วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

จับยา7แสนส่งชายแดนใต้ “เฉลิม”ชงกม.ประหารผู้ค้าใน30วัน





วันนี้ (18 มี.ค.) ที่ห้องต้อนรับ วีไอพี ท่าอากาศยานขอนแก่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.กวี สุภธีระ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 พล.ต.ต.พลศักดิ์ บรรจงศิริ ผบก.ภ.จว.สกลนคร นายพิสุทธิ์ ภู่เงิน ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภ.4 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ กก.สส.ภ.จว.สกลนคร ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหายาบ้า คือ นายเพชร เสน่หา อายุ 35 ปี และ นายยอดยิ่ง สุขะหา อายุ 29 ปี ทั้งสองคนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 381 มัด  762,000 เม็ด มูลค่า 76,200,000 บาท พร้อมรถยนต์กระบะอีซูซุ ดาร์ก้อน สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน บจ – 7188 สกลนคร  1 คัน  จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ตำรวจ สภ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ได้เบาะแสจากการสืบสวนขยายผลว่า จะมีขบวนการค้ายาบ้า ขนยาบ้าล็อตใหญ่จากชายแดน จ.นครพนม ไปยัง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยจะใช้เส้นทางผ่าน อ.วานรนิวาส จึงได้รายงานให้ บก.สส.ภ. 4 และ ผบก.จว.สกลนครทราบ จึงได้วางแผนจับกุม โดยได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ตั้งจุดตรวจ กระทั่งเวลาประมาณ 00.30 น. วันเดียวกันนี้ ตำรวจชุดจับกุมได้ออกสกัดตามเส้นทางบ้านดอนมุย – หนองม่วง หมู่ 5 ต.นาคำ  พบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวแล่นมาตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่จึงได้เรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น และจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางดังกล่าว สอบสวนทั้งสองรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากชายคนหนึ่งที่อยู่ จ.สกลนครในราคาคนละ 1 แสนบาท เพื่อไปส่งที่ อ.ตากใบ เจ้าหน้าที่จะขยายผลจับกุมอีกครั้ง
 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หลังจากมอบหมายให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เข้ามาช่วยในการปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือ ด้วยการขึงรั้วรวดหนามริมตามแม่น้ำแม่สาย จึงให้เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับยาบ้าได้ง่ายขึ้นในภาคเหนือ และครั้งละมากๆอีกด้วย คือ จับได้ 4 ล้านเม็ด , 2.5 ล้านเม็ด และ 2 แสนเม็ด กระทั่งผู้ค้ายาบ้าลักลอบเข้ามาในภาคอีสานในวันนี้  สามารถจับกุมยาบ้าได้ 762,000 เม็ด ถือว่าเป็นครั้งสำคัญในตำรวจภูธรภาค 4 และในภาคอีสานที่สกัดจับยาบ้าได้มากที่สุด

ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ตนคิดว่าต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามยาเสพติด ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดรายใหญ่ๆ เมื่อถูกศาลสั่งประหารชีวิตทั้งสองศาล จะต้องถูกประหารชีวิตภายใน 30 วัน และยึดทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาได้มาในการลักลอบค้ายาเสพติดอีกด้วย ดังจะเห็นได้ว่าการสืบสวนเรื่องยาเสพติดเจ้าหน้าที่ไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางแห่ง เภสัชกรบางโรงพยาบาล ที่ได้นำสารเสพติดเป็นต้นทางผลิตยาบ้าไปขายจนเป็นที่มาของการผลิตยาบ้า และตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ลักลอบค้ายาบ้าได้หมดไปจากในประเทศ

“ขอยืนยันกับสื่อมวลชน ว่า ยาเสพติดไม่ได้ระบาดจากภาคใต้ แต่มาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน และมาจากภาคตะวันออก เมื่อได้ยาเสพติดมาแล้วก็นำไปค้าขายในจังหวัดภาคใต้ จึงขอประกาศให้ผู้ลักลอบค้ายาเสพติดรับทราบไว้ ตำรวจกำลังมีมาตรการยึดทรัพย์ ถ้าสองศาลเห็นพ้องต้องกันให้ประหารชีวิตผู้ค้ายาเสพติด ตอนนี้ผมได้สั่งการให้ดำเนินการขั้นรุนแรงกับ ผอ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และเภสัชกรแห่งหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ที่นำสารเสพติดในการผลิตยาบ้าออกจากโรงพยาบาลแห่งนั้นไปขายให้กับผู้ลักลอบค้ายาเสพติด เพราะสารตั้งต้นจากโรงพยาบาล 1 เม็ด สามารถผลิตยาบ้าได้ 3 เม็ด ถือว่ายาเสพติดในช่วงปัจจุบันจึงอยู่ในขั้นร้ายแรงมากปราบเท่าไหร่ไม่มีวันหมด” รองนายกฯ กล่าว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น