วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ตั้งค่าหัวล่าแก๊งคาร์บอมบ์ “ลีการ์เดนท์” 1 ล้าน


จากเหตุการณ์คนร้ายลอบก่อวินาศกรรม คาร์บอมบ์และจยย.บอมบ์พร้อมกันหลายจุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งที่โรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า กลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ย่านการค้าในเขตเทศบาลนครยะลา และที่ ต.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บาดเจ็บอีกกว่า 500 ราย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากภาพกล้องวงจรปิด ภายในลานจอดรถโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิด เป็นภาพชายต้องสงสัย 2 คน เจ้าหน้าที่กำลังพลิกแผ่นดินไล่ล่าตัวอยู่ในขณะนี้ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
วันนี้(3 เม.ย.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลความมั่งคง ได้เดินทางลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและติดตามความคืบหน้าของคดี ระบุว่า จากการตรวจวัตถุพยานในที่เกิดเหตุพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดเอ็มโฟร์ ใช้สารแอมโมเนียไนเตรทผสมน้ำมัน บรรจุถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัมสองถัง ส่วนการสืบสวนเกี่ยวกับคนร้ายนั้นเจ้าหน้าที่กำลังหาเบาะแสของผู้ต้องสงสัยจากภาพกล้องวงจรปิด  โดยทั้งสองคนเป็นแนวร่วมที่มีประวัติอยู่แล้ว
รายงานจากชุดสืบสวนของ บช.ภ.9 และตำรวจภูธร จ.สงขลา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวสองคนร้ายที่ขับรถคาร์บอมบ์แล้ว ทั้งสองคนมีความเชี่ยวชาญในการก่อวินาศกรรมและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากประเทศที่สาม และลักษณะของคาร์บอมบ์ต้องการที่จะให้เกิดความสูญเสียมากที่สุด เนื่องจากจุดที่คนร้ายขับรถลงไปจอดบริเวณชั้นบี3 นั้นเป็นจุดกึ่งกลางบริเวณลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินทั้ง 5 ชั้น โดยต้องการที่จะให้แรงระเบิดกระจายในลักษณะของโดมิโน่ลุกลามไปติดรถยนต์คันอื่นๆ ส่วนรถเก๋งฮอนด้าซิวิคประกอบระเบิดในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมกับรถยนต์กระบะอีกคันที่เตรียมนำไปก่อเหตุที่ว่าการ อ.แว้ง จ.นราธิวาส แต่เกิดประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง เนื่องจากลักษณะการประกอบระเบิดใกล้เคียงกัน สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ นั้นมีอย่างน้อย 5 คน โดยในจำนวนนี้ที่เจ้าหน้าที่ทราบชื่อแล้วคือ นายสบาเฮ นายิง ชาว อ.สะบ้าย้อย และนายเจะมะ หรือไคโร หรือมาค่อม ยานิ ชาว อ.จะนะ ซึ่งมีหมายจับคดีลอบยิง นายสุนันท์  แก้วละเอียด นายช่างชลประทาน ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช  ผวจ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้ตั้งรางวัลนำจับสำหรับผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งสองคนๆ ละ 5 แสนบาท ขณะเดียวกันได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพ้นที่ เพื่อเดินหน้าฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่และหามาตรการรักษาความปลอดภัย โดยได้ขอให้ห้างร้านต่างๆปรับปรุงทางเข้าออกให้เหลือน้อยที่สุดซึ่งง่ายต่อการควบคุม และจัดเจ้าหน้าที่มาอบรม รักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการตรวจสอบยานพาหนะ  และกิจกรรมต่างๆที่จะจัดขึ้นในเร็วๆนี้เช่นเทศกาลสงกรานต์ก็ยังคงมีเหมือนเดิม ส่วนการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตนั้นจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติของครม.ในปี 2548 โดยผู้เสียชีวิตหรือเป็นข้าราชการรายละ5 แสนบาท ส่วนประชาชนรายละ 1 แสนบาท ผู้บาดเจ็บสาหัสรักษาตัวเกิน 20 วันจ่าย 5 หมื่นบาทหากน้อยกว่า20 วัน ก่อนจะลดหลั่นกันไป โดยในเบื้องต้นทางจังหวัดได้ช่วยเหลือให้กับผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้ง 337 คนไปแล้วรายละ 14,000บาท ส่วนกรณีของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน
ที่วัดศรีสว่างวงศ์ หรือวัดเกาะเสือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าฯ เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายโลเกียงโฮ ชาวมาเลเซียที่เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า ซึ่งเสียชีวิตพร้อมกับ นางยุพิน พุทธิมา ภรรยาชาวไทยซึ่งได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักเขต อ.สะเดา
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาภาคใต้ก็ต้องระวังอย่างมาก ทั้งการพูดคุยหรือเจรจา ซึ่งสถานการณ์ภาคใต้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เพราะเขาใช้ยุทธวิธีเลียนแบบการก่อการร้ายแบบกองโจร เขาต้องการท้าทายอำนาจรัฐเพื่อลบความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ และทำให้มีผลกระทบโดยรวม อยากขอให้สื่อช่วยติดตาม และนำเสนอผลงานการทำงานของทุกกระทรวงทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ประเทศชาติได้รับรู้ และอยากให้คน 2 ล้านคน 4 ล้านตา ช่วยกันจับจ้องก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้ เราจะต้องคิดให้ทันโจร ผมอยากประณามคนพวกนี้ว่ามันเลว มันฆ่าคนผู้บริสุทธิ์ ไม่สนใจว่าเป็นไทยพุทธ หรือ ไทยมุสลิม ซึ่งคนพวกนี้ใช้ไม่ได้ มันคือโจร มันเป็นสุนัขลอบกัด ส่วนงานด้านการข่าวเรารู้ ซึ่งไม่ใช่การข่าวเหมือนในภาพยนตร์ เรารู้แต่เพียงคร่าว ๆ ว่าเขาจะทำตรงนั้นตรงนี้ แต่ไม่สามารถระบุความชัดเจนได้ และงานด้านการข่าวก็ไม่ได้สร้างภายในวันสองวัน ซึ่งที่ผ่านมาแหล่งข่าวของเราก็ถูกทำลายไปเยอะวันนี้เราก็กำลังสร้างขึ้นมาใหม่อีก 
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ชี้แจงกรณีเสนอข่าวว่าตนเอง ไปเจรจากับ แกนนำ บีอาร์เอ็น ว่า เรื่องที่มีการนำเสนอข่าวเป็นเรื่องที่ไม่มีความเป็นจริง ที่ผ่านมาตนเดินทางไปพบ กลุ่มคนหลายฝ่าย ทั้งในประเทศและในประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ใช่แกนนำของ บีอาร์เอ็นฯ อย่างที่เป็นข่าว ที่มาเลเซียตนไปพบกลุ่ม ต้มยำกุ้ง” ซึ่งเป็นคนใน 3 จังหวัด ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารในมาเลเซีย เพื่อช่วยเหลือ ให้ทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะมีจำนวนมากที่เข้าไปอยู่ไม่ถูกต้อง ส่วนในพื้นที่ มีการพบปะพูดคุยกับ ผู้นำกลุ่มต่างๆ เพื่อทราบปัญหาที่จะต้องแก้ไข แต่ไม่มีการพูดคุยกับ แกนนำ ของ บีอาร์เอ็นฯ และที่มีข่าวว่า มีการตั้งนายนัจมุดดีน อูมา อดีต สส.พรรคเพื่อไทยเป็นที่ปรึกษา ก็ไม่เป็นความจริง ตั้งแต่มารับตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต. ยังไม่มีการแต่งตั้งใครเป็นที่ปรึกษาแม้แต่คนเดียว 

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น