วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผยมือถือจิ๋วระบาดหนัก มาเฟียคุกจ้างยัดก้นเข้าที่คุมขัง





อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยข้อมูลกลางงานเสวนาหัวข้อ "เปิดโปงมาเฟียคุก ค้ายานรก" ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่า ล่าสุดพบข้อมูลว่าโทรศัพท์มือถือขนาดเล็กเท่ารีโมทรถยนต์กำลังเป็นที่แพร่ระบาดในเรือนจำ โดยลักลอบนำเข้ามาด้วยการยัดใส่ช่องทวารหนัก
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 13 พ.ค. ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย  อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นายณรงค์ รัตนากูล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดการเสวนาในหัวข้อ เปิดโปงมาเฟียคุก ค้ายานรก โดยมีนายปกรณ์ พึ่งเนตร ผู้สื่อข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เป็นผู้ดำเนินรายการ ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากสนใจเข้าร่วมฟังการเสวนาในครั้งนี้
โดย พ.ต.อ.สุชาติ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า  เรือนจำในประเทศไทยมี 143 แห่ง จากข้อมูลสถิติพบว่าทุกเรือนจำมีตัวเลขนักโทษคดียาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งทุกแห่งมีนักโทษคดียาเสพติด ทำให้ทางเรือนจำต้องให้ความสำคัญและจับตามอง อย่างไรก็ตามได้มีเรือนจำทั้งหมด 7 แห่งที่ประกาศตัวเป็นเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมาย ได้แก่ เรือนจำจังหวัดนครสวรรค์,เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด,เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู,เรือนจำอำเภอเบตง,เรือนจำจังหวัดน่าน,เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม และเรือนจำเกาะสมุย   
“ปัจจุบันการซื้อขายยาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา สมัยก่อนเมื่อมีการซื้อขายยาเสพติดนักค้าจะหอบเงินและยามานัดเจอแลกเปลี่ยนยากัน แต่ปัจจุบันมีรูปแบบในการนำวิธีการโอนเงินผ่านทางแอพพลิเคชั่น รวมทั้งโอนเงินผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงินทุกแห่ง ซึ่งธนาคารทุกแห่งได้มีการติดประกาศว่าการเปิดบัญชีแทนกันผิดกฏหมาย แต่ในทางปฏิบัติไม่เป็นเช่นนั้นเพราะข้อเท็จจริงที่เราตรวจสอบพบว่าข้อมูลการโอนเงินมีการโอนเงินให้กันอยู่หรือมีการเปิดบัญชีแทนกันอยู่ ซึ่งปัญหาต่างๆจะต้องช่วยกันแก้ไขอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง” พ.ต.อ.สุชาติ กล่าว
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังได้กล่าวในงานเสวนาอีกว่า จากนี้ไปจะนำคำสั่งมาตรา 1212 ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาปรับใช้กับทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยที่ เมื่อเจ้าหน้าที่มีกระทำผิดผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย อย่างไรก็ดีในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก จากการตรวจค้นเรือนจำล่าสุดพบข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์ขนาดเล็กเท่ารีโมทรถยนต์ ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่ามีการลักลอบนำเข้ามาโดยการยัดใส่ช่องทวารหนัก ได้ถึง 4 เครื่อง เมื่อตนทราบเรื่องได้เร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลกวดขันเป็นพิเศษแล้ว
ด้าน นายณรงค์ ปรึกษา ปปส. กล่าวว่า การซื้อขายหรือสั่งยาเสพติดในคุกไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ทางสำนักงาน ปปส.ได้จัดประเภทของผู้กระทำความผิดเรื่องยาเสพติดออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กระทำความผิดในการลักลอบขนยาเสพติด และการสั่งยาเสพติดจากเรือนจำ ซึ่งการสั่งยาเสพติดจากเรือนจำนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ตนมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการเคลื่อนไหวของยาเสพติด ในส่วนเรื่องการแบ่งผู้ต้องหาว่าใครเป็นมาเฟียเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น สมัยก่อนแบ่งจากจำนวนยาหรือฤทธิ์ของยาเสพติด แต่ปัจจุบันแบ่งเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะผู้ต้องหาบางคนถูกจับกุมในจำนวนยาเสพติดที่ไม่มาก แต่มีเครือข่ายกว้างขวาง และเมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำก็จะเกิดระบบมาเฟียจำนวนมากรวมกันเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวเกิดจากนักโทษที่ถูกดำเนินคดียาเสพติด ซึ่งนักโทษกลุ่มนี้จะมีเงินจำนวนมาก แต่ขาดอิทธิพล เมื่อมารวมกลุ่มกับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ก่อคดีร้ายแรง นักโทษกลุ่มนี้จะมีอิทธิพลในเรือนจำเพราะต้องโทษร้ายแรง เมื่อรวมกลุ่มกันแล้วจะเกิดเครือข่ายมาเฟียที่ใหญ่มากในเรือนจำยากต่อการควบคุม   อย่างไรก็ตามทางสำนักงานปปส.พบว่าในจำนวนเรือนจำ 143 แห่ง ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ได้ตรวจค้นเรือนจำที่มียาเสพติดอยู่ 37 แห่งมีเรือนจำที่พบว่ามีการใช้โทรศัพท์ 52 แห่ง พบโทรศัพท์ 3,253 เครื่อง นอกจากนี้ทางสำนักงานปปส.ได้ดำเนินการยึดทรัพย์จำนวน 2,677 ราย มูลค่า 1,038 ล้านบาท.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น