วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

ภสัชโวยยึดยาน้ำแก้หวัดเกินไม่มีเอี่ยวผิดกฎหมาย


จากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ พบซองยาแก้หวัดชนิดต่างๆจำนวนมากถูกทิ้งไว้ในป่าไมยราบ ริมถนนสายซุปเปอร์เชียงใหม่-สันกำแพง บ้านน้อย หมู่ 11 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่โดยในพื้นที่ดังกล่าวพบถุงขยะขนาดใหญ่ถูกทิ้งเกลือนกราดตามพงป่าไมยราบนับรวมได้ 39 ถุงข้างในพบซองยาแก้หวัดชนิดต่างๆเช่น ซูลีดีน นาซิเฟด ฟาเฟด ซินูเฟด แอนติเฟด โพลิเฟด นาโซลีน มิลาเฟด และโคเฟด และยังมียี่ห้ออื่นๆอีกหลายชนิดรวมกว่า 10 ล้านเม็ดและก่อนหน้านั้นก็พบซองยาแก้หวัดและตัวยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารที่ใช้ผลิตยาเสพติด ที่ต.บ้านกลาง อ.สันกำแพงกว่า 1 ล้านเม็ด ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (31 มี.ค.) พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่าสำหรับกรณีที่พบซองยาแก้หวัดที่เป็นส่วนผสมของยาเสพติดที่อ.สันกำแพง สองครั้งในส่วนครั้งแรกเราก็ทำการสืบสวนสอบสวนจนครบขบวนการและส่งมอบสำนวนให้กับทางดีเอสไอไปแเล้วมีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 2 คน ส่วนคดีที่สองตอนนี้กำลังรอทางองค์การอาหารและยาตรวจสอบเพราะว่าชองยาเหล่านี้จะมีโค๊ตล็อตที่ผลิตว่าผลิตจากบริษัทไหน ส่งขายให้ใคร และเราจะได้สืบสวนต่อว่าเมื่อรับจากบริษัทยาไปแล้วส่งไปให้ใครอีกแล้วทำไมซองยาเหล่านี้จึงมารวมกันอยู่ที่อ.สันกำแพงจำนวนมหาศาล จากครั้งแรกและครั้งที่สองที่พบซองยาจำนวนมหาศาลนั้นเชื่อว่าน่าจะเชื่อมโยงกันเพราะบริเวณที่ทิ้งก็เป็นที่ใกล้กันการแกะเม็ด การฉีกทำลายซากซองยาก็รูปแบบเดียวกันคนนำมาเพื่อแกะเป็นเม็ดยาอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกันก็เป็นได้
จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านและมีแหล่งผลิตหรือโรงงานค้ายาเสพติดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามตะเข็บชายแดน ทางออกไปก็มีมากมายหลายเส้นทาง กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเห็นว่าจังหวัดเชียงใหม่ใกล้กับโรงงานเหล่านี้จึงนำเม็ดยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดีน มารวบรวมและแกะเป็นเม็ดก่อนจะนำส่งต่อไปให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เพราะง่ายต่อการขนส่งและอยู่ใกล้ ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านสกัดเข็ม 24 ชั่วโมงเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดที่ผลิตจากโรงงานเหล่านี้ทะลักเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย แต่ตัวหัวเชื้อยาเหล่านี้กลับถูกส่งออกจากประเทศเราจำนวนมาก จากนี้ทางตำรวจเราก็จะมีการตั้งด่านทั้งขาเข้าและขาออกไม่ให้หัวเชื้อยาเหล่านี้ถูกส่งออกไปในประเทศเพื่อนบ้านอีก
