุ่งมะขามหย่อง





กรมศิลปากร บันทึกประวัติศาสตร์ ในหลวง-ราชินี เสด็จทุ่งมะขามหย่อง เอแบคโพลสำรวจค่าเฉลี่ยความสุขคนไทยปลื้มปีติ ตื้นตันใจเมื่อชมการถ่ายทอดสด
วันนี้ (27 พ.ค.) นางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า  สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร จะจดบันทึกจดหมายเหตุ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน มาประทับ ณ ทุ่งมะขามหย่อง จ. พระนครศรีอยุธยา  โดยจะจดบันทึกเหตุการณ์ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช จนกระทั่งถึงที่ประทับ ณ  ทุ่งมะขามหย่อง  และเสด็จฯกลับ นอกจากนี้ ยังบันทึกภาพเหตุการณ์พสกนิกรชาวไทยที่มาเฝ้าฯรอรับเสด็จฯ อีกด้วย  โดยจะประสานกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน  และสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อรวบรวมข้อมูลเอกสาร และภาพถ่ายตลอดการประทับ ณ ทุ่งมะขามหย่อง

ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลการสำรวจเรื่อง ความสุข ความปลื้มปีติของพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศที่ชมรายการโทรทัศน์ถ่ายทอดสด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรที่ ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา แสดงค่าเฉลี่ยความสุข คะแนนเต็ม 10 มีความสุข ปลื้มปิติ ตื้นตันใจ ค่าเฉลี่ยความสุข 9.59 ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์   ค่าเฉลี่ยความสุข 9.25 ความรักความกตัญญูต่อผืนแผ่นดินไทย ค่าเฉลี่ยความสุข  9.21

ความหวังต่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความรักความสามัคคีของคนในชาติ และความสงบร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความสงบร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ค่าร้อยละ93.4 ความรักความสามัคคีของคนในชาติ ร้อยละ86.1  ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติ ค่าร้อยละ  80.3

 สิ่งที่อยากเห็นจากฝ่ายการเมือง เร่งแก้ปัญหาเดือดร้อน นำโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ อาทิ โครงการศิลปาชีพ โครงการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น มาช่วยเหลือประชาชน ร้อยละ 89.5 เลิกทะเลาะกัน หันหน้ามารักกันให้ชาวบ้านดูเป็นตัวอย่าง ร้อยละ77.4 เลิกทุจริตคอร์รัปชั่น เลิกแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ให้เอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ร้อยละ 75.9 มุมานะทำงานหนักแก้ปัญหาเดือดร้อนของสาธารณชน ร้อยละ 74.2 เลิกโจมตี เสียดสี ใส่ร้ายกัน ร้อยละ 65.8.


5คนงานเชื่อมท่อแก๊สชีวภาพถูกรมตายสยองคาบ่อ





คนงานเชื่อมท่อแก๊สชีวภาพผลิตกระแสไฟฟ้าตายสยอง 5 ศพ ลงบ่อเชื่อมต่อท่อถูกแก๊สรมตาย เผยลงไปก่อน4คนไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ หัวหน้าเห็นลูกน้องดิ้นทุรนทุรายกระโดดช่วยสังเวยอีกศพ
เมื่อเวลา 10.00 น.  วันนี้ (27 พ.ค.) พ.ต.ท.ภาสกร  อยู่เย็น  สว.สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี  รับแจ้งเหตุคนงานบริษัทเอสพีเอ็มเลขที่  79/1 หมู่  1 ต.ห้วยยางโทน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี  เสียชีวิต  5  ราย  หลังลงไปเชื่อมท่อบ่อหมักไบโอแก๊สเข้าระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์

