วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

ส่งนักบินป่่วนให้เอฟบีไอคุมตัวสอบ


วันนี้ (28 มี.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า นักบินซึ่งถูกคุมตัวไว้ได้ขณะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาบนเที่ยวบินในประเทศของสหรัฐ อ้างว่า มีภัยอันตรายจากกลุ่มก่อการร้าย “อัล-กออิดะห์” และเครื่องบินกำลังถูกขู่วางระเบิดนั้น ขณะนี้ตัวนักบินอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ (สำนักงานสืบสวนสอบสวนแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐ)แล้ว
นายเดฟ บาร์เกอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารและประธานบริษัท สายการบินเจ็ทบลู ให้สัมภาษณ์รายการ “ทูเดย์ โชว์” ทางสถานีเอ็นบีซีว่า ตัวนักบินผู้ก่อเหตุวุ่นวายขึ้นบนเครื่องบินโดยสารของสายการเจ็ทบลู เที่ยวบิน 191 จากนิวยอร์ก สู่จุดหมายปลายทางที่ลาสเวกัสนั้น ได้ถูกส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากในระดับความสูง 35,000 ฟุต หรือ 10,000 กิโลเมตรจากพื้นดิน ทั้งผู้โดยสาร ลูกเรือ ทุกคนต่างทำงานร่วมมือกันอย่างดี จนทุกอย่างเรียบร้อย
ความเห็นของประธานบริษัทสายการบินเจ็ทบลูมีขึ้น หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กับเที่ยวบินของสายการบินเจ็ทบลู จากนิวยอร์ก ไปยังลาสเวกัส ต้องเปลี่ยนมาร่อนลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเมืองอมาริลโล รัฐเท็กซัส เพราะนักบินตะโกนเสียงดังโวยวายในห้องนักบินเกี่ยวกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นนอกห้องนักบิน ทั้งอันตรายจากกลุ่มก่อการร้าย “อัล-กออิดะห์” และ การขู่วางระเบิดเครื่องบินลำนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ทางบริษัทจะเป็นผู้สอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐในด้านการบินพลเรือนมาร่วมสอบสวนด้วย
รายงานข่าวระบุว่า นักบินที่ก่อเหตุวุ่นวายนั้นเป็นกัปตันควบคุมเครื่องลำดังกล่าวด้วย เดินออกจากห้องนักบินเพื่อไปเข้าห้องน้ำ และ เมื่อเขาออกมา เขาก็ตะโกนว่า “อิรัก อัล-กออิดะห์ การก่อการร้าย เครื่องบินเรากำลังจะตก”
มีการถ่ายคลิปภาพเหตุการณ์ช่วงนั้น ที่เกิดขึ้นด้านหน้าห้องนักบิน ไปเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ในสหรัฐด้วย ผู้โดยสารชายหลายคนรีบเข้าไปช่วยคุมตัวกัปตัน ซึ่งยังคงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
โชคดีที่มีนักบินอีกคนหนึ่งของสายการบินนี้ แต่ออกเวรและเดินทางมาด้วยในฐานะผู้โดยสาร ได้เข้าไปช่วยแก้ไขสถานการณ์ ร่วมทำหน้าที่ขับเครื่องบินเพื่อนำลงจอดที่สนามบินเมืองอมาริลโล ส่วนตัวนักบินผู้ก่อเหตุ ก็ถูกนำตัวมัดติดกับเก้าอี้นั่ง แล้วส่งยังโรงพยาบาลท้องถิ่นเพื่อตรวจดูอาการเบื้องต้น.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

คลิป โดนห่านโจมตี


คุณคิดว่าห่านเป็นสัตว์ดุร้ายหรือไม่??
หลังจากได้ดูคลิป คุณอาจต้องระมัดระวังสัตว์ชนิดนี้มากขึ้น หากไปพบเจอเข้า เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่ง ต้องการเดินไปหยิบกระเป๋าบนพื้นบริเวณที่ห่านตัวหนึ่งยืนอยู่ เแต่ห่านไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น กลับแสดงความโกรธเกรี้ยวเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของกระเป๋า และตรงเข้าทำร้ายชายหนุ่มผู้น่าสงสาร แม้ชายในคลิปจะพยายามใช้ม้วนกระดาษในมือไล่ ห่านก็ยังไม่เกรงกลัว จนท้ายที่สุดหยิบกระเป๋าได้แล้ว และเดินหันหลังหนี ห่านก็ยังวิ่งไล่ตาม ไม่ยอมให้ผ่านไปง่ายๆ
ไม่รู้ว่าชายคนนี้เคยทำอะไรให้เจ้าห่านเจ็บช้ำน้ำใจอย่างหนักหรือเปล่า ถึงได้แสดงอาการดุร้ายใส่อย่างนี้ แหม! แต่อยากบอกคนที่ถ่ายคลิปนี้จริงๆ ว่า หากตัวเองเป็นคนถูกห่านโจมตีบ้าง จะหัวเราะออกแบบนี้หรือเปล่า!!

