วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

มท.1 ลั่นหน้าที่พ่อเมืองพิจารณากำหนดพื้นที่รับน้ำนอง


วันนี้ ( 27 มี.ค.) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณที่ประชุมกล่าวถึงการพิจารณากำหนดพื้นที่รับน้ำนองที่ระบุให้ผวจ.ส่งรายงานมาภายใน 15 วัน ว่า กรณีการประชุมผู้บริหารจังหวัดพื้นที่รับน้ำนองนั้น ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับ รมว.เกษตร รมว.ทรัพย์ และรมว.วิทยาศาตร์ ซึ่งการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองควรจะเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่นห้วย หนอง คลอง บึง อาทิ บึงบอระเพ็ด เพื่อไม่ให้ไปกระทบกับพื้นที่ของประชาชนและเกษตรกรมากนัก และหากมีประชาชนเดือดร้อนก็ต้องไปดูแลในเรื่องของเยียวยาชดเชยให้ ส่วนการกำหนดพื้นที่ เป็นเรื่องที่ผวจ.จะต้องไปกำหนด เพื่อนำเสนอกลับมาที่ตนและจะได้นำเสนอกอยน.ต่อไปเพื่อให้ความเห็นชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อช่วงเช้านายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาระบุว่าการมอบให้ผวจ.เป็นผู้กำหนดพื้นที่ ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรู้สึกหนักใจ อาจมีปัญหา เพราะไม่มีความรู้เพียงพอ เนื่องจากต้องใช้เทคนิคพิเศษในการกำหนดพื้นที่ รมวงมหาดไทย กล่าวว่า ผวจ.ไม่ได้ไปกำหนดด้วยตัวเอง เพราะต้องไปหารือกับเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ ทรัพยากรธรรมชาติจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมกันพิจารณากำหนดพื้นที่ด้วย ไม่ใช่ผวจ.ต้องไปกำหนดเองมีตัวแทนของแต่ละกระทรวงอยู่แล้วไม่น่ามีปัญหา ซึ่งต้องทำตามนโยบายรัฐบาล และไม่ใช่เป็นการโยนภาระให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นหน้าที่เป็นความรับผิดชอบ ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนของผวจ. จะให้ส่วนกลางเป็นผู้กำหนดเองไม่ได้ เพราะส่วนกลางก็ไม่ทราบ จะไปรู้ตื้นลึกหนาบางได้มากกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดได้อย่างไร   เพราะผวจ.เป็นตัวหลักในพื้นที่ รู้ข้อมูลปัญหาของพื้นที่ดีอยู่แล้ว  จะไปปัดความรับผิดชอบแบบนั้นไม่ได้
 
“หน้าที่ของผวจ.จะต้องเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานอื่นเพื่อนร่วมกันแก้ไขปัญหาและปัญหาน้ำท่วมก็ต้องรับผิดชอบกับหมอกควัน อย่ามาบอกว่าเป็นเรื่องของส่วนกลางไม่ได้”นายยงยุทธ กล่าวว่า
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นายประชาอ้างว่าหากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดพื้นที่อาจทำได้ไม่ดี รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ดีไม่ดีเป็นเรื่องของประสิทธิภาพของผวจ.เป็นเรื่องการเอาใจใส่ที่ต้องมีการประเมินผลการทำงา.น

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ม็อบรถตู้ปิดถนนโวยใบสั่ง 2 พัน