ด้าน พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่ากรณีคดีที่ตรวจพบซองยาแก้หวัดกว่าล้านเม็ดที่อ.สันกำแพง ครั้งแรกเราก็มีการโอนคดีไปดีเอสไอแล้ว คดีดังกล่าวได้มีการออกหมายจับนายอุดร กลางขุนทด และนายสมชัย รักยอดยิ่ง และขายผลประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นำข้อมูลบ้านเช่า กองขยะที่ตรวจสอบพบ ยาดังกล่าวมี 28 ชนิดยา มีการแจ้งข้อมูลไปยังสำนักงานอาหารและยาจังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์และโรงพยาบาลศูนย์อุดร จังหวัดอุดรธานี ซึ่งตรวจสอบพบมีความผิดปกติของการเบิกจ่ายยาจากเภสัชกรสองแห่ง ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนที่เราจะดำเนินการต่อไปคือการตามจับผู้ต้องหาทั้งสองที่หลบหนีไปและกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้พรบ.ยึดทรัพย์กับทั้งสองเพราะเชื่อแน่ว่าเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด ส่วนครั้งที่สองที่อ.สันกำแพง ตอนนี้เราก็มีการสอบสวนพยานแวดล้อมที่พบเห็นการขนมาทิ้ง รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่เราพบในที่เกิดเหตุว่าจะเชื่อมโยงถึงใครบ้าง และจะได้มีการออกหมายจับตามมา
ส่วน ดร.ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าสำหรับความคืบหน้าในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ก็มีการตรวจสอบโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งครบหมดแล้วก็พบมีปัญหาแค่ 2 โรงพยาบาลคือโรงพยาบาลดอยหล่อที่เภสัชกรของโรงพยาบาลใช้ชื่อโรงพยาบาลสั่งยาเข้ามาแต่ไม่นำเข้าระบบของโรงพยาบาลจำนวนกว่า 6 หมื่นเม็ดแต่กลับเอาไปใช้ส่วนตัว ส่วนที่โรงพยาบาลฮอด พบยาหายไปกว่า 2-5 หมื่นเม็ด ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษทั้งสองรายส่วนโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่เราก็กำลังตรวจสอบอย่างละเยอดทั้งหมดว่ามีเรื่องการสั่งยาเข้ามาและยาหายหรือไม่ต้องใช้เวลาการตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ ว่าที่ร้อยตรีเมธี พลอาจ เภสัชกรโรงพยาบาลนครพิงค์ ประธานชมรมเภสัชกรจังหวัดเชียงใหม่ และ เป็นเจ้าของร้านขายยา "อ้อมเมืองเภสัช" ได้เปิดแถลงข่าวเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบโกดังเก็บของและพบยาน้ำซูลิดีนกว่า 6,000 ขวดที่โกดังของร้านนั้น เรื่องดังกล่าว เป็นความเช้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยยาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบนี้ ตนเองได้สั่งมาช่วงเดือนต.ค. 2554 ที่ผ่านมา มีการสั่งมาทั้งหมด 10 ลัง แต่เมื่อมีการนำมาส่งกลับพบว่ามีจำนวนเกินกว่าสั่ง ทั้งนี้อาจจะเป็นความผิดพลาดในด้านการสื่อสาร ประกอบกับช่วงนั้นเกิดมหาอุทธกภัยน้ำท่วมทั้งที่เชียงใหม่และภาคกลางทำให้การส่งคืนเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเก็บรักษาไว้ในโกดัง
ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 2554 มีการประกาศให้ยาแก้ไอ ยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ห้ามจำหน่าย ตนจึงได้มีการเก็บยาทั้งหมดออกจากร้านขายยาและมาไว้ที่โกดังแห่งนี้ แล้วไม่ได้มีการจำหน่ายเลย ยาทุกอย่างอยู่ในกล่องและไม่มีการนำออกมาใช้ สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งตนได้ประสานไปยังบริษัทยาให้มารับยาคืน แต่ทางบริษัทยาแจ้งว่า ช่วงน้ำท่วมยังไม่สามารถไปรับได้ อีกทั้งยายังเป็นยาน้ำ ยังไม่มีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขออกมาแค่ออกประกาศเรื่องยาเม็ดเท่านั้น อยากให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมต่อตนและร้านของตนด้วย เพราะข่าวที่ออกมาทำลายชื่อเสียงของร้านและตนเป็นอย่างมาก

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น