วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"เรือ"คว้าแชมป์ระทึก"กุน"ยิงทดเจ็บ





























“เรือใบสีฟ้า” ผงาดคว้าแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 44 ปี หลังได้ "กุน" ซัดชัยช่วงทดเจ็บพาแซงเชือด “คิวพีอาร์” สุดมันส์ 3-2 พร้อมเฉือน “ผีแดง” ที่บุกไปชนะ “แมวดำ” 1-0 เข้าป้ายด้วยผลต่างประตูได้เสีย ด้าน “ปืนใหญ่” ไม่พลาดเถือ “แบ๊กกีส์” หวิว 3-2 ยึดที่ 3
      ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดปิดท้ายฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี คว้าแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 44 ปีไปครองได้อย่างตื่นเต้น หลังเร่งเครื่องยิงแซงชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส อย่างเหลือเชื่อในช่วงท้ายเกม 3-2 โดย ปาโบล ซาบาเลตา กดให้เจ้าถิ่นออกนำก่อน 1-0 นาทีที่ 39 ก่อนที่ คิวพีอาร์ จะมารัวคืน 2 ประตูรวดจาก ฌิบริล ซิสเซ นาทีที่ 48 และเจมี แม็คกี นาทีที่ 66 ชัยชนะทำท่าจะตกเป็นของ “ทหารเสือราชินี” อยู่แล้ว กระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที แมนฯ ซิตี ก็เร่งเครื่องยิงทีเดียว 2 ประตูรวดจาก เอดิน เชโก นาทีที่ 90+1 และเซร์คิโอ อเกวโร นาทีที่ 90+4 ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” มี 89 คะแนนจาก 38 นัดเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ประตูได้เสียดีกว่าจึงคว้าแชมป์ไปครอง ส่วน ควีนส์ปาร์ค มี 37 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่ที่ 17 รอดตกชั้นหวุดหวิด
ผีบุกเชือดแมวดำแต่ยังจ๋อย
      แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยส่งท้ายฤดูกาล หลังบุกไปเชือด ซันเดอร์แลนด์ หวุดหวิด 1-0 โดย เวย์น รูนีย์ ซัดประตูชัยให้ “ผีแดง” ในนาทีที่ 20 ทำให้ เรด เดวิลส์ มี 89 คะแนนจาก 38 เท่ากับ แมนฯ ซิตี แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองจึงต้องเสียแชมป์ให้อริร่วมเมืองไปอย่างน่าเจ็บใจ ส่วน “แมวดำ” มี 45 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่ที่ 13

ปืนบุกสอยแบ๊กกีส์ซิวที่3
      อาร์เซนอล คว้าอันดับ 3 ไปครองได้สมใจ หลังบุกไปแซงเชือด เวสต์บรอมวิช อัลเบียน หวุดหวิด 3-2 โดยได้ประตูจาก ยอสซี เบนายูน นาทีที่ 4, อังเดร ซานโตส นาทีที่ 30 และโลรองต์ กอสเซียลนี นาทีที่ 55 ส่วนเจ้าบ้านแก้คืนได้จาก เชน ลอง นาทีที่ 11 และแกรม ดอร์แรนส์ นาทีที่ 15 ทำให้ “ปืนใหญ่” มี 70 คะแนนจาก 38 นัดรั้งที่ 3 ส่วน เวสต์บรอม มี 47 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่ที่ 10

ทอฟฟีเปิดบ้านอัดสาลิกาดิ้น
     เอฟเวอร์ตัน สร้างรอยยิ้มให้แฟนบอลส่งท้ายซีซั่น หลังเปิดรัง กูดิสัน ปาร์ค สอย นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-1 โดยได้ประตูจาก สตีเวน พีนาร์ นาทีที่ 16 และนิกิชา เยลาวิช นาทีที่ 27 และจอห์น ไฮติงกา นาทีที่ 65 ส่วน “สาลิกาดง” ตีไข่แตกได้จากการทำเข้าประตูตัวเองของ โทนี ฮิบเบิร์ต นาทีที่ 73 นาทีที่ ทำให้ เอฟเวอร์ตัน มี 56 คะแนนจาก 38 นัดรั้งที่ 7 ส่วน นิวคาสเซิล มี 65 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่ที่ 5
หงส์ฟอร์มแย่พ่ายสวอนซีส่งท้าย
     ลิเวอร์พูล ทำเอาแฟนบอลต้องเซ็งไปตามกัน หลังบุกไปโดน สวอนซี สอยร่วงส่งท้ายฤดูกาล 1-0 โดย “หงส์ขาว” ได้ประตูชัยจาก แดนนี แกรม นาทีที่ 86 เก็บไป 47 คะแนนจาก 38 นัดอยู่ที่ 11 ส่วน “หงส์แดง” มี 52 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่ที่ 8
สิงห์เชือดกุหลาบหวิว
      เชลซี ปิดฉากฤดูกาลด้วยชัยชนะ หลังเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชือด แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ที่ตกชั้นไปแล้ว 2-1 โดยได้ประตูจาก จอห์น เทอร์รี นาทีที่ 31 และราอูล เมยเรเลส นาทีที่ 34 ส่วน “กุหลาบไฟ” ตีไข่แตกได้จาก ยาคูบู ไอเยกบินี นาทีที่ 60 ทำให้ เชลซี มี 64 คะแนนจาก 38 นัดอยู่ที่ 6 ส่วน แบล็กเบิร์น มี 31 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่รองบ๊วย
      ผลคู่อื่น ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ชนะ ฟูแลม 2-0, นอริช ชนะ แอสตัน วิลลา 2-0, สโตค ซิตี เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-2 และวีแกน ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-2