วันนี้(27 มี.ค.)นายสมมาตร บุญยอ แกนนำรถตู้สายมีนบุรี - หมอชิตใหม่ (ต.16) ได้นำกลุ่มรถตู้ประมาณ 40 คัน มารวมตัวกันบนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเจเจ มอลล์ เขตจตุจักร เพื่อประท้วงกรมการขนส่งทางบก และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ระบุว่าพวกตนถูกเจ้าหน้าที่ออกใบสั่งข้อหาวิ่งรถผิดเส้นทาง ต้องเสียค่าปรับใบละ 2,000 บาท ทั้งที่ตน และคนขับรถอื่นๆ  ได้วิ่งในเส้นทางดังกล่าวมาประมาณ 10 ปี มีใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย ต่อมามีกลุ่มนายทุนนำรถตู้ 70 คัน จดทะเบียนกับกรมฯ  เพื่อขอวิ่งในเส้นทางเดียวกัน  และได้ร้องเรียนว่า ตนกับพวกวิ่งทับเส้นทาง ทำให้ถูกกรมฯ  จับกุมบ่อยครั้ง และอ้างว่านายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม ให้มาจับ  พวกจึงต้องออกมารวมตัวกัน และขอความชัดเจนในประเด็นนี้ อย่างไรก็ตามกลุ่มรถตู้ใช้เวลาชุมนุมแสดงพลังอยู่นาน 15 นาที ก็แยกย้ายกันไป
  นายจารุพงศ์  เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก  ตรวจจับรถตู้ผิดกฎหมายนั้น  ไม่ถือว่าเป็นนโยบาย แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ หากไม่ดำเนินการ จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่  เพราะทุกอย่างต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จะละเว้นไม่ได้ กรณีที่เกิดข้นต้องถามว่ารถตู้ดังกล่าวที่ออกมาวิ่งนั้น ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ หากดำเนินการไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งตนพร้อมให้กับสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างถูกต้องด้วย ด้านนายโอภาส เพชรมุณี  ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากรถสาย ต.16 วิ่งจากมีนมุรี - หมอชิต หลังจากผ่านถนนวิภาวดี แล้วจะต้องวิ่งอ้อมเข้าไปหลังตลาดนัดจตุจักร แต่รถดังกล่าว มาวิ่งด้านหน้าตลาดนัดจตุจักร จึงทำให้ไปวิ่งทับซ้อน กับเส้นทาง ต.15  มีนบุรี - จตุจักร  - ด้านตลาดนัดจตุจักร  จึงทำให้ผู้ประกอบการเส้นทาง ต.15 แจ้งเจ้าหน้ากรมการขนส่งจับกุมเอาผิด เพราะไปวิ่งผิดเส้นทางดังกล่าว.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ปปส.งัดกฏหมายให้รางวัลนำจับซูโดอีเฟดรีน


วันนี้( 27 มี.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดินแดง กทม.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการป.ป.ส.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า. ที่ผ่านมามีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติดว่า ผู้ที่นำความเข้าแจ้งจนมีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อม ซูโดอีเฟดรีน นั้นจะเป็นผู้มีสิทธิรับเงินสินบนเงินรางวัลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด พ.ศ.2537 โดยมีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลในอัตราตามที่ประกาศกระทรวงยุติธรรมเรื่องกำหนดอัตราการจ่ายเงินสินบนรางวัลคดียาเสพติด พ.ศ.2549กำหนดไว้โดย ซูโดอีเฟดรีน มีอัตราการจ่ายคิดตามปริมาณสารบริสุทธิ์ที่ได้มีการตรวจพิสูจน์จากสถานตรวจพิสูจน์ในอัตราละกรัมละ 3 บาท และต้องเป็นการดำเนินคดีตาม พรบ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท 2518 (วัตถุออกฤทธิ์ประเภท2) ไม่ใช่ดำเนินคดีตาม พรบ. ยา พ.ศ.๒๕๑๐ โดยในการจับกุมต้องมีการสืบสวนให้ได้ความว่าผู้ถูกจับกุมมีวัตถุประสงค์จะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหรือไม่
ดังนั้นเมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดของกลาง (ซูโดอีเฟดรีน) บุคคลที่ไม่ใช้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในคดียาเสพติดซึ่งได้แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมจะมีสิทธิได้รับเงินสินบน  ส่วนผู้จับกุมจะได้รับเงินอีกส่วนหนึ่งเรียกว่าเงินรางวัลในการจับกุมดังกล่าว เลขาธิการป.ป.ส.กล่าว.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

บึ้มสนั่นโรงงานพลุแก่งคอยระเบิดยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้


วันนี้ ( 27 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แก่งคอย จ.สระบุรี รับแจ้งเหตุไฟไหม้โรงงานพลุของบริษัทแปซิฟิก ไทโร ใน ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ชลิต  ปรีชาหาญ  ผบก.ภ.จว.สระบุรี นายชโลธร ผาโคตร รองผวจ.สระบุรี พร้อมประสานรถดับเพลิงในพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตพรุและดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ พบเพลิงกำลังลุกไหม้โกดังเก็บพรุ 4 โกดัง สลับกับเสียงระเบิดเป็น ระยะ ๆเจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้เพื่อไม่ให้ลุกลามไปโกดังข้างเคียง โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ขณะเดียวกันได้ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ลุกลามบ้านพักคนงาน ที่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต  พร้อมประกาศกันพื้นที่ในรัศมี 3 กิโลเมตร ส่วนความคืบหน้าเดลินิวส์ออนไลน์จะนำเสนอให้ทราบต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th 

