วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

ปชช.หัวใจรักชาติ หวั่นรบ.สุมหัวปล้นชาติ รวมตัวสำรวจหลักเขต 73 นำข้อมูลเสนอศาลโลก

ศุนย์ข่าวศรีราชา - แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ และกลุ่มอีสานกู้ชาติ หวั่นพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัดตราด รัฐบาลจะเล่นเกมรอศาลโลกกดหัวสั่งเช่นเดียวกับเขาวิหาร ได้รวมตัวกันกว่าครึ่งพันเข้าสำรวจหลักเขตที่ 73 เพื่อนำข้อมูลที่ได้นำเสนอสู่ศาลโลกก่อนเสียเปรียบเขมรซ้ำซ้อน
       
      
       วันนี้(2 มี.ค.) สมาชิกกลุ่ม13 สยามไท นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกกลุ่มอีสานกู้ชาติ ที่นำโดยนายไชกร พลสุวรรณ รวมทั้งเครือข่ายประชาชนจังหวัดตราด กว่า 500 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อขอเดินทางเข้าไปยังบริเวณหลักเขตที่ 73 โดย น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 บ้านหาดเล็ก ได้นำทหารนาวิกโยธินกว่า 50 นาย เฝ้าสังเกตุการณ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา และ พ.ท.มูซา รองหัวหน้าฝ่ายประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดเกาะกง จนเกิดการผลักดันกันขึ้น และมีการร้องตะโกนถึงจุดประสงค์การเดินทางเข้ามายังจุดดังกล่าวว่า ประชาชนคนไทยต้องการเข้าไปในเขตแผ่นดินของไทย และทหารไม่มีสิทธิที่จะหวงห้าม ซึ่งในระหว่างนั้นได้เกิดการชุลมุนกันขึ้นเล็กน้อย
      
       อย่างไรก็ดีในที่สุดฝ่ายทหารไทย ได้ยินยอมให้กลุ่มคนไทยทั้งหมดที่เดินทางมายังบริเวณหลักเขตที่ 73 เข้ามายังพื้นที่ และให้ทหารกว่า 50 คน ปิดกั้นบริเวณร่องน้ำ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดินพ้นพื้นที่ข้ามไปในเขตของกัมพูชา ทำให้ประชาชนที่เดินทางมายัง บริเวณหลักเขต 73 ะตะโกนต่อว่าทหารในหลายเรื่อง ขณะที่ประชาชนชาวกัมพูชาและเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา ที่เข้าสังเกตุการณ์อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ได้แสดงความไม่พอใจ แต่ก็ไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้น
      
       ทั้งนี้หลังเข้าสำรวจบริเวณหลักเขตที่ 73 แล้ว นายไชกร พลสุวรรณ พร้อมด้วยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ประกาศต่อหน้าประชาชนและทหารของทั้งสองประเทศและทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบว่า การเดินทางมาที่หลักเขตที่ 73 ก็เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โดยเฉพาะพื้นที่น่านน้ำที่มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ โดยส่วนที่เป็นของไทยก็ต้องได้ประโยชน์มากที่สุด และส่วนที่เป็นของกัมพูชา ประเทศกัมพูชาก็ควรจะได้ประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน ส่วนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ควรจะมีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันอย่างเป็นธรรม แต่ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้ขีดเส้นเข้ามาในพื้นที่อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ว่าเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชา ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อเก็บข้อมูลนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องต่อศาลโลก
      
       “ทางกลุ่มไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและทางบกในตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งจะไม่แตกต่างจากพื้นที่ปราสาทเขาวิหาร ที่รัฐบาลกำลังรอให้ศาลโลกตัดสิน และผลของการตัดสินก็รู้อยู่แล้วว่าฝ่ายกัมพูชาจะได้เปรียบ และไทยก็จะสูญเสียพื้นที่ให้กับกัมพูชา รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนในประเทศไทยด้วย พวกเราทุกคนต้องการให้เกิดความรู้สึกรักชาติและหวงแหนในประเทศชาติ และมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองจังหวัด นายไชยวัฒน์ ” กล่าว
      
       ด้าน พ.ท.มูซา รองหัวหน้าประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิของประชาชนชาวไทยที่สามารถแสดงออกได้ แต่คำพูดบางประการอาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีบ้าง แต่ทางตนเข้าใจ
      
       ส่วนในระดับราชการทั้งสองฝ่ายมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันในระดับหนึ่งแล้ว และเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น แต่คงไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขยายวงกว้าง
      
       ล่าสุดเมื่อเวลา 17 .00 น. กลุ่มประชาชนทั้งหมดได้เดินทางออกจากพื้นที่จุดผ่านแดนบ้านหาดเล็กแล้ว และได้งมารวมตัวกันที่ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย บ้านเขาล้าน โดยในช่วงกลางคืนจะจัดกิจกรรมและปราศรัยให้ข้อมูลกับประชาชน และสมาชิกของกลุ่ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น