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ยุ่นแขวนคอประหารชีวิตนักโทษเป็นครั้งแรกในรอบ2ปี



วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2555 เวลา 10:45 น.
วันนี้ ( 29 มี.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า ทางการญี่ปุ่นลงโทษประหารชีวิตนักโทษ 3 คนด้วยการแขวนคอ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 ปี และถือเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเห็นชอบให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดโดยการประหารชีวิต

สำหรับการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอครั้งล่าสุดในญี่ปุ่นนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค. 2553 โดยนางเคอิโกะ ชิบะ รมว.กระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นอนุมัติให้มีการประหารชีวิตนักโทษ 2 คนด้วยการแขวนคือ ได้แก่ นายคาสึโอะ ชิโนะซาวะ วัย 59 ปี ผู้ต้องหาคดีจุดไฟเผาร้านเพชร จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ และนายฮิเดโนริ โอกาตะ วัย 33 ปี ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมผู้ชาย 1ศพ ผู้หญิง 1ศพ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย
ขณะที่ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีนักโทษประหารกว่า 100 คน โดยส่วนใหญ่นักโทษคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง หรือสังหารหมู่จะถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ในจำนวนนี้รวมถึงนายโชโกะ อาซาฮาระ ผู้นำลัทธิ “โอม ชินริเกียว”ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวินาศกรรมปล่อยก๊าซพิษซารินในสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว เมื่อปี 2538 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 6,000 ราย

ทั้งนี้ นอกจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศอุตสาหกรรมรายใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ยังคงมีบทลงโทษประหารชีวิตที่ได้รับการต่อต้านครั้งแล้วครั้งเล่า จากประเทศในแถบยุโรป และกลุ่มนักสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นจะไม่ประหารชีวิตนักโทษระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. ถึง 3 ม.ค. เพราะถือเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงช่วงสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“โสมแดง”เริ่มบรรจุเชื้อเพลิงลงจรวดแล้ว


วันนี้ ( 29 มี.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า เกาหลีเหนือเริ่มบรรจุเชื้อเพลิงลงจรวดแล้ว ซึ่งชาติมหาอำนาจตะวันตกเชื่อว่า เป็นการอำพรางแผนการทดสอบขีปนาวุธ

แหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลเปียงยางรายหนึ่งเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้สูง ที่การปล่อยจรวดจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 13 เม.ย. นี้ นอกจากนี้ แหล่งข่าวด้านการทูตอีกรายยืนยันว่า ทางการเกาหลีเหนือได้เคลื่อนย้ายฐานยิงปล่อยจรวดไปยังเขต ตงชาง-รี ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นไปตามคำประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และถือเป็นการบอกปัดข้อเรียกร้องของประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ที่ต้องการให้มีการยกเลิกแผนการดังกล่าว พร้อมทั้งกล่าวหาว่า ผู้นำสหรัฐมีเจตนาต้องการเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลวอชิงตันจึงระงับแผนความช่วยเหลือด้านอาหารแก่เกาหลีเหนือ โดยระบุว่า รัฐบาลเปียงยางละเมิดข้อตกลงที่เคยทำร่วมกัน นอกจากนี้ บรรดาชาติมหาอำนาจตะวันตกอื่นๆ และประเทศเพื่อนบ้านของเกาหลีเหนือ ต่างออกมาเรียกร้อง ให้เกาหลีเหนือยกเลิกแผนส่งจรวด ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า คือขั้นตอนเริ่มต้นในการทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธ.


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

“สเตราส์-คาห์น”ขอใช้สิทธิ์ทางการทูตสู้คดี


วันนี้ ( 29 มี.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า คณะทนายความของนายโดมินิค สเตราส์-คาห์น อดีตผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ ) ยกประเด็น“ความคุ้มกันทางการทูต” เพื่อสู้คดี ระหว่างการไต่สวนคดีแพ่งที่นาย สเตราส์-คาห์น ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนแม่บ้านของโรงแรมโซฟิเทล นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ปีที่แล้ว

คณะทนายความนำโดยนาย อามิท เมห์ทา นายวิลเลียม เทย์เลอร์ และนายฮิวจ์ แคมป์เบล ขึ้นว่าความให้กับนายสเตราส์-คาห์น ผู้ตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว ในการพิจารณาคดีเป็นครั้งแรก ที่ศาลฎีกาเขตบร็องซ์ ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษา ขอให้ยกฟ้องคดีนี้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุนายสเตราส์-คาห์น ยังคงได้รับความคุ้มกันทางการทูต เช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรระหว่างประเทศ และนักการทูตทั้งหลายพึงมี

