วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

ไฟไหม้โรงงานผลิตผ้าส่งออกนอกเสียหาย80ล้าน!!







เมื่อไปถึงพบว่า ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานอยู่สุดซอยตลาดลุงฉัตร เป็นโรงงานขนาดใหญ่ปลูกอยู่เต็มเนื้อที่ 50 ไร่ มีคนงานประมาณ 1,500 คน ภายในโรงงานมีทั้งอาคารการผลิตและโกดังเก็บวัตถุดิบ และโกดังที่เก็บผ้าที่ทำเสร็จแล้วรอนำรถบรรทุกมาใส่ส่งต่างประเทศอาคารด้านหลังโรงงาน ขนาดความกว้าง 60 เมตร x 60 เมตร สูง 4 ชั้น เป็นอาคารที่สำหรับเก็บผ้าใส่กล่องเรียบร้อยแล้วเตรียมส่งลูกค้า มีน้ำหนักรวมทั้งหมดประมาณ 130 ตัน  พบเพลิงกำลังไหม้ที่ชั้นล่างอย่างรุ่นแรง และกำลังลามขึ้นชั้น 2 และ ชั้น 3 ตามลำดับ  เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันฉีดน้ำอย่างทุลักทุเลแต่ก็ยังไม่สามรถสกัดเพลิงไว้ได้ ขณะเดียวกันพนักงานของโรงงานต่างพยายามช่วยกันขนกกล่องใส่ผ้าบางส่วนที่วางอยู่ด้านนอกนำไปเก็บวางไว้ในโกดังหน้าโรงงาน ส่วนโรงงานคริสตัล ที่ผลิต ผ้าขนหนูขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกันมีเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามเข้าไปภายในโรงงาน
สอบสวนหัวหน้าช่างของโรงงาน ให้การว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักและได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงที่ข้างห้องย้อมผ้าซึ่งอยู่ติดกับห้องเก็บผ้าที่เสร็จแล้ว สักพักได้เห็นควันไฟพวยพุ่งออกมาจึงได้ช่วยกันเอาน้ำมาฉีดจนเพลิงสงบ จึงพากันออกมา ต่อมาเวลาห่างกันประมาณ 15 นาที่ เห็นควันไฟพุ่งออกมาจากห้องเก็บผ้าจึงเรียกพนักงานให้มาช่วยกันดับไฟแต่ไม่สามรถดับได้เนื่องจากที่ห้องดังกล่าวมีผ้าที่ทำเสร็จแล้วเก็บไว้ในอาคารทั้ง 4 ชั้นจึงรีบโทรแจ้งรถดับเพลิงและตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
 
ด้านพนักงานผู้หนึ่งเล่าให้ฟังว่า  ช่วงเกิดเหตุมีพนักงานที่มาทำโอทีอยู่ในโรงงาน เพื่อที่จะเร่งผลิตผ้าส่งต่างประเทศให้ทันเวลา และสำหรับอาคารที่เพลิงไหม้นั้นเป็นอาคารเก็บผ้าที่แพ๊คเสร็จเรียบร้อยแล้วและเตรียมจะส่งไปประเทศอเมริกา และยุโรป ในวันจันทร์ที่  2 เม.ย.นี้ รวมมูลค่าประมาณ 40-50 ล้านบาท

สำหรับเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ระบุว่า สาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากอะไร  แต่พบว่ามีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อ นายนพพล สุ่นปุ่ย อายุ 31 ปี มีบาดแผลถูกกระจกบาดที่เส้นเอ็นข้อมือซ้ายขาด สาเหตุเพราะขึ้นไปดับเพลิงบนชั้น 2 ของอาคาร และใช้มือทุบกระจกห้องเก็บผ้า ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.กรุงเทพพระประแดง แล้ว   ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 80 ล้านบาท ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป


แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น