สุริยัน พลาดยก 3 จบเห่ เข็มขัดกระเด็น




  “เจ้าไมค์” สุริยัน ศ.รุ่งวิสัย ขึ้นสังเวียน ป้องกันแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (115 ปอนด์) สภามวยโลก(WBC) กับ โยตะ ซาโตะ ผู้ท้าชิงรองอันดับ 3 ชาวญี่ปุ่น   เมื่อ 27 มี.ค.  ที่ผ่านมา ที่โครักคูเอ็นฮอลล์ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดฉากการชก 2 ยกแรก ซาโตะ ผู้ท้าชิงที่สูง 171 ซม. สูงกว่าแชมป์โลกชาวไทยถึง 10 ซม. คอยคุมจังหวะดักชก ดักแย็บ ขณะที่ สุริยัน พยามโยกหลอกหาจังหวะเข้าต่อยระยะใกล้ แต่ ซาโตะ หนีเร็วไล่ไม่ทัน ขึ้นยก 3 จังหวะที่พยายามเบียดเข้าต่อย สุริยัน พลาดโดนหมัดขวาตรง แล้วถูกซ้ำอีกชุด ทรุดไปให้กรรมการนับ 8 พอลุกขึ้นมา ก็พยายามเดินลุยแลกหมัดหวังเรียกคะแนนคืน แต่พลาดโดนบวกหมัดร่วงถูกนับ 8 อีกครั้ง
  ยก 4 สุริยัน พยายามเดินลุยอัดลำตัว แต่โดย ซาโตะ ใช้ช่วงชกที่ยาวกว่าดักชกได้หมายหมัด ยก 5-6 สุริยัน เดินบี้อัดลำตัวสลับใบหน้าได้ดี จน ซาโตะ ทำท่าอ่อนออกอาการ แต่ยก 7 กลับมาโดนดักต่อยจากวงนอกหน้าหงายอีก จากนั้นยก 8 ต้นชก ซาโตะ ดักต่อยได้สวย ๆ แต่ปลายยก โดน สุริยัน อัดจนอ่อน ยก 9-10 ซาโตะ มาฮึดแลกด้วย กัดฟันต่อยตามเสียงเชียร์ เล่นเอา สุริยัน โดนไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็บวกหมัดสู้ตลอด
  ยก 11-12 สุริยัน พยายามเดิบบดเดินบี้ อัดลำตัวสลับใบหน้า แต่ ซาโตะ ก็คอยบวกหมัดโต้ได้ตลอด แลกกันดุเดือดท่ามกลางเสียงเชียร์ ซาโตะ จากแฟนมวยเจ้าถิ่นกระหึ่ม ครบ 12 ยก กรรมการรวมคะแนนให้ ซาโตะ ชนะคะแนน เป็นเอกฉันท์ได้เป็นแชมป์โลกคนใหม่ในรุ่นนี้ทันที พร้อมร่ำให้ด้วยความดีใจหลังจากทราบผลการชก

  สำหรับการให้คะแนนของกรรมการ 3 คน แจ บอง คิม จากเกาหลีใต้ ให้ ซาโตะ ชนะ  114-112 คะแนน, เรนาเต้ แดนซิโก้ จากฟิลิปปินส์ ให้ ซาโตะ ชนะ 116-110 และ มาตี้ แซมม่อน จากสหรัฐ ให้ ซาโตะชนะ 114-112 โดย “เสี่ยฮุย” นายสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ผู้จัดการนักชกไทย เผยว่า จะสนับสนุนให้ สุริยัน สู้ต่อไป เพราะมี 2 อ็อปชั่นให้แก้มือ และครั้งนี้ สุริยัน ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว เพียงแต่วันนี้โชคไม่ได้อยู่ข้างเรา
ด้าน สุริยัน ที่กลายเป็นอดีตแชมป์โลกกล่าวว่า หมัดขวาของ ซาโตะ ไม่หนักมาก เพียงแต่ตนพลาดไปโดนจัง ๆ เท่านั้น และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกมการชกเปลี่ยน แต่ก็ยอมรับว่า ซาโตะ เป็นนักชกที่เก่งที่สุดที่จนเคยเจอมา ขณะที่ ซาโตะ เผยว่าดีใจที่สุดที่ล้มแชมป์โลกที่เก่งมากอย่าง สุริยัน ได้ และขอมอบชัยชนะให้พี่น้องชาวญี่ปุ่นทุกคน โดยเฉพาะผู้ประสบภัยสึนามิ ซึ่งบ้านเกิดของตนก็ได้รับภัยสึนามิด้วย