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไฟไหม้โรงแรมแดนอาทิตย์อุทัย ตาย 7 ศพ


วันที่ 13 พ.ค.  สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ศพ และบาดเจ็บอีก 3 ราย โดยรายงานระบุว่า เพลิงไหม้เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง ฟูคุยามะ ในจังหวัดฮิโรชิมา ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตก 600 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ช่วยผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารทั้ง 10 รายออกมาได้ อย่างไรก็ตาม 7 ใน 10 ราย ประกอบด้วยชาย 3 คน และหญิงอีก 4 คน เสียชีวิตภายหลังที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 3 รายที่เหลือ ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรม ได้รับบาดเจ็บ และยังอยู่ในการดูแลของทางโรงพยาบาล

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ส่วนสาเหตุยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

เพลิงไหม้โกดังเก็บไม้ เมืองปากน้ำวอดกลางดึก






เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บไม้ ในซอยจัดสรรเสนาะ ซอย 8 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กลางดึก ก่อนลุกลามไปติดบ้านพักคนงาน และอู่ซ่อมสีรถยนต์ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้โกดังเก็บไม้วอดไปทั้งหลัง บ้านพักคนงานพังเสียหายไปอีก 12 ห้อง รถยนต์ถูกไฟไหม้ 5 คัน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท
เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 13 พ.ค. ร.ต.ท.สมนึก แก้วงพูนศรี พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บไม้ไม่มีชื่อ เลขที่ 201 / 78 หมู่ 8 ซอยจัดสรรเสนาะ ซอย 8 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จึงประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบางปู และเทศบาลใกล้เคียงจำนวนกว่า 10 คันเดินทางตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บไม้ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ โดยเพลิงได้ลุกโหมอย่างรุนแรง เนื่องจากภายในโกดังมีไม้ฉำฉา และไม้แดง เก็บเอาไว้เป็นจำนวนมากจึงกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โดยเพลิงได้ลุกลามไปไหม้บ้านพักคนงานที่ปลูกสร้างเป็นห้องแถวอยู่ภายในรั้วโกดังจำนวน 12 ห้องจนวอด
นอกจากนี้ลุกลามมาติดอู่ซ่อมสีรถยนต์ “เอซี มอเตอร์” ซึ่งมีรถของลูกค้าจอดซ่อมอยู่หลายคัน และกำลังจะลามไปติดบ้านข้างเคียงซึ่งเป็นบ้านไม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ ตรวจสอบพบว่าเพลิงได้เผาผลาญโกดังเก็บไม้ และห้องพักคนงานอีก 12 ห้อง รวมถึงรถยนต์ของลูกค้าที่จอดอยู่ในอู่ซ่อมรถ เอซี มอเตอร์ได้รับความเสียหายจำนวน 5 คัน รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท
จากการสอบสวน นายประเวศ  แต่งสุข อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ดูแลโกดังที่เกิดเหตุ ให้การว่า โกดังดังกล่าวเป็นของ นางทัศพร เรืองแสง อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ท้ายบ้านใหม่  โดยก่อนเกิดเหตุระหว่างที่ตนเข้าไปเทอาหารเพื่อที่จะเอามานั่งกินที่ป้อมยามด้านหน้า ก็ได้ยินเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่ากรรโชก จึงรีบออกมาดู ก็เห็นชายสองคน ขี่รถ จยย.ไม่ทราบรายละเอียด เร่งเครื่องออกไปอย่างเร่งรีบ จากนั้นไม่ถึงนาทีก็ได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่กองไม้ระหว่างห้องอบไม้กับอู่ซ่อมรถ ตนและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงช่วยกันนำถังเคมีดับเพลิงมาฉีดสกัด ก็ไม่สามารถดับได้ ทำให้เพลิงลุกลามดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้ ซึ่งจะต้องประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไม้ในครั้งนี้ต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ตำรวจปลดล็อกประตูรถจับกุม"การุณ"ได้แล้ว เล็งแจ้งข้อหาเพิ่ม










