วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

แกะรอยรวบ “สวะสังคม” ฆ่าชิงทรัพย์โชกโชน-เน้น “ผู้หญิง” เหยื่อโอชะ!

แกะรอยรวบ “สวะสังคม” ฆ่าชิงทรัพย์โชกโชน-เน้น “ผู้หญิง” เหยื่อโอชะ!

ายเอกรัฐ หรือ ปุ้ย แก้วภักดี วัย 27 ปี ถูกตำรวจ กก.สส.บก.น.7 หรือสืบ 7 ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.พีรพล อัจกลับ ผกก.สส.บก.น.7 และ พ.ต.ต.อำนวย สว่างแก้ว สว.สส. บก.น.7 กับทีมสืบสวนจับกุมได้ ตามหมายศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ 470/2553 ลงวันที่ 18 มิ.ย. 2553 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น โดยจับกุมได้ภายในซอยหัวกระบือ ใกล้ครัวลุงแหวง เขตบางขุนเทียน กทม. ได้พร้อมของกลางสร้อยข้อมือไข่มุก 3 เส้น ต่างหูประดับพลอย 1 คู่ นาฬิกายี่ห้อคาสิโอ 1 เรือน เสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในการก่อเหตุ หมวกนิรภัย 1 ใบ อาวุธปืนยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ลขม 504 กทม.อีก 1 คัน หลังจากที่ผู้ต้องหารายนี้ก่อคดีอย่างอุกอาจติดต่อกันมาถึง 5 คดีซ้อน
     
         “ไอ้ปุ้ย”หรือ นายเอกรัฐ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 94 พระราม 2 ซอย 88 ถนนพระราม 2 แขวงเแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. หลังถูกจับกุม ยอมรับสารภาพว่าวันๆ ไม่ได้ทำงานอะไร จะช่วยแม่ขายของบ้างเป็นครั้งคราวที่ย่านแสมดำ ทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย เพราะต้องเลี้ยงภรรยาและลูกอีก 1 คน


     
       “ทุกครั้งก่อนที่ผมจะก่อเหตุ จะมีการวางแผนก่อนว่าจะไปจุดไหน และจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น เพราะก่อเหตุได้ง่ายกว่า แต่ที่ต้องใช้ปืนยิงจนเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ”ไอ้ปุ้ยสารภาพ
     
       “ไอ้ปุ้ย” สารภาพอีกว่า อาวุธปืนที่ได้มานั้น ขอเงินแม่ไปซื้อต่อจากเพื่อนในราคา 35,000 บาท มาไว้ก่อเหตุ และเงินที่ได้มาจากการจี้ชิงทรัพย์ ก็เอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ได้นำไปซื้อเสพยาเสพติด เพราะไม่ได้เสพยาแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยติดคุกในคดียาเสพติดมาถึง 2 ปี ในท้องที่ สน.แสมดำ เมื่อพ้นโทษออกมาก็ตระเวนก่อหตุชิงทรัพย์มาทั้งหมด 5 ครั้ง จนกระทั่งมาจนมุมตำรวจในครั้งนี้
     
        วีรกรรม-วีรเวรของ “ไอ้ปุ้ย” โจรห้าร้อยรายนี้ ก่อเหตุอันน่าสลดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2553 ที่ผ่านมา เหตุเกิดกลางวันแสกๆ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 215 หมู่บ้านมหาดไทย 2 ซอย 4 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนางผ่องใส คุ้มปรีดี อายุ 71 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีต ผจก.สถานธนานุบาล หน่วยบริการราชการส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่ขาขวาได้รับบาดเจ็บเลือดไหลโกรก โชคดีที่แพทย์โรงพยาบาลธนบุรี 2 สามารถช่วยชีวิตไว้ได้จนปลอดภัย
     
        เหตุการณ์ครั้งนั้น นางผ่องใสเล่าว่า ตัวเธอเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ทางราชการได้ให้ช่วยงานต่อ โดยก่อนเกิดเหตุ หลังขับรถออกจากประตูบ้านได้ลงจากรถเพื่อกลับไปปิดประตูบ้าน เตรียมออกไปทำงาน ระหว่างนั้นเองมีคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงเข้ามาประกบที่รถเธอ ซึ่งเธอจำได้ว่าคนขับขี่สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สวมเสื้อแจ็กเกตสีเทา จากนั้น คนที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น