แต่นายดักลาส วิกดอร์ ทนายความของนางนาฟิสซาตู ดิอัลโล แม่บ้านของโรงแรมโซฟิเทล นิวยอร์ก ในฐานะโจทก์ผู้ยื่นฟ้อง กล่าวแย้งว่า ความคุ้มกันพิเศษที่ว่านั้นไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากนายสเตราส์-คาห์น เดินทางมานิวยอร์กโดยส่วนตัว ไม่ได้มาเพื่อปฏิบัติภารกิจใดๆให้กับไอเอ็มเอฟ

อย่างไรก็ตาม แม้ศาลอาญาจะมีคำสั่งยกฟ้องในคดีเดียวกัน เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ แต่นางดิอัลโล ยังคงยื่นฟ้องอดีตผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟรายนี้ในคดีแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ขณะที่นายสเตราส์-คาห์น ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาโดยตลอด

ทั้งนี้ คณะอัยการฝรั่งเศสประจำเมือง ลีลล์ ตั้งข้อหามีส่วนพัวพันในเครือข่ายค้าประเวณีข้ามชาติ ต่อนายสเตราส์-คาห์น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะได้รับการประกันตัว แต่หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจต้องโทษจำคุกถึง 20 ปี.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ตร.บุกค้นรังเครือข่ายยาเสพติด-แก๊งลักรถ


วันนี้ (28 มี.ค.) พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ พร้อมด้วย นายไมตรี วิริยะ ผอ.ปปส.ภาค 6 พ.ต.ท.จิระศักดิ์ มหึเมือง รอง ผกก.ปป.สภ.เมือง จ.นครสวรรค์ พร้อมตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดนครสวรรค์ กว่า 40 นาย กระจายกำลังนำหมายค้นจากศาลจังหวัดนครสวรรค์ เดินทางเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย 5 จุด ที่คาดว่าเป็นแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะคีรี
จากการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่กลางท้องนาขนาด 1 ไร่ ที่บริเวณหมู่ 8 พบตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลงเป็นบ้าน มีรถยนต์ 3 คัน จอดอยู่ด้านหน้า ส่วนในตู้คอนเทนเนอร์ พบหญิงสาวอายุ ต่ำกว่า 20 ปี 3 คน อยู่ภายใน ตรวจค้นพบยาบ้า 12 เม็ด และยาไอซ์ 1 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ ขณะที่ภายในรถเก๋ง วอลโว่ สีนำเงิน ทะเบียน กท 9644 นครสวรรค์ พบปืน 2 กระบอก เครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์ ไขขวง สายไฟ กว่า 20 ชิ้น หมวกตำรวจระบุชื่อ จ.ส.ต.สมบูรณ์ เที่ยงแจ้ง และบัตรตำแหน่งงานประจำตัว 3 ใบ ของนายวินัย พูนมา อายุ 50 ปี บัตรหัวหน้าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง บัตรประจำตัวผู้ตรวจสอบขององค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และบัตรประจำตัวของกองบัญชาการตำรวจนครบาล
จากการการสอบสวนทราบว่า เจ้าของสถานที่ คือ นายวินัย ซึ่งได้เดินทางไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ขณะที่การตรวจค้นจุดต้องสงสัยอื่นที่เหลือ ปรากฏว่า ไม่พบเจอเจ้าของ รวมถึงยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด พบเพียงผู้ดูแล และรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้ จุดละ 2 คัน จึงยึดไว้ตรวจสอบ

พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ เปิดเผยว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยทั้ง 5 จุด ในพื้นที่ ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะคีรีในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 3 สามารถจับกุมแก๊งขบวนการจารกรรมรถยนต์รายใหญ่ได้ และได้สอบสวนขยายผล จนทราบว่า แก๊งดังกล่าวมีเครือข่ายอยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จิระศักดิ์ ร่วมสืบสวนกับเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 6 ส่งสายลับเข้าพื้นที่ไปสืบหาข่าว จนในที่สุดทราบว่า เครือข่ายแก๊งนี้ นอกจากจะเป็นแก๊งโจรกรรมรถยนต์แล้ว ยังมีพฤติการลักลอบค้ายาเสพติดด้วย จึงได้ขอหมายค้นจากศาล และนำกำลังเข้าตรวจค้น ส่วนการพบหมวกตำรวจของ จ.ส.ต.สมบูรณ์ ภายในรถเก๋งนั้น ตรวจสอบแล้วทราบว่า เป็นตำรวจอยู่ในท้องที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งจะส่งเรื่องไปยังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ให้ตรวจสอบต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า กลุ่มเครือข่ายโจรกรรมรถยนต์และค้ายาเสพติดแก๊งนี้ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยมีกำนันรายหนึ่งในอำเภอพยุหะคีรี และตำรวจยศจ่า ในท้องที่จังหวัดชัยนาท เป็นตัวการใหญ่ ซึ่ง พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จิระศักดิ์ ในฐานะหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด แลกเปลี่ยนข้อมูลกับทาง ปปส.ภาค 6 เพื่อกำหนดเป้าหมายจัดการขั้นเด็ดขาดกับแก๊งดังกล่าวแล้ว.


