วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

“สุกำพล”เผยไทย-เขมรคุยปัญหาชายแดนฉลุย


วันนี้ (5 เม.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกัมพูชา (เจดับเบิ้ลยูจี) เพื่อหาแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการพูดคุยกันเป็นบวก โดยมีเรื่องสำคัญ 2 ประเด็นคือ ไทยกัมพูชาเห็นพ้องทำงานด้วยกัน และจะร่วมกันเก็บกู้กับระเบิดที่อยู่ในพื้นที่ 17.3 ตร. กม.บริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหารทั้งหมด ทั้งนี้คณะทำงานเจดับเบิ้ลยูจีไม่ใช่หน่วยงานตัดสินใจ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา (เจบีซี) โดยที่เจดับเบิ้ลยูจีเป็นส่วนหนึ่งของเจบีซีเท่านั้น ขณะนี้ไทยกัมพูชายคุยกันรู้เรื่องมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง โดยขณะนี้ยังไม่มีการปรับกำลังทหารในพื้นที่ ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนกำลังเป็นไปตามวงรอบเท่าน้น โดยยืนยันว่ายังไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่
เมื่อถามว่าจะดำเนินการกับประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.อย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรายังไม่พูดถึงตรงนั้น แต่คงเป็นเรื่องต่อไปที่ต้องคุยกัน เรื่องนี้ต้องระวังเพราะบ้านเมืองก็มีหลายกลุ่ม  จึงต้องค่อยๆคุยกัน เพราะบางทีจะเกิดผลหลายเรื่อง แต่ในส่วนของทหารจะพูดคุยกันบนพื้นฐานความเข้าใจ พื้นที่เขาพระวิหารมีนิดเดียว ซึ่งต่อไปเราก็จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และไทยเป็นประเทศที่โชคดีที่อยู่ตรงกลางของประเทศอาเซียน การรวมตัวกันของอาเซียนถือเป็นโชคดีของประเทศไทย ปัญหาที่พูดกันเป็นเรื่องเล็กน้อย ลิ้นกับฟันต้องกระทบกันบ้าง                
ผู้สื่อข่าววรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมดุสิตธานี ได้มีการประชุมเจดับเบิ้ลยูจี ครั้งทื่ 1 โดยพล.อ.วรพงษ์ สง่าแนตร เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นประธานฝ่ายไทย ส่วนพล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหมกัมพูชา เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา ใช้เวลาประชุมเกือบ 10 ชั่วโมง โดยที่ประชุมมีมติว่า 1.ทั้งสองฝ่ายจะแต่งตั้งเลขานุการของตัวเอง เพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานของคณะทำงานร่วม โดยจะสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล และวิทยุสื่อสาร 2.ที่ประชุมเห็นชอบมอบหมายให้ศูนย์การเก็บกู้ทุ่นระเบิดของทั้งไทยและกัมพูชา เก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในพื้นที่ที่กำหนด
โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะดำเนินการบริเวณจุดที่กำหนดคือ เอ บี ซี ดี ของพื้นที่เขตปลอดทหหารชั่วคราว 3.การประชุมเป็นไปด้วยบรรยากาศเป็นมิตรมีความเข้าใจที่ดีต่อกันสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านที่ดี สนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อความมั่งคั่งของประชาชนสองประเทศ และเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานความเท่าเทียม และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ตามเจตนารมณ์ของอาเซียน เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งต่อไป ทั้งนี้การประชุมครั้งต่อไปจะมีการประสานวันเวลา สถานที่อีกครั้ง โดยทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในการประชุม สำหรับผลการประชุมครั้งที่ 1 ฝ่ายไทยจะรายงานให้จีบีซีดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายภายในของฝ่ายไทยต่อไป โดยการประชุมครั้งที่ 1 ไม่มีการลงนามแต่อย่างใด แต่ใช้รูปแบบการบันทึกการหารือแทน  

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น