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

กู้ "มะพร้าวไทย" ก่อนวิกฤติ - บอกกล่าวเล่าขาน





ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมการระบาดศัตรู พืช กรมส่งเสริมการเกษตร  รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของศัตรูมะพร้าวว่า ขณะนี้ศัตรูมะพร้าวได้แพร่ระบาดทำลายพื้นที่ปลูกมะพร้าวรวมกว่า 253,160.75 ไร่ ใน 19 จังหวัด โดยเฉพาะ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสียหายค่อนข้างมาก ถึง 193,468 ไร่ โดยแบ่งตามชนิดของแมลงศัตรูมะพร้าว คือ แมลงดำหนามระบาดคลุมพื้นที่กว่า 110,681 ไร่ หนอนหัวดำ 82,617 ไร่ และด้วงแรด 170 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวประสบภัยแล้งติดต่อกันถึง 3 ปี ทำให้ต้นมะพร้าวอ่อนแอต่อการทำลายของศัตรูมะพร้าว
นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการเกษตรได้ประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดความรู้เรื่องการควบคุมศัตรูมะพร้าวให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่องซึ่งในปี 2555 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำ “โครงการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าวแบบครอบคลุมพื้นที่” ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 333,806,400 บาท เบื้องต้นมีแผนจัดตั้ง ศูนย์บริหารศัตรูพืช จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้การควบคุมศัตรูมะพร้าวในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ ขณะเดียวกันยังเร่งพัฒนาเจ้าหน้าที่ 150 คน ให้มีความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าวและการป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าวด้วย นอกจากนั้นยังจัดตั้ง ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.)จำนวน 109 ศูนย์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและชุมชนในการจัดการศัตรูพืชได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ
ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนนี้ จะเป็นกลไกขับเคลื่อนมาตรการการจัดการศัตรูมะพร้าวโดยจะฝึกอบรมเรื่องการผลิตและการจัดการศัตรูมะพร้าวแก่สมาชิก ศจช. เป้าหมาย 3,270 ราย จัดทำแปลงต้นแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าวและควบคุมศัตรูมะพร้าว 109 แปลง ๆ ละ 5 ไร่ เพื่อเป็นแหล่งในการสาธิตการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ทั้งยังจัดทำแปลงศึกษาทดสอบเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าว รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตและการดูแลรักษา
กรมส่งเสริมการเกษตรยังมีแผนเร่งผลิตขยายศัตรูธรรมชาติเพื่อป้องกันกำจัดหนอนหัวดำ และแมลงดำหนาม รณรงค์ให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการตัดวงจรชีวิตแมลงศัตรูมะพร้าวในพื้นที่ เพื่อลดปริมาณศัตรูมะพร้าวอย่างรวดเร็วและฉับพลัน อีกทั้งยังจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษทำหน้าที่ควบคุมป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าว และถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรในพื้นที่ที่มีการระบาด เดือนละ 1 ครั้ง มีการสร้างระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศ โดยจัดทำข้อมูลและแผนที่พื้นที่ระบาด พื้นที่เฝ้าระวังเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจในการควบคุมศัตรูมะพร้าวให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวด้วย
นางเริงจิตร พรหมสถิต ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวควรดูแลสวนอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ สามารถที่จะปลูกพืชแซมในสวนมะพร้าว เพื่อเพิ่มความชื้นให้บริเวณแปลงมะพร้าว ซึ่งจะทำให้ต้นมะพร้าวสมบูรณ์แข็งแรง ทั้งยังต้องสำรวจติดตามสถานการณ์การระบาดในแปลงอย่างต่อเนื่อง หากพบศัตรูมะพร้าวระบาดในแปลงให้แจ้งสำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อจะได้ดำเนินการป้องกันกำจัดทันที
หากสงสัยเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันและกำจัดศัตรูมะพร้าว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมการระบาดศัตรูพืช กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 0-2955-1626 หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน.