ที่เกิดเหตุพบบ่อลึก 3 เมตร กว้าง 4 เมตร มีน้ำขังสูงราว 1 เมตร  ชุดประดาน้ำกำลังลำเลียงศพคนงานขึ้นจากบ่อทราบชื่อนาย นรินทร์ หรือเผือก  เติมทอง   อยู่บ้านเลขที่ 83/5 หมู่  1  ต.ห้วยยางโทน หัวหน้าคนงาน  นายเนตร  เสือเอ็ง  อยู่บ้านเลขที่  98  หมู่ 2  ต.หนองชุมพล  อ.เขาย้อย  จ.เพชรบุรี    และแรงงานต่างด้าวพม่าอีก  3 คนชื่อ  นายสม  นายมุด  และนายเขียน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนงาน 4 คน ลงไปเชื่อมต่อเพื่อเดินท่อเข้าระบบผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งมีแก๊สปล่อยอยู่ตลอดเวลา  ขณะที่แก๊สในบ่อมีมากจนทำให้คนงาน  4  คนขาดอากาศหายใจ จึงร้องตะโกนให้หัวหน้าคนงานช่วย  เมื่อนายนรินทร์ เห็นลูกน้องดิ้นทุรนทุรายจึงกระโดดลงไปช่วยแต่เนื่องจากบ่อลึกมีน้ำขัง การขึ้นจากบ่อเป็นไปด้วยความยากลำบาก และถูกแก๊สรมตลอดเวลา โดยทั้งหมดไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ จึงเสียชีวิตกันไปทั้งหมดอย่างน่าเวทนา ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียดเพื่อดำเนินคดีต่อไป


สำหรับโรงงานแห่งนี้เป็นฟาร์มหมูขนาดใหญ่พื้นที่หลายร้อยไร่ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากแก๊สชีวภาพ เพื่อใช้ในฟาร์มและส่งขายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานฯ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า

ล่าสุดนายณรงค์  ครองชนม์  รองผวจ.ราชบุรีเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียดดูระบบการก่อสร้างโรงงานแห่งนี้ โดยเฉพาะมาตรการในการก่อสร้างที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยปกป้องความปลอดภัยหากผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนว่าจะต้องสั่งปิดโรงงานหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ.

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสมัยร.5ให้คนไทยสักการะ5วัดดัง





วัดสระเกศ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสมัยร.5ลงเรือหลวงแห่จากปากน้ำ จำลองภาพเมื่อครั้งอัญเชิญจากอินเดียประดิษฐาน 5 วัดดังรอบกรุงในเทศกาลวิสาขบูชาให้พุทธศาสนิกชนสักการะ ฉลองปี “พุทธชยันตี”
วันนี้ (27 พ.ค.) พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า  เนื่องด้วยวันวิสาขบูชา พ.ศ.2555 ตรงกับวันที่ 4 มิ.ย.นี้จะเป็นปีที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ครบ 2600 ปี หรือที่เรียกว่า พุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นับเป็นโอกาสมหามงคลที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาต่างกำหนดให้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองถวายเป็นพุทธบูชาในช่วงสัปดาห์วันวิสาขบูชาอย่างยิ่งใหญ่

ในส่วนของประเทศไทยโดยมหาเถรสมาคม(มส.) และรัฐบาลไทย ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) จัดงานวันวิสาขบูชาที่วัดสระเกศฯ ในวันที่ 2-4 มิ.ย. และกำหนดให้มีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่บนบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ไปประดิษฐานยังพระอาราม และสถานที่สำคัญต่างๆ รอบกรุงเทพฯเพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้สักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างใกล้ชิด  ถือว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานบนภูเขาทองในสมัยรัชกาลที่ 5 วัดยังไม่เคยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดออกนอกวัด ไปประดิษฐานที่วัดอื่นมาก่อน

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ กล่าวต่อว่า การอัญเชิญพระบรมสารีริธาตุในครั้งนี้จะจำลองมาจากพิธีอัญเชิญในอดีต โดยจะอัญเชิญลงเรือหลวงไปยังพระสมุทรเจดีย์ จากนั้นจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังวัดต่างๆ รอบกรุงเทพฯ  มีกำหนดการดังนี้ วันที่ 28 พ.ค.อัญเชิญไปยังโรงเรียนนายเรือ จ.สมุทรปราการ ขึ้นประดิษฐานบนเรือหลวง จากนั้นวันที่ 29 พ.ค. เรือหลวง จะออกเดินทางถึงท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์  และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ลงจากเรือหลวง ประดิษฐานยังพระสมุทรเจดีย์ วันที่ 30 พ.ค.  อัญเชิญประดิษฐานวัดบางนาใน เขตบางนา วันที่ 31 พ.ค.อัญเชิญประดิษฐานวัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์

