วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“ซูจี” จี้ “เหลิม” ดูแลแรงงานพม่า ขู่ไม่ใส่ใจจะขนกลับประเทศ





เดอะเลดี้ “ออง ซาน ซูจี” จี้ “เหลิม” ดูแลแรงงานพม่า ขู่หากไม่ใส่ใจจะขนกลับประเทศ แถมเหน็บปมผู้ลี้ภัย ด้าน “เหลิม” โอ่เร่งขึ้นทะเบียนแรงงานหม่อง 1.2 ล้าน ลั่นขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันเทียบเท่าแรงงานไทย
วันที่ 31 พ.ค. เวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางออง ซาน ซู จี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาร์ เข้าพบและหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมการจัดหางาน และบุตรชายทั้ง 3 คนของ ร.ต.อ.เฉลิม ร่วมในวงหารือด้วย โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมรับฟังด้วย



การหารือใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง โดย ร.ต.อ.เฉลิม ได้ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับแรงงานพม่าในไทย ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2 ล้านคน แบ่งเป็นแรงงานที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 8 แสนคน ที่เหลืออีก 1.2  ล้านคนยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทำเอ็มโอยูกับรัฐบาลพม่าเพื่อให้เร่งพิสูจน์สัญชาติให้ถูกต้องตามขั้นตอน โดยแรงงานที่ขึ้นทะเบียนแล้วจะได้รับสิทธิรักษาพยาบาลตามนโยบายประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเช่นเดียวกับแรงงานไทย  การดูแลบุตรหลานแรงงานพม่าให้ได้รับสิทธิเข้าศึกษาในโรงเรียน นอกจากนี้ก่อนที่ตนจะเดินทางมาหารือ ทางนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำให้ตนมาแจ้งว่ารัฐบาลยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสิทธิมนุษยชนด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้แรงงานพม่าได้รับการดูแลเหมือนญาติพี่น้อง


ด้านนางซูจี ยังได้สอบถามถึงการแก้ปัญหาแรงงานพม่าที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีก 1.2 ล้านคน พร้อมขอให้รัฐบาลไทย ช่วยดูแลและกวดขันผู้ประกอบการให้ดูแลเรื่องสวัสดิการ และการรักษาพยาบาลให้ดี เพราะจากที่ตนได้ไปพูดคุยกับแรงงานชาวพม่าในประเทศไทย ได้รับการร้องเรียนว่า ผู้ประกอบการไม่ดูแลเอาใจใส่ และยังยึดพาสปอร์ตไว้ เพื่อไม่ให้มีการย้ายหรือลาออกจากงาน และเวลาที่เกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ผู้ประกอบการจะไม่ชดเชยและชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิมได้ชี้แจงว่า อย่าไปสนใจ ในอดีตเคยมีเรื่องนี้ แต่พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้เรามีคณะกรรมการและนโยบายที่ชัดเจนทำให้ปัญหาต่าง ๆ ลดน้อยลง อีกทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ ๆซึ่งเป็นเพื่อนตน ก็ดำเนินการตามกติกาที่กำหนด และวันนี้หากไม่มีแรงงานชาวพม่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะแรงงานไทยไม่ทำอาชีพเหล่านี้

นางอองซานซูจี กล่าวทีเล่นทีจริงว่า ถ้าสถานการณ์ในประเทศพม่าดีขึ้นจะนำแรงงานพม่ากลับทั้งหมด “ดังนั้นรัฐบาลไทยจะต้องทำให้เขามีความสุขในการอยู่ประเทศไทยให้ได้ มิเช่นนั้นดิฉันจะแย่งคืนกลับไป” นางอองซานกล่าวเชิงหยอกล้อ พร้อมบอกว่า การที่รัฐบาลไทยดูแลแรงงานชาวพม่าเป็นอย่างดี จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้น และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งความเข้าใจและวัฒนธรรมได้มาก ต้องขอบคุณทุกความดีและการดูแลผู้อพยพและผู้หนีภัยสงครามชาวพม่าของคนไทย และรัฐบาลไทย เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศเล็ก ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเดนมาร์ก แต่ดูแลผู้ลี้ภัยชาวพม่าเป็นอย่างดี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการหารือ ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้กล่าวชื่นชมนางซูจี ในฐานะเป็นนักประชาธิปไตย โดยระบุว่า “ถ้ามาลงเลือกตั้งในประเทศไทย ผมคงหนักใจ เพราะเป็นป๊อบปูล่า (ได้รับความนิยม) มาก และเป็นที่ยอมรับ ถือโอกาสอวยพรให้ชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในพม่าในปี 2559" ขณะที่นางซูจี ได้กล่าวขอบคุณ พร้อมหยอกกลับว่า จิตใจของสุภาพบุรุษมีความคิดอย่างไรไม่รู้ แต่ถ้ามาลง คิดว่าตนได้ใจจากสุภาพสตรีไทยแน่นอน และยังได้แซว ร.ต.อ.เฉลิม ที่พาลูกชายทั้ง 3 คนมาร่วมหารือด้วย “แต่ทำไมไม่พาภรรยามา มิฉะนั้นดิฉันจะขอทำหน้าที่แทนนะ” ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้แต่หัวเราะชอบใจ จากนั้นร.ต.อ.เฉลิม ได้พาบุตรชายทั้ง 3 คนมาถ่ายรูปคู่กับนางอองซานซูจีอย่างเป็นกันเองก่อนมอบของที่ระลึกให้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น