วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ก.พลังงานจ่อขึ้นราคาพลังงานอีก รอจุฬาฯทำวิจัยเสร็จ




กระทรวงพลังงานจ่อขึ้นราคาพลังงานในอีก 2 เดือน หลังจากจุฬาฯทำวิจัยเสร็จ คาดผู้ประกอบการคงจะเข้าใจ ส่วนภาคครัวเรือนยันรัฐจ่ายชดเชยให้ตามปกติ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (26 พ.ค.) ที่สถานีโทศทัศน์ช่อง 11 ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการเรื่องนโยบายพลังงานว่า ตนขอยืนยันว่าการขึ้นราคาพลังงานไม่มีส่วนในการทำให้สินค้าหรือข้าวแกงแพงขึ้นอย่างที่หลายคนคิด เพราะการขึ้นราคาพลังงานมีผลน้อยมากในต้นทุนกับข้าว แต่ก็มีการขายกับข้าวในราคาที่แพง ส่วนการปรับค่าเอฟทีมากเพราะเราใช้พลังงานมาก พลังงานที่เราใช้เริ่มต้นเป็นก๊าซ แต่พอใช้ไฟกันมากเราต้องนำน้ำมันเบนซินมาร่วมผลิตไฟฟ้า ทำให้ราคาส่วนต่างแพงมากขึ้น แต่ในช่วงนี้เราจะไม่ปรับราคาไฟฟ้าพื่ม เพราะเห็นว่าหน้าร้อนปีนี้ร้อนมากเช่นในวันที่ 16 เม.ย. ก็พบว่ามีการใช้ไฟมากที่สุด ค่าไฟก็แพงมากที่สุดในวันนี้ ดังนั้นเราก็จะไปเริ่มปรับค่าเอฟทีในเดือนมิ.ย.และต่อไปเราอาจจะต้องนำถ่านหินมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น แต่เราจะใช้ถ่านหินที่สะอาดจะไม่ทำให้้เกิดมลภาวะเป็นพิษ และทำให้ค่าไฟถูกลง แต่เราต้องทำให้คนเข้าใจว่าการใช้ถ่านหินไม่เป็นอันตราย ส่วนเรื่องการนำนิวเคลียร์มาผลิตไฟฟ้าเราคงลืมไปได้เลย

นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายมองว่าทำไมราคาก๊าซถึงแพง เพราะเราผลิตเองได้ จึงอยากขอชี้แจงว่าเรานำก๊าซธรรมชาติมาใช้ 40% แต่ยังไม่เพียงพอเราจึงต้องนำเข้าอีก 60% ส่วนน้ำมันดิบเรานำเข้า 80% อย่างไรก็ตามราคาแอลพีจีในปีนี้ไม่แพงจากปีที่แล้ว เราสามารถเช็คราคาได้ชัดเจน แต่ต่อไปนี้เราอาจจะต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้้เหมาะสมกับความเป็นจริง  เพราะที่ผ่านมาเราใช้เงินกองทุนน้ำมันมาชดเชย เพื่อให้ราคาพลังงานคงที่ ทำให้กองทุนน้ำมันติดลบประมาณ 22,000ล้านบาท แต่ถือว่ายังไม่มาก เพราะเราเคยติดลบถึง 80,000 ล้านบาท เราจึงต้องมีการปรับโครงสร้างราคาให้เหมาะสม

นายอารักษ์ กล่าวว่า สำหรับก๊าซที่ใช้ในภาคธุรกิจและครัวเรือน เราตรึงราคามานานนับ 10 ปี จนราคาก๊าซประเทศเพื่อนบ้านเราแพงกว่าเราถึง 4 เท่าตัว ทำให้มีการลักลอบขายก๊าซ อย่างไรก็ตามเราต้องปรับโครงสร้างราคาให้มีความเหมาะสม โดยเราไปเชิญมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มาวิจัยในเรื่องนี้ หากผู้ประกอบการไม่พอใจในผลวิจัยจะให้เข้ามาเป็นกรรมการร่วมกันเพื่อหาทางออก ทั้งนี้สำหรับภาคครัวเรือนและพ่อค้าแม่ค้าขายของเราอาจจะต้องไปดูแลและชดเชยให้ตามปกติ แต่ภาคธุรกิจเราก็ต้องคุยให้ราคามันมีความเหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่ คิดว่าทุกส่วนคงเข้าใจ โดยจะใช้เวลาวิจัยประมาณ 2 เดือน ในช่วงนี้เราจะไม่มีการปรับขึ้นราคา จนกว่าผลวิจัยจะเสร็จและเราหารือร่วมกันก่อน ส่วนหากจะปรับเราคงต้องทยอยปรับราคา   ไม่อย่างนั้นอาจจะเหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่ปรับเลยทันทีจนมีการประท้วงกัน  นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังประกาศให้ทำโครงการลดการใช้พลังงานลง 10%  และตนยืนยันว่ากระทรวงพลังงานและปตท.ไม่ใช่พวกเดียวกัน เพราะเราจะกำกับดูแลปตท. ให้ดำเนินการตามนโยบายของเรา เนื่องจากหน้าที่เราคือการเตรียมหาพลังงานให้กับประเทศไทยไว้ใช้ได้ตลอด เพื่อให้สมกับคำว่าพลังงงานที่ยั่งยืนในราคาที่เป็นธรรม..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น