วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เดินหน้าพัฒนาหุบกะพง - เกษตรทั่วไทย





การประชุมแนวทางการบริหารจัดการน้ำและการดำเนินงานด้านสหกรณ์โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง ของ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมชลประทาน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยมีนายโกวิทย์ เพ่งวาณิชย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เป็นประธานในการประชุม ณ ห้องประชุม 201 อาคารสำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการน้ำ และแนวทางการดำเนินงานด้านสหกรณ์ของโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง

นายโกวิทย์ เพ่งวาณิชย์ รองเลขาธิการสำนักงาน กปร. เปิดเผยภายหลังจากการประชุมว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบองคมนตรี เพื่อมอบหมายหน้าที่ดูแล แก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง ซึ่งประสบปัญหาด้านแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ การประชุมในครั้งนี้ก็เพื่อติดตามความคืบหน้า

“การหารือในวันนี้มีอยู่ 2 เรื่อง ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากพื้นที่โครงการเป็นพื้นที่แห้งแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินที่มีอยู่ อีกส่วนหนึ่งคือการซ่อมแซมระบบ และสถานีสูบน้ำเดิม ให้สามารถใช้การได้ ส่วนปัญหาระบบการบริหารจัดการ จะให้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับราษฎรในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ ประเด็นที่สอง การดำเนินงานของสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์หุบกะพงเป็นโครงการตามพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากพิจารณาภาพรวม เรื่องระบบบัญชี หรือเรื่องอื่น ๆ นั้นยังถือว่ามีกำไรอยู่ แต่สหกรณ์ยังไม่สามารถบริการได้อย่างทั่วถึง จึงควรมีการบริหารจัดการที่ครบวงจร ขยายสมาชิกในพื้นที่ให้มากขึ้น ทุกครอบครัวในโครงการควรเป็นสมาชิกสหกรณ์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มกันซื้อ รวมกลุ่มกันขาย จะทำให้เป็นประโยชน์แก่ราษฎรในพื้นที่อย่างเต็มที่  โดยสำนักงาน กปร. จะเข้าไปสนับสนุนเพิ่มเติมในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานบางส่วน และส่งเสริมการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพของสมาชิกสหกรณ์  อาทิการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย การส่งเสริมด้านปศุสัตว์ และการส่งเสริมอุตสาหกรรมในครัวเรือนเป็นต้น” รองเลขาธิการ กปร. กล่าว

สำหรับโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพงนั้น ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาใหญ่ และตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการตามพระประสงค์ที่เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อจัดหาที่ดินและที่ทำการปฏิรูปที่ดิน พัฒนาที่ดินที่ว่างเปล่า แล้วจัดสรรให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินในการเพาะปลูกเป็นของตนเองเข้าทำการประกอบอาชีพการเกษตรแผนใหม่ แต่มิได้ให้กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินแต่อย่างใด รวมทั้งจัดตั้งศูนย์สาธิตและทดลองการเกษตร เพื่อศึกษาหาข้อมูลในด้านการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเกษตรในพื้นที่แห้งแล้ง ตลอดจนเป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน จัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตร โดยใช้หลักและวิธีการสหกรณ์ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของสมาชิก ตั้งแต่การเริ่มผลิตจนถึงการจำหน่ายสู่ท้องตลาด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้การศึกษา การส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ ให้แก่เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปอีกด้วย

ทางด้านนายสุเทพ  น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ว่า เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา พื้นที่จังหวัดเพชรบุรีมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างน้อย ดังนั้นน้ำที่ส่งด้วยระบบแรงโน้มถ่วงของโลกจึงขาดแคลนไปด้วย ต้องอาศัยการสูบน้ำด้วยกระแสไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และสถานีสูบน้ำด้วยกระแสไฟฟ้าขาดการดูแล และมีการใช้งานมาร่วม 40 ปีจึงมีความชำรุด

“กรมชลประทานจะเข้าไปดูแลในเรื่องน้ำอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริเป็นไปตามเป้าหมาย ขั้นต้นจะทำการซ่อมแซมสถานีสูบน้ำด้วยกระแสไฟฟ้าให้แล้วเสร็จเร็วภายในปีงบประมาณ 2555 นี้ โดยจะใช้งบประมาณจากสำนักงาน กปร. ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งใช้งบประมาณปกติของกรมชลประทานเอง” รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น