หลังร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู สะเดาะกุญแจประตูรถกระบะของนายการุณ ใสงาม แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาในคดีนำมวลชนบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และก่อการร้าย ก่อนทำการควบคุมตัวไปสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาทันที จ่อแจ้งข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานเพิ่มอีกกระทง
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้จับกุมตัว นายการุณ ใสงาม แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาในคดีนำมวลชนบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และข้อหาก่อการร้าย โดยจับกุมได้ที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์  ซึ่ง นายการุณ ขัดขืนไม่ยอมลงจากรถยนต์กระบะส่วนตัว เพื่อลงมารับทราบข้อกล่าวหา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยกรถของนายการุณขึ้นท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เข้ามาที่กรุงเทพมหานคร ตามที่ได้รายงานข่าวไปให้ทราบแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นำตัวอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูที่มีความชำนาญด้านการสะเดาะกุญแจ มาปลดล็อกประตูรถเพื่อจับกุมนายการุณ โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที ก็สามารถเปิดประตูได้สำเร็จ ซึ่ง นายการุณได้ยอมเดินลงมาจากรถด้วยตนเอง และไม่มีท่าทีขัดขืน แต่มีสภาพร่างกายที่อ่อนเพลีย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาที่ชั้น 2 ตึกกองอำนวยการทันที
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่อาจพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มแก่นายการุณอีก 1 ข้อหา คือ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานอีกข้อหาหนึ่งด้วย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.40 น. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10)ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกสนามบิน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังคงสอบปากคำนายการุณไม่แล้วเสร็จ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาตลอดทั้งคืน และทางแพทย์ได้ลงความเห็นให้นายการุณพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย พนักงานสอบสวนจึงให้นายการุณมีโอกาสพักผ่อน เพื่อให้การให้ถ้อยคำได้สมบูรณ์ โดยระหว่างการสอบสวนพนักงานได้เปิดซีดีบันทึกภาพการกระทำความผิดของนายการุณ ที่ทางอัยการสอบสวนแล้วพบหลักฐานมีความผิดตาม พรบ. ต่อการเดินอากาศยาน ในข้อหา ทำลายหรือทำให้เสียหายร้ายแรง ต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานพลเรือนหรือทำให้การบินหยุดชะงัก ตามที่อัยการสั่งให้พนักงานแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะนำตัวนายการุณไปส่งอัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