แหล่งที่มาของข้อมูล www.dailynews.co.th     

อนุรักษ์พันธุ์ ข้าวโพดตักหงาย - นานาสารพันธุ์


ข้าวโพดตักหงาย เป็นข้าวโพดข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดเลย เกษตรกรนิยมปลูกกันมากในพื้นที่สูงโดยเฉพาะ อ.ภูเรือ อ.ด่านซ้าย และ อ.นาแห้ว  มีบางส่วนปลูกอยู่ใน อ.ท่าลี่ และ อ.เมือง รวมประมาณ 2,000 ไร่ ซึ่งข้าวโพดพันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือ เมล็ดมีสีม่วง กลิ่นหอม เหนียวนุ่มและเคี้ยวไม่ติดฟันจึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วไป ปัจจุบันข้าวโพดตักหงายถูกปนเปื้อนสายพันธุ์และกลายพันธุ์ เพราะเกิดการผสมข้ามกับพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  และข้าวโพดเทียนพันธุ์อื่น ๆ ที่เกษตรกรนำมาปลูกในพื้นที่มากขึ้น ประกอบกับเกษตรกรได้เก็บพันธุ์ไว้ปลูกเองโดยไม่มีการคัดเลือกพันธุ์ ทำให้ลักษณะเด่นของข้าวโพดตักหงายเปลี่ยนไป เช่น สีเมล็ดเปลี่ยนเป็นสีขาวและแข็งขึ้น  รสชาติและความหอมไม่เหมือนเดิม ปริมาณผลผลิต คุณภาพและการรับประทานลดลงด้วย
ฉะนั้นพันธุ์ข้าวโพดตักหงายที่เกษตรกรปลูกในขณะนี้จึงไม่ใช่สายพันธุ์แท้ ศูนย์วิจัยพัฒนาการเกษตรเลย จึงได้ทำ “โครงการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดตักหงายสายพันธุ์แท้และให้ผลผลิตสูง” เพื่อคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดตักหงายสายพันธุ์แท้และพันธุ์ดี ให้ได้สายพันธุ์ที่มีผลผลิตสูง และเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวโพดตักหงายซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นไม่ให้สูญหายไป โดยรวบรวมพันธุ์ข้าวโพดตักหงายพันธุ์พื้นเมืองจากแปลงเกษตรกรหลายพื้นที่ พร้อมกับทำการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ด้วย ปัจจุบันอยู่ระหว่างปลูกทดสอบพันธุ์ชั่วรุ่นที่ 6 โดยมีเป้าหมายปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวโพดตักหงายให้มีลักษณะใกล้เคียงกับพันธุ์ดั้งเดิมมากที่สุด หรือได้สายพันธุ์แท้ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์หลักของข้าวโพดตักหงาย  คาดว่าจะได้เทคโนโลยีในการปลูกข้าวโพดตักหงายเพื่อการค้าด้วย

ข้าวโพดตักหงายมีอายุออกดอก 52-90 วัน ขึ้นอยู่กับระบบการจัดการของเกษตรกร โดยจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อเมล็ดข้าวโพดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง  20%หรือหลังออกดอกตัวเมียได้ 20 วัน จะได้ผลผลิต จำนวน  2-6 ฝักต่อต้น ราคาจำหน่ายหน้าสวน 7-10 บาทต่อ 20 ฝัก เกษตรกรจะมีรายได้ประมาณ 2-4 หมื่นบาทต่อไร่ เมื่อเทียบกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้วรายได้จากการขายข้าวโพดตักหงายจะสูงกว่าและสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ง่ายกว่าด้วยสนใจข้อมูลเกี่ยวกับ “ข้าวโพดตักหงาย” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย  โทร. 0-4280-4409, 0-4280-4357  เวลาราชการ.

แหล่งที่มาของข้อมูล www.dailynews.co.th