วันที่ 1 มิ.ย.อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ไปประดิษฐานที่วัดเสมียนนารี เขตจตุจักร  วันที่ 2 มิ.ย.  อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ วันที่ 3 มิ.ย. อัญเชิญประดิษฐานที่วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี และวันที่ 4 มิ.ย. อัญเชิญประดิษฐานยังลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เขตพระนคร และในวันเดียวกันจะอัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่วัดสระเกศฯ

พระวิจิตรธรรมาภรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญในครั้งนี้ เป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ถูกค้นพบที่กรุงกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย รัฐบาลอินเดียได้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2441 พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุขุมนัยวินิต  (ปั้น สุขุม) ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช เป็นผู้ออกไปรับพระบรมสารีริกธาตุยังประเทศอินเดีย พอกลับมายังประเทศไทย ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบุษบกผ่านเมืองตรัง พัทลุง สงขลา แต่ละเมืองมีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่ และสักการะบูชาอย่างล้นหลาม

จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงเรือหลวงต่อไปยังเมืองสมุทรปราการ และรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานในพระวิหารเกาะพระสมุทรเจดีย์ และจัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ และทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดขบวนรถม้าหลวง อัญเชิญเข้าสู่พระนคร แล้วประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่เจดีย์บรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2442.

"ซี อาร์เอส" สาวหล่อนักร้องดัง ถูกกระบะชนเลือดคั่งอาการสาหัส






กระบะพุ่งชน สาวหล่อ "ซี อาร์เอส" หน้าวัดปทุมวนาราม ขณะเดินข้ามถนน หลังกลับจากไปไหว้พระพรหม ที่สี่แยกราชประสงค์ อาการสาหัส หามส่ง ร.พ.ตำรวจ
วันนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า  นักร้องสาวหล่อ ซี ค่ายอาร์เอส ประสบอุบัติเหตุถูกรถกระบะพุ่งชน หน้าวัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน จนสลบเหมือด  พี่สาวและพลเมืองดีที่ประสบเหตุ ต่างช่วยกันนำร่างสาวหล่อ ที่อาการสาหัสหามส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลตำรวจอย่างเร่งด่วน

โดยรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้า ขณะที่นักร้องสาวหล่อชื่อดังกับพี่สาว กำลังเดินข้ามถนนหลังกลับจากไปไหว้พระพรหม สี่แยกราชประสงค์ ได้มีรถกระบะยังไม่ทราบยี่ห้อ วิ่งมาด้วยความเร็วสูง  ก่อนพุ่งเข้าชนอย่างแรง จนร่างกระเด็นไถลไปกับพื้นถนนสลบคาที่ ญาติและพลเมืองดี ที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ พอตั้งสติได้ ก็รีบนำตัวสซีที่มีเลือดออกจำนวนมากส่งห้อง ไอ ซี ยู โรงพยาบาลตำรวจ

ประชาสัมพันธ์บริษัทอาร์เอส  แจ้งว่า เบื้องต้น ขณะนี้นักร้องสาวอาการสาหัส ไหปลาร้าหัก  แพทย์ต้องนำตัวผ่าตัดเป็นการด่วน  เนื่องจากมีเลือดคั่งในสมองจำนวนมากและเลือดไหลไม่หยุดอีกด้วย

ด้านนายสุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ ประธานกรรมการบริหารอาร์เอส ได้ทวีตข้อความว่า  เมื่อวานเจอซีตอนค่ำที่คอนเสิร์ตเฟย์ฟางแก้ว แต่เช้านี้กลับโชคร้ายถูกรถชน อาการน่าเป็นห่วงมาก กำลังรอผลจากหมออย่างใกล้ชิด.