เจ้าของร้านต้มยำกุ้งในมาเลเซียออกแถลงการณ์ ขอความเป็นธรรมกรณีภาพถ่ายนั่งเจรจาเลขาธิการ ศอ.บต ในมาเลเซีย ยันไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ครวญธุรกิจหดจากการข่าวเท็จ
วันนี้ (21เม.ย.) ที่ห้องประชุมน่านเจ้า โรงแรมบีพีแกรนด์ ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายซัมซูดิง วาซูกาเตาะ หรือซัมซูดิง ดิงฮูเซ็ง นายอภิชาติ เหล็มโส และ นายอับดุล กามา เจ้าของร้านต้มยำกุ้ง ในย่านกำปงบารู เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ร่วมแถลงสื่อมวลชนกรณีกระแสข่าวว่านายซัมซูดิง ดิงฮูเซ็ง เป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีภาพถ่ายนั่งเจรจากับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ว่า พวกตนประกอบอาชีพแบบสุจริต ขอยืนยันและชี้แจงว่าไม่ได้สนับสนุนขบวนการก่อความไม่สงบ จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ คำว่า”ต้มยำกุ้ง”ในประเทศมาเลเซีย คืออาหารไทยฮาลาล พวกตนเป็นผู้บุกเบิก เจ้าของร้านส่วนใหญ่เป็นคนไทยจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจ.สงขลาประมาณ 20% ที่ใช้โลโก้ต้มยำกุ้ง เพราะง่ายต่อการจดจำของชาวมาเลเซีย การที่ พ.ต.อ.ทวี พร้อมธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เดินทางมาพบผู้ประกอบการเพื่อคุยเรื่องเงินกู้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเท่านั้น
นายซัมซูดิง กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้ถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น เนื่องจากการข่าวของเจ้าหน้าที่ของรัฐออกข่าวในลักษณะว่าพวกตนเป็นผู้สนับสนุนขบวนการ อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเหตุการณ์ความรุนแรงส่วนใหญ่ เกิดในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้พวกตนถูกมองว่าสนับสนุนหรือมีส่วนร่วม ตนคิดว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ดูเลวร้ายแล้ว ยังไม่เท่ากับสื่อที่ออกข่าวเท็จ ทำให้คนที่เปิดร้านต้มยำกุ้งต้องตกเป็นจำเลยและเกิดความหวาดกลัวที่จะกลับบ้านในประเทศไทย กลัวถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และกลัวว่าเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีอยู่ 2 – 3 แสนคนจะถูกชักจูงไปเป็นพวกของกลุ่มก่อความไม่สงบ นอกจากนี้ยังทำให้ร้านอาหารต้มยำกุ้งของพวกตนได้รับผลกระทบ มีกรุ๊ปทัวร์ช่วงสงกรานต์ที่จองโต๊ะไว้วันละ 200-300 คน ยกเลิกการจอง ลูกค้าลดลงถึง 70%ต่อวัน ทั้งนี้อยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เจรจากับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย เพื่อทำความเข้าใจเรื่องเวิร์คเปอร์มิส หรือใบอนุญาติทำงานในประเทศมาเลเซีย หากทำสำเร็จจะขอบคุณมากเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอีกทางหนึ่ง.
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น