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

โชเฟอร์สนง.เขตเมาซิ่งรถขยะชนต้นไม้-เสาไฟฟ้าล้มเพียบ








ถนนพัฒนาการอัมพาต โชเฟอร์สนง.เขตปทุมวัน ขับรถขนขยะชนระเนนระนาด ต้นไม้-เสาไฟฟ้าหักโค่น 7 ต้น อ้างโดนรถเก๋งปาดหน้า แต่ตำรวจไม่เชื่อจับเป่าปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 219 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
วันนี้ (29 มี.ค.) เวลา 03.40 น. ร.ต.อ.สมเกียรติ ศุภศร พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ประเวศ รับแจ้งอุบัติเหตุรถขยะพลิกคว่ำไปเฉี่ยวชนต้นไม้และเกี่ยวสายไฟฟ้าจนหักโค่นลงมาขวางถนนพัฒนาการฝั่งขาออก ช่วงซอยพัฒนาการ 59-61 แขวงและเขตประเวศ จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง
ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง บริเวณหน้าร้านเสริมสวย "ดีคัท" พบรถขยะสีเหลือง ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน 95-0177 กทม.อยู่ในสภาพพลิกหงายท้องอยู่กลางถนนจนเศษขยะตกกระจัดกระจายเต็มพื้น ประกอบกับมีท่อน้ำประปาแตกจึงทำให้น้ำไหลเจิ่งนองไปทั่วผสมกับเศษขยะจนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบพบว่า มีเสาไฟฟ้าขนาดสูง 12 เมตร หักโค่นลงมา 5 ต้น เสาไฟฟ้าขนาดความสูง 10 เมตรหัก 1 ต้น และต้นไม้ริมถนนหักอีก 4 ต้น กีดขวางการจราจรทุกช่องทาง ทำให้ไฟฟ้าบริเวณดังกล่าวดับเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้สายไฟฟ้ายังไปเกี่ยวเข้ากับป้ายโฆษณากับกันสาดของร้านค้าริมถนนหล่นลงมาเสียหายเป็นจำนวนมาก
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ประเวศ ต้องปิดการจราจรบนถนนพัฒนาการฝั่งขาออกตั้งแต่ช่วงซอย 55 จนถึงซอย 61 หรือแยกเมืองทอง และเปิดถนนพัฒนาการฝั่งขาเข้า 1 ช่องทาง เพื่อให้รถที่จะใช้เส้นทางฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปถนนอ่อนนุชข้ามไปใช้เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร ก่อนประสานให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าตัดไฟ ก่อนนำอุปกรณ์เข้าไปถอดน็อตที่ล็อกสายไฟฟ้ากับเสาไฟฟ้าออกจากกัน จากนั้นจึงนำเสาไฟฟ้าที่ล้มกีดขวางการจราจรอยู่ออกไป แล้วตั้งเสาไฟฟ้ากับต่อสายไฟฟ้าใหม่ ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯแจ้งว่าน่าจะใช้ว่าประมาณ 1 วันจึงแล้วเสร็จ
จากการสอบสวนนายบุญลือ มณฑาสุข อายุ 41 ปี โชเฟอร์รถคันเกิดเหตุ ให้การอ้างว่า ตนเป็นลูกจ้างประจำสำนักงานเขตปทุมวัน ตำแหน่งพนักงานขับรถ โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถขยะออกมาจากสำนักงานเขตปทุมวันเพื่อจะขนขยะไปทิ้งที่โรงขยะอ่อนนุช เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง มีรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อสีและทะเบียนขับปาดหน้ากะทันหัน ทำให้ต้องหักหลบจนรถเสียหลักพุ่งไปชนต้นไม้ข้างทางจนหักโค่น และไปเกี่ยวสายไฟฟ้าจนทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นลงมาหลายต้น ส่วนรถขยะก็พลิกหงายท้องดังกล่าว โดยก่อนจะออกมาทำงานก็ไม่ได้ดื่มเหล้ามาแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายบุญลือ จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ประเวศ พร้อมทั้งนำตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ปรากฏว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงถึง 219 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนทรัพย์สินของทางราชการและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับขี่รถขณะมึนเมาสุรา ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th