วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ส่อวุ่นแฝดน้องวืดประกันแฉมีหมายจับเก่าติดตัว


จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี จับกุมนายอานนท์ หรือบอย อุ่นวงษ์ แฝดผู้น้องของนายอเนก หรือบี อุ่นวงษ์ ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายนายอมรเทพ เชื้อดี จนพิการ แทนแฝดผู้พี่ โดยศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุกนายอานนท์ จนนางบุญเกิด อุ่นวงษ์ มารดาเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน จนเป็นข่าวครึกโครมนั้น
วันนี้ (14 พ.ค.) นางบุญเกิด ได้เดินทางไปยังเรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมนายเกษม กัญฑมณี ทนายความ เพื่อเยี่ยม นายอานนท์ ลูกชาย และให้นายอานนท์ เซ็นหนังสือมอบอำนาจในการแต่งตั้งทนายความ เพื่อยื่นเรื่องการพิจารณาคดีการจับผิดตัวต่อศาลจังหวัดธัญบุรี นอกจากนี้ได้มีการยื่นเรื่องขอประกันตัวด้วย โดยนางบุญเกิด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หวังว่าลูกชายน่าจะมีโอกาสได้รับการประกันตัวออกมา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
ด้านนายเกษม กล่าวว่า ศาลได้ให้คำแนะนำว่าควรยื่นขอให้มีการปล่อยตัวไปพร้อมกับยื่นศาลฎีกา เพื่อให้เป็นไปในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตามเมื่อมีการยื่นเรื่องเข้ามาศาลก็จะรับไว้พิจารณา แต่ในขณะนี้ยังไม่ทราบว่าศาลจะพิจารณาปล่อยตัวหรือไม่ คงต้องอยู่ในดุลยพินิจของศาล แต่ในขั้นตอนต่อไปทางเราจะยื่นฎีกาภายใน 10 วัน
ต่อมาในช่วงเย็น เจ้าหน้าที่แจ้งว่าศาลจังหวัดธัญบุรี ยังไม่อนุมัติการปล่อยตัวนายอานนท์ เนื่องจากหลังมีการตรวจสอบแล้ว พบว่านายอานนท์มีหมายจับในคดีวิ่งราวทรัพย์ โดยเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2547 และนายอานนท์ ได้หนีศาลเมื่อปี 2549 จนศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2549 ทั้งนี้ ภายหลังทราบว่าไม่ได้ประกันตัวลูกชาย นางบุญเกิด กล่าวอีกว่า คงต้องเดินหน้าเพื่อขอยื่นประกันตัวนายอานนท์อีกครั้ง เนื่องจากการจับผิดตัวกับการที่นายอานนท์ มีคดีวิ่งราวทรัพย์ติดตัวนั้นเป็นคนละเรื่องกัน
สำหรับนายอานนท์ เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีวิ่งราวทรัพย์ เหตุเกิดในท้องที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2547 ตามหมายเลขคดีดำ 5175/2547 หมายเลขคดีแดง 2681/2549 จากนั้นได้มีการสู้คดีในชั้นศาล จนถึงปี 2549 โดยนายอานนท์ ได้หลบหนีในชั้นศาล ซึ่งศาลได้มีการระงับคดีชั่วคราวและมีการออกหมายจับวันที่ 31 พ.ค.2549 ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่นายอานนท์ ใช้ชื่อของนายอเนก ปิดบังตัวเองตลอดมา.         
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผช.ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณี จ.ปทุมธานี จับกุมนายอานนท์ อุ่นวงษ์ หรือ นายบอย แฝดผู้น้อง แทนนายเอนก หรือ บี อุ่นวงษ์ แฝดผู้พี่ มาดำเนินคดีแทน และศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินจำคุก จนกระทั่งต่อมา นางบุญเกิด อุ่นวงษ์ มารดาออกมาร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผิดตัว จนกระทั่งกลายเป็นข่าวโด่งดัง ว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สืบสวนข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่ ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การตรวจยึดรถ จยย. แต่นายอานนท์กลับแสดงบัตรประกันสังคมว่าเป็นนายอเนก และยอมรับว่าเป็นนายอเนกด้วย เมื่อตรวจสอบประวัติ พบว่า นายอเนกมีหมายจับในคดีอื่นอืก จึงดำเนินการจับกุม และพิมพ์ลายนิ้วมือ
 ทั้งนี้ในขั้นตอนการพิมพ์ลายนิ้วมือนั้น เป็นการพิสูจน์เพื่อตรวจสอบประวัติที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร ว่าคนที่ชื่อนายเอนกมีประวัติก่อคดีหรือถูกออกหมายจับในคดีอื่นอีกหรือไม่  แต่ไม่ได้เป็นการพิสูจน์ว่าเป็นนายอเนกตัวจริง ซึ่งตามกฎหมายแล้วแค่แสดงบัตรและการยอมรับก็เป็นการแสดงตัวบุคคลแล้ว และตลอดเวลาที่ควบคุมตัวในชั้นตำรวจ เข้าสู่กระบวนการฝากขัง และถูกคุมขังรวม 68 วัน นายอานนท์ก็ใช้ชื่อนายอเนกมาโดยตลอด ทั้งการเซ็นชื่อในเอกสารต่าง  ๆ
 พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวด้วยว่า การสืบสวนข้อเท็จจริงจึงแยกเป็น 2 ส่วนคือ ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนหรือไม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วก็ดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนการจับกุมนายอเนกตัวจริงมาดำเนินคดีนั้น ต้องบอกว่า กระบวนการนี้ตำรวจไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพ้นขั้นตอนของตำรวจไปแล้ว คือ จับกุมผู้ต้องหาและส่งฟ้องศาล และคดีอยู่ระหว่างศาลพิจารณาว่าซึ่งตัวมารดาเองก็เพิ่งมาเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาไม่ให้นายอเนก จึงขึ้นอยู่กับนางบุญเกิดจะยื่นศาลฎีกาต่อ หรือ ต่อสู้ตามพรบ. รื้อฟื้นคดีอาญา
 พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวอีกว่า มีความเป็นไปได้ที่นายอานนท์ จะถูกฟ้องกรณีที่ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน และยังอาจถูกแจ้งความผิดในข้อหาหมิ่นศาลอีกด้วย เนื่องจากนายอานนท์ ได้มีการกล่าวเท็จในศาล ส่วนนางบุญเกิด มารดาของนายอานนท์ ถูกเจ้าพนักงานตำรวจในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานั้น โดยส่วนตัวแล้วตนรู้สึกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่ต้องการจะปกป้องลูก  หลังจากนี้ตนก็จะเข้าไปสอบถามนางบุญเกิดว่ามีอะไรอยากให้ช่วยบ้างหรือไม่ ซึ่งตนก็อยากให้นางบุญเกิด นั้นพูดความจริง ทั้งนี้ จากการเข้าไปสอบปากคำนายอานนท์ในเรือนจำนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า นายอานนท์มีเจตนาอย่างไร จึงยอมรับว่าเป็นนายอเนก
 "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ต้องหามีฝาแฝด ซึ่งตำรวจเองก็เพิ่งทราบ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น  รวมถึงในขั้นตอนการจับกุม และให้การ ก็ไม่มีเหตุสงสัยว่าเป็นการจับกุมผิดคน เพราะนายอานนท์ รับว่าเป็นนายเอนก ดังนั้น การจับกุมผู้ต้องหาในคดีใดก็ตาม ควรตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า ผู้ต้องหามีฝาแฝดหรือไม่" พล.ต.ท.จรัมพร กล่าว.

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น