"เสื้อแดง"ร่วมรำลึกงาน"เสธ.แดง"คึกคัก



















เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 13 พ.ค. ที่ลานอนุสาวรีย์ ร.6 สวนลุมพินี ซึ่งมีการจัดพิธีรำลึกการจากไปครบ 2 ปีของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก  กลุ่มคนเสื้อแดงกว่าหลายร้อยคนได้ทยอยเดินมาตั้งขบวนรถจักรยานยนต์จำนวนกว่า 300 คัน ภายใต้ชื่อกองทัพประชาชน ที่มีหัวขบวนเป็นทหารพรานและบุคคลที่เคยทำงานร่วมกับเสธ.แดง โดยตั้งขบวนจากบริเวณแยกราชประสงค์ จากนั้นเคลื่อนไปรอบๆสวนลุมพินีเพื่อเป็นการรำลึกเสธ.แดงและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อช่วงเดือนพ.ค.2553 ขณะที่ภายในลานกิจกรรมก็ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงร้านค้าก็ได้เริ่มทยอยเปิดขายสินค้าที่ระลึกเสื้อแดงอย่างไม่ขาดสาย และส่วนหนึ่งในบริเวณใกล้เวทีการปราศรัยได้มีการจัดเวทีขนาดเล็ก โดยใช้ชื่อว่า “ศรีรามเรดิโอ” ซึ่งเป็นของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้คนเสื้อแดงได้ขึ้นไปแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วย
  เสื้อแดง ร่วมงานรำลึกการจากไปครบ 2 ปีของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กันคึกคัก น้องเดียร์”น้ำตาร่วงคิดถึงพ่อ ด้าน“กี้,ทอม ดันดี,จ่าประสิทธิ์”โผล่
จากนั้นเมื่อเวลา 16.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงนับร้อยคนก็เริ่มทยอยตั้งขบวนเดินสวนสนามเพื่อสดุดีเสธ.แดง ในขบวนได้มีการนำรูปถ่ายและหุ่นล้อเลียน รวมถึงชูป้ายและธงเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดง ซึ่งหลังจากที่มีการตั้งขบวนเสร็จ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือ“เดียร์”ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และน.ส.กิตติยา สวัสดิผล บุตรีของเสธ.แดง รวมถึงนางดารุณี กฤตบุญญาลัย หรือ เจ๊ดา แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้ขึ้นเวที กล่าวปราศรัย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ขอบคุณที่ทุกคนไม่ลืมคุณพ่อ ตนเชื่อว่าตอนนี้คุณพ่อยังมองทุกคนอยู่ และอยากที่จะลงมาช่วยทุกคน ขอบคุณที่ยังทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่ออยู่เสมอมาและขอบคุณที่รักครอบครัวสวัสดิผล ขณะที่ น.ส.กิตติยา กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาเป็น 2 ปีที่คุณพ่อถูกสังหารแต่ทุกคนก็ยังคงให้กำลังใจพวกเราอยู่ และหวังว่าทุกคนจะสู้ต่อไป ในฐานะที่เป็นครอบครัวผู้สูญเสียเหมือนหลายๆคนก็ขอให้สู้ต่อ สู้เหมือนเสธ.แดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่มีกิจกรรมตั้งขบวนกองทัพประชาชนและกล่าวสดุดี เสธ.แดงบนเวทีปราศรัยพร้อมขับร้องบทเพลงเพื่อรำลึก น.ส.ขัตติยาและน.ส.กิตติยาได้หลั่งน้ำตาต่อการจากไปของบิดา โดยหลังพิธีรำลึก เสธ.แดงเสร็จสิ้น บนเวทีปราศรัยมีการแสดงละครสะท้อนเหตุการณ์บ้านเมืองของกลุ่มประกายไฟและกิจกรรมขับร้องเพลงที่ใช้ในการต่อสู้ภาคของประชาชน ขณะเดียวกันการรำลึกวันนี้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. เข้ามาสังเกตุการณ์บริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย  ส่วนด้านนายพันทิวา ภูมิประเทศ หรือ ทอม ดันดี อดีตศิลปินวงซูซู ได้ขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมทั้งร้องเพลงให้กำลังใจคนเสื้อแดงด้วย
เมื่อเวลา 19.00น. วันที่13 พ.ค. ที่บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี กลุ่มคนเสื้อกว่าหลายร้อยคน ที่มาร่วมตัวชุมนุมเนื่องในโอกาสครบรอบ2ปี การเสียชีวิตของพล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงได้ร่วมกันจุดเทียนสีแดง 1เล่ม และธูป1ดอก เพื่อสาปแช่งคนที่ส่่ังฆ่าเสธ.แดง พร้อมกับร้องเพลง "นักสู้ธุลีดินรำลึก" ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก บางคนถึงกับน้ำตาซึม จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำธูปไปปักไว้รอบบริเวณที่เสธ.แดงถูกยิงเสียชีวิต รวมทั้งวางดอกไม้ และพวงหลีด พร้อมกับยืนไว้อาลัย  หลังจากนั้นนายจิรปาณ ศรีเนียน หรือ จ.เจตน์ ผู้ประสานงาน รำลึก 2 ปี เสธ.แดง ได้นำคลิปวิดีโอก่อนและหลังในช่วงเวลาที่เสธ.แดงถูกยิงมาเปิดให้ผู้ที่มาชุมนุมได้ดูด้วย 

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ผยมือถือจิ๋วระบาดหนัก มาเฟียคุกจ้างยัดก้นเข้าที่คุมขัง





อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยข้อมูลกลางงานเสวนาหัวข้อ "เปิดโปงมาเฟียคุก ค้ายานรก" ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่า ล่าสุดพบข้อมูลว่าโทรศัพท์มือถือขนาดเล็กเท่ารีโมทรถยนต์กำลังเป็นที่แพร่ระบาดในเรือนจำ โดยลักลอบนำเข้ามาด้วยการยัดใส่ช่องทวารหนัก
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 13 พ.ค. ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย  อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นายณรงค์ รัตนากูล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดการเสวนาในหัวข้อ เปิดโปงมาเฟียคุก ค้ายานรก โดยมีนายปกรณ์ พึ่งเนตร ผู้สื่อข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เป็นผู้ดำเนินรายการ ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากสนใจเข้าร่วมฟังการเสวนาในครั้งนี้
โดย พ.ต.อ.สุชาติ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า  เรือนจำในประเทศไทยมี 143 แห่ง จากข้อมูลสถิติพบว่าทุกเรือนจำมีตัวเลขนักโทษคดียาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งทุกแห่งมีนักโทษคดียาเสพติด ทำให้ทางเรือนจำต้องให้ความสำคัญและจับตามอง อย่างไรก็ตามได้มีเรือนจำทั้งหมด 7 แห่งที่ประกาศตัวเป็นเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมาย ได้แก่ เรือนจำจังหวัดนครสวรรค์,เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด,เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู,เรือนจำอำเภอเบตง,เรือนจำจังหวัดน่าน,เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม และเรือนจำเกาะสมุย   
“ปัจจุบันการซื้อขายยาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา สมัยก่อนเมื่อมีการซื้อขายยาเสพติดนักค้าจะหอบเงินและยามานัดเจอแลกเปลี่ยนยากัน แต่ปัจจุบันมีรูปแบบในการนำวิธีการโอนเงินผ่านทางแอพพลิเคชั่น รวมทั้งโอนเงินผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงินทุกแห่ง ซึ่งธนาคารทุกแห่งได้มีการติดประกาศว่าการเปิดบัญชีแทนกันผิดกฏหมาย แต่ในทางปฏิบัติไม่เป็นเช่นนั้นเพราะข้อเท็จจริงที่เราตรวจสอบพบว่าข้อมูลการโอนเงินมีการโอนเงินให้กันอยู่หรือมีการเปิดบัญชีแทนกันอยู่ ซึ่งปัญหาต่างๆจะต้องช่วยกันแก้ไขอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง” พ.ต.อ.สุชาติ กล่าว
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังได้กล่าวในงานเสวนาอีกว่า จากนี้ไปจะนำคำสั่งมาตรา 1212 ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาปรับใช้กับทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยที่ เมื่อเจ้าหน้าที่มีกระทำผิดผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย อย่างไรก็ดีในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก จากการตรวจค้นเรือนจำล่าสุดพบข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์ขนาดเล็กเท่ารีโมทรถยนต์ ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่ามีการลักลอบนำเข้ามาโดยการยัดใส่ช่องทวารหนัก ได้ถึง 4 เครื่อง เมื่อตนทราบเรื่องได้เร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลกวดขันเป็นพิเศษแล้ว
ด้าน นายณรงค์ ปรึกษา ปปส. กล่าวว่า การซื้อขายหรือสั่งยาเสพติดในคุกไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ทางสำนักงาน ปปส.ได้จัดประเภทของผู้กระทำความผิดเรื่องยาเสพติดออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กระทำความผิดในการลักลอบขนยาเสพติด และการสั่งยาเสพติดจากเรือนจำ ซึ่งการสั่งยาเสพติดจากเรือนจำนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ตนมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการเคลื่อนไหวของยาเสพติด ในส่วนเรื่องการแบ่งผู้ต้องหาว่าใครเป็นมาเฟียเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น สมัยก่อนแบ่งจากจำนวนยาหรือฤทธิ์ของยาเสพติด แต่ปัจจุบันแบ่งเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะผู้ต้องหาบางคนถูกจับกุมในจำนวนยาเสพติดที่ไม่มาก แต่มีเครือข่ายกว้างขวาง และเมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำก็จะเกิดระบบมาเฟียจำนวนมากรวมกันเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวเกิดจากนักโทษที่ถูกดำเนินคดียาเสพติด ซึ่งนักโทษกลุ่มนี้จะมีเงินจำนวนมาก แต่ขาดอิทธิพล เมื่อมารวมกลุ่มกับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ก่อคดีร้ายแรง นักโทษกลุ่มนี้จะมีอิทธิพลในเรือนจำเพราะต้องโทษร้ายแรง เมื่อรวมกลุ่มกันแล้วจะเกิดเครือข่ายมาเฟียที่ใหญ่มากในเรือนจำยากต่อการควบคุม   อย่างไรก็ตามทางสำนักงานปปส.พบว่าในจำนวนเรือนจำ 143 แห่ง ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ได้ตรวจค้นเรือนจำที่มียาเสพติดอยู่ 37 แห่งมีเรือนจำที่พบว่ามีการใช้โทรศัพท์ 52 แห่ง พบโทรศัพท์ 3,253 เครื่อง นอกจากนี้ทางสำนักงานปปส.ได้ดำเนินการยึดทรัพย์จำนวน 2,677 ราย มูลค่า 1,038 ล้านบาท.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th