วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

โปรดเกล้าฯพระบรมโอรสาธิราชฯเก็บพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ


เมื่อเวลา 08.14 น. วันที่ 10 เม.ย.2555 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามบรมราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการพระราชพิธีเก็บพระอัฐิ อัญเชิญพระอัฐและพระสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จากพระเมรุเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, พระเจ้าวงวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารี, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงร่วมในพระราชพิธีดังกล่าวด้วย
ภายหลังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม แล้วเสด็จขึ้นพระเมรุ โดยมี 8 ตำรวจหลวง นายทหารราชองครักษ์เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ยุทธ์นำเสด็จฯ นายทหารราชองครักษ์ตามเสด็จฯ ไปยังพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานเปิดคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิแล้ว พระราชทานน้ำพระสุคนธ์สรงพระอัฐิ เจ้าพนักงานถวายปิดคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระอัฐิบูชาพระสงฆ์ แล้วทรงทอดผ้าไตรสามหาบบนผ้าตาดที่ปิดคลุมพระอัฐิ สมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะ 6 รูป ประกอบด้วย สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร, สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร, สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม, พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร, พระธรรมปริยัติเวที วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม และพระธรรมโกศาจารย์ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร สดับปกรณ์ ขึ้นนั่งพระจิตกาธานครั้งละ 1 รูป จนครบ 6 รูป เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดคลุมพระอัฐิ ทรงเก็บพระอัฐิสรงพระสุคนธ์ในขันทองคำ แล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระโกศพระอัฐิลงจากพระเมรุไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนิน และเสด็จตาม แล้วประทับพระราชอาสน์ที่หน้าอาสนสงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระโกศพระอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ส่วนพระสรีรางคาร เจ้าพนักงานจะได้ประมวลลงในผอบโลหะปิดทอง พักไว้ในพระเมรุ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามบรมราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ ทรงประเคนโตกภัตตาหารสามหาบแด่สมเด็จพระราชาคระ พระราชาคณะ 6 รูปที่ได้สดับปกรณ์พระอัฐิแล้วนั้น พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงถวายเครื่องสังเค็ดงานพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี รวม 36 พระอาราม พระสงฆ์ถวายพระอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์อีก 30 รูปขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์ สวดมาติกาจบ ทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา อัญเชิญพระโกศพระอัฐิจากบุษบกแว่นฟ้าไปประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน และอัญเชิญพระผอบพระสรีรางคารจากพระเมรุประดิษฐานในพระวอสีวิกากาญจน์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการอัญเชิญพระอัฐิและพระสรีรางคาร กลับสู่พระบรมมหาราชวัง
ริ้วขบวนพระอิสริยยศที่ 4 ตั้งขบวนพระอิสริยยศ 4 สาย มีเจ้าพนักงานนำริ้ว ธง 3 ชาย นายทหารบก นายทหารเรือ นายทหารอากาศ ตำรวจหลวงถือหอก มหาดเล็กหลวงเป็นคู่แห่ ข้าราชการพลเรือนชั้นผู้ใหญ่ ทหารนายพลราชองครักษ์เคียงพระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระโกศพระอัฐิ และอินทร์ พรหม ที่พระวอสีวิกากาญจน์ทรงผอบพระสรีรางคาร มีข้าราชการในพระองค์และอินทร์ พรหม เคียงข้างพร้อมด้วยเครื่องสูงอภิรุมชุมสายหักทองขวางพระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก เจ้าพนักงานภูษามาลาประกอบพระโกศพระอัฐิ พระประยูรญาติเชิญเครื่องพระอิสริยยศตามราชประเพณี 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์จามพระโกศพระอัฐิ โดยมีนายทหารราชองครักษ์เชิญธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายในนำเสด็จ นายทหารราชองครักษ์ กรมวังผู้ใหญ่ ข้าราชบริพารในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร เชิญเครื่องราชอิสริยยศ ข้าหลวง และทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แซงเสด็จ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าหลวง มหาดเล็ก ข้าราชบริพารในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และข้าราชการในพระองค์ เข้าพระบรมมหาราชวัง
เวลา 09.35 น. ยาตราขบวนพระอิสริยยศเชิญพระอัฐิและพระสรีรางคาร ด้วยการเดินปกติตามจังหวะกลอง ออกทางประตูราชวัติพระเมรุด้านเหนือ ทหารกองเกียรติยศพระอัฐิถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย ขบวนพระอิสริยยศ เลี้ยวขวาถนนตัดกลางท้องสนามหลวง ออกถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ถนนจักรีจรัณย์ ขบวนพระวอสีวิกากาญจน์ คู่เคียง อินทร์ พรหม พระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก แยกออกไปเลี้ยวถนนหน้าศาลาสหทัยสมาคม เทียบพระวอสีวิกากาญจน์ที่เกยประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานเชิญพระผอบพระสรีรางคารขึ้นพระราชยานไปประดิษฐานพักไว้ในพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม รวมระยะทางประมาณ 1,074 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ขบวนพระอิสริยยศพระอัฐิ ตรงเข้าไปประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาถนนอมรวิถีเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายทหารราชองครักษ์ เชิญธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายในนำส่งเสด็จฯ ที่ประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออกรอรับพระอัฐิที่พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์
ภายหลังเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทเรียบร้อยแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิจากพระที่นั่งราเชนทรยานเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามบรมราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตลอดจนพระบรมวงศษนุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินและเสด็จตาม เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ณ มุขตะวันตกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสร็จแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับเวลา 10.08 น.
อนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระบรมราชานุญาตให้นำพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ส่วนหนึ่งบรรจุลงพระโกศทองคำลงยาองค์เล็ก นำไปไว้เคียงคู่กับพระโกศพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดา และพระโกศอัฐิพระนางเจ้าสุวัทนา พระ วรราชเทวี พระมารดา ณ วังรื่นฤดี        
ในส่วนของเครื่องสังเค็ด หรือ “ของที่ระลึก” ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ครั้งนี้เป็นเครื่องบูชาวิปัสสนาและพวงแก้วน้ำ ประกอบด้วยพุ่มเพชร 2 พุ่ม เชิงธูปเชิงเทียน บริเวณหน้าถาดประดับอักษรพระนามย่อ(พร.) ส่วนพวงแก้วน้ำมีประดับอักษรพระนามย่อ(พร.)ตรงบริเวณแก้ว โดยมีวัดที่ได้รับพระราชทานเครื่องสังเค็ด รวม 36 วัดอาราม ประกอบด้วย วัดที่ได้รับพระกฐินหลวง ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, วัดราชาธิวาส, วัดมกุฎกษัตริยาราม, วัดเทพศิรินทราวาส, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม, วัดราชโอรสาราม, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดอรุณราชวราราม, วัดนิเวศธรรมประวัติ จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม, วัดสุวรรณดาราราม จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
วัดที่เกี่ยวเนื่องกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย วัดมฤคทายวัน จ.เพชรบุรี, วัดเสน่หา จ.นครปฐม (วัดประจำพระราชวังสนามจันทร์), วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ วัดที่เกี่ยวเนื่องกับสกุลฝ่ายพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประกอบด้วย วัดประยุรวงศาวาส (ที่บรรจุอัฐิคุณเล็ก บุนนาค),  วัดแก้วพิจิตร จ.ปราจีนบุรี (ที่บรรจุอัฐิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) )
วัดสำคัญในเขตภูมิภาคที่เคยเสด็จไปทรงบำเพ็ญพระกุศลและเป็นอารามสำคัญของภูมิภาค ประกอบด้วย วัดพระธาตุดอยตุง จ.เชียงราย, วัดพระบรมธาตุดอยสุดเทพ จ.เชียงใหม่, วัดพระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน, วัดพระธาตุลำปางหลวง(ประจำปีพระนักษัตร) จ.ลำปาง,  วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม, วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี, วัดพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี, วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช , วัดคูหาภิมุข จ.ยะลา, วัดพระพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี
ส่วนวัดที่ทรงอุปการะหรือที่เคยทรงบำเพ็ญพระกุศลเป็นประจำ ประกอบด้วย วัดโมลีโลกยาราม, วัดราชายตนบรรพต จ.ประจวบคีรีขันธ์, วัดพญาวัด จ.น่าน และวัดสำคัญของคณะสงฆ์จีนนิกายและอนัมนิกาย(เจ้าคณะใหญ่) ประกอบด้วย วัดโพธิ์แมนคุณาราม(จีนนิกาย) และวัดกุศลสมาคร(อนัมนิกาย) 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม เจ้าหน้าที่บริหารงานในพระองค์ ผู้ดูแลการจัดเครื่องสดประดับพระจิตกาธาน เปิดเผยว่า หลังเสร็จสิ้นพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในเวลา 24.00 น.นั้น เจ้าพนักงานได้ถอดเครื่องสดออกจากพระจิตกาธานไว้เรียบร้อย โดยนำมาเก็บไว้ในพระบรมมหาราชวัง กระทั่งช่วงเช้าเวลา 07.00 น.ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมทหารเรือ นำเครื่องสดบางส่วน อาทิ พระนามย่อ “พร” ใต้พระมงกุฎ  รูปแกะสลักโคจากหัวเผือกสีขาว (ปีฉลู เป็นปีพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี) ดอกพุดตานและดอกพุทธชาดแกะสลัก ลงไปจำเริญน้ำ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ท่าราชวรดิษฐ์ เนื่องจากเครื่องสดที่ใช้ในการพระราชพิธี ไม่สามารถทิ้งลงยังที่ไม่เหมาะสมได้   สำหรับพิธีดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการทำเครื่องสดประกอบพระจิตกาธาน ในส่วนของเครื่องสดส่วนอื่นๆ  อาทิ ฉัตรดอกไม้สด 4 ชั้น, โครงสร้างของพระจิตกาธาน และพระโกศไม้จันทน์ จะนำไปเก็บยังโรงราชรถและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  ส่วนท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ที่แกะสลักจากไม้ทองหลาง แบกฐานพระโกศจันทน์ประดับพระจิตกาธาน ทางกองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง จะทำการส่งมอบให้พิพิธภัณฑ์พระราชวังสนามจันทร์ จ. นครปฐม ทำหน้าที่เก็บรักษาและดูแลไว้ ให้เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้เห็นถึงฝีมือของช่างไทย ตลอดจนความวิจิตรศิลป์ และเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น